แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - joosisu2s5d4

หน้า: [1]
1
มหันตภัย ! ความดันรวมทั้งโรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยกำจัดได้
พฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันแล้วก็เบาหวาน เป็นโรคที่คนส่วนมากไม่มองถึงความร้ายแรงสักเท่าไหร่ แต่ว่าหารู้ไม่ว่า สร้างความวอดวายต่อสุขภาพและชีวิตอย่างไม่ได้นึกฝัน รีบป้องกันให้ถูกจุดด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน

โรคความดันสูง-โรคเบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกละเลยเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่พวกเรามักไม่ใส่ใจไม่เห็นถึงจุดสำคัญ เป็นต้นว่า คู่รัก เพื่อนเกลอ คนภายในครอบครัว ที่ถูกปล่อยทิ้งจากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีก็อาจจะด้วยการเป็นจริงเป็นจังดำเนินการหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามที รวมถึงก็มีหลายสิ่งรอบตัวที่พวกเรามักไม่แลเห็นถึงความอันตราย ที่จะเอามาสู่ตัวหรือคนรอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆทั้งที่ไม่ร้ายแรงและที่มีความคิดว่าไม่รุนแรง แม้กระนั้นแอบแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่รอจังหวะเวลาอยู่เป็นประจำ เป็นต้นว่า โรคของความดันและเบาหวาน ฯลฯ ซึ่งทั้งยัง 2 ต่างก็เป็นโรคที่ชินหูเราเป็นอย่างดี ภัยร้ายก็มีแต่ก็ดีขึ้นรวมทั้งปลอดภัยได้เพียงใช้ “เจียวกู่หลาน”
ลดการอุดตันเส้นเลือด เจียวกู่หลาน
โรคความดันโลหิตสูง มีลักษณะอาการเช่นไร?
ลักษณะของการป่วยโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่พวกเราจะพบคนไข้ เป็นความดันเลือดสูงเกินไปกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นลักษณะของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงดันในกระแสเลือดที่สูง เร็ว ถี่ มากกว่าปกติทั่วไป
ความดัน โรคเบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระวัง!
โรคความดันสูง เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะสถานที่ทำงานอยู่ตลอดระยะเวลา  ทั้งยังแรงกดดันในเลือดที่จะต้องปฏิบัติงานด้วยเหมือนกันอย่างเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ว่าที่จะเป็นไปได้ง่ายสุดๆที่สุดกับคนที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป จึงดูได้ว่าบิดามารดาปู่ย่าตายายของเรามักเป็นโรคนี้กันมาก

สรรพคุณเจียวกู่หลาน
คุณประโยชน์รวมทั้งประโยชน์ใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองปกป้องโรคความดันสูงและเบาหวานได้ไหม
การรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยป้องกันได้ ความชั่วช้าสารเลวร้ายของโรคความดันสูงที่ควรรักษาด้วยการใช้ เจียวกู่หลานเป็นเมื่อความดันสูงมากๆจะมีผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆหลายส่วนไม่เพียงพอ จนเสียหายส่งผลต่อชีวิตได้ อาทิเช่น ไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นโลหิตแดงส่วนปลายแข็งดำเนินการไม่สุดกำลัง สมองเสื่อม และเส้นโลหิตสมองแตกได้สุดท้าย ซึ่งถ้าไม่ตายก็บางทีอาจเป็นอัมพาต
โรความดันและเบาหวาน คุ้มครองปกป้องได้ด้วย”เจียวกู่หลาน
สมุนไพรรักษาโรความดัน-โรคเบาหวาน เจียวกู่หลาน คนป่วยหรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครองปกป้อง ควรที่จะทำการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยาแล้วก็ทะเบียน(อย) สร้างจากโรงงานได้มาตรฐานGMP

