โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: ManUThai2017 ที่ มีนาคม 19, 2018, 06:30:05 pm

หัวข้อ: โรคกล้ามเนื้ออ่อนเเรง - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: ManUThai2017 ที่ มีนาคม 19, 2018, 06:30:05 pm
(https://www.img.in.th/images/05efba05531fbf840d0c6aa859e6f51a.jpg)
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง MG (Myasthenia gravis)



ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดโรคกล้ามอ่อนเปลี้ยเพลียแรงนั้น มักเป็นผลมาจากปัญหาการแพ้ภูเขาไม่ตนเอง (Autoimmune Disorder) โดยมีรายละเอียดต้นเหตุของอาการกล้ามเนื้อเมื่อยล้า ดังนี้  สารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ (Antibodies) แล้วก็การส่งสัญญาณประสาท ธรรมดาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตแอนติบอดี้ออกมาเพื่อทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งเจือปนที่เข้ามาในร่างกาย แต่ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อย แอนติบอดี้จะไปทำลายหรือขัดขวางลักษณะการทำงานของสารสื่อประสาทแอสิติลโคลีน (Acetylcholine) โดยถูกส่งไปที่ตัวรับ (Receptor) ซึ่งอยู่ที่ปลายระบบประสาทบนกล้ามแต่ละมัด ทำให้กล้ามไม่สามารถที่จะหดตัวได้  ดังนี้ อวัยวะที่หมอมั่นใจว่าเป็นตัวนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการผลิตสารภูมิคุ้มกันผิดปกติตัวนี้เป็นต่อมไทมัส (Thymus gland) ต่อมไทมัส เป็นต่อมที่มีบทบาทเกี่ยวเนื่องกับการผลิตภูมิคุ้มกันต้นทานโรคของร่างกาย (Immune system) คือต่อมที่อยู่ในช่องอกตอนบน ต่อมอยู่ใต้กระดูกอก (Sternum) โดยวางอยู่บนข้างหน้าของหัวใจโดยต่อมไทมัสจะผลิตสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ไปกีดกั้นแนวทางการทำงานของสารสื่อประสาทแอสิติเตียนลโคลีน (Acetylcholine) จึงนำมาซึ่งอาการกล้ามเหน็ดเหนื่อยดังที่กล่าวถึงแล้ว ซึ่งธรรมดาแล้วเด็กจะมีต่อมไทมัสขนาดใหญ่รวมทั้งจะเบาๆเล็กลงเรื่อยๆเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าคนป่วยกล้ามเนื้ออ่อนเพลียจะมีขนาดของต่อมไทมัสที่ใหญ่ผิดปกติ หรือคนเจ็บบางรายมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรงที่มีเหตุมาจากเนื้องอกของต่อมไทมัส ซึ่งเจอราวร้อยละ 10 ในคนเจ็บแก่



ยิ่งกว่านั้น อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย โดยจะขึ้นกับว่า โรคกำเนิดกับกล้ามเนื้อส่วนไหนของร่างกาย ทั้งนี้ ราว 85% ของคนไข้จะมีลักษณะกล้ามอ่อนแรงในทุกผูกของกล้ามเนื้อลายส่วนอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคกล้ามเหน็ดเหนื่อย (MG)เป็นอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยยกกลีบตาและก็กล้ามเนื้อตา ทำให้เกิดหนังตาตกรวมทั้งเห็นภาพซ้อน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่งหรืออีกทั้ง 2 ข้างก็ได้ รวมทั้งพบบ่อยอาการผิดปกติอื่นๆของกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆได้อีกดังเช่น
บริเวณใบหน้า ถ้าเกิดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการแสดงออกบนบริเวณใบหน้าได้รับผลพวง จะทำให้การแสดงออกทางสีหน้าถูกจำกัด ตัวอย่างเช่น ยิ้มได้น้อยลง หรือแปลงเป็นยิ้มแยกเขี้ยวเนื่องด้วยไม่อาจจะควบคุมกล้ามบนใบหน้าได้
การหายใจ คนป่วยกล้ามเมื่อยล้าจำนวนหนึ่งมีอาการหายใจลำบาก โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนอนราบอยู่บนเตียงหรือหลังจากการบริหารร่างกาย
การพูด การบดรวมทั้งการกลืน เป็นผลมาจากกล้ามเนื้อรอบปาก เพดานอ่อน หรือลิ้นเมื่อยล้า นำมาซึ่งอาการแตกต่างจากปกติ เป็นต้นว่า พูดเสียงเบาแหบ พูดเสียงขึ้นจมูก เคี้ยวมิได้ กลืนทุกข์ยากลำบาก ไอ สำลักของกิน บางครั้งอาจเป็นต้นเหตุไปสู่การตำหนิดเชื้อที่ปอด
ลำคอ แขนรวมทั้งขา บางทีอาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการอ่อนล้าของกล้ามส่วนอื่นๆมักเกิดขึ้นที่แขนมากยิ่งกว่าที่ขา ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย ดังเช่น เดินกระเตาะกระแตะ เดินตัวตรงได้ยาก กล้ามบริเวณคอเมื่อยล้า ทำให้ตั้งศีรษะหรือชูคอทุกข์ยากลำบาก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมต่างๆ



