แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - vbbddd02

หน้า: [1]
1

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญวัยในแถบอินเดีย แอฟริกา รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบแล้วก็ลำต้นนำมาใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของประเทศอินเดียและก็จีนมาอย่างยาวนาน ใช้รักษาหลายโรค ตัวอย่างเช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน แล้วก็ยังนำมาปรุงอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายอยู่หลายชนิด อย่างเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียว่ากล่าวโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียติก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และก็กรดมาดีติดอยู่สสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณหลายแบบ เป็นต้นว่า บรรเทาอาการอักเสบ แม้ใช้กินอาจมีคุณสมบัติช่วยลดความดันเลือดในเส้นเลือดดำ รวมทั้งประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆได้แก่ หวัด ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อที่ระบบทางเดินฉี่ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกเหนือจากนั้น ยังมีความเชื่อว่าถ้าใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นข้อสำคัญสำหรับเพื่อการสมานบาดแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่มีต้นเหตุที่เกิดจากการท้อง แม้กระนั้นข้อพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยมีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันความเลื่อมใส คุณประโยชน์ และก็ความปลอดภัยของใบบัวบกในการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจเห็นผล
เส้นเลือดขอด มีการศึกษาชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงรักษาและก็สร้างสมดุลในการเจริญวัยของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด มีผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยและก็เส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับแก้การไหลเวียนของโลหิต ยิ่งกว่านั้น ยังมีการเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดเรื้อรัง พบว่าลักษณะของการปวดขา ขาหนัก แล้วก็อาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้สารสกัดจากใบบัวบกบางทีอาจช่วยทุเลาอาการคนเจ็บเส้นเลือดขอดเรื้อรังลงได้ แต่ว่าจากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยระบุว่าข้อสรุปข้างต้นจำเป็นต้องตีความหมายด้วยความระแวดระวังเนื่องมาจากข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัย และยังจำต้องเรียนรู้เสริมเติมเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องรวมทั้งมีคุณภาพมากพอสำหรับการประเมินประสิทธิภาพการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แม้กระนั้นยังมีหลักฐานช่วยเหลือน้อยเกินไป
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยสำหรับการลดจำนวนไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นเลือดแดงแข็งที่ไม่ออกอาการกลุ่มหนึ่งทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกตรงเวลา 6 เดือน และอีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจค้นความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นโลหิต พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้งยัง 2 กลุ่มไม่ได้ต่างอะไรกัน แต่ว่าในกรุ๊ปที่รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดน้อยลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมถึงรูปแบบของพลัคทั้งยังความหนาและก็ความยาวก็ลดลงด้วยด้วยเหมือนกัน ทั้งยังยังไม่พบอาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการข้างๆได้ และมีการบันทึกผลของการตรวจเลือดเสมอๆ เนื่องจากหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่พอ จึงจำต้องศึกษาต่อไป
ป้องกันลิ่มเลือด การกินใบบัวบกอาจช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเกิดจากการขึ้นรถเรือบินเป็นระยะเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาเสนอแนะว่าใบบัวบกบางทีอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนเลือดในผู้ที่ขึ้นรถเครื่องบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แม้กระนั้น ยังไม่เป็นที่แจ่มกระจ่างว่าการเรียนชิ้นนี้จะหมายความว่าการลดการสะสมของลิ่มเลือด เพราะหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการคุ้มครองลิ่มเลือดยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในผู้เจ็บป่วยเบาหวาน งานศึกษาเรียนรู้หนึ่งให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยจำนวน 50 คน กินสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารไตรเทอร์พีนอยด์เป็นส่วนสำคัญ ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก พบว่าสารสามเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีคุณประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดฝอยของคนเจ็บเบาหวาน แต่ว่าหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจำเป็นที่จะต้องศึกษาต่อไป
แผลเบาหวาน มีการวิจัยเกี่ยวกับคุณภาพรวมทั้งผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งคนป่วยเบาหวานปริมาณ 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกรุ๊ปหนึ่งกินสารทวีปเอเชียติเตียนวัวไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มก. แล้วก็อีกกลุ่มกินยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลข้างหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง และก็มีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของคนเจ็บที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดียิ่งกว่าและไม่เจอผลข้างเคียง หรือเรียกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น แล้วก็สามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลใกล้กัน แต่เนื่องจากว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลโรคเบาหวานยังไม่พอ จึงต้องศึกษาต่อไป
แผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ยกตัวอย่างเช่น เอเชียว่ากล่าวโคไซด์ กรดทวีปเอเชียว่ากล่าวก มาเดแคสโซไซด์ แล้วก็กรดมาดีคาสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายแล้วก็อาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งยังแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก แผลจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงรอยแผลแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องนาน 6-8 อาทิตย์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลได้ รวมถึงแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่เพราะเหตุว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลยังไม่เพียงพอ ก็เลยจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการมีท้อง ได้มีการค้นคว้าแนะนำให้คนที่กำลังตั้งครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน เสมอๆทุกวี่วันในช่วง 6 เดือนสุดท้ายก่อนการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกจากนี้ ยังมีการทดลองโดยให้หญิงมีครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี รวมทั้งคอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะเป็นผลให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แต่เนื่องมาจากหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
ลดความหนักใจ การดูแลรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อบรรเทาอาการซึมเศร้าแล้วก็ความกลุ้มใจ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณภาพของใบบัวบกสำหรับเพื่อการลดความกลุ้มอกกลุ้มใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านทานความรู้สึกวิตกกังวล ช่วยลดความตึงเครียด แต่ว่ายังคงจำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกต่อไปถึงความสามารถของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคตื่นตระหนก
โรคและอาการอื่นๆดังเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การต่อว่าดเชื้อฟุตบาทฉี่ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังต้องศึกษาค้นคว้าหาประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับการรักษาต่อไป

ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่การรับประทานใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังตั้งท้อง หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะเหตุว่ายังไม่มีหลักฐานทางด้านการแพทย์เพียงพอที่จะสนับสนุนถึงเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งต่อเด็ก คุณแม่ หรือลูกในท้อง
การกินใบบัวบกอาจเป็นสาเหตุให้กำเนิดความย่ำแย่ต่อตับ ด้วยเหตุนั้นคนที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรกินใบบัวบก เพราะเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้อาการต่างๆห่วยลงได้ รวมทั้งไม่ควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกรุ๊ปพวกนี้ อาทิเช่น พาราเซตามอล อะมิโอดาโรน คาร์บามาซีปีน ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตตำหนิน ฯลฯ
การรับประทานใบบัวบกในจำนวนมากอาจจะทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากกว่าปกติ หรือแม้กินร่วมกับยานอนหลับหรือยาความไม่ค่อยสบายใจน้อยลง เป็นต้นว่า โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล และก็โซลพิเดม
ควรจะหยุดกินใบบัวบกอย่างน้อย 2 สัปดาห์สำหรับผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เพราะเหตุว่าบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้สำหรับการผ่าตัดแล้วก็อาจจะเป็นผลให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรขอความเห็นหมอก่อนกินใบบัวบก ถ้าอยู่ในช่วงการใช้ยาหรืออาหารเสริมชนิดอื่นๆอยู่เป็นประจำ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ประสงค์ถ้าเกิดรับประทานใบบัวบกในระหว่างการรักษาของคนไข้โรคไม่สบายใจ คนเจ็บเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนเจ็บอัลไซเมอร์ รวมทั้งผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยาคลายความกลุ้มอกกลุ้มใจ แล้วก็ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจส่งผลให้กดประสาทมากขึ้น http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบัวบก

2

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่พวกเราต่างรู้จักกันดีในฐานะของผักพื้นบ้าน นิยมเอามากินกับน้ำพริกหรือเมนูอาหารต่างๆแบบใหม่ๆและก็ยังนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำใบบัวบกเพื่อดับหิว แก้ช้ำใน แล้วก็เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบทวีปเอเชียพวกเรานี้เอง ด้วยคุณประโยชน์ที่นานัปการ จึงทำให้มันเป็นยารักษาโรคและก็ตัวช่วยดูแลสุขภาพ ในขณะนี้เริ่มมีการทำศึกษาค้นคว้า สกัดสารสำคัญในใบบัวบกนำมาใช้สำหรับในการรักษาในรูปของยาแคปซูล รวมทั้งบัวบกผงสำหรับชงดื่มอีกด้วย
รูปแบบของใบบัวบก
บัวบก มีชื่อเรียกทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica อยู่ในสกุล Umbelliferae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับผักชี ส่วนชื่อท้องถิ่นถูกเรียกในชื่อที่มากมาย เป็นต้นว่า ผักแว่น ผักหนอก และกะโต่ ฯลฯ  ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ล้มลุก มีกอติดอยู่ที่พื้นดิน ลำต้นจะเลื้อยแพร่แขนงไปตามพื้นดินในแนวระดับ มีอายุยืนยาวได้นานหลายปี การแตกรากและก็ใบจะเกิดขึ้นตามข้อ ลักษณะเป็นใบลำพัง มีรูปร่างราวกับไต จะออกเป็นกรุ๊ปตามข้อ ขอบของใบหยัก มีก้านใบยื่นยาวออกมา ดอกเป็นสีม่วงปนแดง ผลแบน ออกเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อขนาดเล็กราว 3-4 ดอก มีเอกลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของกลิ่น และก็รสชาติที่ขมปนหวาน
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบักที่นิยมนำมากิน
เราบางทีอาจคุ้นชินว่าบัวบกเป็นพืชสมุนไพรแก้ช้ำในเป็นหลัก แต่ว่าจริงๆแล้วสมุนไพรจำพวกนี้มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาอีกนานัปการ ไม่ว่าจะเป็น การรักษาโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องร่วง รักษาโรคในกระเพาะ ช่วยบำรุงสมอง รวมทั้งช่วยเพิ่มความจำ เป็นต้น การกินใบบัวบกแบบสดๆจะมีผลให้ร่างกายได้สารสำคัญหลากหลายประเภท ที่พบได้ทั่วไปเป็น "สารไกลโคไซด์" (Glycosides) ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่ผลเข้าไปกีดขวางการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์และก็เนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย มีส่วนช่วยเร่งการผลิตคอลลาเจนที่ผิว กระดูก และก็เอ็น ทำให้แผลสมานตัวเข้าพบกันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สรรพคุณของใบบัวบก ไม่ว่าจะเป็นการทานเป็นต้นดิบๆหรือเอามาคั้นเป็นน้ำดื่ม ล้วนมีสรรพคุณทางยาที่ไม่มีความต่างกัน
เพราะว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็น จะช่วยลดการเกิดอาการร้อนใน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม ในกลุ่มสตรีที่อยู่ในวัยใกล้หมดรอบเดือน ผู้ที่จะต้องใช้สมองสำหรับในการทำงานมากๆใบบัวบกจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความจำเจริญ ช่วยลดความเครียด ลดการอักเสบที่ผิวหนัง อาการบวมช้ำและร่องรอยไม่ปกติที่เกิดบนผิวหนัง ยิ่งกว่านั้นคนที่บริโภคใบบัวบกหลังการผ่าตัด จะช่วยทำให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น และก็ลดการติดเชื้อได้
คุณประโยชน์ของบัวบกกับผลงานวิจัย
งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยได้เอ่ยถึงบัวบกเอาไว้ว่า เป็นพืชที่มีสรรพคุณเด่นในด้านการบำรุงสมองเช่นเดียวกันกับแปะก๊วย ช่วยกระตุ้นสมองสำหรับเพื่อการจำสิ่งต่างๆก้าวหน้าขึ้น รวมทั้งช่วยความเจริญเรียนรู้ทางสมอง แล้วก็ด้วยลักษณะเด่นกลุ่มนี้ทำให้มันแปลงเป็นพืชที่ถูกจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกที่มีหน้าที่่ช่วยเพิ่มความจำ
จากการทดลองในลูกหนู พบว่ามีความจำแล้วก็การศึกษาที่ดียิ่งขึ้น ส่วนในคน มีการทดสอบในเด็กพิเศษ ด้วยการกินบัวบกวันละ 500 มก. ติดต่อกัน 3 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่ามีความรู้ความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีมากกว่า ส่วนในคนวัยชราให้ทดสอบกินสารสกัดบัวบก 750 มิลลิกรัม ติดต่อกัน 2 เดือน พบว่า ทั้งยังความจำและก็การศึกษา ทั้งยังยังช่วยลดอารมณ์ผันแปร ทำให้คนชรามียิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้นด้วย ในรายที่เป็นวัยทำงาน ได้ทำทดสอบกับผู้หญิงอายุประมาณ 33 ปี กินสารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง พบว่าช่วยลดความตึงเครียด ความกังวล และก็ภาวะกลัดกลุ้มลงได้
เมื่อเจาะลึกลงไปถึงระดับเซลล์ เจอแนวทางการทำงานของสารสกัดบัวบกที่ตรงเข้าออกฤทธิ์กับสมอง ช่วยให้การหายใจระดับเซลล์ภายในสมองทำงานได้ดิบได้ดีขึ้น มีสารต้านอนุมลอิสระ ช่วยสร้างสมดุลสารสื่อประสาท และก็ต่อต้านการเสื่อมสภาพของเซลล์สมองได้
การนำใบบัวบกมาใช้บริโภคเพื่อเป็นยา
บัวบกสามารถนำมาใช้เป็นยาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของต้นสด เม็ด หรือใบ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบประยุกต์ใช้มากที่สุด การเลือกใบบัวบกที่ดี ควรเลือกใบที่โตเต็มที่รวมทั้งสมบูรณ์ ประยุกต์ใช้ตากแห้งป่นเป็นผงใส่ลงในแคปซูลโดยประมาณ 500 มก. กินเป็นยาบำรุงร่างกาย
นำเอาใบบัวบกสด 1 กำมือ มาคั้นให้ได้น้ำ หรือตำให้รอบคอบแล้วผสมกับน้ำ 1 แก้ว คนให้เข้ากันแล้วต่อจากนั้นกรองให้เหลือแต่น้ำ ผสมน้ำตาลหรือเกลือก็ได้ตามถูกใจ ดื่มทีละ 1 แก้ว ก่อนที่จะกินอาหารทั้งยัง 3 มื้อ ราวๆ 5-7 วัน จะช่วยลดอาการร้อนในและแก้ช้ำในได้
ในกรณีที่เป็นคนไข้โรคความดันเลือดสูง ให้สามารถกินน้ำใบบัวบกวันแล้ววันเล่า ติดต่อกันโดยประมาณ 7 วัน จะช่วยลดระดับความดันให้อยู่ในระดับปกติ
เม็ดของบัวบกที่มีรสขมแล้วก็เย็น นิยมนำมาใช้แก้ไข้ ลดลักษณะของการปวดศีรษะ แล้วก็แก้บิด

ข้อควรปฏิบัติตามสำหรับการใช้ใบบัวบก
ก่อนรับประทานใบบัวบกเพื่อเป็นยา จะต้องตรวจดูสุขภาพกายของตนเองก่อนว่าเบื้องต้นแล้วมีโรคประจำตัวอะไรที่มีความเสี่ยงหรือเปล่า เพราะสารบางจำพวกในใบบัวบก จะเข้าไปทำให้ลักษณะโรคกำเริบมากยิ่งขึ้นได้
ด้วยเหตุว่าบัวบกเป็นยาที่มีฤทธิ์เย็น การรับประทานมากจนเกินไปจะทำให้สะสมภายในร่างกายจนกระทั่งรู้สึกหนาวเพิ่มมากขึ้นได้
หลบหลีกการกินใบบัวบกติดต่อกันวันแล้ววันเล่า หรือรับประทานครั้งละมากๆเมื่อกินติดต่อกันราว 1 อาทิตย์แล้ว ก็ควรจะหยุดพัก 1 อาทิตย์ แล้วค่อยกลับมารับประทานใหม่
สำหรับกินใบบัวบกสดๆต่อเนื่องกันทุกวี่ทุกวัน ควรกินในสัดส่วนราววันละ 3-6 ใบ ไม่สมควรเหลือเกินกว่านี้
ถ้าเกิดร่างกายมีลักษณะอาการเหน็ดเหนื่อย วิงเวียน ใจสั่น หรือหัวใจเต้นแตกต่างจากปกติ รู้สึกคันตามผิวหนัง ท้องร่วง หลังจากการกิน ควรจะหยุดกินทันทีและก็รีบเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
ในฝูงชนที่จำเป็นต้องกินยาแก้แพ้ ยานอนหลับ หรือยากันชัก ไม่สมควรกินใบบัวบก เนื่องจากว่าจะยิ่งไปเพิ่มฤทธิ์ให้รู้สึกง่วงซึมเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ใบบัวบกเป็นพืชสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายทั่วๆไปตามท้องตลาด มีราคาถูก แต่ว่ามากด้วยสรรพคุณทางยา ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาโรคต่างๆและใช้สำหรับบำรุงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบัวบก

3

เหงือกปลาหมอ
ถิ่นกำเนิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยเราเพราะเหตุว่ามีประวัติสำหรับการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งแล้วก็มักจะพบได้มากในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญวัยได้ดีในที่ร่มแล้วก็มีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 พันธุ์ คือ ประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบมากในภาคกึ่งกลางรวมทั้งภาคทิศตะวันออก ประเภทดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. เจอทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นประเภทไม่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบเดี่ยว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 เซนติเมตร แล้วก็ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราว 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับพันธุ์ของต้นเหงือกปลาหมอเป็น ดอกมีทั้งยังจำพวกดอกสีม่วง หรือสีฟ้า แล้วก็พันธุ์ดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวโดยประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยพูดว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นทั้งยังยารับประทานและก็ต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะบรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยารวมทั้งวิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี เป็น
วิธีต้มยากินแล้วก็อาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ว่าถ้าหากมีเหงือกปลาหมอจำนวนมาก บางทีก็อาจจะต้มยาเพื่อแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
ขั้นตอนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้งยัง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะกินครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร เช้า-เย็น กินไปเรื่อยตราบจนกระทั่งจะหาย แต่ว่าถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องก็จำเป็นต้องกินตลอดไป

วิธีทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผุยผงละเอียดเหมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม คนแก่รับประทานทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเยอะแยะ ตัวอย่างเช่น
-ราก มีสรรพคุณสำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายแบบ โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการซูบผอม ถ้าใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างกันออกไปอีก
-ทั้งยังต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งยังต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษโรคฝีดาษ ฝีทั้งปวง ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตเมนส์ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" อีกทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- ทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด เจ็บป่วยจับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบซีดเหลืองหมดทั้งตัว กินวันแล้ววันเล่า
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดหนึ่ง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงยกลง กลั้นใจกินขณะอุ่นกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนตลอดตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" ทั้ง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนถึงเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา ตอนเช้า ช่วงกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้จักอ่อนล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงเพราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งปวงที่บอกเป็นตำรายาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกดูแคลน ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

4

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในวงศ์หน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) รวมทั้งอยู่ในตระกูลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพรรากสามสิบ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา), ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดเชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยสามี, สาวร้อยผัว, ศตาวรี ฯลฯ
รูปแบบของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนมาจากใบเกล็ดรอบๆข้อ) สามารถเลื้อยปีนป่ายต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงประมาณ 1.5-4 เมตร แตกกิ่งเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวปนเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น และก็วาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 มม. เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวประมาณ 1-4 มม. บริเวณข้อมีกิ่งแตกแขนงแบบรอบข้อ แล้วก็กิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร และก็ยาวราว 0.5-2.5 มิลลิเมตร ทำแทนใบ มีเหง้ารวมทั้งรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวย รูปแบบของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามาก มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และก็ประเทศออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้งแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบผู้เดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างราวๆ 0.5-1 มิลลิเมตร และก็ยาวประมาณ 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาวราว 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ มีดอกเป็นช่อกระจะ ยาวราวๆ 2-4 ซม. โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวแล้วก็มีกลิ่นหอม มีประมาณ 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวโดยประมาณ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ แล้วก็วงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มิลลิเมตร รวมทั้งยาวโดยประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร กลีบดอกมีลักษณะบางและก็ร่น โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวโดยประมาณ 2-3 มม. ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมรวมทั้งอยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านยกอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวราว 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะออกดอกในช่วงราวม.ย.ถึงเดือนมิถุนายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ รูปแบบของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างจะกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ข้างในผลมีเม็ดราว 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกมีลักษณะแข็งแต่ว่าเปราะ ผลิดอกออกผลในช่วงโดยประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

