ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 310 ครั้ง)

onew4ad4a5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 01:54:09 pm »

ราชพฤกษ์
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนก่อนหน้าที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางด้านราชการมีความอุตสาหะหลายครั้งสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้ชักชวนให้พลเมืองสนใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์จำพวกต่างๆเยอะแยะ ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พ.ศ.2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดเครื่องหมายต้นไม้และก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความมงคลที่มีประโยชน์และก็รู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวพันกับประเพณีไทยและก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอคราวนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ตลอดระยะเวลาก่อนหน้าที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกราชยก็เลยมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยรู้จักดีและก็ประสบพบเห็นบ่อยมาก เช่น พระปรางค์วัดอรุณฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ รวมทั้ง ช้างเผือก ยังคงถูกชมเชยให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระอายุครบ 5 รอบ โดยมีการสนับสนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วราชอาณาจักรปริมาณ 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่จำนวนมากทั้งประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจน จนถึงตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวมาแล้วกลับมาเสนออีกที และมีข้อสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม และการพิเคราะห์ก่อนหน้าที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่แก่ยืน แข็งแรง ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค อาทิเช่น ลมแล้ง คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการสำคัญๆตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลและยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งต้น ช่อดอกมีรูปทรงสวยงาม สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำประเทศ รวมถึงเป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก แล้วก็ความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบตกแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองงามที่พบได้มากมองเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านทรงเกียรติขั้นชื่อ เสียงเพิ่มมากขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ท้องถิ่นของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า และศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตเจริญใน และมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้บทสรุปแจ่มกระจ่าง จวบจนกระทั่งมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องจากว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าอยู่หัว" แล้วก็มีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากว่าฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย และมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมหลักๆในไทยและก็ฯลฯพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ได้แก่ ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มงามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และทน
ลักษณะทั่วไป
           เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองแพรวพราว แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 ซม. โดยกลีบจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวโดยประมาณ 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง รวมทั้งมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นหลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งออกดอกตอนอายุประมาณ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสง : อยากแดดจัด หรือกลางแจ้ง และเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเติบโตเจริญในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 กก.ต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจะต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เพราะเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอเพียงหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกหน่อ และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นพืชที่มีความมงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็ถ้าหากปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติขั้น เกียรติ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3