ยิ่งไปกว่านี้ มีกล่าวว่า พบโรคกล้ามอ่อนเพลีย (MG) เกิดร่วมกับโรคมะเร็งปอดจำพวกเซลล์ตัวเล็ก แล้วก็โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน ทั้งยังผู้เจ็บป่วยอาจพบความแปลกและโรคที่เกิดขึ้นจากภูมิต้านทานตนเองจำพวกอื่นๆร่วมด้วยได้ ดังเช่น โรคตาจากไทรอยด์ (Thyroidorbitopathy) โรคกล้ามอ่อนแรง (MG)จะสามารถดียิ่งขึ้นได้เองแล้วบางทีอาจกลับเป็นซ้ำได้อีกคล้ายกับโรคภูมิต้านทานตนเองจำพวกอื่นๆ

(https://www.img.in.th/images/e1926023a618782c9fd29640c93d8ee2.jpg)
การวินิจฉัย MG เป็นโรคที่มีลักษณะสำคัญเป็น fatigue และก็fluctuation ของกล้ามเนื้อบริเวณตาแขนขาและการพูดแล้วก็กลืนของกิน คนไข้จะมีอาการมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ใช้งานหน้าที่นั้นๆไประยะหนึ่ง และก็อาการร้ายแรงในช่วงเวลาที่ต่างกันโดยมีลักษณะอาการมากช่วงบ่ายๆบางครั้งคนไข้มาเจอหมอช่วงที่ไม่มีอาการ แพทย์ก็ตรวจไม่เจอความไม่ดีเหมือนปกติ ก็เลยไม่อาจจะให้การวินิจฉัยโรคได้ รวมทั้งอาจวินิจฉัยบกพร่องว่าเป็น anxiety แต่ว่าการให้การวินิจฉัยโรคMG ทำ ได้อย่างง่ายๆในคนเจ็บส่วนมากเนื่องจากว่ามีลักษณะจำ เพาะทางสถานพยาบาลที่ได้กล่าวมาแล้ว การตรวจเพิ่มอีกเพื่อได้การวินิจฉัยที่แน่ๆรวมทั้งในรายที่อาการไม่กระจ่างดังเช่น



เหน็ดเหนื่อยได้ดังเช่นว่าการมองขึ้นนาน1นาทีแล้วตรวจว่าคนไข้มีภาวการณ์หนังตาตก เพิ่มขึ้นหรือเปล่า โดยวัดความกว้างของ palpablefissure ที่ตาอีกทั้ง 2 ข้างการให้คนป่วยเดินขึ้นบันไดหรือลุก-นั่ง สลับกันเป็นระยะเวลาหนึ่งคนป่วยจะมีลักษณะเมื่อยล้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและก็อาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อพักชั่วประเดี๋ยวการให้ผู้เจ็บป่วยพูดหรืออ่านออกเสียงดังๆคนไข้จะมีลักษณะอาการเสียงแหบหรือหายไปเมื่อพักแล้ว



การดูแลรักษา วัตถุประสงค์สำหรับในการรักษาคนป่วย MG ของแพทย์เป็นการที่คนเจ็บหายจากอาการโดยไม่ต้องกินยาซึ่งมีกลไกสำหรับเพื่อการรักษา 2 ประการคือ เพิ่มวิธีการทำ งานของ neuromusculartransmissionลดผลของ autoimmunity ต่อโรค
การดูแลและรักษาจะแบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่มซึ่งมีแนวทางการดูแลและรักษาแตกต่างกัน



o  คนป่วยทุกคนจำเป็นต้องได้รับยา mestinon ขนาดเริ่ม 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหารแล้ววัดผลการตอบสนองว่าดีหรือเปล่า โดยการคาดการณ์ช่วงยาออกฤทธิ์สูงสุดชั่วโมงที่ 1 และ 2 หลังรับประทานยาและก็ประเมินช่วงก่อนกินยาเม็ดถัดไปเพื่อที่จะได้รับรู้ว่าขนาดของยาและความถี่ของการรับประทานยาเหมาะสมหรือเปล่าตามลำดับสิ่งที่ประเมินเป็นอาการของคนป่วย เช่น อาการลืมตาลำบาก อาการอ่อนล้า บอกแล้วเสียงแหบควรจะปรับขนาดยาและความถี่ทุก2-4สัปดาห์  ขนาดยาจำนวนมากประมาณ 6-8 เม็ดต่อวัน ปริมาณยาสูงสุดไม่ควรเกิน16 เม็ดต่อวัน
o  การผ่าตัด thymectomy ผู้เจ็บป่วยgeneralized MG ที่แก่น้อยกว่า 45ปีทุกรายควรชี้แนะ ให้ผ่าตัด thymectomy จำนวนร้อยละ 90 ของคนไข้ได้ผลลัพธ์ที่ดีประมาณร้อยละ 40 สามารถหยุดยา mestinon ข้างหลังผ่าตัดได้ปริมาณร้อยละ 50 ลดยา mestinon ลงได้เพียงแต่จำนวนร้อยละ 10 เท่านั้นที่ไม่ได้เรื่อง ตอนที่ผ่าตัดควรทำ ในทีแรกๆของการรักษา
o    การให้ยากดภูมิต้านทาน ที่ใช้หลายครั้ง เช่น prednisolone รวมทั้ง azathioprine (immuran)การให้ยาดังกล่าวข้างต้นมีข้อชี้ชัดในกรณี
   การผ่าตัด thymectomyแล้วไม่ได้เรื่อง ระยะเวลาที่ประเมินว่าการผ่าตัดไม่ได้ผลเป็นโดยประมาณ 1 ปี
  ผู้เจ็บป่วยที่ไม่ได้รับการผ่าตัดโดยใช้ร่วมกับยา mestinon
   คนป่วยทีมีภาวะการหายใจล้มเหลวจากการดำเนินโรคที่ร้ายแรง