โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: Boyzite1011 ที่ เมษายน 03, 2018, 08:56:01 pm

หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: Boyzite1011 ที่ เมษายน 03, 2018, 08:56:01 pm
(https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (http://www.disthai.com/16865685/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81-epilepsy) (Epilepsy)
โรคลมชัก (http://www.disthai.com/16865685/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81-epilepsy)เป็นยังไง โรคลมชัก หรือ โรคลมบ้าหมู มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ:  คือ ยึด ถือครอง หรือ ทำให้ป่วยหนัก โดยเป็นกรุ๊ปโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากจนเกินความจำเป็นของเซลล์ประสาท โดยเหตุนี้โรคลมชัก ก็คือโรคที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความผิดแปลกของระบบประสาทศูนย์กลางซึ่งปฏิบัติภารกิจสำหรับเพื่อการควบคุมรูปแบบการทำงานของร่างกาย จนกระทั่งส่งผลให้เกิดอาการชัก
                โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบมาก ในรายงานการศึกษาเล่าเรียนโดย World Health Organization (WHO) และก็ World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาด้านสุขภาพ พบว่าร้อยละ 72.5 ของประเทศกลุ่มนี้บอกว่าโรคลมชักมักพบเป็นชั้นสองรองจากโรคปวดศีรษะ เวลาที่โรคเส้นเลือดสมองเป็นอันดับสามเป็น ร้อยละ 62.7 ประมาณว่าทั้งโลกคงจะมีคนที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งน่าจะเท่ากับจำนวนหนึ่งในสี่ของปริมาณผู้ที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ รวมทั้งในทุกๆปี น่าจะมีผู้ที่ได้รับการวิเคราะห์ใหม่เป็นโรคลมชัก ราวๆ 3.5 ล้านคน ซึ่งจำนวนร้อยละ 40 จะเป็นคนป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี รวมทั้งกว่าจำนวนร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังปรับปรุง
                ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงคือตอนทารกแรกเกิดและก็เด็กเล็ก ต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรคลมชักในตอนวัยแรกเกิดชอบเป็นพยาธิสภาพที่เกิดในช่วงการคลอดได้แก่ผลการขาดออกซิเจน การต่อว่าดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนชราเป็นตอนที่มีโอกาสเกิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในปัจจุบันน่าจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยชราเพิ่มขึ้นในตอนที่ในตอนวัยทารกลดน้อยลงเนื่องจากความสามารถทางด้านการแพทย์ในการดูแลคนไข้ ปัญหาสุขภาพต่างจากเดิม การติดเชื้อที่ระบบประสาทที่อาจจะเป็นสาเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มน้อยลงจากการที่มีวัคซีนคุ้มครองป้องกันโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคเส้นเลือดสมองซึ่งมีเหตุมาจากปัญหาความประพฤติสำหรับในการทานอาหารไม่เหมาะสมมากขึ้น ฯลฯ สำหรับประเทศที่กำลังปรับปรุงความชุกและอุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็ก เนื่องมาจากปัญหาสุขลักษณะโรคติดเชื้อ ความสามารถสำหรับการรักษาคนป่วยยังจำกัด มีการคาดคะเนว่าคนประเทศไทยทั่วราชอาณาจักร เป็นโรคลมชักโดยประมาณ 450,000 คน และก็ประชาชนโดยธรรมดายังมีความสามารถต่อโรคลมชักไม่มาก
                ดังนี้ ผู้เจ็บป่วยโรคลมชัก ถ้าเกิดได้รับการดูแลและรักษาอย่างเป็นจริงเป็นจังตลอดมาตลอดตั้งแต่ทีแรกกำเนิดอาการ ผู้เจ็บป่วยจะสามารถดำรงชีวิตได้แก่คนปกติ เรียนหนังสือ ทำงาน เล่นกีฬา ออกสังคม รวมถึงสามารถสมรสได้ แต่ว่าถ้าละเลยไม่ได้รับการรักษาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ปลดปล่อยให้ชักอยู่เสมอๆก็อาจจะส่งผลให้โรคสมองเสื่อม บางรายอาจพิการหรือตายเนื่องจากว่าอุบัติเหตุที่บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างชัก อาทิเช่น จมน้ำ ขับรถชน ตกจากที่สูง ไฟเผา น้ำร้อนลวก เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคลมชัก
โรคลมชักโดยมากเกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบมูลเหตุแจ้งชัด (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) มั่นใจว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางอย่างสำหรับในการควบคุมไฟฟ้าในสมอง (โดยที่โครงสร้างของสมองเป็นปกติดี) ทำให้แนวทางการทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยไฟฟ้าอย่างเปลี่ยนไปจากปกติของเซลล์สมอง กระตุ้นให้เกิดอาการชัก และก็สลบชั่วประเดี๋ยว คนป่วยกลุ่มนี้มักจะมีลักษณะครั้งแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี และอาจมีเรื่องราวว่ามีบิดามารดาหรือญาติเป็นโรคนี้ด้วย  และก็มีส่วนน้อยที่สามารถหาต้นเหตุที่แจ่มชัดได้ (Symptomatic หรือ Secondary  Epilepsy)  อาจเกิดจากความแตกต่างจากปกติของโครงสร้างสมอง ดังเช่นว่า สมองทุพพลภาพแต่กำเนิด สมองได้รับกระทบระหว่างคลอด สมองทุพพลภาพคราวหลังการติดเชื้อ แผลในสมองข้างหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้มักพบในเด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 2 ปี) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวการณ์แคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษสุรา สิ่งเสพติด (อย่างเช่น การเสพยาขยันเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางชนิดที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบได้ทั่วไปในผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป)
ทั้งนี้ อาการในคนป่วยโรคลมชักบางทีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ แต่ก็มีในบางครั้งบางคราว หรือการใช้สารอะไรบางอย่างที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการชักได้ อาทิเช่น ความตึงเครียด การพักผ่อนไม่พอ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางจำพวกหรือกการใช้สิ่งเสพติด สภาวะมีเมนส์ของเพศหญิง นอกเหนือจากนั้นยังมีผู้ป่วยปริมาณหนึ่งแต่เป็นปริมาณน้อยซึ่งสามารถเกิดอาการชักได้ถ้าหากเห็นแสงแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดจากต้นเหตุนี้เรียกว่า โรคลมชักที่ผู้ป่วยไวต่อแสงกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy)
ลักษณะของผู้ป่วยลมชัก โรคลมชัก แตกต่างจากการชักจากโรคอื่นๆคือ อาการชักจากโรคลมชัก ต้องมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งดังนี้ ในความเป็นจริงแล้ว โรคลมชักเอง มีลักษณะอาการชักได้ 3 แบบอย่าง เป็นต้นว่า
1.อาการชักที่ส่งผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดขึ้นกับสมองทั้งยัง 2 ส่วน แบ่งออกเป็น 2 จำพวกย่อยๆคือ
   อาการชักแบบใจลอย (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่โดดเด่นเป็นการใจลอย หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ อาทิเช่น การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักจำพวกนี้อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเสียการรับรู้ในระยะสั้นๆได้
   อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่นำไปสู่อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยชอบเกิดขึ้นกับกล้ามรอบๆข้างหลัง แขนรวมทั้งขา จนกระทั่งทำให้ผู้เจ็บป่วยล้มลงได้
             อาการชักแบบกล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อย (Atonic Seizures) อาการชักที่นำมาซึ่งการทำให้กล้ามเนื้ออ่อนเพลียลง ผู้ป่วยที่มีลักษณะชักจำพวกนี้จะไม่สามารถควบคุมกล้ามขณะเกิดอาการได้ กระทั่งทำให้ผู้ป่วยล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างเฉียบพลัน
   อาการชักแบบชัก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามที่เปลี่ยนไปจากปกติ โดยอาจก่อให้เกิดการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณคอ ใบหน้า รวมทั้งแขน
             อาการชักแบบชักและก็เกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อภายในร่างกายทุกส่วน ทำให้มีการเกิดอาการกล้ามเกร็งและกระตุก มีผลทำให้คนเจ็บล้มลง และก็หมดสติ บางรายบางทีอาจร้องไห้ในขณะชักด้วย และก็ภายหลังอาการทุเลาลง ผู้ป่วยบางทีอาจรู้สึกอ่อนแรงเพราะเหตุว่าอาการชัก
   อาการชักแบบชักตกใจ (Myoclonic Seizures) อาการชักประเภทนี้มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยจะเกิดอาการชักกระตุกของแขนและขาคล้ายกับการโดนไฟฟ้าช็อต ส่วนใหญ่มักจะกำเนิดหลังจากตื่นนอน บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน
2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักจำพวกนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงแต่นิดหน่อย กระตุ้นให้เกิดอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
    อาการชักแบบรู้ตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักชนิดนี้ ในขณะที่เกิดอาการ คนป่วยจะยังคงมีสติครบบริบรูณ์ โดยผู้เจ็บป่วยอาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆด้านในท้อง บ้างก็บางทีอาจรู้สึกราวกับมีลักษณะเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกประหนึ่งว่าเคยพบเจอหรือเกิดเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่มาก่อน ถึงแม้ว่าไม่เคย บางทีอาจเกิดความรู้สึกร่าเริงหรือกลัวทันทีทันใด แล้วก็ได้กลิ่นหรือรับทราบรสชาติแปลกไป รู้สึกชาที่แขนและขา หรือมีลักษณะอาการชักกระตุกที่แขนรวมทั้งมือ เป็นต้น ดังนี้ อาการชักดังกล่าวมาแล้วข้างต้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักชนิดอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เจ็บป่วยและคนที่อยู่รอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน
