แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - giw3a5c4h4h4a5

หน้า: [1]
1

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ สรรพคุณของใบบัวบกที่เข้าใจแล้วจะต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้มากกว่าเดิม
          มั่นใจว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยทราบกันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้ดื่มน้ำใบบัวบก เนื่องจากจะช่วยทำให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่นำมาใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย ทั้งช่วยบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้กระทั้งช่วยบำรุงความสวยสดงดงาม ต้องการรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชิญให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง งั้นลองไปดูที่พวกเราถือมานำเสนอในวันนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า ทราบแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่ๆ

  • แก้ไขปัญหาเส้นโลหิตขอด


          เมื่อเส้นเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดเลือดดำมีการฉีกจนขาดและก็ทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่บริเวณขา เป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั่นเอง โดยมีการเรียนรู้พบว่าการรับประทานใบบัวบก สามารถลดอาการบวมและก็กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ โดยในการศึกษาเรียนรู้นั้นได้กระทำทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีอาการของเส้นโลหิตขอด และก็เมื่อกินใบบัวบกเข้าไปแล้วหลังจากนั้นก็พบว่าอาการเส้นเลือดขอดนั้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาหลอก แล้วก็เมื่อกระทำอัลตราซาวด์ก็พบว่าผู้ที่กินใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดโลหิตดำน้อยลงค่ะ

  • รักษาแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางจำพวก


          หนึ่งในสารสำคัญที่ส่งผลให้ใบบัวบกกลายเป็นสมุนไพรที่มากสรรพคุณก็คือสารไตรเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการเรียนกับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ โน่นก็เป็นเพราะเหตุว่าสารดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะปฏิบัติหน้าที่ในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล และช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังบริเวณบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ นำมาซึ่งการทำให้บาดแผลค่อยๆหายดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลดน้อยลง ทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลได้อีกด้วย การใช้ก็ไม่จำเป็นที่ต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เพราะตอนนี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะ แค่เพียงเลือกให้เหมาะกับชนิดรอยแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนภายในร่างกายหากสูงมากเกินความจำเป็นอาจจะทำให้ร่างกายกำเนิดลักษณะของการมีไข้ ตัวร้อน อยากดื่มน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ด้วยเหตุดังกล่าวการรับประทานใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น ก็เลยสามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ ทั้งยังยังช่วยขับพิษร้อนออกมาจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน และก็ความชุ่มชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดจากความร้อนและก็ความชื้น อาทิ โรคตับเหลือง นิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการรับประทานใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก[/url] เพราะเหตุว่าใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชุ่มชื้นในร่างกายรวมทั้งขับความร้อนออกมาได้ แต่ก็ควรรับประทานในจำนวนที่สมควร เนื่องจากถ้าหากรับประทานมากมายๆอาจจะส่งผลให้ร่างกายเย็นจนกระทั่งเหลือเกินรวมทั้งเป็นโทษได้
สรรพคุณใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวนกระวาย ช่วยทำให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากการที่จะช่วยสำหรับเพื่อการรักษาแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางจำพวกได้และก็ยังมีฤทธิ์สำหรับในการลดความกระวนกระวายรวมทั้งช่วยกระตุ้นกลไกลักษณะการทำงานของสมอง โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่กินใบบัวบกมีแนวโน้มที่จะตกใจกับเสียงรบกวนน้อยกว่าคนที่กินยาหลอก แม้กระนั้นก็ต้องใช้ในปริมาณที่สูงมากมาย ก็เลยยังไม่มีการยืนยันกระจ่างว่าควรใช้ปริมาณใดก็เลยจะสำเร็จและไม่มีผลข้างๆต่อสุขภาพตามมาค่ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เนื่องมาจากใบบัวบก มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบต่างๆภายในร่างกาย จึงสามารถใช้ทุเลาอาการของคนป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการเรียนกับเพศหญิง 13 มีลักษณะของโรคหนังแข็งพบว่า การใช้ใบบัวบกสามารถลดลักษณะของการปวดตามข้อ แล้วก็ลดการเกิดหนังแข็ง แล้วก็ทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น แต่ดังนี้ก็ต้องอยู่ในปริมาณที่แพทย์ควบคุมเพียงแค่นั้น

  • ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ


          คนไหนกันแน่ที่มักจะนอนไม่หลับเสมอๆทดลองหาใบบัวบกมารับประทานดีแล้วเหมือนกันนะ เพราะว่าใบบัวบกไม่เฉพาะแต่ช่วยลดความกระวายกระวนเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบรวมทั้งบรรเทาลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงกินเสมอๆก่อนนอน ก็สามารถที่จะช่วยให้การนอนดีขึ้นได้อย่างน่าแปลกเลย
คุณประโยชน์ใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • ลดความดันโลหิต


        กรมความเจริญแพทย์แผนไทยรวมทั้งการแพทย์หนทาง ได้ออกมาแนะนำว่าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในสมุนไพรที่ช่วยลดระดับความดันเลือดได้ เพราะเหตุว่าเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้เส้นเลือดดำและก็เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาวะความเครียดอันเป็นต้นสายปลายเหตุที่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง ดังนี้ขั้นตอนการกินก็ง่ายดายมาก เพียงแต่นำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วเอามาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักน้อย หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นค่ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำมีเหตุที่เกิดจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วปฏิบัติงานไม่ปกติเป็นเหตุให้เกิดอาการคั่งของเลือด การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำรอบๆบาดแผลได้ และยังลดอาการอักเสบที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกประเภทที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยคุ้มครองสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง รวมทั้งช่วยคลายความเมื่อยล้าของสมอง เพิ่มหลักการทำงานของสมองแล้วก็ความจำ แถมยังสามารถลดภาวการณ์เซื่องซึม แล้วก็สามารถช่วยยั้งลักษณะของโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
สรรพคุณใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดโรค


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินฉี่ รวมทั้งอาการติดเชื้อแบคทีเรียและก็เชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเยอะแยะ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้อใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ในจำนวนที่เหมาะสม และภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความชำนาญนะ

  • ทุเลาอาการเมื่อยล้า


          นอกเหนือจากรักษาลักษณะการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียได้ รวมทั้งหากรับประทานในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายและดับกระหายได้เป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนวัย


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความงดงามที่อยู่ใกล้ตัวมากๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มเปียกชื้น ดูอ่อนวัย ยิ่งกว่านั้นสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยที่วัย ก็เลยไม่น่าแปลกเลยล่ะหากคุณจะได้เห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในส่วนประกอบของเครื่องประทินโฉมผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบกสดๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
กระบวนการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างทำความสะอาด แล้วก็ค่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • นำมาปั่นหรือบดกับน้ำสะอาด 1 แก้ว
  • นำมาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ราว 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำทุกวี่ทุกวันก่อนนอนจะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          ผู้หญิงที่ลำบากใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยงามของคุณผู้หญิงอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้จ้ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก็จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดปฏิบัติงานก้าวหน้าขึ้น แล้วก็ลดการอักเสบอันมีเหตุที่เกิดจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมรวมทั้งหนังหัว


          หลายๆคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็คงจะเสาะหาทุกวิธีทางเพื่อบำรุงให้เส้นผมแล้วก็หนังหัวแข็งแรงเพื่อได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณโดดเด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมตกส่วนมากก็มีเหตุที่เกิดจากรากผมที่อ่อนแอและการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์สำหรับในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตรอบๆหนังหัว แล้วก็ยังช่วยทำนุบำรุงให้รากผมแข็งแรง ป้องกันผมตกทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงแล้วก็ดกดำเงางามได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอะไร
          ได้มองเห็นผลดีดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วอย่างงี้ ผู้ใดกันที่ยังส่ายหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะทดลองหันกลับมามองเสียใหม่ ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลิ่นแรงไปเสียหน่อย แต่ว่าประโยชน์ที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าหากไม่ลองเสียดายห่วยแตกเลยนะ http://www.disthai.com/

