แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - าร

หน้า: [1] 2
1
คนไหนกันแน่ทราบบ้าง สิ่งที่เพศหญิงอยากได้และควรจะมี
 เดือนมกราคม 5, 2018  kungtep
สิ่งที่ลูกผู้หญิงต้องการและต้องมี 5ข้อ
โดยธรรมชาติแล้วอาจจะไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะฐานะยากดีมีกระทั่ง ทุกคนอยากได้เหมือนกัน
1.เค้าหน้างาม จะมีผลให้เป็นที่พอใจของชาย ทำให้ได้พบได้เลือกเพศชายที่ดี ฐานะมั่นคงมาเป็นคู่แต่งงาน อันนี้เลือกไม่ได้
2.ผิวพรรณดี เนียนใสผุดผ่องนุ่ม อันนี้เลือกได้ โดยการสรรหาเครื่องประทินโฉม มาบำรุงจะได้มา โดยใช้ครีมบำรุง   ผิวหรือรับประทานสมุนไพรช่วยให้ผิวพรรณดีได้
3.ร่างกายแข็งไม่อ่อนแอ จำเป็นต้องคอยดูสุขภาพ หลีกหลี่ยงการนำพิษเข้าสู่ร่างกาย ตรีผลาดีท๊อกซ์พิษออกมาจาก     ร่างกายได้
4.มดลูกแข็งแรงระบบข้างในดี ไม่มีกลิ่น ไม่มีตกขาว สะอาด มีความต้องการทางเพศพร้อมสนองสามีได้ทุกครั้งที่เขา   อยาก ไม่จู้จี้ขี้บ่น อันนี้ผู้ชายถูกใจ ว่านชักมดลูกช่วยได้
5.นมใหญ่หรือทรวงอกใหญ่ ผิวพรรณเต่งตึงเป็นสาว2,000ปี อย่างงี้เพศชายชอบ [url=https://kungtep.com/]กวาวเครือขาว[/i][/b][/url]ช่วยได้
สรุปแล้วเพศหญิงอยากได้สิ่งพวกนี้เพื่อสนองผู้ชายคนที่พวกเรารัก อันเป็นธรรมชาติของคน สิ่งที่กว่ามาข้างต้นคนไหนกันแน่ที่ยังไม่มีในข้อไหนลองหาสมุนไพรมากินมอง สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง แข็งแรง มีชัยไปกว่าครึ่ง https://kungtep.com/

Tags : กวาวเครือขาว,ว่านชักมดลูก

2

ผู้ชาย แข็งแรง บึกบึน อึด ทน นาน
 มกราคม 10, 2018  kungtep
[url=https://kungtep.com/]ถั่งเช่า[/url][/url][/color] เพศชาย เป็นเพศที่มร่างกายใหญ่รวมทั้งแข็งแรงกว่าสตรี สิ่งที่เพศชายอยากได้มากมายคือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงใหญ่โต ดูมีพลังกำลัง บึกบึน สมความเป็นชาย จะเป็นที่พึงพอใจของผู้หญิงรวมทั้งถ้าเกิดยิ่งมีความแข็งแรง อึด ทน นาน เมื่อมีเพศสัมพันธ์ถั่งเช่าทิเบต จัดว่าสุดยอดความเป็นชาย อันนี้เป็นความปราถที่นาสูงสุดของผู้ชายและก็เป็นที่พึงพอใจของผู้หญิง
หากอยากได้ความอึด แข็ง ทน นาน คลิกดูเคล็ดลับที่ไม่ลับ

Tags : ถั่งเช่า

3
ต้องการเพิ่มกำหนัด จะต้องเอ็กเซอร์ไซส์ ผู้หญิงจะเฟิร์ม
 พ.ค. 2, 2016  kungtep
ร่างกายแข็งปั๋ง เพิ่มกำหนัดจำเป็นต้องเอ็กเซอร์ไซส์ หญิงจะเฟิร์ม ช่องคลอดฟิต ผู้ชายจะมีอารมณ์ทางเพศเพิ่ม แพทย์ออกปาก ออกกำลังกาย ควบคู่กับรับประทาน”ถั่งเช่า” ฟิตทุกสัดส่วน เพื่อสุขภาพปึ๋งปั๋งแข็งแรง จำเป็นต้องเริ่มปฏิบัติวันนี้
คลินิกสุขภาพชาย สาขาวิชาศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาหัวหน้า เสนอแนะชายไทยให้หาเวลาบริหารร่างกาย เล่นกีฬาหลังเลิกงาน แทนการดื่มเหล้า เพราะว่าตอนนี้ พบว่าเพศชายไทย เป็นโรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อมกันเยอะมาก ไม่เว้นแม้กระทั้งหนุ่มอายุยังน้อย ไม่ทันวัยทองน้องชายก็ไม่แข็งเสียแล้ว
พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ตามคำแนะนำทางการแพทย์ถั่งเช่า[/url][/color]ดีกว่า เล่นกีฬาและบริหารร่างกายไม่เสียเปล่า มีแต่ว่าได้กับได้ ออกกำลังกายมากแค่ไหนจึงจะดี ข้อนี้อาจถั่งเช่าต้องขึ้นกับสภาพร่างกายของแต่ละคน และหากว่าท่านเป็นไม่เคยบริหารร่างกายมาก่อน จะต้องเริ่มทีละน้อยๆอย่าหักโหมจะเป็นโทษ วันละ 20-30 นาทีก่อน อาทิตย์ละสองครั้งตอนเริ่ม อาจวิ่งเหยาะๆเดิน ขี่รถจักรยาน ได้หมด ถ้าชอบกีฬาประเภทใดก็เล่นให้เป็นประจำ เมื่อร่างกายเข้าที่เข้าทางก็ขยายเวลา เพิ่มครั้งต่อสัปดาห์ ทำเป็นทุกวี่ทุกวันยิ่งดี
ผมมีผลการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยมาให้ดู เพศชายและสตรีที่ออกกำลังกาย 4-5 วันต่อสัปดาห์  มีความต้องการทางเพศสูงขึ้นยิ่งกว่าไม่ได้ออกกำลังกายเลย สำหรับหญิงที่ออกกำลังกายบ่อย รูปร่างเฟิร์ม ช่องคลอดฟิต ดูเป็นคนเย้ายวน ถั่งเช่ากระตุ้นความรู้สึกทางเพศให้ปรปักษ์เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรู้สึกเชื่อมั่นในความฟิตของตนเอง ทำให้มีเซ็กส์ได้อย่างมั่นใจ จึงเป็นการเพิ่มอารมณ์ทางเพศได้เช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น การค้นคว้าวิจัยยังบอกอีกด้วยว่า ออกแรงหลายครั้งมากยิ่งกว่า จะยิ่งเพิ่มสิ่งที่มีความต้องการทางเพศสูงขึ้นไปอีก แล้วหากได้รับประทานถั่งเช่าทิเบตร่วมด้วยอีกอย่างหนึ่งล่ะ ท่านจะเป็นคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงเป็นอย่างมาก สมรรถภาพทางเพศไม่ต้องกล่าวถึงอีก เนื่องจากว่ายืนยันว่าถึงไหนถึงกัน รวมทั้งยิ่งได้ทำกิจกรรมทางเพศบ่อยขึ้น ร่างกายก็ยิ่งแข็งแรง ไม่แก่ง่ายๆท่านไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับอายุที่มากขึ้น ไม่ต้องกลัวขาดฮอร์โมน
ถั่งเช่า หรือที่ประชาชนรู้จักกันในชื่อหญ้าหนอนสีทอง เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย แล้วก็บำรุงสมรรถนะทางเพศ มีการเรียนรู้ทางการแพทย์พบว่า ถั่งเช่าประเภทนี้มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ สำหรับในการเสริมสร้างระบบการทำงานของร่างกาย ระบบฮอร์โมนเพศ การไหลเวียนของโลหิต ทำให้ของลับถั่งเช่าได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างพอเพียง ก็เลยแข็งดีในระหว่างมีเซ็กส์
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฤทธิ์สำหรับการควบคุมระบบประสาท ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายจากความเคร่งเครียด อยากรับประทานถั่งเช่า ซื้อหาไม่ยากมีกันทั่วไป แม้กระนั้นต้องเป็นถั่งเช่าทิเบตที่มีคุณภาพ แต่ถ้าหากอยากได้ชนิดราคาส่งและก็ได้มาตรฐานGMP มีทะเบียนยา ยืนยันโดยกระทรวงสาธารณสุข สะอาด ได้มาตรฐา ไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องโรงงานเชียงดาวเฮิร์บ