    อาการชักโดยไม่ทันรู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่คนเจ็บอาจไม่รู้ตัวและไม่สามารถจดจำได้ว่าเกิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะเวลาที่เกิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักจำพวกนี้ไม่สามารถเดาได้โดยอาจมีอาการเช่น ขยับริมฝีปาก เช็ดมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปบริเวณจับเสื้อผ้า เล่นกับสิ่งของในมือ อยู่ในอาการแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนอะไรบางอย่าง นอกนั้น ในระหว่างที่เกิดอาการ ผู้เจ็บป่วยจะไม่สามารถที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายได้เลย
3.อาการชักต่อเนื่อง (Status Epilepticus) อาการชักประเภทนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักสม่ำเสมอที่ผู้ป่วยไม่สามารถคืนสติในขณะที่ชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลและรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ดังนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกประเภทเป็น การที่คนไข้มีลักษณะอาการผิดปกติทางระบบประสาทดังกล่าวข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แต่ว่าอาการเหล่านั้นจะกำเนิดซ้ำๆแล้วก็อาการไม่ดีเหมือนปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายกัน
ก่อนจะชัก บางคนอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ดังเช่น อารมณ์เสีย เครียด ไม่มีชีวิตชีวา เวียนศีรษะ กล้ามกระตุก เป็นต้น และก่อนจะหมดสติเพียงไม่กี่วินาที ผู้ป่วยอาจมีอาการเตือน ได้แก่ ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีลักษณะอาการชาตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระตุๆก ฯลฯ ถ้าเกิดไม่ได้รับประทานยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบเสิบสานซ้ำได้ปีละหลายครา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น (ดูหัวข้อ “การดูแลและรักษาตัวเอง”) คนป่วยจะไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะอาการดังกล่าวข้างต้นค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ของโรคลมชัก ถ้าเกิดเคยได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะจำได้ตลอดไป
ส่วนอาการชักซึ่งมีเหตุที่เกิดจากโรคลมชัก มีปัจจัยเกิดจากการที่กลุ่มของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในปริมาณสูงอย่างผิดปกติ แล้วก็สอดคล้องต้องกัน ผลลัพธ์กระตุ้นให้เกิดคลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยธรรมดาภายหลังเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร่งเร้า ดำเนินการหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะทนทานต่อการสร้างศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาหนึ่ง ต้นสายปลายเหตุส่วนใดส่วนหนึ่งอาจได้ผลของลักษณะการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยับยั้ง ความเคลื่อนไหวไฟฟ้าภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร่งเร้า แล้วก็ผลพวงของอะดีโนซีน
การกระทำตนเมื่อป่วยด้วยโรคลมชัก

(https://www.img.in.th/images/9b8e52d8864ef3178326057d31f11f3c.md.jpg)
การปกป้องตนเองจากโรคลมชัก ถึงแม้ว่าการเกิดโรคลมชักในหลายสาเหตุนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายต้นสายปลายเหตุรวมทั้งจะไม่สามารถที่จะคุ้มครองได้ แต่ความบากบั่นที่จะลดการเจ็บบริเวณหัว การดูแลเด็กแรกคลอดที่ดีในระยะเวลาข้างหลังคลอด บางทีอาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีสาเหตุ)ได้ และก็เมื่อมีลักษณะชักเกิดขึ้นแล้ว ควรจะหาทางคุ้มครองปกป้องไม่ให้อาการไม่ดีขึ้นขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์ชี้แนะ และก็ผู้เจ็บป่วยจำเป็นต้องหลบหลีกสาเหตุที่กระตุ้นให้อาการไม่ดีขึ้น
ดังนี้ตอนนี้ยังไม่มียาที่ใช้คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคลมชักได้ประสิทธิภาพที่ดี 100% แล้วก็หมอไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองปกป้องการชัก หมอจะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีลักษณะชักเกิด ขึ้นแล้ว เพื่อคุ้มครองปกป้อง/ลดช่องทางเกิดการชักซ้ำ
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคลมชัก เดี๋ยวนี้ยังไม่ได้รับกล่าวว่าสมุนไพรชนิดไหนซึ่งสามารถป้องกัน/รักษาโรคลมชักได้แต่มีการนำสมุนไพรของไทยไปทำการศึกษาเรียนรู้และก็ทดสอบในสัตว์ทดลองและได้ผลเป็นที่ถูกใจแม้กระนั้นยังมิได้มีการนำไปทดสอบในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรพวกนี้ ตัวอย่างเช่น

เอกสารอ้างอิง