Tags : เจียวกู่หลาน

2

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญเติบโตในแถบอินเดีย แอฟริกา แล้วก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบแล้วก็ลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของประเทศอินเดียและจีนมาอย่างยาวนาน ใช้รักษาหลายโรค ดังเช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน และยังนำมาทำครัวได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายอยู่หลายประเภท ตัวอย่างเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) เอเชียว่ากล่าววัวไซด์ (Asiaticoside) กรดเอเชียติเตียนก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และกรดมาดีติดอยู่สสิค (Madecassic Acid) จึงทำให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีสรรพคุณหลายสิ่งหลายอย่าง เป็นต้นว่า บรรเทาอาการอักเสบ แม้ใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดระดับความดันเลือดในเส้นเลือดดำ และก็นำมาใช้รักษาโรคหรืออาการที่มีเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆดังเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อที่ระบบฟุตบาทเยี่ยว โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีความคิดกันว่าถ้าเกิดใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นข้อสำคัญสำหรับเพื่อการสมานรอยแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมทั้งปัญหาท้องลายที่มีเหตุที่เกิดจากการตั้งครรภ์ แต่สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองความเลื่อมใส คุณประโยชน์ และความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคพวกนี้
การรักษาด้วยใบบัวบกที่บางทีอาจเห็นผล
เส้นเลือดขอด มีการเรียนชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยทำนุบำรุงรวมทั้งสร้างสมดุลสำหรับเพื่อการเติบโตของเยื่อเกี่ยวเนื่อง (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นโลหิต มีผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยรวมทั้งเส้นเลือดขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงแก้ไขการไหลเวียนของเลือด ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีการเรียนรู้โดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดเรื้อรัง พบว่าลักษณะของการปวดขา ขาหนัก แล้วก็อาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยบรรเทาอาการคนไข้เส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แต่จากงานศึกษาเรียนรู้กล่าวว่าผลสรุปข้างต้นจะต้องแปลความด้วยความระมัดระวังเหตุเพราะความจำกัดต่างๆของงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัย และยังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องชัดเจนรวมทั้งมีคุณภาพมากพอในการประเมินความสามารถการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แม้กระนั้นยังมีหลักฐานช่วยเหลือไม่เพียงพอ
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยสำหรับเพื่อการลดจำนวนไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นเลือดแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกลุ่มหนึ่งทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกตรงเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของหลอดเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน แต่ในกรุ๊ปที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดต่ำลง จำนวนไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมถึงรูปแบบของพลัคทั้งยังความหนาแล้วก็ความยาวก็ลดน้อยลงด้วยด้วยเหมือนกัน ทั้งยังไม่เจออาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการข้างๆได้ และมีการบันทึกผลการตรวจเลือดเป็นประจำ เพราะหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อโรคเส้นโลหิตแดงแข็งยังน้อยเกินไป ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองป้องกันลิ่มเลือด การรับประทานใบบัวบกอาจช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งมีต้นเหตุจากการขึ้นรถเรือบินเป็นระยะเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาแนะนำว่าใบบัวบกอาจช่วยลดของเหลวและเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในผู้ที่โดยสารเครื่องบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่กระจ่างว่าการศึกษาชิ้นนี้จะหมายคือการลดการสั่งสมของลิ่มเลือด เนื่องมาจากหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการคุ้มครองลิ่มเลือดยังไม่พอ จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน การค้นคว้าหนึ่งให้คนป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดฝอยปริมาณ 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารสามเทอร์พีนอยด์เป็นสาระสำคัญ ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารสามเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดฝอยของคนไข้โรคเบาหวาน แม้กระนั้นหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนของโลหิตยังน้อยเกินไป จึงควรต้องศึกษาต่อไป
แผลเบาหวาน มีการทำการค้นคว้าเกี่ยวกับสมรรถนะและผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งรับประทานสารเอเชียว่ากล่าวโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มก. รวมทั้งอีกกลุ่มกินยาหลอกปริมาณ 2 แคปซูลข้างหลังมื้อของกินวันละ 3 ครั้ง แล้วก็มีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้ป่วยที่กินสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีมากกว่าและไม่เจอผลกระทบ หรือบอกได้ว่าสารสกัดจากใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก[/url]อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดผลข้างๆ แต่เนื่องด้วยหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลเบาหวานยังไม่พอ จึงต้องศึกษาต่อไป
รอยแผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก อย่างเช่น ทวีปเอเชียตำหนิโคไซด์ กรดทวีปเอเชียติเตียนก มาเดแคสโซไซด์ แล้วก็กรดมาดีค้างสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายรวมทั้งอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งยังแผลขนาดเล็ก แผลไฟไหม้ แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงรอยแผลแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังภายหลังเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 สัปดาห์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมถึงรอยแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แม้กระนั้นเพราะเหตุว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแผลยังไม่เพียงพอ ก็เลยจำต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการตั้งท้อง ได้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยแนะนำให้คนที่กำลังตั้งท้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี รวมทั้งคอลลาเจน บ่อยๆทุกวันในช่วง 6 เดือนสุดท้ายก่อนจะมีการคลอด ซึ่งอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกจากนั้น ยังมีการทดสอบโดยให้หญิงมีครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจส่งผลให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แม้กระนั้นเหตุเพราะหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ลดความไม่สาบายใจ การดูแลรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อบรรเทาอาการซึมเซาและก็ความหนักใจ ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณภาพของใบบัวบกสำหรับในการลดความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครกินใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต่อต้านความกังวลใจ ช่วยลดความเครียด แม้กระนั้นยังคงจำต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกถัดไปถึงคุณภาพของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคไม่สบายใจ
โรคแล้วก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การตำหนิดเชื้อทางเท้าเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเดิน อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นที่จะต้องทำการค้นคว้าหาความสามารถรวมทั้งความปลอดภัยสำหรับการรักษาถัดไป

ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ว่าการกินใบบัวบกบางทีอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก คนที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมลูก ด้วยเหตุว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์เพียงพอที่จะสนับสนุนถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งต่อเด็ก แม่ หรือทารกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้กำเนิดความย่ำแย่ต่อตับ ฉะนั้นคนที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรกินใบบัวบก เพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้อาการต่างๆห่วยแตกลงได้ รวมถึงไม่สมควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่ส่งผลต่อตับในกลุ่มกลุ่มนี้ อาทิเช่น พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีปีน ไอโซไนอะซิด ซิมวาสแตตำหนิน เป็นต้น
การกินใบบัวบกในจำนวนมากอาจก่อให้รู้สึกง่วงนอนได้มากกว่าปกติ หรือถ้าหากรับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยาคลายความกังวล ตัวอย่างเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล และโซลพิเดม
ควรหยุดรับประทานใบบัวบกอย่างต่ำ 2 สัปดาห์สำหรับผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้สำหรับการผ่าตัดแล้วก็อาจจะส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรหารือแพทย์ก่อนกินใบบัวบก ถ้าอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมประเภทอื่นๆอยู่เป็นประจำ เพราะเหตุว่าอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ปรารถนาถ้าหากรับประทานใบบัวบกในระหว่างการดูแลและรักษาของผู้ป่วยโรคกังวล คนเจ็บเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ รวมทั้งผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยาความกังวลลดลง รวมทั้งผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้กดประสาทเยอะขึ้น http://www.disthai.com/

3

[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url][/size][/b]
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (สตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาแพทย์มีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบได้มากทางภาคใต้ รวมทั้งจำพวกที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบได้ทั่วไปทางภาคกึ่งกลางและก็ภาคตะวันออก รวมทั้งเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้ในการรักษาโรคได้หลายแบบ ที่เด่นมากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งการนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นทั้งยังสดรวมทั้งแห้ง ใบทั้งสดรวมทั้งแห้ง ราก เมล็ด และก็ทั้งต้น (ส่วนทั้งยัง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
รูปแบบของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 1.5 เซนติเมตร เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดและการใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้ง เติบโตได้ดิบได้ดีในที่ร่มและก็ในที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือรอบๆริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ ดังเช่น บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ และที่สถานศึกษานายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งรวมทั้งเหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 ซม. แล้วก็ยาวราว 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราวๆ 4-6 นิ้ว ดอกมีทั้งจำพวกดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) และชนิดดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน บริเวณกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราว 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคละเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากรับประทานติดต่อกัน 1 เดือน จะมีผลให้สติปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ชนิด หูไว / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยรู้เมื่อยล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งยังต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุแตกต่างจากปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผอมโซเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนกระทั่งงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะ (อีกทั้งต้น)ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต้านโรคมะเร็ง (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอต้นและอาหารเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำจนถึงเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว ตอนเช้า กลางวัน เย็น อาการจะดีขึ้น (ทั้งต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นแล้วก็รากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าหากเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างระมัดระวังเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เมล็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งยังต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง หากใช้ต้นมาต้มอาบรวมทั้งทำเป็นยารับประทานติดต่อกันโดยประมาณ 3 เดือนจะช่วยทำให้อาการของแผลพุพองทุเลาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษาขี้กลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำเอาแต่น้ำกิน (ต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดรวมทั้งใบสดล้างสะอาดราว 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ไข้ทรพิษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดทั้งด้านในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นและใบอีกทั้งสดและแห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดให้ถี่ถ้วน แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนอาหารครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราว 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดเอามาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้ถี่ถ้วน ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างรอบคอบ สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งต้น)
ต้น ถ้าเกิดนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับแก้ข้ออักเสบและก็แก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรักษารากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยทำนุบำรุงรากผมได้ (ใบ)
ประโยช์จากเหงือกปลาหมอ
ในตอนนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในลักษณะของยาเม็ด
นอกจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังใช้เป็นส่วนผสมสำหรับเพื่อการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนสีผม กระทั่งยาสระผมของหมา ฯลฯ
แหล่งอ้างอิง
: เว็บสำนักงานโครงงานสงวนกรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (ชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์พืช องค์การส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมพิทักษ์), หนังสือการบริหารร่างกายแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์) http://www.disthai.com/