Tags : ถั่งเช่าทิเบต

4

หญิงชายความกำหนัดเสื่อม อารมณ์เพศต่ำลง รับประทานถั่งเช่า
 ก.ย. 30, 2016  kungtep
ถั่งเช่ายาจีน ปลุกอารมณ์สาวหมดเมนส์ ทำให้กลับมาร่วมเพศ เรียกความกำหนัดคืนกลับมา ถั่งเช่าทิเบตเป็นยาจีน ยาอายุวัฒนะ รับประทานเป็นประจำช่วยเสริมสร้างเซลล์ที่ตายไปคืนกลับมา
เร้าอารมณ์สาวหมดเมนส์ ทำอย่างไรก็เลยจะกลับมามีเพศสัมพันธ์ตามเดิม กระตุ้นฮอร์โมน จำเป็นต้องใช้สมุนไพร ถั่งเช่า กินได้อีกทั้งสตรีรวมทั้งเพศชาย
ถั่งเช่าเพิ่มความกำหนัด
เมื่อเอ๋ยถึงถั่งเช่า คนโดยมากก็มักจะเข้าใจว่า เป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย โดยเฉพาะผู้ที่อยากได้เพิ่มความสามารถทางเพศ ถั่งเช่าจะเป็นสมุนไพรที่เด่นมากมายในหัวข้อนี้
แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ถั่งเช่า เป็นสมุนไพรที่ช่วยในเรื่อง การบำรุงสมรรถนะทางเพศของเพศหญิงได้ด้วยเหมือนกัน ทราบดังนี้แล้ว ท่านคงอยากทราบว่ากล่าวจะใช้ได้จริงๆหรือ
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เจาะจงถึงรายงานการวิจัย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกฤทธิ์ของถั่งเช่าต่อการกระตุ้นความสามารถทางเพศ โดยการทำการศึกษาเล่าเรียนอีกทั้งเพศชายและหญิงที่มีลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบว่าเมื่อกินถั่งเช่าแล้ว มีความต้องการทางเพศสูงขึ้นถึง 66% แล้วก็สำหรับผู้หญิง เมื่อรับประทานถั่งเช่า สามารถเพิ่มสิ่งที่มีความต้องการทางเพศได้ถึง
ฮอร์โมนเพศที่ลดลง นอกจากเสื่อมสมรรถนะทางเพศแล้ว จะทำให้หญิงเราแก่ลงไปชัดเจน อย่าปล่อยให้ขาดฮอร์โมนเพศ ในเมื่อพวกเราทราบแล้วว่าถั่งเช่าทิเบตเพิ่มฮอร์โมนเพศได้ เพิ่มความอยากทางเพศให้มีเยอะขึ้น รีบหามากินเสียตั้งแต่วันนี้
การขาดฮอร์โมนเพศหญิง จะทำให้ช่องคลอดแห้ง ขาดน้ำหล่อลื่น หญิงที่ขาดฮอร์โมนก็เลยไม่ได้อยากมีเพศสัมพันธ์ หลังจากรับประทานถั่งเช่าทิเบต ต้นหญ้าหนอนสีทองคำเสมอๆ อารมณ์ทางเพศจะเริ่มคืนมา รวมทั้งจะเริ่มมีน้ำหล่อลื่นลดอาการช่องคลอดแห้ง เวลาร่วมเพศจะราบรื่นขึ้น
สำหรับสาววัยทอง การกินถั่งเช่า หญ้าหนอนสีทองคำ ยังพอๆกับได้รับการทดแทนฮอร์โมนเพศอีกด้วย ฉะนั้น ผู้หญิงที่กินสมุนไพรประเภทนี้ จึงดูเปล่งปลั่ง เปล่งปลั่ง เลือดลมดีเสมือนสาวแรกแย้ม
การรับประทานถั่งเช่า ต้องให้มั่นใจเพราะ ซื้อมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับรองจากกระทรวงสาธารณสุข อย่าเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อ ใบปลิว แผ่นพับที่แจกว่อนในเน็ทหรือสถานที่ต่างๆถ้าไม่มีการรับรองคุณภาพ ท่านบางทีอาจเจอถั่งเช่าสังเคราะห์ หรือของที่เป็นของปลอมได้
หากจะซื้อรับประทาน จำเป็นต้องพินิจพิเคราะห์อย่างรอบคอบ ถั่งเช่าทิเบตแคปซูล สินค้าสมุนไพรส่งออกของโรงงานแม่คำป้อยารักษาโรค เชื่อถือได้ เพราะว่าผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและก็ยืนยันมาตรฐานการผลิตภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข ผลิตใหม่สดเสมอ เป็นผลิตผลจากหญ้าหนอนสีทอง จากจีน-ประเทศทิเบต สามารถซื้อได้ในราคาขายส่งจากโรงงาน สั่งซื้อแบบแพคถุงราคาขายส่ง หรือบรรจุขวดราคาปลีก