คุณประโยชน์ของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสฝาดเย็น มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
แบบเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กษัย (ราก)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่ารวมทั้งต้นจันทน์แดง ผสมกับสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาลดระดับความดันเลือดและก็ลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
ต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสลด4 แก้การต่อว่าดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการของกินไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้อาการท้องร่วง แก้บิด (ราก)
ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ใบ)
ตำราเรียนยาสมุนไพรประจำถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดเบา ขับเยี่ยว ช่วยหล่อลื่นรวมทั้งกระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการระดูเปลี่ยนไปจากปกติของสตรี (ราก)
ทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำเป็นยาแก้ตกเลือด (ราก, ทั้งยังต้น)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นความสามารถทางเพศชายรวมทั้งหญิง คนทางภาคเหนือบ้านพวกเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย รับประทานแล้วกระปรี้กระเปร่าเสมือนม้า 3 ตัว ก็เลยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนแพทย์ยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อ “สาวร้อยสามี” หรือ “สามร้อยผัว” พูดอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีสามีได้ อายุมากแค่ไหนก็ยังดูสาวเสมอ แต่ไม่ใช่รับประทานแล้วจะสามารถมีผัวได้เป็นร้อยคน ในแบบเรียนอายุรเวทจะใช้สมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเพื่อการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นภาวะประจำเดือนแตกต่างจากปกติ ภาวการณ์หมดรอบเดือน ปวดเมนส์ ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยทำนุบำรุงท้อง บำรุงนม คุ้มครองป้องกันการแท้ง ฯลฯ ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มกิน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ยิ่งไปกว่านี้ยังใช้กระตุ้นน้ำนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับแล้วก็ปอดให้กำเนิดกำลังปกติ แก้ตับแล้วก็ปอดทุพพลภาพ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยทุเลาอาการเคือง (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย ครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อรวมทั้งคอ (ราก)
ใบมีสรรพคุณช่วยขับนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กอ่อนในท้อง บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายข้างหลังการคลอดบุตรของสตรี (ราก)
ใน “พระหนังสือคุณประโยชน์ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ่ยถึงคุณประโยชน์ของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานเพศผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้ตาโรค รากสามสิบทั้งยัง 2 มีคุณมากกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 จำพวก อย่างแรกหมายถึงตัวร้อน เบื่อข้าว ปวดศีรษะ และอีกอย่างหนึ่ง คือ มีลักษณะร้ายแรงมากยิ่งกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะอาการคัน ไอ มีเสลด และมีเลือดออกทางปากและจมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระคัมภีร์เวชศาสตร์อนุเคราะห์” ได้เอ่ยถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆอีกหลายประเภท โดยบอกว่ามีสรรพคุณ (ที่ค่อนจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยกันจำเริญชีวิตให้เกิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังมากไม่เหมือนกัน กินเข้าไปแล้วหาโทษไม่ได้ ใช้ได้ทั้งยังเด็ก คนวัยชรา คนมีกำลัง คนซูบผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อนยาน ให้ประกอบยานี้กันเถอะ อนึ่ง กินแล้วให้บังเกิดลูก ให้อกโคนแค่นพระจันทร์งทั้งยัง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดี แพทย์ก็นับถือรักษาโดยใช้ยานี้เหอะ (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคซูบซีด แก้โรคหอบหืด แก้ปิดตะ และก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ร่วมกัน 20 อย่างแล้วก็รากสามสิบ (ราก)
ใน “พระตำราวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระที่นาทิแผนก” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง และรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีอาการเสียดแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสลด แก้ลุกลุมโรคหายแล และยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสลด ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง และรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงครรภ์ แก้ไข้ แก้ปวดหัว ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 ชนิด ยกตัวอย่างเช่น รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้งยัง 5 บัวน้ำ 5 โกฐทั้งยัง 5 จันทน์อีกทั้ง 4 รวมทั้งเทวดาทาโร (ใช้อย่างละเสมอกัน) นำทั้งสิ้นมาใส่ในหม้อฉาบหรือหม้อดิน เพิ่มน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 เซนติเมตร แช่ทิ้งไว้ราว 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มโดยประมาณ 30 นาที น้ำยาเดือดแล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจจึงยกลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนอาหารยามเช้ารวมทั้งเย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงครรภ์อย่างดี (ราก)
ยิ่งกว่านั้นยังมีคุณประโยชน์ของรากสามสิบตามเว็บไซต์ต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา สมุนไพรชนิดนี้ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดหน้าอกและก็บั้นท้าย ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ ขจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับรูปร่าง ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างและก็พัฒนาความจำและปัญญา (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดและการใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากโดยประมาณ 90-100 กรัม เอามาต้มกับน้ำกินวันละครั้งในช่วงเช้า
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่พบ ดังเช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านทานเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้ลักษณะของการปวด คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นมาจากความดันเลือดสูง ขับนม มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านทานอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ ยับยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่พบในรากคือสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติภารกิจเลียนแบบฮอร์โมนเพศ ก็เลยน่าจะมีบทบาทสำหรับเพื่อการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดระดูของสตรี รวมไปถึงการช่วยปกป้องรักษาการเกิดโรคหัวใจแล้วก็เส้นโลหิตรวมถึงโรคกระดูกพรุน
จากการศึกษาเล่าเรียน
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ตอนเป็นตอนกระทันหันแล้วก็ช่วงยาวต่อเนื่อง โดยการเล่าเรียนในช่วงรุนแรงป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 รวมทั้งประเภทที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น ส่วนการเรียนรู้ตอนยาวตลอดวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน แล้วก็เพิ่มไกลวัวเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม จึงสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการยับยั้งการสรุปยและการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะมีสาระสำหรับในการใช้ประโยชน์รักษาคนป่วยเบาหวานได้9
จากการทดลองทางสถานพยาบาลหมายถึงการใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการกินผงแห้งของราก พบว่าได้ผลดีในการรักษาแผลที่กระเพาะและก็ลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี คริสต์ศักราช1997 ที่ประเทศอินได้กระทำการทดสอบการใช้รากสามสิบกับคนป่วยความดันโลหิตสูงจำพวก mild hypertension โดยทดสอบเปรียบเทียบกับยาลดระดับความดัน (Propranolol) ใช้ช่วงเวลาทำทดสอบนาน 3 เดือน ผลการทดสอบพบว่า คนเจ็บมีความดันโลหิตลดลง < 90 mm.Hg. แล้วก็ลดไขมันได้ประสิทธิภาพที่ดี

  • K. Mitra และภาควิชา (ค.ศ.1996) ที่อินเดียได้กระทำทดลองใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/


    Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

5

กระเทียม
สรรพคุณกระเทียม
ปรับความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้เจ็บป่วยเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองป้องกันอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ป้องกันโรคหัวใจ
ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ป้องกันหวัด ยั้งการเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ผลดีดีๆที่พวกเราต้องการให้ท่านทานแต่ละวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิสินในกระเทียมที่มีสาระต่อสถาพทางร่างกายของพวกเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ตี หรือบด ควรต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนเอามาปรุงอาหาร 5-10 นาที โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน โดยเหตุนี้จะทานสด หรือจะประกอบอาหารในน้ำมันก็ช่างเถิด
จำนวนกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ประมาณ4 กรัมต่อวัน แต่ไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน ด้วยเหตุว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดรอยแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาทำอาหาร
ควรเลือกกระเทียมที่หัวแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น รวมทั้งถ้าหากอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรจะเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้แม่ครัวพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในของกินให้ด้วยนะคะ แต่ว่าระวังสักนิด หากทานกระเทียมมากๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด อาจมีอาการเจ็บคอตอนหลัง รวมทั้งอย่าลืมระแวดระวังกลิ่นปากกันด้วยจ้ะ ประเดี๋ยวจะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆหุ้มห่ออยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งกึ่งกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆจำนวน 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นและก็หัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกภาคของเมืองไทย แม้กระนั้นนิยมนำมาปลูกกันมากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากว่ามีสภาพดินและสถานการณ์อากาศที่เหมาะมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญเติบโตเจริญ เห็นผลผลิตสูงและมีรสชาติที่ดีมากกว่า

ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่อหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีสาเหตุจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปๆมาๆก ใบคนเดียว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 ซม. ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบแล้วก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นและก็เชื่อมชิดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่ารวมทั้งก้านช่อดอกนำมาซึ่งเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวรวมทั้งสีจะเบาๆจางลงจวบจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆมากมายอยู่ปนเปกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบเสริมแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมห่อช่อดอกขณะที่ยังตูมอยู่ แต่ว่าเมื่อช่อดอกบานใบประดับประดาจะเปิดอ้าออกแล้วก็ห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก็ก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นมากยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เม็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากทางภาคอีสานแล้วก็ภาคเหนือ แต่กระเทียมที่มีชื่อเสียงว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ตัวอย่างเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
แนวทางเลือกซื้อกระเทียม
วิธีสำหรับการเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองณกล้วยๆเป็น เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญหากต้องทำอาหารที่อยากกลิ่นฉุนๆต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเพียงแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความคิดเห็นว่ากระเทียมมีคุณประโยชน์แล้วก็สรรพคุณมาก ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แม้กระนั้นก้ไม่ยากเหลือเกินที่จะกินครับผม ด้วยเหตุนี้อย่าลืมเพิ่สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อไปนี้
คนที่กำลังตั้งท้องหรือผู้ที่อยู่ในตอนให้นมบุตร การกินกระเทียมในตอนการท้องค่อนข้างไม่มีอันตรายถ้าหากรับประทานเป็นอาหารหรือในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรและก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและก็ระคายเคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจก่อให้มีการระคายที่ดินเดินของกินได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลดลงมากกว่าปกติ
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เพราะว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค อาทิเช่น ไอโซไนอะสิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายแล้วก็ส่งผลต่อสมรรถนะการทำงานของยา รวมทั้งไม่ควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านนะครับ คุณประโยชน์และก็ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียมนั้นร้ายมากจริงๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