4

กระเทียม
กระเทียมกับคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกันกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมประยุกต์ใช้เป็นเครื่องปรุงทำอาหาร กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากพืชทั่วไป เพราะว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีสาระต่อร่างกาย
กระเทียม
คนจำนวนไม่น้อยบางทีอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นผลมาจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่คนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวพันกับหัวใจและหลอดเลือด ความดันเลือด คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ดังนี้ข้อรับรองหรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ คุณประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นโลหิตรวมทั้งทำให้เส้นเลือดขยายตัวรวมทั้งทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยที่หรูหราความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม ตรงเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับคนไข้ที่กินยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาคนป่วยความดันโลหิตสูงได้ดีมากยิ่งกว่ายาหลอก
แม้กระทั่งมีการทดลองอีก 2 ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับในการลดความดันโลหิตได้ดีกว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเพราะเหตุว่าผลการทดลองบางทีอาจยังไม่ถูกต้องแม่นยำเพียงพอที่จะสรุปคุณภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิตในคนเจ็บความดันเลือดสูง ก็เลยยังจำเป็นต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อรับรองประสิทธิภาพที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
มะเร็ง ความเชื่อมโยงของการบริโภคกระเทียมแล้วก็การเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังคลุมเครือแล้วก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งหมดศชายและเพศหญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยการทำการทดลองตรงเวลา 5 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกน้อยลง 33 เปอร์เซ็นต์ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี มีการศึกษาวิจัยอีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้ใจถึงที่กะไว้จะช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่สนับสนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดของกิน มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) ได้กล่าวว่ากระเทียมเป็นผักชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณลักษณะต้านโรคมะเร็ง แม้กระนั้นยังมีต้นเหตุอื่นๆตัวอย่างเช่น รูปแบบของสินค้าที่ทำจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่นานัปการ อาจจะก่อให้พิสูจน์ถึงสมรรถนะของกระเทียมได้ยาก และก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นกัน
แก้หวัด หลายท่านมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และก็มีการนำมาใช้เพื่อปกป้องและทุเลาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมแบบเป็นเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิสินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นช่วงเวลาการฟื้นตัวจากอาการหวัดของ 2 กรุ๊ปมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าผลการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางคลินิกยังน้อยเกินไปแล้วก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ลดน้ำหนักรวมทั้งมวลไขมัน ในคนเจ็บสภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ว่ามักมีต้นเหตุมาจากโรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลและรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นบางทีอาจไม่พอ ถ้าไม่ดูแลประเด็นการรับประทานอาหารพร้อมกันไปด้วย การรับประทานกระเทียมจึงอาจเป็นโอกาสหนึ่งที่น่าดึงดูด เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติคุ้มครองป้องกันภาวการณ์อ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดศชายและก็เพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งสิ้น 110 คน กินกระเทียมผงประเภทแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถรับประทานอาหารได้ตามเดิม แม้กระนั้นกินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่า น้ำหนักและก็มวลร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมอาจช่วยลดจำนวนไขมันในตับรวมทั้งคุ้มครองปกป้องหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็แล้วแต่การศึกษาในอนาคตยังจำเป็นต้องวางแบบการทดสอบให้ดีขึ้นรวมทั้งควรจะเพิ่มระยะเวลาสำหรับการทดลองเพื่อรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองและการศึกษาเล่าเรียนโดยการทบทวนงานค้นคว้าที่เกี่ยวข้องจำนวน 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้เล็กน้อย แต่ไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือเปล่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดลงแต่อย่างใด ก็เลยยังจึงควรเรียนรู้เสริมเติมเพื่อหาผลสรุปและก็ยืนยันสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ชัดแจ้งเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ตัวอย่างเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องขึ้น อ้วก อ้วก หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและระคายเคืองได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
ผู้ที่กำลังมีท้องหรือคนที่อยู่ในตอนให้นมลูก การกินกระเทียมในช่วงการมีครรภ์ค่อนข้างไม่มีอันตรายถ้ากินเป็นของกินหรือในจำนวนที่เหมาะสม แต่ว่าบางทีอาจไม่ปลอดภัยแม้รับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การรับประทานกระเทียมในจำนวนที่สมควรและก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่มีอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะทำให้กำเนิดอาการแสบร้อนและก็ระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยของอาหาร อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจทำให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
ผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีสภาวะเลือดออกผิดปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค เป็นต้นว่า ไอโซไนอะซิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งมีผลต่อคุณภาพลักษณะการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