Tags : ถั่งเช่า,ถั่งเช่าทิเบต

5

น้ำมันเหลือง น้ำมันไพล นวดแก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
 เมษายน 15, 2018  kungtep
น้ำมันเหลือง น้ำมันนวดสมุนไพร แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกล้ามเนื้อ หลาบจำขัดหยอกเย้าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว นวดด้วยน้ำมันไพล สรรพคุณช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นั่งทำงานเวลานานๆจะมีลักษณะอาการปวดหลัง ปวดเอว เมื่อยเนื้อตัว
น้ำมันเหลือง อีกโอกาสสำหรับคนที่ไม่ทานยาไม่ชอบกินยา ถ้ามีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดน่อง ปวดเข่า คอเคล็ด ลองใช้น้ำมันเหลือง ใช้กันมานานตั้งแต่โบราณ รู้จักกันในชื่อ”น้ำมันเหลือง” น้ำมันเหลืองจะมีส่วนผสมสำคัญๆคือไพล สรรพคุณของไพลเป็นทุเลาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี ผู้ใดรังเกียจรับประทานยาใช้น้ำมันลูกสมุนไพลเป็นอีกทางเลือก  ยาทาภายนอก นวดได้ทุกจุดที่มีอาการเมื่อย
ส่วนผสมน้ำมันเหลือง นวดคลายกล้าม มีส่วนผสมสมุนไพรหลายแบบน้ำมันเหลือง ยกตัวอย่างเช่น
น้ำมันไพล
น้ำมันระกำ
น้ำมันก้านพลู
น้ำมันที่สกัดจากมะพร้าวสกัดเย็น
การบูร
เกล็ดสาระแหน่
เหง้าไพลสด
อื่นๆ
คุณประโยชน์น้ำมันเหลือง ใช้ลดการอักเสบกล้ามเนื้อ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว โรคเหน็บชา ตะคริว แก้ฟกชำดำเขียว ข้อเข่าและข้อมืออักเสบ ช่วยบรรเทาเส้นเอ็นน้ำมันเหลือง

6
“ตรีผลา” ยาปรับธาตุปรับความสมดุลร่างกาย
 ม.ย. 26, 2018  kungtep
ตรีผลา” ใช้เป็นตำรับยาปรับธาตุในร่างกาย ปรับความสมดุล ทำให้ธาตุในร่างกายแข็งแรง รับประทานพร้อมกันกับยาชนิดอื่นๆจะก่อให้ยาตัวนั้นๆมีฤทธิ์แรงยิ่งขึ้นบ่อยครั้งที่พวกเราเจ็บป่วย จะคิดว่าได้ว่าร่างกายพวกเราปฏิบัติงานผันแปร รู้สึกอ่อนเปรี้ยเพลียแรงอย่างบอกผิด รู้สึกไม่ต้องการทำอะไรขึ้นมาเฉยๆเรี่ยวแรงหาย จิตใจหมดกำลังใจ โน่นชี้ว่าร่างกายของคุณขาดสภาวะสมดุลธาตุ

ร่างกายขาดภาวการณ์ความสมดุลหมายถึงธาตุในร่างกายร้อนเหลือเกินและก็เย็นเหลือเกิน
แม้ปล่อยให้การภาวการณ์ขาดสมดุลธาตุภายในร่างกายไว้เป็นระยะนานๆจะมีผลให้เกิดโรคร้ายต่างๆตามมาอีกเยอะแยะ พวกเราควรหันมาเอาใจใส่กับสุขภาพกันมากขึ้นกว่าเดิม โดยการปรับเปลี่ยนความประพฤติปฏิบัติการกินอาหาร หลีกเลี่ยงการกินของกินขยะหรือของกินที่ไม่เป็นประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ตรีผลา ยาบำรุงธาตุ
มหาพิกัดตรีผลา ยาปรับธาตุร่างกาย ช่วยปรับให้สภาพการณ์ร่างกายให้ธาตุสมดุล มีส่วนผสม สมอไทย สมอพิเภกและมะขามป้อม เป็นตำรับยาแผนไทยช่วยปรับธาตุภายในร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ ช่วยระบายแล้วก็ขับของเสีย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ทำให้ธาตุร่างกายแข็งแรง เป็นภูมิปัญญาของหมอประชาชน
ยาปรับธาตุตรีผลา นอกเหนือจากช่วยทำให้ธาตุปรับความสมดุลร่างกายแล้ว ยังช่วยในเรื่อง ลดหุ่น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้อาการมีกลิ่นปาก ลมหายใจมีกลิ่น แก้โรคหอบหืด แก้โรคเครียด แก้อาการนอนไม่หลับและต้านเชลล์โรคมะเร็ง เป็นต้น

