แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - oiksdfu01457

หน้า: [1]
1

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง), ต้นลมแล้ง (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วๆไปเรียกรวมทั้งชอบเขียนผิดหรือสะกดไม่ถูกเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) ฯลฯ
คำว่า “ราชพฤกษ์” มีความหมายว่า “ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานนิทรรศการพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงครอบครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อแนะนำและสรุปให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการพิจารณาได้บทสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติเป็น “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น “ศาลาไทย” และก็ในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลสำหรับในการเลือกดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่คนประเทศไทยทั่วๆไปรู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเห็นได้ทั่วๆไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีความเกี่ยวข้องกับจารีตคนประเทศไทยมาอย่างช้านาน เพราะเหตุว่าเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนามแล้วก็ใช้สำหรับการประกอบพิธีหลักๆต่างๆหลายพิธี เป็นต้นว่า พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล เป็นต้น
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้ผลดีได้อย่างนานัปการ ดังเช่นว่า การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์ฯลฯไม้ที่มีอายุยืนนานและแข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงและพุ่มไม้ที่สวยสดงดงาม มีดอกเหลืองงามเต็มต้น แลดูงดงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของชาติไทย เป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา แล้วก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกนั้นตามตำราไม้มงคล 9 จำพวกยังระบุไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความมีอำนาจวาสนา มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคแล้วก็อาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น เป็นต้นว่า ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก และก็เมล็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งยังกับเด็ก สตรี รวมถึงผู้สูงวัย โดยปลอดภัยใดๆ
รูปแบบของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชท้องถิ่นในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนกระทั่งอินเดีย เมียนมาร์ และก็ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกึ่งกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาสะอาด มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการถ่ายเทน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกเอาไว้ภายในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกในพื้นที่ แต่ว่าในตอนนี้บางครั้งอาจจะใช้กระบวนการทาบกิ่งและก็ทิ่มยอดก็ได้ แต่จังหวะเสร็จจะน้อยกว่ากรรมวิธีเพาะเม็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) รูปแบบของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นมัน ช่อหนึ่งยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร รวมทั้งมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆราวๆ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร รวมทั้งยาวประมาณ 9-15 ซม. โคนใบมนรวมทั้งสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางหมดจด มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบถี่และโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) มีดอกเป็นช่อ ยาวโดยประมาณ 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดหล่นได้ง่าย แล้วก็กลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกประมาณ 2-3 เท่า และก็มีกลีบรูปไข่ปริมาณ 5 กลีบ รอบๆพื้นกลีบจะมองเห็นเส้นกลีบชัดเจน ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในช่วงมี.ค.ถึงพฤษภาคม แม้กระนั้นก็มีบางครั้งที่ออกดอกนอกฤดูแบบเดียวกัน ดังเช่น ในตอนธ.ค.ถึงมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักทรงกระบอกหมดจดๆฝักยาวราวๆ 20-60 เซนติเมตร แล้วก็วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆติดกันอยู่เป็นช่องๆตามแนวขวางของฝัก และก็ในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 ซม.
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
สรรพคุณของราชพฤกษ์
ช่วยบำรุงเลือดภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นรวมทั้งใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการกางใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำ (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดหน่อย มีกลิ่นเหม็นเอียน เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการหิวน้ำ (ฝัก)
เปลือกเมล็ดและเปลือกฝักมีสรรพคุณช่วยทำลายพิษ ทำให้คลื่นไส้ หรือจะใช้เม็ดประมาณ 5-6 เมล็ด เอามาบดเป็นผงแล้วกินก็ได้ (เม็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้และหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการกลัดกลุ้ม หนักหัว หนักตัว ทำให้สดชื่นหน้าอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งราวๆ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ฝัก)
ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยสำหรับเพื่อการขับถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวก ไม่มวนท้อง แก้อาการท้องผูก เหมาะกับคนที่มีลักษณะอาการท้องผูกเป็นประจำแล้วก็สตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่านิ้วโป้ง (หนักประมาณ 4 กรัม) รวมทั้งน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือนิดหน่อย ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารเช้าหรือช่วงก่อนนอนเพียงแค่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เมล็ด)
เม็ดมีรสฝาดเมา คุณประโยชน์ช่วยแก้ท้องเสีย (เม็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะแล้วก็แผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้กำเนิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เม็ดฝนกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล แล้วนำมากิน (เมล็ด)
ฝักและใบมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนฝาดเมา ช่วยขับรกที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
สรรพคุณของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถนำมาใช้สำหรับการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษากลากเกลื้อน และใบอ่อนก็ใช้แก้ขี้กลากได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, ใบ)
เปลือกและก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน สรรพคุณของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ สรรพคุณช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
แขกใช้ใบเอามาโขลก เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อและก็อัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนและก็แมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำเสียไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถที่จะช่วยในการจัดการกับรอยคราบแมลงและก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
นอกจากนั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเยอะแยะ อย่างเช่น
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่ต้มมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต และก็ขจัดปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน และอบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะดูตามโรคแล้วก็ความอยากเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้ไม่เหมือนกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำจากใบคูนที่นำมาบดเป็นผุยผง ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเอามาพอกบริเวณที่เป็นจะช่วยทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือด บรรเทาอาการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ และก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับคนเจ็บที่เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาค้าง ทำจากใบคูน คุณประโยชน์ช่วยในด้านสมอง ไขปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกายดียิ่งขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรไตร่ตรอง !
:แนวทางการทำเป็นยาต้ม ควรต้มให้พอควรก็เลยจะได้ประสิทธิภาพที่ดี ถ้าหากต้มนานเหลือเกินหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่จะก่อให้ท้องผูกแทน และก็ควรที่จะทำการเลือกใช้ฝักที่ไม่มากจนเกินความจำเป็น และยาต้มที่ได้แม้กินมากจนเกินไปอาจส่งผลให้คลื่นไส้ได้
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากราชพฤกษ์
นิยมปลูกไว้ฯลฯไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆยกตัวอย่างเช่น สถานที่ราชการ บริเวณริมถนนข้างทาง และก็สถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเลื่อมใส ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลนามที่ชาวไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติและก็ศักดิ์ศรี ต้นสายปลายเหตุเพราะเหตุว่าคนให้การสารภาพว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงรวมทั้งยังเป็นเครื่องหมายของเมืองไทยอีกด้วย และยังเชื่อว่าจะทำให้ผู้อาศัยนั้นก้าวหน้า โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์รวมทั้งปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะทิศดังกล่าวได้รับแสงแดดจัดในตอนตอนบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนด้านในภายรวมทั้งช่วยใชัพลังงานน้อยลง)
ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลและก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีการต่างๆทางศาสนา เช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาเอกสำหรับเพื่อการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ฯลฯ
เนื้อไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามอุปกรณ์ต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆตัวอย่างเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับเพื่อการทำเป็นหัวเชื้อจุลอินทรีย์รวมทั้งจุลชีวันขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการหุงหาอาหารด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอดี โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์สำนักงานโครงการสงวนกรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บไซต์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เว็บไทยโพส, ที่ทำการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), งานมหกรรมแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, ที่ทำการกองทุนเกื้อหนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