6

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะบุคคล นอกเหนือจากประยุกต์ใช้เตรียมอาหาร ปรุงแต่งกลิ่นในของกิน รวมทั้งทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกเอาไปใช้ในหลากสาขา ดังเช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งหน้า การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเชื่อว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยคุ้มครองปกป้องการเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้าม บรรเทาลักษณะของการปวดและลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในระหว่างมีเมนส์ แล้วก็เป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุก มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านแล้วก็เอามาปรุงอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีสาระรวมทั้งช่วยบรรเทาอาการโรคบางชนิดได้ แม้กระนั้นหารู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ภายใต้ต้นแข็งแล้วก็ใบที่คมของตะไคร้ยังหลบซ่อนคุณค่าเอาไว้มากกระทั่งไม่ได้นึกฝัน วันนี้พวกเราไปดูคุณประโยช์จากตะไคร้ที่รู้แล้วต้องตลึงที่เอามาจากเว็บไซต์ allwomenstalk กันดีกว่าค่ะ ผู้ใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน จะต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
สรรพคุณของตะไคร้ ผลดีดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่ารู้สึกว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ใช้ปรุงอาหารเท่านั้น เนื่องจากที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งธาตุจำนวนมาก อีกทั้งวิตามินเอ วิตามินซี รวมทั้งวิตามินบี นอกนั้นยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินเยอะขนาดนี้คราวหน้าเจอตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกจากจะนำมาทำกับข้าวแล้ว ตะไคร้ยังเป็นประโยชน์สำหรับในการไล่แมลงอีกด้วย เนื่องจากว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ทั้งในใบรวมทั้งในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีคุณสมบัติสำหรับในการไล่แมลงได้อย่างดี จึงไม่น่าฉงนใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางจำหน่ายอยู่ในตลาดมากไม่น้อยเลยทีเดียว คนใดที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างสารพิษ
          สำหรับรักสุขภาพรวมทั้งชอบล้างพิษในร่างกายเป็นประจำไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะเหตุว่ามันมีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการล้างพิษภายในร่างกายด้วยการทำให้คุณฉี่บ่อยมากขึ้น ด้วยเหตุว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร ดังเช่นว่า ตับ ตับอ่อน ไต และก็กระเพาะปัสสาวะ ขับสารพิษรวมทั้งกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และก็ดำเนินงานได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยในการย่อยอาหาร
          ตะไคร้ ช่วยทำให้ระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหารทำงานได้ดิบได้ดีขึ้นจ้ะ ด้วยเหตุว่ามีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยสำหรับการย่อย ลดลักษณะของการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคิวในลำไส้ และท้องเสียได้ นอกนั้นยังช่วยป้องกันแล้วก็ลดก๊าซในไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมและบำรุงระบบประสาท
          มีการศึกษาเล่าเรียนจำนวนหลายชิ้นพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมบำรุงรวมทั้งเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายดายด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะมีผลให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากแล้วก็ลดอาการตะคิวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าครั้งใดก็ตามจะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดจ้ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็บรรเทาลักษณะของการปวดต่างๆได้ นอกเหนือจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นต้นเหตุของลักษณะของการปวดต่างๆเป็นต้นว่า ปวดฟัน ปวดกล้าม หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าคุณรู้สึกเจ็บปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดมองนะคะรับประกันว่าหายแน่นอน
ช่วยบำรุงรักษาผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเหตุนี้มันจึงสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณเปล่งประกายความมีสุขภาพแข็งแรงออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณมองอ่อนเยาว์อยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กก. รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มก. แล้วก็ เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร http://www.disthai.com/

7

มะขาม
ชื่อสมุนไพร มะขาม
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน ขาม (ภาคใต้) , ม่องวัวล้ง (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี) , ตะลูบ (โคราช) หมากแกง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) , อำเปียล (เขมร-จังหวัดสุรินทร์) , ส่าหม่อเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ซึงกัก , ทงฮ้วยเฮียง (จีน)
ชื่อสามัญ  tamarind
ชื่อวิทยาศาสตร์  Tamarindus indica Linn.
วงศ์  Fabaceae
ถิ่นเกิด เช้าใจกันว่ามะขามมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา แถบประเทศซูตานในปัจจุบัน จากนั้นมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้นำมะขามมาปลูกในแถบอินเดีย รวมทั้งในประเทศแถเขตร้อนของเอเชียและก็ประเทศแถบลาตินอเมริกา แม้จะมีหลักฐานว่ามะขามมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่สำหรับในประเทศไทยมะขามก็เข้ามา และก็เป็นที่รู้จักดีเลิศว่า 700 ปีแล้ว ดังปรากฏเนื้อความในศิลาจารึกหลักที่ 1 สมัยบิดาขุนรามคำแหง ที่กล่าวถึงมะขามอยู่หลายที่ ดังเช่นว่า ตอนหนึ่งว่า “หมากขามก็หลายในเมืองนี้คนไหนสร้างได้ไว้แก่มัน” ฯลฯ  จากหลักฐานดังกล่าวก็เลยอาจกล่าวได้ว่า มะขามเป็นพืชที่มีการกระจายจำพวกเข้ามาสู่เมืองไทยกว่า 700 ปีมาแล้ว  นอกจากนี้มะขามยังเป็นพันธุ์พืชพระราชทางและฯลฯไม้ประจำจังหวัดจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย
ทั้งนี้มะขามฯลฯไม้แข็งแรงทนทาน แล้วก็ฯลฯไม้ที่แก่ยืนยาวมากมายชนิดหนึ่ง ในประเทศศรีลังกามีแถลงการณ์ว่าพบมะขามที่แก่มากกว่า 200 ปี ส่วนในประเทศไทย เจอมะขามยักษ์ที่วัดแค อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีขนาดลำต้น 6-7 คนโอบ มั่นใจว่าแก่กว่า 300 ปี โดยวัดแคนี้มีปรากฏชื่อในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนเณรแก้วเรียนวิชากับอาจารย์อาจจะเจ้าวัดวัดแค ว่า
“ทั้งยังพิชัยสงครามล้วนความรู้บางครั้งก็อาจจะปราบศัตรูไม่สู้ได้
      ฤกษ์พานาทีทุกๆสิ่งทุกๆอย่างไปทั้งยังเสกใบมะขามได้เปรียบแตน”
มีชาวสุพรรณฯ มากไม่น้อยเลยทีเดียวเชื่อว่า มะขามยักษ์ที่วัดแคในปัจจุบัน เป็นมะขามต้นเดียวกันกับต้นที่สามเณรแก้วฝึกฝนเสกใบมะขามเหนือชั้นกว่าแตนในครั้งนั้น
ลักษณะทั่วไป  มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงใหญ่ สูง 6-20 เมตร เปลือกต้นสีเทา ดำ มีริ้วรอยมาก แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม ใบเป็นใบประกอบ ปลายเป็นใบคู่ ใบยาว 8-11 เซลเซียสม. มีใบย่อย 14-40 ใบ ใบย่อยลักษณะใบยาวปลายมนกลม ยาว 1-2,4 เซลเซียสมัธยม กว้าง 4.5-9 มัธยมม. ปลายใบมน หรือบางโอกาสก็เว้าเข้าบางส่วน ฐานใบทั้งยัง 2 ข้างเว้าเข้าไม่เท่ากัน ตัวใบเรียบไม่มีขน ดอกออกที่ปลายก้านหรือจากซอกใบ เป็นช่อบานจากโคนไปปลาย ดอกมีกลีบหุ้มดอกอ่อน 1 กลีบ สีแดง ขอบมีขนสั้นสีขาว เมื่อดอกบานจะหลุดตกไปกลีบเลี้ยงไปกลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ สีเหลืองปลายกลีบแหลมมีสีแดงเรื่อๆกลีบดอกไม้มี 5 กลีบ ขนาดแตกต่างกัน สีเหลืองมีลายเส้นกลีบดอกไม้สีแดงเข้ม ริมกลีบดอกมีรอยย่นๆกลีบดอก 2 กลีบข้างล่างจะฝ่อ เล็กหายไป มีเกสรตัวผู้ 3 อัน ก้านเกสรชิดกันจากศูนย์กลางลงมา รังไข่มี 1 อัน เป็นฝักยาว ส่วนปลาย เป็นก้านเกสรตัวเมีย มีเมล็ดมากมาย ฝักทรงกระบอก แบนเล็กน้อย ยาว 3-14 ซ.ม. กว้าง 2 ซ.ม. เปลือกนอกสีเทา ข้างในมีเมล็ด 3-10 เมล็ด เม็ดมีเปลือกนอก สีน้ำตาลปนแดงเรียบวาว ออกดอกในช่วงพฤษภาคมเป็นต้นไป ฝักแก่ในราวเดือนธันวาคม
การขยายพันธุ์  โดยทั่วไป มะขามสามารถเพาะพันธุ์จะได้ด้วยเมล็ด แต่ว่าเดี๋ยวนี้ มะขามเริ่มมีการปลูกเพื่อการค้าขายมากขึ้น จึงนิยมนำมาปลูกจากต้นชนิดที่ได้จากการตอน และก็การแทงยอดเป็นหลัก เพราะว่าสามารถได้ผลผลิตได้เร็วเพียงแค่ไม่ถึงปีหลังการปลูก ทั้ง ต้นที่ปลูกด้วยแนวทางแบบนี้จะมีลำต้นไม่สูงเหมือนการเพาะเม็ด ทำให้ง่ายต่อการจัดการ และการเก็บผลผลิตซึ่งการปลูกขั้นตอนต่างๆดังนี้