ยาดีท็อคลำใส้ ตรีผลา
ประโยชน์-คุณประโยชน์ การรับประทานตรีผลา สมุนไพรปรับธาตุร่างกาย
หลังการกินตรีผลาผลลัพธ์ที่ได้คือ ทำให้ผิวพรรณมองผ่องใสขึ้น ริ้วรอยหมองคล้ำและรอยเหี่ยวย่นน้อยลง สุขภาพร่างกายแข็งแรง รูปร่างดียิ่งขึ้น แจ่มใสแจ่มใส มีเรี่ยวแรงกำลังเพิ่มขั้นและก็ยังลดการเกิดโรคได้
ยาบำรุงธาตุ”ตรีผลา” เป็นสารจากธรรมชาติสามารถทานได้โดยตลอด  ไม่มีอันตรายไร้ผลข้างเคียงใดๆแล้วก็สามารถทานควบคู่กับยาจำพวกอื่นได้ โดยจะมีฤทธิ์เสริมให้ตัวยาแรงขึ้น เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย เรียกได้ว่าเด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี ถือว่าเป็น ยาอายุวัฒนะ ทำให้มีอายุยืนยาว
แม้คุณกำลังเสาะหา “ตำรับยาตรีผลา ของแท้ 100% ”ขอเสนอแนะตรีผลา สูตรต้นตำรับยาดั่งเดิม โรงงานแม่คำป้อโอสถ เชียงดาว เฮิร์บ เพราะเราเป็นโรงงานผลิตสารสกัดสมุนไพร ประเภทแคปซูลโดยตรง ที่เลือกเฟ้นวัตถุดิบสำหรับเพื่อการผลิตอย่างยอดเยี่ยม มีคุณภาพ ไม่มีเชื้อราและก็สารเคมีแปดเปื้อน ผลิตใหม่ สด ทุกเดือน เพื่อให้ผู้ใช้นำไปใช้สำหรับในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ประสิทธิภาพที่ดีที่แจ่มชัดทุกแคปซูล รวมทั้งยังเป็นโรงงานผลิตเพื่อการส่งออก ทุกกรรมวิธีการผลิตได้มาตรฐานGMP ของกระทรวงสาธารณสุข มีทะเบียนยารวมทั้งเภสัชกรควบคุมการสร้างทุกขั้นตอน ข้อมูลเพิ่มเติม“มหาพิกัดตรีผลา” https://herbthai.cheapsalemaket.com/

7

สมุนไพรพญายอ
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาปล้องคำ (จังหวัดลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นปล้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้ากิ้งก้านไปปลูก เจริญวัยได้ดิบได้ดีในดินทุกชนิด ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบลำพัง ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 ซม. แล้วก็ยาวราวๆ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวราว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากด้านล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงโดยประมาณเดือนตุลาคมถึงม.ค. (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาข้อทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลแห้งรวมทั้งแตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดประมาณ 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวกเป็นเสมหะพังพอนเพศผู้ และเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงมากหลายๆตำราจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทอง” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วก็หนังสือเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
อีกทั้งต้นและก็ใบใช้กินเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (อีกทั้งต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้รอบคอบ ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนป่วยราว 30 นาที อาการไข้และอาการปวดหัวจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มกินครั้งละราว 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวโดยประมาณ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราว 10-15 ใบ ตำอย่างละเอียดผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป รวมทั้งลักษณะของการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับเมนส์ (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (อีกทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ เอามาตำอาหารสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเปียก ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดราวๆ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดนำมาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดนำมาตำอย่างละเอียดผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนเจริญ4 ส่วนอีกตำราเรียนระบุว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นจากการถูกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบโดยประมาณ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอแฉะ แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบเอามาโขลกผสมกับเกลือแล้วก็สุรา ใช้พอกบริเวณที่เป็น แปลงยาทุกเช้าและก็เย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดโดยประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นมัน ไม่อ่อนหรือแก่กระทั่งเหลือเกิน) แล้วเอามาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้ตระเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล นำมาปั่นอย่างระมัดระวัง เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ปริมาตรน้อยลงกึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับตำรายาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลนไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า รวมทั้งยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งกินแล้วก็ชโลมทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ อีกทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยเนื่องจากว่าเย็นชื้น (อีกทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยล้าบั้นเอว (ราก)
ขนาดและวิธีการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรคำนึงพญายอ
: แม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แม้กระนั้นในปัจจุบันแนวทางนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว ด้วยเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจจะเป็นผลให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากพบสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides อย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม
จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียจำนวนร้อยละ 5 ใน Cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่ว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม มีคุณภาพต่อต้านการอักเสบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่มีผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะซิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลและรักษาคนป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir รวมทั้งยาหลอก โดยให้คนป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้ป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบรวมทั้งระคายเคือง ในระหว่างที่ acyclovir จะทำให้แสบ นอกจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนเจ็บโรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบได้ดิบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสประเภทที่ส่งผลให้เกิดเริมแล้วก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายภายใน 7-10 วัน จะมีมากมายกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ แล้วก็ระดับความเจ็บปวดจะลดน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลกระทบอะไรก็แล้วแต่9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่จะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษใดๆ
จากการเรียนรู้พิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้หนูแรททุกๆวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในขณะที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงปรารถนาแต่อ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเสลดพังพอน (พญายอ)