2

ชื่อตระกูล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อท้องถิ่นอื่น : ลมแล้ง (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color] (ภาคกึ่งกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
จำพวกนี้แบบเรียนหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแต่ระดับจำพวกย่อย คือ Cassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ใหญ่ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่ว่าเมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. แกนกลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่แกมรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่และก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.ราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มม.กลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนหุ้มบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ เกลี้ยง ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดเยอะๆ และก็รูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลเป็นเงา
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงราว 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ หมดจด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยโดยประมาณ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้ข้างบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ รวมทั้งมีเปลือกแข็ง ข้างในมีผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องแล้วก็มีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เม็ด มีเนื้อหุ้มห่อนุ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนรวมทั้งแบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกข้างถนนเพื่อความสวยสดงดงาม
การปลูกแล้วก็แพร่พันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากแล้วก็เติบโตได้ในดินเกือบทุกประเภท แต่ว่าจะถูกใจดินร่วนซุยปนทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดรวมทั้งตอนกิ่ง

ประโยชน์ทางยา
รสและก็คุณประโยชน์ในตำรายา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ทำลายเชื้อคุดทะราด แก้ขี้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้จับสั่นรวมทั้งระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และก็ช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเอียน ใช้กินเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ขัดหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและก็ขัดข้อ
เปลือกฝัก รสเฝื่อนฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง รวมทั้งทำให้คลื่นไส้
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งปวง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำกินแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เมล็ด ช่วยกระตุ้นให้อ้วก เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและก็ปริมาณที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักโดยประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือนิดหน่อย ดื่มก่อนนอนหรือรุ่งอรุณก่อนอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ และสตรีตั้งครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักโดยประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดและก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