  • การเตรียมแปลง จัดแจงแปลงด้วยการไถกลบหน้าดิน แล้วตากดิน และหญ้าให้ตายก่อน 1 ครั้ง ระยะตากดินนาน 7-14 วัน ต่อจากนั้น ค่อยไถกลบอีกครั้ง แล้วตากดินทิ้งไว้อีก 5-7 วัน ก่อนที่จะทำขุดหลุมปลูกลงในระยะ 8 x 8 เมตร หรือ 10 x 10 เมตร ขนาดหลุมลึก 50 เซนติเมตร กว้างยาว 50 เซนติเมตร
  • การปลูก ใช้ต้นพันธุ์ที่ได้จากการทำหมัน หรือการเพาะเมล็ด ควรที่จะเลือกขนาดต้นจำพวกที่สูงโดยประมาณ 0.5-1 เมตร ก่อนปลูกให้โรยตูดหลุมด้วยปุ๋ยมูลสัตว์หรือปุ๋ยหมักหรือวัสดุทางการเกษตรอื่นๆร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตราที่หลุมละ 1 กำมือ แล้วโกยดินลงคลุกผสมให้หลุมตื้นขึ้นมาเหลือเกิน 25-30 ซม. ก่อนนำต้นพันธุ์ลงปลูก พร้อมกลบดิน รวมทั้งรดน้ำให้ชุ่ม ต่อไป ให้นำฟางข้าวมาวางคลุมรอบโคนต้น
  • การดูแล การให้น้ำ หลังจากการปลูกแล้วจะทำการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในระยะต้นเพื่อต้นตั้งตัวได้ โดยควรจะให้น้ำในทุกๆ3-5 วัน/ครั้ง ต่อไป ค่อยให้น้อยลงมาเหลือ 3-4 ครั้ง/เดือน ทั้งนี้ อาจไม่ให้น้ำเลยถ้าเป็นช่วงๆฤดูฝนไม่ต้อง


การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในช่วงนี้จนกว่าต้นจะเติบโตพร้อมให้ผล ซึ่งตอนนั้นจึงเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 12-12-24 ร่วม เพื่อรีบผลิตผล ความถี่การใส่ปุ๋ยประมาณ ปีละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ ควรใส่ปุ๋ยคอกโรยรอบโคนต้นด้วยทุกครั้งภายหลังจากการปลูกแล้วราวเข้าปีที่ 2 หรือปีที่ 3 จึงให้เริ่มติดผลได้
                นอกนั้นมะขามยังสามารถปลูกได้ในประเทศแถบร้อนเปียกชื้น เป็นต้นว่า ประเทศในแถบอเมริกากึ่งกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งแอฟริกา  ก็เลยถือว่ามะขามไม้ผลที่มีค่าทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคโดยยิ่งไปกว่านั้นเมืองไทยและก็ประเทศอินเดียที่เป็นแหล่งปลูกมะขามขนาดใหญ่ซึ่งมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวโยงกับมะขามเยอะแยะ
ส่วนประกอบทางเคมี
จากข้อมูลพื้นฐานเมล็ดมะขามประกอบด้วยอัลบูมินอยด์ (albuminoids)  โดยที่มีจำนวนไขมัน 14 -20%, คาร์โบไฮเดรต 59 – 60 %,น้ำมันที่ถูกทำให้แห้งนิดหน่อย  (semi-drying fixed oil) 3.9 – 20 %,น้ำตาลรีดิวซ์  (reducing sugar) 2.8%, สารที่มีลักษณะเป็นเมือก  (mucilaginous material) 60% ดังเช่นว่า โพลีโอส (polyose) ซึ่ง       Tannin : Wikipedia
ใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เมื่อวิเคราะห์ดูองค์ประกอบหลักๆพบว่าเปลือกเมล็ดมะขามประกอบไปด้วยโปรตีน 9.1% แล้วก็ไฟเบอร์ 11.3% โดยที่เม็ดมะขามประกอบด้วยโปรตีน 13 % ลิปิด 7.1 % เถ้า 4.2% รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต 61.7%
โปรตีนหลักที่พบในเม็ดมะขามคืออัลบูมิน (albumins) และโกลบูลิน  (globulins) โปรตีนจากเม็ดมะขามประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ คือ สิสเทอีนแล้วก็เมทไธโอนีน อยู่มากถึง 4.02% เมื่อเทียบกับมาตรฐาน FAO/WHO (1991) ซึ่งตั้งค่าไว้เท่ากับ 2.50%  นอกจากนี้เปลือกเมล็ดมะขามยังประกอบด้วยสารพวกอทนนิน โดยมีแถลงการณ์ว่าในเปลือกหุ้มเม็ดมะขามประกอบไปด้วยแทนนิน (tannins) ถึง 32% ซึ่งแทนนินนี้จัดชนิดและประเภทได้เป็นโฟลบาแทนนิน  (phlobatannin) 35%ที่เหลือเป็นคะเตโคแทนนิน (Catecholtannin)
ส่วนในเนื้อมะขามที่ให้รสเปรี้ยวยังพบกรดทาริทาริก (Tartaric acid)  และก็ในใบมะขามเจอกรด ทาริทาริก (Tartaric acid) และก็กรดมาลิก (Malic acid) นอกเหนือจากนั้น ส่วนต่างๆของมะขามจะมีเม็ดสี ซึ่งได้มีหัวหน้าไปใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง โดยมะขามประเภทแดงมีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) คริสแซนทีนิน (chrysanthemin) ส่วน Tartaric acid : Wikipedia
มะขามประเภทอื่นๆมีเม็ดสีจำพวกแอนทอลแซนติน (anthoxanthin) ลูทีนโอลีน (lute olin) และก็อาปิเจนิน (apigenin) อยู่ในใบมะขามราวๆร้อยละ 2 ฝักมะขามมีแอนทอคแซนตินนิดหน่อย ในดอกมะขามมีแซนโทฟิล (xanthophyll) แค่นั้น รวมทั้งในเปลือกเมล็ดมะขามมีลิววัวแอนโทไซยานิดิน (leucoanthocyanidin) เป็นต้น
ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของมะขามีดังต่อไปนี้

  • พลังงาน 239 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 62.5 กรัม
  • น้ำตาล 57.4 กรัม Malic acid : Wikipedia       
  • เส้นใย 5.1 กรัม
  • ไขมัน 0.6 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.428 มก.
  • วิตามินบี 2 0.152 มก. Chrysanthemin : Wikipedia       
  • วิตามินบี 3 1.938 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 5 0.143 มก.
  • วิตามินบี 6 0.066 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม
  • โคลีน 8.6 มก.
  • วิตามินซี 3.5 มก. Luteolin : Wikipedia           
  • วิตามินอี 0.1 มก.
  • วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 74 มก.
  • ธาตุเหล็ก 2.8 มก. Apigenin : Wikipedia           
  • ธาตุแมกนีเซียม 92 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 113 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 628 มิลลิกรัม
  • ธาตุโซเดียม 28 มก. Xanthopyll : Wikipedia           
  • ธาตุสังกะสี 0.1 มก.