8

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล), แก้มแพทย์เล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์เป็นชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบได้บ่อยทางภาคใต้ แล้วก็จำพวกที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบบ่อยทางภาคกลางรวมทั้งภาคทิศตะวันออก แล้วก็เป็นพรรณไม้ที่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งก็อาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้ในการรักษาโรคได้หลายแบบ ที่โดดเด่นมากก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้แทบทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย และการนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นทั้งสดและก็แห้ง ใบทั้งยังสดแล้วก็แห้ง ราก เมล็ด และก็ทั้งต้น (ส่วน 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เมล็ด)
ลักษณะของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเม็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มแล้วก็ในที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ชอบขึ้นตามชายน้ำหรือรอบๆริมฝั่งคลองรอบๆปากแม่น้ำ ได้แก่ บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งทิศตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ และก็ที่สถานที่เรียนนายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบแล้วก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. และก็ยาวประมาณ 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีอีกทั้งประเภทดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) และจำพวกดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ด้านในฝักมีเม็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคละเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะมีผลให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยทราบเหน็ดเหนื่อย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการซูบซีดเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกวี่วัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนตลอดตัว เจ็บระบบตลอดตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆจนกระทั่งหมด อาการก็จะ (ทั้งต้น)ช่วยยั้งมะเร็ง ต้านทานโรคมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นและข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว ตอนเช้า ช่วงกลางวัน เย็น อาการจะดีขึ้น (อีกทั้งต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้และก็ทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นและรากนำมาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าหากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างละเอียดเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นรวมทั้งพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและต้นนำมาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้รอบเดือนมาไม่ปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนแล้วก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง แม้ใช้ต้นมาต้มอาบแล้วก็ทำเป็นยากินต่อเนื่องกันราว 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ต้นนำมาตำมัวแต่น้ำดื่ม (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดแล้วก็ใบสดล้างสะอาดราว 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ไข้ทรพิษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภททั้งยังข้างในภายนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งยังสดและก็แห้งประมาณ 1 กำมือ เอามาบดให้รอบคอบ แล้วเอามาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือวิธีที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง โดยประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างระมัดระวัง ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างรอบคอบ สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ต้น)
ต้น ถ้าเกิดนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาหมดทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ในขณะนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาแพทย์ผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกเหนือจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้ในการเปลี่ยนสีผม จนกระทั่งแชมพูของสุนัข เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บสำนักงานโครงงานสงวนพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์ประเทศ (ช่ำชอง หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ หน่วยงานส่วนพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนช่วยเหลือการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมรักษา), หนังสือกายบริหารแกว่งไกวแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์สิน) http://www.disthai.com/

9

ราชพฤกษ์
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความพยายามหลายทีสำหรับการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้ชักชวนให้ประชากรพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญชวนให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์ชนิดต่างๆเยอะมาก ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนกระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีสาระแล้วก็รู้จักกันอย่างแพร่หลายฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวกับประเพณีไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุผลดังกล่าวตลอดเวลาก่อนหน้านี้สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นอิสระยก็เลยมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยเคยชินและประสบพบเห็นบ่อยมาก ดังเช่นว่า พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชมเชยให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการสนับสนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั้งประเทศปริมาณ 99,999 ต้น เดี๋ยวนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่เยอะแยะทั่วประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่กระจ่าง กระทั่งช่วงปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวมาแล้วกลับมาเสนออีกที และมีบทสรุปเสนอให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และก็สถาปัตยกรรม แล้วก็การพิเคราะห์ก่อนหน้านี้เสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติเป็นช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติด้วยเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่มีอายุยืน แข็งแรง ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างกันในแต่ละภาค ดังเช่นว่า ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการหลักๆเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งยังต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองแพรวพราวเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำประเทศ รวมถึงเป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยิ่งไปกว่านี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก และความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบตกแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองงามที่พบได้มากเห็นได้ทั่วไปตามริมถนนสายต่างๆเป็นสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชมเชยให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งยังมั่นใจว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านทรงเกียรติตำแหน่งชื่อ เสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย เมียนมาร์ รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเติบโตก้าวหน้าในที่โล่ง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังไม่ได้ผลสรุปแน่ชัด กระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องจาก ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" แล้วก็มีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากว่าเป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างมากมาย และมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยแล้วก็ฯลฯไม้มงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน และก็ทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองสวยงาม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวราวๆ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง และมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และมีดอกตอนอายุราว 4-5 ปี
การดูแลและรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และเติบโตเจริญในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยก้าวหน้าในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จำเป็นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ ต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็ถ้าปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติยศ เกียรติ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/

10

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยโรคมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวถึงแล้วมีส่วนสำหรับเพื่อการยัยยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยจำนวนมากถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในคนเจ็บมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์หรือการทดลองทางการแพทย์ที่ให้ข้อมูลพอเพียงที่ส่งเสริมให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับในการรักษามะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบจากการรวบงานค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนไข้สนองตอบต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบำบัดรักษาได้ดีขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดลองใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับในการทำให้โรคมะเร็งลดขนาดลงประการใด
ยิ่งไปกว่านี้ จาการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่ามีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย 4 ชิ้นที่มีผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสโมสรต่อการปรับแก้คุณภาพชีวิตของคนไข้ให้ดียิ่งขึ้น และก็ในเวลาเดียวกัน ก็มีผลลัพธ์จากงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้และนอนไม่หลับด้วย
ด้วยเหตุนั้น จึงอาจพูดได้ว่า สิ่งที่ใช้พิสูจน์ทางคุณสมบัติรวมทั้งประโยชน์ของเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้เป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงแค่การทดสอบในคนเจ็บบางกลุ่มแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรดำเนินการทดลองต่อไปเพื่อให้ได้เห็นผลลัพ์ที่แน่ชัดรวมทั้งมีประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวะต่อมลูกหมากโต และก็การเจ็บป่วยในระบบฟุตบาทเยี่ยว
มีขั้นตอนทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนไข้เพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะปัสสาวะติดขัด ข้างหลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็น ผู้เจ็บป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับในการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของผู้ป่วยจากการตอบคำถาม แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
ดังนั้น การทดสอบดังกล่าวข้างต้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่ชัดแจ้งเพียงพอ จึงควรมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่เด่นชัดสำหรับในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลและรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้อง
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนไข้โรคเบาหวานจำพวก 2 ร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับเพื่อการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในงานค้นคว้าเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงควรมีการค้นคว้าทดลองถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือสำหรับในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อป้องกันและการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจต่อไป และก็ให้ได้ความชัดเจนชัดดเจนในด้านดังกล่าวข้างต้นมากยิ่งขึ้น อันเป็นผลดีต่อแนวทางการรักษาคุ้มครองป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจแล้วก็อาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องถัดไปในอนาคต
จำนวนที่สมควรสำหรับในการบริโรคเห็ดหลินจืออปิ้งกระจ่างแจ้ง เนื่องประสิทธิผลและก็ผลข้างคียงจากการบริโภค เพราะฉะนั้น คนซื้อ ควรศึกษาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ รวมทั้งขอความเห็นหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโรค ด้วยเหตุว่าถึงแม้เห็ดหลินจือในแต่ละแบบอย่างจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีรวมทั้งส่วนประต่างอาจส่งผลใกล้กันที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้เช่นกัน

โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันอย่างเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้ว่าจะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นลูกค้าก็ควรศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรรอบคอบในด้านจำนวนรวมทั้งรูปแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะเหตุว่าบางทีอาจเป็นผลใกล้กันต่อร่างกายได้ในวันหลัง
โดยข้อควรตรึกตรองสำหรับเพื่อการบริโภคเห็ดหลินจือเช่น
ผู้บริโภคทั่วไป.......
-ควรจะบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณที่พอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะก่อให้มีอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะก่อให้ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดผลกระทบได้ เช่น ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มเหล้าองุ่นเห็ดหลินจืออาจนำไปสู่ผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์ขยายพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจก่อให้เกิดอาการแพ้
ผู้ที่ควรระวังในการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ยังไม่มีการยืนยันผลข้างเคียงที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกรุ๊ปผู้ใช้นี้แม้กระนั้นผู้ที่ตั้งท้องรวมทั้งคนที่กำลังให้นมลูกควรจะหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของตัวเองและลูกน้อย
คนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก อาจเพิ่มการเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนเจ็บบางรายที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรจะหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันโลหิตต่ำ เห็ดหลินจืออาจส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง โดยเหตุนี้ คนเจ็บภาวการณ์ความดันเลือดต่ำจึงควรหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ฉะนั้นคนป่วยภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำจึงไม่สมควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์มีเลือดออกผิดปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางราย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเลือกออกไม่ปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

11

เห็ดหลินจือ
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
ยายคนหนึ่ง อายุประมาณ 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด ลักษณะของการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url] สามารถรักษาเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาโดยประมาณ 1x ปี
2.โรคความดันเลือด เป็นมาพร้อมๆกับเบาหวาน จำเป็นต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด มีอาการมึนงง
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับโรคเบาหวาน ต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม ภายหลังจากเป็นโรคโรคเบาหวานมาประมาณ 10 ปี แพทย์ตรวจพบว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีอาการขาบวม เหนื่อยเดิน
5.โรคกระเพาะปัสสาวะ อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม นำไปสู่อาการฉี่ขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจพบทีหลัง ว่าค่ายูริก เริ่มเพิ่มมากขึ้น
======================
การกระทำของคนป่วยแล้วก็ประวัติก่อนรับประทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ช่วงเจ็บป่วยตอนเริ่มต้น จะมีลักษณะอาการน้ำตาลในเลือดสูง แทบ 200 มิลลิกรัม แต่เพียงพอผ่านมาแทบ 10 ปี มีความรู้สึกว่าดูแลตนเองเจริญ ผลที่ได้กลายเป็นแบบนี้ สักครู่น้ำตาลสูง เดี๋ยวน้ำตาลต่ำ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการงงงันได้ตลอดวัน หน้าที่การงานไม่ต้องทำแล้ว นอนดีมากกว่า
2.พอเพียงมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย กระตุ้นให้เกิดอาการโลกหมุน ตาลาย จำเป็นต้องนอนอีกอย่างเคย
3.เพียงพอตอนหลังเริ่มกินของมันลดน้อยลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แม้กระนั้นพอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แต่เจอสามกีซาลายสูงซะงั้น
4.หลังจากเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดตอนอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 ที ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา จะต้องเข้า รพ. เพื่อให้กลูโคส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้น
5.พอเพียงผ่านมาอีก 6 เดือน แพทย์ตรวจเจอเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะเยี่ยวอักเสบ เพราะเหตุว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางเยี่ยวเยอะแยะ ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับเพื่อการเดินไม่มี (เกือบจะเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมพบโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.ระยะหลังจากที่รู้ดีว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนเหลือเกิน ทำให้เบื่ออาหาร รับประทานไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น อารมณ์เสียง่าย
7.พอเพียงถึงเวลานี้ ยายคนนี้ การกระทำเปลี่ยนไป จากที่เคยจำเป็นต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดทุกๆวัน ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่ได้อยากต้องการขายสินค้า ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน ทำตัวเหมือนไม่มีค่า จำต้องให้ลูกๆมาคอยดู ทำให้เป็นภาระหน้าที่ของลูก
======================
โจทย์ สำหรับลูกที่ดูแล รวมทั้งจุดแปลงแนวความคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งหมดนี้
2.ทำอย่างไงก็ได้ให้คุณแม่กลับมาทำงานได้อย่างเดิม
3.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่กินข้าวได้ราวกับอดีตเป็นโรคเบาหวาน
4.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่นอนหลับได้ดิบได้ดี
=======================
สุดท้ายลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยเสนอแนะเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้ม และลูกคนนั้นได้เอาไปให้คุณแม่ทาน
เริ่มต้นที่ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยทำให้ชีวิตเขาได้ เพราะว่าแม่ทานสมุนไพร อาหารเสริมมาเยอะแยะแล้ว
=======================