5

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรทับทิม

6

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลเช่นไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันสูง และโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลวิจัยยืนยันคุณประโยชน์ได้ในเนื้อหานี้จ้ะ
บทความเหล่านี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาเรียนรู้ยืนยันจากที่ต่างๆเพื่อให้สหายได้ตรึกตรองด้วยตัวเองว่ารักษาโรคเจริญแค่ไหนและน่าเชื่อถือเพียงใด ถ้าหากเพื่อนพ้องๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรือการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าใดหรือไม่เข้าใจ บทความในเว็บไซต์นี้นักเขียนได้คัดเลือกแล้วก็เก็บจากหลายที่รวมทั้งเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำเป็น
สหายๆถูกใจเนื้อหานี้ก็จะเป็นอันมากหัวใจให้นักเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนฝูงอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนๆจะต้องถูกใจ
ระบบภูมิต้านทานคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีปะปน เซลล์ของโรคมะเร็ง รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพเรานั้นเอง โดยเหตุนี้ถ้าเพื่อนฝูงๆมีระบบระเบียบภูมิต้านทานดีก็จะไม่เจ็บป่วยง่าย หรือถ้าหากป่วยก็จะรู้สึกตัวเร็ว แต่ว่าถ้าเกิดระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะเจ็บไข้บ่อยครั้งแล้วก็เป็นหนักกว่ามีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวที่ตรงนี้แล้วสหายๆอาจจะมองเห็นความสำคัญของการมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมาเป็นเวลายาวนานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ว่าในสมัยนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุใดผู้ที่ทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนและแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค เดี๋ยวนี้พวกเราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถสร้างเสริมภูมิต้านทานให้กับพวกเราได้จริง สารกลุ่มดังที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูเขามคุ้มครองดีรวมทั้งแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต่อต้านวรัส เซลล์ของโรคมะเร็ง แล้วก็จำกัดสารอนุมูลอิสระก้าวหน้าขึ้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยให้คนที่ถูกผลกระทบที่โดนยาต่อต้านมะเร็งบางตัวแล้วก็แนวทางการทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบภูมิต้านทานดียิ่งขึ้นอีก แล้วก็เห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กลุ่มดังกล่าวเป็นกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
A
นักวิจัยได้ค้นพบสารหลายอย่างในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด คือ Ganoderic Acid และก็ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 จำพวกที่กล่าวมาข้างต้น เว้นเสียแต่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้แล้ว ยังคุ้มครองปกป้องไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีสารกลุ่ม Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด และก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดลองให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นโลหิตสูง 70 ราย และก็ทำเก็บผลการทดลองหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอลของคนรับการทดสอบน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลของการวิจัยจากทั่วทั้งโลก รวมทั้งยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นเสียแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นโลหิตแล้ว ยังทำให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงอาจกล่าวได้ว่า ข้อยืนยันทางคุณลักษณะรวมทั้งประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงการทดลองในคนเจ็บบางกลุ่มเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรจะปฏิบัติงานทดลองต่อไป เพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่กระจ่าง และเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาคนป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต

ภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินปัสสาวะ
มีแนวทางการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนเจ็บเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการฉี่ขัดข้อง หลังการทดลองกว่า 12 อาทิตย์ คำตอบที่ได้เป็น คนไข้ต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลในการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของผู้เจ็บป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
ดังนั้น การทดสอบดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งเพียงพอ จึงควรมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่แจ่มกระจ่างสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาด้านสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยวเนื่อง
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองทางการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 ร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยเหมือนกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนไข้บางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องร่วง หรือท้องผูก
ด้วยเหตุดังกล่าวควรต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อคุ้มครองป้องกันแล้วก็การดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจถัดไป รวมถึงให้ได้ความชัดเจนชัดดเจนในด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลดีต่อวิธีการรักษาคุ้มครองโรคเส้นเลือดหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวต่อไปในอนาคต

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

หน้า: [1]