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ คุณประโยชน์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนต้องการมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ สรรพคุณเด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยอาจเคยได้เห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วทราบไหมค่ะว่า ประโยชน์ซึ่งมาจากรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้มิได้มีดีแค่ช่วยคนต้องการมีลูกเท่านั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบแท้จริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากมายๆยกตัวอย่างเช่น สาวร้อยสามี จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคอีสาน) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินเหมือนรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมยวนใจ ฯลฯที่มีผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน และมีเมล็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
คุณประโยชน์รากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเปรียบเทียบให้เป็นพลังแห่งการฟื้นฟูความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณรวมทั้งแพทย์สมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งก็นับเป็นสาเหตุของชื่อสาวร้อยผัว ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนสมัยก่อนชอบนำรากมาต้มรับประทานหรือปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยบำรุงรักษาสตรีให้ไมว่าจะอายุเยอะแค่ไหนก็มีลูกได้ง่าย
          ยิ่งไปกว่านี้สมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการศึกษาค้นคว้าวิจัยสรรพคุณมามาก โดยพบว่า รากสามสิบมีสรรพคุณทางเภสัชวิทยาตามนี้ประจำตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อรา
          - คลายกล้ามมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยั้งเบาหวาน
          - ปราบเซลล์ของโรคมะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิต้านทาน
รากสามสิบ
          - ต้านภาวการณ์เม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง
          - ขับน้ำนม
          - ช่วยให้การตกไข่บริบูรณ์
          - ช่วยทำนุบำรุงกำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำอสุจิน้ำเชื้อ
          - ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะ
          - ยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับเยี่ยว
          - ขับเสลด
          - บำรุงเด็กในท้อง
          - แก้แท้งลูก
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้ปวดเมื่อย ครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          และด้วยคุณประโยชน์ของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยาจีงได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการปกป้องคุ้มครองการสลายเนื้อกระดูกแล้วก็อวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ เนื่องด้วยมองเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งมักจะกำเนิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนั้น มีสาเหตุหลักจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนวันหลังหมดเมนส์ โดยสำเร็จการทดลองมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบภายหลังจากถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากลุ่มหนูถูกตัดรังไข่แต่มิได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          นอกนั้นสารสกัดรากสามสิบยังไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเยื่อบุโพรงมดลูก ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีความสามารถในการคุ้มครองป้องกันการสลายของเนื้อกระดูกในตัวทดลองได้ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไรก็แล้วแต่ต่ออวัยวะสืบพันธุ์ แต่ทว่ายังคงจำต้องทดลองเสริมเติมเพื่อศึกษาว่า สารสกัดรากสามสิบจะก่อให้เกิดผลเสียใดๆกับอวัยวะอื่นหรือเปล่า
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          ต้นรากสามสิบจะยังมีให้มองเห็นอยู่ในประเทศไทย แต่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มรับประทานให้อ่อนเพลีย เพราะเดี๋ยวนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อเยอะมาก แต่ดังนี้ควรตรวจตราให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมีสัญลักษณ์และได้รับการยืนยันจากองค์การอาหารรวมทั้งยาไหม
          แต่ว่าถ้าเกิดใครสามารถหาต้นรากสามสิบสดๆได้ จะนำมาต้มยากินเองเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยค่ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรดั้งเดิม)
     ส่วนประกอบ

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 โล
  • น้ำ 10 ลิตร


     ขั้นตอนการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกรวมทั้งดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • ต้มประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส แล้วก็สามารถเพิ่มน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 โล
  • น้ำตาลทราย 1.5 กิโล
  • น้ำ 5 ลิตร
    วิธีทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกและก็ดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เติมน้ำตาล ลงในหม้อต้ม
  • ต้มกระทั่งน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • ต้มต่อจนเป็นสีเหลืองทอง
รากสามสิบ
ข้อควรพิจารณาสำหรับการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องจากว่าสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะฉะนั้นก็เลยจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อผู้หญิงที่มีความเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว ดังเช่นว่า ผู้ที่มีอาการป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) ฯลฯ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรขอคำแนะนำแพทย์ก่อนจะดีเยี่ยมที่สุดนะคะ       
          เห็นคุณประโยชน์รากสามสิบกันไปแล้วผู้คนจำนวนมากเริ่มพอใจต้องการหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แม้กระนั้นก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรวิเคราะห์ที่มาที่ไปและก็สัญลักษณ์ และการรับรองจากหน่วยงานที่น่าไว้ใจด้วย http://www.disthai.com/