3

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม สุดยอดราชินีแห่งผลไม้ มีคุณประโยชน์อีกทั้งต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีแห่งผลไม้ มีคุณประโยชน์อีกทั้งต้น
อัปเดตปัจจุบันเมื่อวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 ราวเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
ทับทิมสำเร็จไม่ที่นิยมกินกันมาก และลือชื่อในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีแห่งผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นคือผลไม้ที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์มาแล้วนับพันปี ในตอนนี้ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาปลูก แล้วก็กินกันทั่วโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย พิจารณาได้จากร้านค้าขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่แทบมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากทับทิมมีมาก ในเรื่องของสารอาหาร แล้วก็การคุ้มครองโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมถือเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแค่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงปริมาณร้อยละ 40 ของจำนวนที่เราอยากได้ในหนึ่งวัน (สำหรับผู้ใหญ่) ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับนี้ก็เลยมีคุณประโยชน์ในการลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างยอดเยี่ยม
ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ
การกินทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยให้ผิวพรรณของพวกเรามองผ่องใส เพราะทับทิมได้ผลสำเร็จถึงที่กะไว้มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเรา รวมทั้งด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างใส นอกเหนือจากนั้นพวกเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมโดยประมาณ 1 ช้อนชา ทาบริเวณบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงผิวหน้าให้ดูเต่งตึงมากขึ้นได้อีกด้วย ประโยชน์ในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องแต่งหน้าหรือครีมหลายอย่างได้นำทับทิมไปเป็นส่วนประกอบ
เส้นเลือดรวมทั้งหัวใจ
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยในการทำให้การไหลเวียนของโลหิต ลดภาวการณ์ขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันโลหิตได้จำนวนร้อยละ 5 ช่วยลดสถานการณ์การแข็งตัวของไขมันในเส้นโลหิตได้อีกด้วย
ลดความเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดโรคมะเร็ง
เนื่องจากคือผลไม้ที่มีค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูง ก็เลยช่วยลดการเสี่ยงในการกำเนิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยพบว่า การรับประทานทับทิมช่วยลดจังหวะการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งถึง 13ช นิด แล้วก็ยังสามารถช่วยทำลายเซลล์ของมะเร็งในหลอดของกิน รวมทั้งไส้ได้อีกด้วย
คุณประโยชน์อื่นๆของทับทิม
เว้นแต่สรรพคุณหลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงท้อง ช่วยทำให้สมดุลในวัยหมดระดู ลดการเสี่ยงในการเป็นโรคความจำไม่ดีในคนวัยชรา คุ้มครองโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดความเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคกระดูกพรุน คุ้มครองการเสื่อมสรรถยนต์ภาพทางเพศ ลดการตกขาว เรียกได้ว่ามีคุณประโยชน์เยอะมากจริง
 นอกเหนือจากส่วนที่พวกเรานิยมรับประทานกันอย่างเม็ดแล้ว องค์ประกอบอื่นของทับทิมก็เป็นประโยชน์ไม่แพ้กัน ทั้งที่ยังไม่ตายยารวมทั้งสมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมตกได้อย่างดี
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเราใช้รักษา แผลหิด กากเกลื้อน มีสรรพคุณเกี่ยวกับการรักษาโรคในทางเดินอาหาร เป็นต้นว่ารักษาอาการท้องเสียได้
เปลือกของลำต้น และราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยเอามาผสมกับกานพลู แล้วก็บางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำราวสามถ้วย มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีคุณประโยชน์ในการรักษาแผล แล้วก็ทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่เพียงเม็ด หรือน้ำทับทิม ก็เลยไม่แปลกใจเลยที่ทับทิมจะได้รับฉายานามว่า "ราชชินีแห่งผลไม้"
โรครวมทั้งอาการอื่นๆเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังต้องทำการวิจัยศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเกิดผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกาย การกินรากและลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่มีอันตรายสำหรับในการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่อาจจะเป็นผลให้เกิดอาการแพ้น้อยในบางราย เป็นต้นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอย่างอื่น เช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นต้องหารือหมอก่อนจะมีการรับประทานทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจทำให้ความดันโลหิตลดลดลงบางส่วน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก

คนที่มีลักษณะแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้ป่วยที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ เนื่องด้วยทับทิมทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา เช่น ยาที่เกี่ยวกับรูปแบบการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน ผู้ที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอก่อนที่จะมีการกินเพื่อความปลอดภัย http://www.disthai.com/

หน้า: [1]