เริ่มต้นกับการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น (ผลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
1.ผมชี้แนะให้ทาน 1 วัน 2 เวลาหมายถึงยามเช้า-เย็น ในกรณีของม่าม้าคนนี้ มีโรคประจำตัวมาก จะให้ทานแบบงี้ หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งคอย 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.เพียงพอภายหลังทานได้ทีแรกๆ อาการมึนๆงงงันๆเริ่มดียิ่งขึ้น นอนหลับก้าวหน้ามากยิ่งกว่าเดิม ธรรมดาจะมองจนกระทั่งเที่ยงคืนและหลังจากนั้นก็ค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 นาฬิการุ่งเช้า มาจัดร้านขายของ แปลงเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้าตรู่
3.ภายหลังนอนได้ดิบได้ดี  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น ฉี่มากมาย ไม่ขัดรวมทั้งเยี่ยวได้สุด ค่าน้ำตาลดีขึ้น ไม่สวิงต่ำ-สูง และก็ผลไตดีขึ้นด้วย
4.คนไข้เริ่มรับประทานข้าวได้ปกติ (แม่ไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดสอบด้วย กินทุเรียน2เม็ด แล้ววันพรุ่งไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาคุณแม่ตกอกตกใจ ว่าทำไมน้ำตาลธรรมดา ^_^)
5.พอเพียงร่างกายได้ นอนได้เต็มที่ หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถชูของหนักๆได้ ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อน แค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
คุณประโยชน์เห็ดหลินจือที่มีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยรับรอง....มีอะไรบ้าง
มีความเห็นมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้แก่ช้าลง ความจำ รวมทั้งช่วยอายุยืนนาน
ส่วนสรรพคุณในทางการดูแลและรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างแพร่หลายด้วยเหมือนกัน อาทิเช่น แก้โรคตับแข็ง รักษามะเร็ง รักษาโรคความดัน รวมทั้งภูมิแพ้ฯลฯ
แม้กระนั้นทีเด็ดคือ......
มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำหรับเพื่อการทดลองเรียนรู้ทางคลีนิคและก็รับรองว่าเห็ดหลินจือมีสรรพคุณดังนี้จริง ไม่ใช่แค่ความเชื่อถืออีกต่อไป อันอย่างเช่น
-กระตุ้นภูมิต้านทาน
-ต่อต้านเนื้องอกและโรคมะเร็ง
-รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยให้การนอนหลับ
-ลดไขมันในเลือด
-ต้านอนุมูลอิสระ
-ต่อต้านการอักเสบ

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

12

บุก
บุก มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้บวมช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก ยกตัวอย่างเช่น บุกคุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ ฯลฯ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น พืชล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน รูปแบบของลำต้นเจ้าเนื้อและก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบเดี่ยว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดแล้วก็ใบแผ่ขึ้นราวกับร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนเย็น มีกลิ่นแรง ลักษณะราวกับดอกหน้าโค
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและก็กิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปะปนอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกผู้เดียว รูปแบบของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราว 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับคุณประโยชน์ของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากรวมทั้งเนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังนี้
หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกแล้วก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับรอบเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อควรปฏิบัติตามสำหรับในการบริโภคบุก
สำหรับข้อบังคับสำหรับการรับประทานบุก คือ หัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในกลุ่มคนที่ ม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรหลบหลีกรับประทาน และไม่รับประทานมากเกินไป ซึงข้อพึงระวังในการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะๆ ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองรวมทั้งคันปากได้
ก่อนเอามากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด
แนวทางการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับตัวกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่กล่าวถึงแล้วสำหรับเพื่อการทำกับข้าวหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้หากอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เนื่องจากว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกวันหลังการรับประทาน แต่ให้กินก่อนอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตขึ้นมาจากวุ้น ยกตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนแล้วก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังอาหารได้ เพราะว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้ผ่านขั้นตอนการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และก็การการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องด้วยไม่มีการเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็ธาตุ หรือสารอาหารใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง ซึ่งจะไม่เกิดโทษต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่จะไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะทำให้มีลักษณะอาการท้องเสียหรืออาการท้องอืด มีอาการกระหายน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนเพลียเพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลงได้http://www.disthai.com/

13

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่เหรอ เปล่าครับผม บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แต่ว่าซึ่งก็คือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก และที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนใดที่แห่งไหน แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นคือ หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมเหมือนเวลานี้ด้วยเหตุว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำกับข้าว เสมือนเผือก เหมือนมันทั่วๆไปเพียงพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นอสุรกาย  น่าสะพรึงกลัวครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อตระกูล    ARACEAE
ชื่อตามแคว้น  :  บุกคุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราเจอบุกได้ที่ไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา แล้วก็บางทีก็พบตามพื้นที่ ทำนา เช่นที่ปทุมธานี และก็จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกชนิด แต่ว่าจะเติบโตได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บ่งบอกถึงองค์ประกอบเป็นใบบุก รวมทั้งหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ลักษณะเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่บางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางชนิดมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆพินิจง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม ดังนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างสังกัดประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี และก็รูป ทรงแตกต่าง บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเสมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับในการแก่สุดกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่าง
 ผลบุก (อย่าสับสนกับหัวบุกนะ ) ภายหลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกโดยมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นเม็ดภายในแตกต่างกัน พบว่าส่วนมากมีเม็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาทำกับข้าว
เป็นพืชของกินพื้นบ้านซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปปรับเปลี่ยนตามแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งกินกับข้าว ทางภาคเหนือโดยยิ่งไปกว่านั้นชาวดอย มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปทำเป็นอาหารว่าง
*บุกมีหลายอย่างหลายประเภท บางทีอาจขมรวมทั้งมีพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ในขณะที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจำต้องต้มเสียก่อน มิเช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากและลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
ปัจจุบันมีการนำบุกมาแปรรูป ทั้งยังในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งเป็นสินค้าดัดแปลงจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดเคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจจะเคยพบบ้าง นอกจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆอดีตสมัยเป็นเจเล่ ผสมผงบุก ถ้าจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเรียนรู้พบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิดเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) รวมทั้ง (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานแล้วก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินงานดี ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากรับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ไม่ทำให้อ้วน
นอกเหนือจากนี้เองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะความรั้ง ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูวัวลส เพราะฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมาก ปัจจุบันนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคเบาหวาน และสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับเป็นผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันครับผม เป็นประโยชน์ขนาดนี้ สมัยปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับผม ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