3

ราชพฤกษ์
ที่มาที่ไปของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนก่อนหน้าที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความบากบั่นหลายทีสำหรับในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชื้อเชิญให้สามัญชนพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์จำพวกต่างๆเยอะแยะ ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้และก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีคุณประโยชน์และก็รู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวเนื่องกับขนบธรรมเนียมไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอคราวนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บ่งถึงความเป็นเอกราชยจึงมีนานัปการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนไทยรู้จักแล้วก็พบเห็นบ่อยครั้ง อาทิเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกันกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระอายุครบ 5 รอบ โดยมีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากทั่วทั้งประเทศไทย
            บทสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจน จนกระทั่งตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับมาเสนออีกรอบ และมีบทสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม และการพิเคราะห์ก่อนหน้านี้เสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และสถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากมีความเหมาะสมในหลายๆด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างกันในแต่ละภาค อย่างเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งอีกทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองอร่ามเป็นเครื่องหมายของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนั้นความสวยของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบได้ทั่วไปมองเห็นได้ทั่วๆไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติยศชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นบ้านของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้ง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ก็ยังไม่ได้บทสรุปแจ่มกระจ่าง กระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" รวมทั้งมีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากว่าเป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย และก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับประเพณีสำคัญๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ ยกตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มไม้งามเต็มต้น เทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ
  • มีอายุยืนนาน รวมทั้งทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวราว 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญวัยช้าในตอน 1-3 ปีแรก แต่ว่าต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งมีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสง : ต้องการแดดจัด หรือกลางแจ้ง แล้วก็เติบโตก้าวหน้าในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น แล้วก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจำต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วหลังจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเลื่อมใสเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็แม้ปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติตำแหน่ง เกียรติยศ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

4

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ สรรพคุณ
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักรวมทั้งรู้จักกันมานาน เพราะเหตุว่าในของกินไทยหลากหลายประเภทมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงด้วยเสมอ เช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติรวมทั้งคุณประโยชน์ให้กับของกิน ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญกิน จนถึงเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จะห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาดเลยในอาหารกลุ่มนี้ นอกเหนือจากนี้ยังมีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกเอาไปใช้เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพมากมาย ทั้งยังน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลต้นหญ้า มีหลากหลายชนิด เว้นแต่นำไปประกอบอาหารแล้วแล้วก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางจำพวกยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย ก็เลยจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนประเทศไทยมานาน หลายบ้านจึงนิยมนำมาปลูกไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อไหร่ก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบซ่อนคุณค่าไว้เยอะแยะ เพราะเป็นทั้งของกินแล้วก็ยารักษาโรค มีวิตามินและธาตุที่มีสาระต่อสุขภาพ ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และโฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้ผู้ที่รังเกียจตะไคร้ลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่ หันมาชอบตะไคร้ให้มากยิ่งขึ้น จะได้ประโยชน์มากมายแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้จริงหรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับในการคุ้มครองแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง และก็ยุงหงุดหงิดกัดได้ นอกเหนือจากนี้ยังฤทธิ์สำหรับการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
นอกจากยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองป้องกันแมลงจำพวกอื่น เช่น ถ้าผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนและก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วค้าง ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าตัวเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง เกลี้ยง ตามบ้องมักมีไขปกลุกลม เหง้า มีข้อรวมทั้งบ้องสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวปนม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะ
คุณประโยชน์
– ทั้งยังต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับเยี่ยว แล้วก็แก้อหิวาตกโรค นอกจากนี้ยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร รวมทั้งขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดระดับความดันโลหิตสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับแต่ง ปวดท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคฟุตบาทเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้นยังคงใช้ดับกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และมีกลิ่นไล่สุนัขรวมทั้งแมว
หนังสือเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคฟุตบาทปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันเลือด เหง้า แก้ไม่อยากอาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ฉี่ขัด แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับระดู ขับระดูขาว ใช้ด้านนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ สรรพคุณ
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มม. ยาวประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว แล้วก็นิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง และมีกลิ่นหอมเอียน ก้านใบเป็นกาบซ้อนกันแน่นสีเขียวผสมม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นฉุนกระทั่งกินเป็นอาหารมิได้ อีกทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม

คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตรอบเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากว่าถ้าหากทานเข้าไป อาจจะก่อให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ ไม่สบายใจ ฟุ้งซ่าน
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมผิดปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาคุ้มครองป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง และก็ใช้รักษาโรคเห็บสุนัข
หนังสือเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนตั้งท้องห้ามกิน นอกจากนั้นยังคงใช้ขับเมนส์ ขับฉี่ ขับระดูขาว ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้คลื่นไส้ แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมเปลี่ยนไปจากปกติ
เหง้า ใบ และกาบ นำมากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม เป็นต้นว่า สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว มีชีวิตชีวา ทำให้กระฉับกระเฉง ผ่อนคลาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร บรรเทาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้าม
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยทุเลาลักษณะของการปวดข้อ ช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อควรระวัง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้แท้งได้