คุณประโยชน์/สรรพคุณ ประโยชน์ซึ่งมาจากมะขามอย่างแรกที่เรามักใช้ประโยชน์กันบ่อยมากคือใช้บริโภคไม่ว่าจะกินใหม่ๆหรือใช้ทำมะขามเปียกไว้สำหรับทำอาหาร มะขามแฉะมีกรดอินทรีย์อยู่สูงจึงเปรี้ยวมาก ใช้ประกอบอาหารไทยที่ต้องการรสเปรี้ยว ดังเช่นว่า แกงส้ม ต้มส้ม ต้มโคล้ง รวมทั้งต้มยำโฮกอือ ฯลฯ นอกจากนี้ยังคงใช้สำหรับการปรุงเครื่องจิ้มน้ำพริกต่างๆหลายชนิด อย่างเช่น น้ำปลาหวาน หลนต่างๆน้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกเมืองนรก แล้วก็น้ำพริกคั่วแห้ง เป็นต้น
ทั้งนี้มะขามฝักอ่อนแล้วก็ใบมะขามอ่อน ก็นำมาทำครัวได้ด้วยเหมือนกัน ทั้งยังสามารถนำมะขามมาทำสินค้าแปรรูปได้อีกหลากหลายประเภท เช่น มะขามดอง , มะขามกวน , มะขามแช่อิ่ม , มะขามแก้ว , และก็เหล้าองุ่นมะขาม ผงมะขาม , สบู่ , แล้วก็แชมพูมะขาม เป็นต้น  ส่วนคุณประโยชน์ด้านอื่นๆก็มีอีกตัวอย่างเช่น เนื้อไม้มะขาม สำหรับคนไทยแล้วเขียงกว่าปริมาณร้อยละ 90 ทำจากไม้มะขาม เพราะมีคุณสมบัติสมควรกว่าไม้อื่นๆตัวอย่างเช่น เหนียว เนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ไม่มีกลิ่นหรือสารพิษที่จะปนไปกับอาหาร นอกเหนือจากนั้นยังหาง่ายอละแข็งแรงอีกด้วย เว้นแต่ใช้ทำเขียงแล้ว ยังเหมาะกับทำครก สาก เพลา และดุมเกวียน ใช้กลึงหรือแกะสลัก ถ้านำมาเผาเป็นถ่าน จะให้ความร้อนสูง  เม็ดมะขาม (แก่) นำมาใช้เป็นอาหารได้หลายประเภท ดังเช่นว่า คั่วให้สุกแล้วรับประทานโดยตรง เอามาเพาะให้แตกออกก่อน (เสมือนถั่วงอก) แล้วก็ค่อยนำไปทำครัว หรือนำไปคั่วให้ไหม้เกรียม แล้วบดละเอียด ใช้ชงดื่มแทนกาแฟ นอกเหนือจากนั้นเม็ดแห้งนำไปบดเป็นแป้งใช้ลงผ้าให้อยู่ตัวได้ดี
สำหรับสรรพคุณทางยานั้น ตามตำรายาไทยระบุว่า ดอก ใบและฝักอ่อน ปรุงเป็นของกินกินแก้ร้อนในฤดูร้อน แก้อาการไม่อยากอาหารแล้วก็ของกินไม่ย่อยในฤดูร้อนลดความดันเลือด น้ำคั้นจากใบ ใช้แก้ของกินไม่ย่อยและก็ฉี่ทุกข์ยากลำบาก น้ำสุกจากใบให้เด็กกินขับพยาธิ และมีประโยชน์ในคนเป็นโรคโรคตับเหลือง ใบสด ใช้พอกบริเวณเข่าหรือข้อพับทั้งหลายที่บวมอักเสบหรือที่เคล็ดลับปวดเมื่อย, ฝี, ตาเจ็บ และแผลหิด ใบแห้งบดเป็นผุยผง ใช้โรยบนแผลเปื่อยยุ่ยเรื้อรัง รวมทั้งใช้ผสมน้ำเป็นยากลั้วคอ ใบมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ใบสดมะขามใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในไส้ ใบสดมะขามช่วยรักษาหวัด อาการไอ ช่วยสำหรับการรักษาโรคบิด  ช่วยฟอกโลหิต เอามาต้มผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆใช้อาบข้างหลังคลอด เปลือกต้น ฝาดสมานเป็นยาบำรุงและก็แก้ไข้ ,แก้ท้องเสีย , รักษาแผล เนื้อหุ้มเมล็ด (เนื้อมะขาม) มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆบางทีอาจเนื่องมาจากกรดตาร์ตาริค แต่ถ้าหากเอาไปต้มจนถึงสุก ฤทธิ์ระบายอ่อนๆนี้จะหายไป นอกจากนั้นยังคงใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน ช่วยสำหรับการย่อย ขับลม ขับเสลด , ละลายเสลด  ฝาดสมาน แก้ไข้ แก้อยากดื่มน้ำ ทำให้มีชีวิตชีวา ช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกาย  และเป็นยาฆ่าเชื้อ และก็ให้กินในรายที่ท้องผูกเป็นประจำ แก้พิษสุรา อาหารไม่ย่อย อาเจียน ป่วยแล้วก็ท้องร่วง เนื้อในเมล็ด ใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องร่วง ช่วยสำหรับเพื่อการรักษาแผล รักษาโรคเริม รักษาโรคงูสวัด
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้ แก้ร้อน จากอากาศร้อน ไม่อยากอาหาร แพ้ท้อง คลื่นไส้อ้วก ท้องผูก เด็กเป็นตานขโมย ใช้เนื้อหุ้มห่อเมล็ด 15-30 กรัม ผสมน้ำ คั้นแล้วอุ่นให้รับประทาน  แก้พิษเหล้า ขับเสมหะ ใช้เนื้อห่อเมล็ด 3 กรัม ผสมน้ำตาลทรายรับประทาน  แก้ไข้ ใช้เนื้อหุ้มเมล็ดแช่น้ำ ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน ใช้ดื่มแก้หิวช่วยลดความร้อน ใช้เป็นยาระบาย กินเนื้อหุ้มเม็ด แล้วดื่มน้ำตามมากๆใช้ใบต้มน้ำอาบ หลังคลอดและข้างหลังรู้สึกตัวใช้ ทำให้มีชีวิตชีวา หรือใช้อบไอน้ำ แก้หวัด คัดจมูก ขับเสมหะ แก้ท้องอืดแน่น ของกินไม่ย่อย ใช้เปลือกต้นผสมเกลือ เผาในหม้อดินจนถึงเป็นเถ้าขาว กินทีละ 60-120 มิลลิกรัม และก็ยังใช้เถ้านี้ผสมน้ำอมบ้วนปากล้างคอ แก้คอเจ็บรวมทั้งปากเจ็บได้อีกด้วย หรืออาจใช้เนื้อหุ้มห่อเม็ดรับประทานครั้งละ 15 กรัม ช่วยย่อยของกิน  หรือ   ใช้เนื้อมะขามรักษาอาการท้องผูก       สามารถทำเป็น 3 วิธี เป็นใช้เนื้อจากฝักละลายน้ำแล้วผสมเกลือสวนเข้าทางทวาร หรือใช้เนื้อจากฝักผสมเกลือกิน หรือ เอาเนื้อจากฝักผสมเกลือเล็กน้อย แล้วปั้นเป็นลูกกลอนกิน แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ใช้เปลือกเม็ดสีน้ำตาลปนแดงเป็นเงา 600 มิลลิกรัม เทียนขาว(Cumin) อย่างละเท่าๆกัน ผสมน้ำตาล ต้มรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง แก้อาการเปลี่ยนไปจากปกติเกี่ยวกับน้ำดี ใช้เนื้อหุ้มเมล็ด กินทีละ 10-60 กรัม เปลือกต้น ใช้ต้มกับน้ำ (จะมีแทนนินออกมา) ใช้เป็นยาสมานฝี แผล กันอักเสบ แก้ท้องเดินแล้วก็อาเจียนและก็ใช้แก้โรคหืด ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในลำไส้ พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เมล็ดมะขามมาคั่ว กะเทาะเปลือกออก นำเนื้อในเม็ดมาแช่น้ำเกลือจนนิ่ม แล้วรับประทานทีละ 20 เม็ด เครื่องดื่มชนิดหนึ่งชื่อ “เชอร์เบต” (sherbet) ซึ่งผสมโดยต้มเนื้อมะขาม 30 กรัม ในนม 1 ลิตร เพิ่มลูกเกด 2-3 ลูก กานพลู กระวานและก็การบูรเล็กน้อย ใช้ดื่มแก้ไข้และก็อาการอักเสบต่างๆได้แก่ ป่วย ของกินไม่ย่อย อาการแตกต่างจากปกติเกี่ยวกับกระเพาะ ท้องร่วง และใช้แก้ลมแดดเจริญ ส่วน น้ำชงจากเนื้อมะขาม ตระเตรียมโดยแช่เนื้อมะขามในน้ำ แล้วรินออกมารับประทาน แก้อาการเบื่ออาหาร (ความสามารถของยาชง จะเพิ่มขึ้นอีก โดยการเติมพริกไทยดำ น้ำตาล กานพลู กระวานแล้วก็การบูร ช่วยเพิ่มรส) และในระยะฟื้นไข้ ก็ให้รับประทานเนื้อหุ้มเมล็ดกับนม เนื้อหุ้มห่อเม็ดอุ่นให้ร้อนใช้พอกแก้บวมอักเสบ เนื้อห่อเมล็ดผสมเกลือให้เป็นครีมใช้ถูนวดในโรครูห์มาตำหนิสซั่ม น้ำมะขามใช้อมบ้วนปากล้างคอแก้เจ็บคอ กระเพาะอาหารอักเสบ  นำมะขามเปียกไปแช่น้ำ ลอกเอาใยออก นำมะขามมาถูตัวเบาๆช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นทั้งวัน มะขามแฉะแล้วก็ดินสอพองผสมจนถึงเข้ากัน เอามาพอกหน้าทิ้งไว้โดยประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูกระชับแจ่มใสและสะอาดยิ่งขึ้น  มะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นรวมทั้งนมสด ใช้พอกผิว ช่วยทำให้ผิวหนังที่มีรอยดำคล้ำกลับมาขาวดูสวยสดใส

การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย   สารสกัดน้ำร้อนจากใบ สารสกัดเอทานอล 95% จากใบ ไม่กำหนดขนาดที่ใช้  สารสกัดอีเทอร์-เฮกเซน-เมทานอล จากใบ ความเข้มข้น 100 มค.ก. แล้วก็สารสกัดเอทานอล 95% จากผล ไม่ระบุขนาดที่ใช้ ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus สารสกัดน้ำร้อนจากผล ไม่ระบุขนาดที่ใช้ ได้ผลยับยั้งเชื้อ S. aureus ไม่ชัดเจน เวลาที่สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/มล. ได้ผลยับยั้งเชื้อดังกล่าวต่ำมากมาย สารสกัดเอทานอล 95% และก็สารสกัดน้ำร้อนจากราก ไม่เจาะจงขนาดที่ใช้ สารสกัดเฮกเซนแล้วก็สารสกัดน้ำจากผล ความเข้มข้น 200 มก./มล. แล้วก็สารสกัดน้ำ ไม่กำหนดส่วนที่ใช้ ความเข้มข้น 1 ก./มิลลิลิตร ไม่เป็นผลยั้ง S. aureus สารสกัดส่วนเนื้อมะขามด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในหลอดทดสอบที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง ตัวอย่างเช่น  Bacillus subtilis, Escherichia coli และก็ Salmonella typhi แม้กระนั้นสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม และสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วอย่างอ่อน
มีการทดลองในสัตว์ (in vivo study) โดยให้เปลือกหุ้มเม็ดมะขาม หรือเม็ดมะขาม ให้สัตว์ทดสอบกินพบว่าเปลือกเม็ดมะขามที่กำจัดแทนนินออกแล้วมีค่าปริมาณที่สมควรในการบริโภคในไก่ คือ 100 มก.ต่อกก. โดยที่สามารถลดความเคร่งเครียดจากความร้อน (heat stress) รวมทั้งลดสภาวะออกซิเดทีฟสเตรทได้ แม้กระนั้นการเล่าเรียนอีกฉบับกล่าวว่าเม็ดมะขามต้มแล้วเอกเปลือกเม็ดมะขามออกนั้นไม่สารถเพิ่มคุณค่าทางของกินในไก่ได้ ไก่ที่รับประทานเมล็ดมะขามดังที่กล่าวมาข้างต้นพบผลเสียเป็น กินน้ำมากยิ่งขึ้นรวมทั้งมีขนาดของตับอ่อนรวมทั้งความยางของลำไส้เล็กมากขึ้น โดยที่ผลที่ได้นี้ผู้ศึกษาวิจัยเสนอแนะว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากโพลีแซคคาไรด์ที่ไม่สามารถที่จะย่อยได้
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
          หนูถีบจักรเพศผู้แล้วก็เพศภรรยาที่รับประทานอาหารผสมด้วยส่วนสกัดโพลีแซคคาไรด์จากเมล็ด ขนาด 5% ของอาหาร ไม่พบพิษ แม้กระนั้นหนูถีบจักรเพศภรรยาที่รับประทานอาหารผสมดังที่กล่าวถึงแล้วขนาด 1.2 และ 5% จะมีน้ำหนักลดลงตั้งแต่อาทิตย์ที่ 34
          ไก่ (Brown Hisex chicks) ทานอาหารผสมด้วยเนื้อมะขามสุก 2% และ 10% นาน 4 สัปดาห์ พบว่าน้ำหนักต่ำลง (weight gain) และก็ feed conversion ratios ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ  มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิภาวะหมายถึงมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมันของตับ (fatty change) เซลล์ตับ แล้วก็ cortex ของไตตาย (necrosis) ในสัปดาห์ที่ 2 แล้วก็ 4 ไก่กรุ๊ปที่รับประทานอาหารผสม 10% จะมีพยาธิภาวะรุนแรงกว่าไก่กรุ๊ปที่รับประทานอาหารผสม 2% ผลของการตรวจทางซีรัมพบว่า กรดยูริก total cholesterol, alkaline phosphatase (ALP), glutamic oxaloacetic trans-aminase (GOT) ในซีรั่มเพิ่มขึ้น total serum protein ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม (กลุ่มที่ไม่ได้กินอาหารผสมเนื้อมะขามสุก) sorbitol dehydrogenase และ total bilirubin ไม่เปลี่ยนแปลง ค่า ALP กรดยูริก cholesterol รวมทั้ง total protein จะไม่กลับสู่ภาวการณ์ธรรมดาในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากไม่ได้รับอาหารผสมแล้ว ผลการตรวจทางโลหิตวิทยาไม่มีความเคลื่อนไหว
หนูขาวเพศภรรยารวมทั้งเพศผู้รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของโพลีแซคค้างไรด์จากเม็ดมะขาม 4, 8 แล้วก็ 12% นาน 2 ปี ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของความประพฤติ อัตราการตาย น้ำหนักร่างกาย  การกินอาหาร ผลทางวิชาชีวเคมีในปัสสาวะและก็เลือด ผลการตรวจเลือด น้ำหนักอวัยวะ และก็พยาธิสรีระ
          หนูถีบจักรที่กินสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากดอก พบว่าขนาดความเข้มข้นของสารสกัดสูงสุดที่หนูทนได้ พอๆกับ 1 ก./กิโลกรัม นน.ตัว
          หนูขาว Sprague-Dawley SPF ทานอาหารที่ผสมด้วย pigments จากเมล็ดที่เผาในขนาด 0, 1.25, 2.5 แล้วก็ 5% ของของกิน ตรงเวลา 90 วัน ไม่เจอความผิดแปลกใดๆก็ตามความเข้มข้นสูงสุดของ pigments ที่ให้โดยการผสมในอาหารในหนูเพศผู้เท่ากับ 3,278.1 มก./กิโลกรัม/วัน รวมทั้งในหนูเพศเมียเท่ากับ 3,885.1 มิลลิกรัม/กก./วัน ไม่พบพิษ
พิษต่อตัวอ่อน  L-(-)-di-Butyl malate ที่ได้จากสารสกัดเมทานอลจากฝักมะขาม เป็นพิษต่อเซลล์ตัวอ่อนของ Sea urchin แม้กระนั้นสารสกัดเอทานอล : น้ำ จากฝักมะขาม ให้ทางสายยางลงไปยังกระเพราะอาหารหนูขาวที่ตั้งท้อง ขนาด 100 มก./กก. ไม่เจอพิษต่อตัวอ่อนในท้อง รวมทั้งสารสกัดเอทานอล 100% จากผล ให้ทางสายยางให้อาหารเข้าไปในกระเพาะของกินหนูขาวเพศภรรยา ขนาด 200 มก./กก. ไม่ทำให้แท้ง และไม่มีผลต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อน
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์    ฝักมะขามขนาด 0.1 มก./จานเพาะเชื้อ กระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของ Salmonella typhimurium TA1535 แต่ไม่มีผลต่อ S. typhimurium TA1537, TA1538 และก็ TA98
ข้อเสนอแนะ/ข้อพึงระวัง

  • สำหรับการเลือกซื้อมะขามมาใช้ประโยชน์(โดยยิ่งไปกว่านั้นมะขามสุก)นั้นควรเลือกมะขามที่ไม่มีเชื้อรา เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • การบริโภคมะขามมากจนเกินไปอาจจะส่งผลให้เกิดผลกระทบกับร่างกายได้อาทิเช่น ท้องเสีย ท้องเดิน
  • การบริโภคมะขามไม่ควรหวังผลสำหรับเพื่อการรักษา/สรรพคุณของมะขามมากจนเกินไปควรบริโภคแต่ว่าพอดิบพอดีและไม่ควรจะบริโภคต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
  • ยังมีส่งผลการค้นคว้าที่บ่งชัดว่ามะขามสามารถใช้ลดน้ำหนักได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยไม่สมควรใช้มะขามมาลดความอ้วน
เอกสารอ้างอิง

  • สมพล ประคองพันธ์.วันชัย สุทธนันท์ .การใช้ดพลีแซคคาไรต์จากเมล็ดมะขามในยาอิมัลชั่นและยาแขวนตะกอน.วารสารเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล 1988:53
  • ภัคสิริ สินไชยกิจ,ไมตรี สุทธิจิตต์.คุณสมบัติชีวเคมีและการประยุกต์ใช้ของเมล็ดมะขาม,บทความปริทัศน์.วารสารนเรศวรพะเยา.ปีที่4.ฉบับที่2.พฤษภาคม-สิงหาคม.2554.
  • กองวิจัยทางการแพทย์. สมุนไพรพื้นบ้าน ตอนที่ 1.  กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, 2526.
  • Aengwanish, W. and Suttajit, M. Effect of polyphenols extracted from tamarind (Tamarindus indica L.) seed coat on physiological changes, heterophil/ lymphocyte ratio, oxidative stress and body weight of broiler (Gallus domesticus) under chronic heat stress. Ani Sci J 2010; 81: 264-270
  • เดชา ศิริภัทร.มะขาม.ต้นไม้ประจำครัวไทย.คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่163.พฤศจิกายน.2535
  • Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F.  Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties.  J Ethnopharmacol 1998;62:183-93. http://www.disthai.com/
  • บวร เอี่ยมสมบูรณ์.  ดงไม้.  กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, 2518.
  • มะขาม.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Pugalenthi M, Vadivel V, Gurumoorthi P, Janardhanan K. Comparative nutritional evaluation of little known legumes, Tamarindus indica, Erythrina indica and Sesbania bispinosa. Tropic Subtropical  Agroecosys 2004; 4(3): 107-123
  • George M, Pandalai KM.  Investigations on plant antibiotics. Part IV.  Further search for antibiotic substances in Indian medicinal plants.  Indian J Med Res 1949;37:169-81.
  • ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.มะขามและผักคราดหัวแหวน.คอลัมน์อื่นๆ นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่15.กรกฎาคม.2523
  • ก. กุลฑล.  ยาพื้นบ้าน.  กรุงเทพฯ:ปรีชาการพิมพ์, 2524.
  • Ross Sa, Megalla SE, Bishay DW, Awad AH.  Studies for determining antibiotic substances in some Egyptian plants. Part 1. Screening for antimicrobial activity.  Fitoterapia 1980;51:303-8.
  • Watt JM, Breyer-Brandwijk MG. The Medicinal and Poisonous Plants of Southern and Eastern Africa. 2nd edition. Edinburgh and London, E&S Livingstone. 1962.
  • พระเทพวิ

8

ขิง
แม้ว่าขิงจะเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ประกอบอาหารและก็มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาโรค ถึงแม้ว่าขิงจะมีกลิ่นฉุนและก็มีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยนั้น แต่ขิงก็เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ปรุงอาหารและก็มีคุณประโยชน์รักษาโรค เรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นมีสาระและโทษอะไรที่เราคาดไม่ถึงบ้าง
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง
+ ลดอาการท้องอืดถ้าเกิดคุณรู้สึกอาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือกินขิงสดจะทำให้คุณรู้กันดีขึ้น หรือถ้าคุณกำเนิดอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นจากด้านการกินถั่วละก็ คราวหลังทดลองฝานถั่วบางๆลงไปในของกินที่มีถั่ว โน่นก็จะช่วยลดของกินท้องอืดได้ด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะว่าขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม รวมทั้งกระตุ้นลักษณะการทำงานของไส้ทำให้ อาการท้องอืดทุเลาลงได้
+ ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
จากการเล่าเรียน
พบว่า การกินขิงในระหว่างที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบเสิบสานนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บจากอาการไมเกรนลดน้อยลงได้ เพราะว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ ยิ่งกว่านั้นยังมีการเรียนรู้อื่น แสดงให้เห็นอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีลักษณะอาการต่ำลงเมื่อบริโภคขิงผงเสมอๆทุกวัน
ประโยชน์ซึ่งมาจากขิง และก็โทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง
+ ช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง
 ขิงมีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเรียนพบว่าขิงช่วยให้เซลล์มะเร็งภายในรังไข่ตาย ด้วยเหตุว่าในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยปกป้องโรคมะเร็งได้ นอกเหนือจากนั้นยังพบอีกว่าสินค้าอาหารเสริมที่มีขิงเป็นส่วนประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้
 ขิงสามารถทุเลาอาการอ้วกได้ โดยชาวเอเชียนั้นมักจะใช้ขิงสำหรับในการช่วยบรรเทาอาการเมารถ หรือเมาเรือ ยิ่งกว่านั้นยังมีหลายการศึกษาพบว่าขิงสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันแล้วก็ทุเลาอาการอ้วกภายหลังการผ่าตัดและก็ยังช่วยทุเลาอาการอาเจียนและก็อาเจียนในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบรรเทาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการเรียนรู้ใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นกับคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 แต่ว่าก็ควรจะที่จะขอความเห็นหมอก่อนกินขิงร่วมกับยา เพราะเหตุว่าขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ และก็ควรติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างสนิทสนม เนื่องจากว่าถ้าหากรับประทานขิงมากเกินความจำเป็นก็อาจจะส่งผลให้ระดับอินซูลินลดน้อยลงมากจนเกินความจำเป็นจนถึงอยู่ในขีดอันตรายได้
ประโยชน์ซึ่งมาจากขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ขิงดอง คุณประโยชน์ดีก็มีนะ ทราบยัง?
 พวกเราบางครั้งอาจจะเคยทราบกันมาว่าการกินของดองไม่เป็นผลดีสำหรับสุขภาพ แต่ว่าต้องขอเว้นเสียแต่ไว้สำหรับขิงดองค่ะ ด้วยเหตุว่าอันที่จริงแล้วขิงดองจะเป็นอาหารที่ผ่านการหมักดองด้วยน้ำส้มสายชู แต่ว่าเรื่องคุณประโยชน์ และคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขิงใหม่ๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งประโยชน์ของขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ และก็อาการแพ้ท้อง