14

[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรตาตุ่มทะเล[/url][/color][/size][/b]
ตาตุ่มทะเลExcoecaria agallocha Linn.
บางถิ่นเรียก ตาตุ่มทะเล} ตาตุ่ม (กลาง); บูตอ (มลายู-ปัตตานี).
ต้นไม้ ขนาดกลาง สูง 8-15 มัธยม เปลือกสีเทาวาว. ใบ ผู้เดียว เรียงสลับกัน รูปไข่ หรือ รี กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 3-9 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ หรือ มน; ขอบใบเรียบ หรือ หยักน้อย; ก้านใบยาว 1-2 ซม. ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้ รวมทั้งดอกเพศภรรยาอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ ออกเป็นช่อยาว 3-7 ซม.; กลีบรองกลีบดอก 3 กลีบ; เกสรผู้ 3 อัน ไม่ชิดกัน อับเรณูมี 2 ช่อง กลม. สมุนไพร ดอกเพศเมีย ออกเป็นช่อยาว 1.5-3.5 เซนติเมตร กลีบรองกลีบดอกไม้โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 3 แฉก; รังไข่มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีไข่อ่อน 1 หน่วย. ผล รูปกลมแป้น มี 3 พู กว้างราว 6 มิลลิเมตร ยาวราว 4 มิลลิเมตร เม็ด ค่อนข้างจะกลม.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามป่าชายเลน.
สรรพคุณ : ราก ตำ หรือ ฝน ประสมกับขิง เป็นยาพอก หรือ ทา แก้อาการบวมตามมือและก็เท้า ต้น ยางมีฤทธิ์กัดทำลาย กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการอักเสบ ถ้าเข้าตาจะมีผลให้ปวดอักเสบมากมาย ถึงทำให้ตาบอดได้ แก่นเรียกว่ากระลำพัก (ตาตุ่มทะเล) เมื่อเผาไฟจะมีกลิ่นหอมาก ใช้เข้าเครื่องยา เป็นยาขับลม ฟอกเลือด ขับประจำเดือน ระบาย รวมทั้งขับเสมหะ ถ้าหากเอาไม้จำพวกนี้ไปปักเลี้ยงหอยแมลงภู่ ผู้ที่รับประทานหอยที่เกาะไม้นี้ จะก่อให้ท้องเสียได้  ควันที่เกิดขึ้นจากการเผาต้น ใช้รมแก้โรคเรื้อน  ยางต้นต้มรวมกับน้ำมัน ใช้ทาแก้โรคเรื้อน กัดแผลอักเสบเรื้อรัง ทาถูนวดแก้ปวดตามข้อ และก็อัมพาต ถ้าหากรับประทานยางต้นในขนาดต่ำๆเป็นยาถ่าย แต่ว่าถ้ากินมากมายอาจก่อให้สตรีแท้งลูกได้ ใบ เป็นพิษ น้ำต้มเปลือก กินเป็นยาทำให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย แก้โรคลมชัก แล้วก็เป็นยาฝาดสมาน

15

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’ผลดีในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยกล้าม
2.ขิงมีสรรพคุณช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสมหะ ทำให้หายใจสบาย
5.ขิงช่วยแก้อาการหน้ามืด หน้ามืด อาเจียน เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน และเป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยบำรุงรักษาหัวใจ เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.ประโยชน์ของเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน นำมาอม กลัวปากเป็นประจำ แล้วทดลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆลดน้อยลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน เอามาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้กินน้ำขิงบ่อยๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทลักษณะของโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมมารดาให้ดีขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับสตรีให้นมลูกเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพยาเสพติด
18.ประโยชน์ซึ่งมาจากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาเรียนรู้พบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเติบโตของเซลล์ของมะเร็งได้เป็นอย่างดี
19.ขิงช่วยควมคุมความดันโลหิตได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเสมอๆ จะช่วยควบคุมความดันให้ปกติ
20.สรรพคุณของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนหลับสบาย ก็เลยเหมาะสมเป็นของกินสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดฉี่ ป้องกันโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เนื่องด้วยขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยทำให้ปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยปกป้องการเกิดแผลในกระเพราะของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะและก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าลักษณะของการปวดกระเพราะเหตุว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากมายท้องผูก หรืออึสีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการของกินดียิ่งขึ้น (พบว่าผู้เจ็บป่วยพวกนั้นโดยมากกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งอาจต้องรักษาสม่ำเสมอ หรือควบคุมเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่พักผ่อนในผู้ป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาลูกสมุนนไพรศรีฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกเคล้าจะกว่าจะเข้ากันฟอกในแอ่งสะดือ ใช้ผ้ากอซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกั้นจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือเบาๆกินหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในคนไข้ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับการขับพยาธิจำนวนร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเจ็บป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น อย่างเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว เป็นไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดกินไก่ผัดขิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากยิ่งกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียพลังหยางและก็เลือด มีน้ำในร่างกายตกค้างอยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งเลือดหยางช่วยให้การสรุปยซับอาหารดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาได้ดิบได้ดีขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติเร็วขึ้น
ข้อควรไตร่ตรองสำหรับเพื่อการทานขิง
-อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับเพื่อการตั้งท้องได้
มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการมีครรภ์ และการแท้ง แต่ว่าสำหรับในการท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่พบการรับประทานขิงจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ฉะนั้นคุณควรไปขอคำแนะนำหมอก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับเพื่อการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-ทำให้มีการเกิดแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในช่องปากมีการอักเสบกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ฉะนั้นไม่ควรกินขุงมากกระทั่งเกินไป
-ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเล่าเรียนหนึ่งในหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกการเตือนเตือนให้งดการรับประทานขิงในเวลาที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะเหตุว่าจะก่อให้กำเนิดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้นถ้าหากคุณมีอากเลือดออกเลือดออกผิดปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก แกงเลียงการกินขิง
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว หวังหลายท่านที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาลักษณะของโรคต่างๆก็คงต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากครั้งคราวถ้าราใช้ ขิงในการรักษาโรคหนึ่งแม้กระนั้นก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการเกิดขึ้นอีกได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวน่าจะกินขิงให้ละเอียด แต่ถ้าไม่แน่ใจล่ะก็ ควรจะขอคำปรึกษาจากหมอก่อนเสมอ

หน้า: [1] 2