5

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมีส่วนสำหรับเพื่อการยัยยั้งแนวทางการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยเยอะมากถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในคนเจ็บมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบทางด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลพอเพียงที่ส่งเสริมให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อวิเคราะห์เทียบจากการรวบงานค้นคว้าที่เรียนรู้ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้จะพบว่าผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบำบัดได้ดิบได้ดีขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในในการทำให้มะเร็งลดขนาดลงประการใด
ยิ่งกว่านั้น จาการทบทวนงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพบว่ามีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์เกื้อหนุนว่าเห็ดหลินจืออาจสมาคมต่อการปรับแก้คุณภาพชีวิตของคนไข้ให้ และก็ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากการค้นคว้าวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้รวมทั้งนอนไม่หลับด้วย
โดยเหตุนี้ ก็เลยอาจจะกล่าวว่า สิ่งพิสูจน์ทางคุณลักษณะและก็ประโยชน์ที่ได้รับมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การค้นคว้าวิจัยเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดลองในคนไข้บางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรจะปฏิบัติงานทดสอบถัดไปเพื่อให้ได้สำเร็จลัพ์ที่ชัดเจนแล้วก็เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
สภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบฟุตบาทฉี่
มีขั้นตอนการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการเยี่ยวติดขัด ข้างหลังการทดลองกว่า 12 อาทิตย์ คำตอบที่ได้คือ คนไข้ต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับในการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของคนไข้จากการตอบปัญหา แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
โดยเหตุนั้น การทดสอบดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มแจ้งเพียงพอ จำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่เด่นชัดในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวพัน
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับในการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเหมือนกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
ดังนั้นจะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงสมรรถนะของเห็ดหลินจือในการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อคุ้มครองป้องกันและการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจต่อไป และให้ได้เรื่องกระจ่างแจ้งชัดดเจนในด้านดังกล่าวข้างต้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลดีต่อขั้นตอนการรักษาคุ้มครองปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวพันถัดไปในอนาคต
ปริมาณที่สมควรสำหรับเพื่อการบริโรคเห็ดหลินจืออปิ้งแน่ชัด เนื่องประสิทธิผลแล้วก็ผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุนั้น ผู้บริโภค ควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และขอคำแนะนำแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการบริโรค เพราะเห็ดหลินจือในแต่ละแบบอย่างจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แม้กระนั้นสารเคมีแล้วก็ส่วนประต่างอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นโทษต่อสุขภาพร่างกายได้เหมือนกัน

โดยธรรมดา จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันตัวอย่างเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยสำหรับการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นคนซื้อก็ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ รวมทั้งขอคำแนะนำแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรรอบคอบในด้านจำนวนและก็ต้นแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เนื่องจากว่าอาจเป็นผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในภายหลัง
โดยข้อควรคำนึงสำหรับเพื่อการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเช่น
ผู้ซื้อทั่วๆไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณที่พอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะก่อให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะเป็นผลให้มีอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลข้างเคียงได้ อย่างเช่น ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ป่วนปั่น ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มเหล้าองุ่นเห็ดหลินจืออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์ขยายพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้
ผู้ที่ควรระวังสำหรับเพื่อการบริโภคเป็นพิษ
ผู้ที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร หากแม้ยังไม่มีการยืนยันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มผู้บริโภคนี้แต่ว่าผู้ที่ท้องและก็คนที่กำลังให้นมบุตรควรจะหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของตนเองแล้วก็ลูกน้อย
คนที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก บางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนเจ็บบางรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ฉะนั้น เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันโลหิตต่ำ เห็ดหลินจืออาจส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำลง ฉะนั้น คนไข้ภาวการณ์ความดันโลหิตต่ำจะต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะเกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ฉะนั้นคนเจ็บภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำก็เลยไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์มีเลือดออกแตกต่างจากปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้เจ็บป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีสภาวะเลือกออกแตกต่างจากปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

หน้า: [1]