เพราะขิงดองเป็นของกินที่มีกลิ่นฉุนทั้งยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้เปลี่ยนเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะเมาเรือ เมารถ รวมทั้งสตรีที่กำลังมีท้อง ซึ่งมักจะมีอาการแพ้ท้อง เอาไว้กินในตอนที่รู้สึกคลื่นไส้ เพราะเหตุว่าจะช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ลองใช้ขิงดองมองนี่ล่ะจ้ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลากินอาหาร
 สำหรับคนไม่ใช่น้อยที่สงสัยว่าเพราะเหตุไรเวลาไปกินอาหารญี่ปุ่นแล้วบนจานอาหารญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองพวกนั้นมีไว้กินล้างปากค่ะ โดยส่วนมากในการทานอาหารประเทศญี่ปุ่น จะรับประทานขิงดองตามเข้าไปภายหลังรับประทานอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารจานเดิมติดอยู่ในปากจนกระทั่งทำให้รู้สึกมันและก็กินจานถัดไปไม่ไหว ทั้งยังส่งผลให้ลิ้มชิมรสของกินจานต่อไปได้อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 หากแม้ขิงดองจะมีรสจัด แต่ว่าน่าประหลาดที่ขิงดองเป็นอาหารที่มีโซเดียมต่ำมากมายเมื่อเทียบกับอาหารหมักดองชนิดอื่นๆเมื่อเอามารับประทานแล้วก็ทำให้ไม่ต้องกังวลกับจำนวนโซเดียม ลดการเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกมากมายเลย
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง และโทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ข้อพึงระวังสำหรับในการทานขิง
- อาจจะทำให้เกิดภาวะเข้าแทรกสำหรับการท้องได้
 มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับในการท้องแล้วก็การแท้ง แม้กระนั้นในการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการกินขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอ้วกจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะที่ใช้ขิงสำหรับเพื่อการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเองค่ะ
- ส่งผลให้เกิดแผลร้อนในข้างในปากได้
 ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในโพรงปากมีการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนี้ไม่สมควรกินขิงมากเกินไปจ้ะ
- ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การเล่าเรียนหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำตักเตือนให้งดเว้นการกินขิงในเวลาที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเพราะจะก่อให้เกิดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนี้หากว่าคุณมีลักษณะอาการเลือดออกแตกต่างจากปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด น่าจะหลีกเลี่ยงการกินขิงจ้ะฃ http://www.disthai.com/

9

น้ำมันเหลือง
ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรน้ำมันเหลืองประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว

  • ใช้ได้กับอาการอย่างไงบ้าง ?


▪บรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
▪แก้เคล็ดลับปวดเมื่อย ฟกช้ำ ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
▪ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
▪ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน
▪ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ บรรเทา ทาถูนวดฝ่าตีน ไล่เลือดลม
▪ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นเอว ปวดหัวเข่า บวมช้ำ ปวดกล้ามเนื้อ ดมกลิ่นแก้อ้วก วิงเวียน โรคหอบหืด แล้วก็ไซนัส

  • มีสเตอรอยด์ไหม ?


ไม่มีสเตอรอยด์ ไม่มีสารเคมี ทำจากสมุนไพรไทย 100% ก็เลยสามารถใช้ทาได้ทุกเพศทุกวัย ทาบีบนวดเบาๆได้ตลอดเมื่อมีลักษณะ ใช้แล้วไม่เกิดการสะสม ลูกค้าก็เลยประทับใจมากมาย
รูปแบบของน้ำมันเหลืองสมุนไพร
น้ำมันเหลืองสมุนไพร สืบทอด คุณค่าตำรับไทย ไม่มีส่่วนผสมสารเคมี น้ำหอม เป็นน้ำมันซึ่งสกัดจาก สมุนไพรและว่านต่างๆหลากหลายประเภท ใช้สูดดมอาการหวัดคัดจมูก วิงเวียนหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม ทาเช็ดนวด ปวด ฟกช้ำ เหน็บชา ปวดตามเส้นตามข้อ เส้นเอ็น เอ็น มือเท้าตาย กลยุทธ์ปวดเมื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเหน็ดเสียว ตามร่างกาย โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ น้ำมันเหลืองสมุนไพร จังหวัดตราดอกบัวสี : ทาแล้วแห้งเร็ว มีกลิ่นหอมยวนใจของ สมุนไพร สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง : ควรเก็บไว้ในที่ร่มไม่ควรถูกแสงอาทิตย์ ใช้ทาถูนวดและสูดกลิ่น
ใช้งานก้าวหน้าทางผิวหนังและก็ทางกล้าม เป็นน้ำมันเหลืองสมุนไพรสำหรับอาการเวียนหัวหัวเป็นลมแล้วก็อาการคัดจมูกทาเพื่อทุเลาความเมื่อยล้า คลายเคียด กลยุทธ์ขัดยอกอักเสบบวมแมลงกัดผื่นคัน รวมทั้ง เมารถเมาเรือ สามารถทำให้ร่างกายปรับสมดุลได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนประกอบของน้ำมันเหลืองสมุนไพร

  • เมนทอล 1000 กรัม 2. พิมเสน 400 กรัม 3. การบูร 300 กรัม 4. น้ำมันเข้มข้นสกัดจากสมุนไพร 200 กรัม 5. เอสเซ็นเชียล ออยล์ 50 กรัม 6. กลิ่นที่ต้องการ
รูปแบบของน้ำมันเหลืองสมุนไพร
ใช้น้ำมันหลืองสมุนไพร 3 หยดแล้วก็เช็ดบริเวณรอบๆท้องรวมทั้งรอบสะดือ เพื่อบรรเทาลักษณะของการปวดท้องหรือท้องอืด ใช้น้ำมันเหลืองสำหรับอาการคัดจมูกโดยการทาที่รอบๆทรวงอกและหลัง2-3หยด ทาบริเวณที่ถูกแมลสัตว์กัดต่อย เบาๆหรือลักษณะของการปวดเมื่อยแล้วก็อาการอักเสบก ของกล้ามเนื้อ แล้วนวดเบาๆเพื่อให้น้ำมันเหลืองสมุนไพรซึมไปสู่ผิวได้ง่าย 2-3 ครั้งก็จะรู้สึกดีขึ้น เก็บน้ำมันในอุณหภูมิปกติแล้วก็ปกป้องมันจากความร้อน.
น้ำมันเหลืองสมุนไพรผลิตขึ้นมาจากสูตรดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากสมุนไพรเข้มข้นจากเมืองไทยหลายอย่างเช่น ไพลเหลือง, ขมิ้นอ้อย,ขมิ้นชัน,ดีปลี,ว่านน้ำ,รวมทั้งสมุนไพรฯลฯ ที่มีคุณสมบัติสำหรับการบรรเทาอาการปวดกล้ามรวมทั้งร่างกายได้ ที่ใช้มาตั้งแต่อดีตกาลจนกระทั่งตอนนี้
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีในการดูแลสภาพผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรรวมทั้งพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นและเนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมสดชื่น รวมทั้งสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากการนวดน้ำมันว่ามีสาระในด้านใดบ้าง
ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนก้าวหน้าขึ้น ทุเลาลักษณะการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลของการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ขยาย จะทรมานจากอาการเจ็บปวดน้อยลง อาเจียนน้อยครั้ง หรือเปล่าคลื่นไส้เลย รู้สึกแจ่มใสขึ้น ความดันดีมากกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากอาการป่วยน้อยลง ภายหลังได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
หมอพื้นบ้านหรือการแพทย์แผนไทย ยอมรับในสรรพคุณอันแสนวิเศษของยาแผนโบราณตามตำรายาสมุนไพร ตำรับโบราณวัดโพธิ์หรือวัดพระเชเหม็นตุพนบริสุทธิ์มังคลาราม ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณขนานเอกที่มีชื่อเสียงมีชื่อเสียงและได้รับความวางใจในการรักษาโรคมานานมากแล้ว สมกับคำที่กล่าวไว้ว่า "นวดแผนโบราณ ยาแผนโบราณ หนังสือเรียนยาสมุนไพร จำต้องวัดโพธิ์ ความคิดของคนประเทศไทยตลอดทั้งชาติของบรรพบุรุษไทย"
บริการนวดน้ำมันนวดและก็ส่วนใหญ่สร้างความแข็งแกร่ง ระบบภูมิคุ้มกันและก็ช่วยในการย่อยของกินดีขึ้น.
ศิลป์ที่งดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆน้ำมันเหลืองมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่จำเป็นส่วนตัวของคุณรวมทั้งบรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาและก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลทางด้านจิตวิญญาณของคุณและร่างกายที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.

Tags : น้ำมันเหลือง

10

น้ำมันเหลือง เป็นยังไง ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรประเภทต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆคุณประโยชน์นี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นแนวทางดูแลสภาพผิวแล้วก็สุขภาพที่ขอเสนอแนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อสุขภาพ โดนการนำสารสกัดกลิ่นรวมทั้งเนื้อน้ำมันพวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมยวนใจ รวมถึงสัมผัสของของน้ำมันเหลืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา รวมถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นแล้วก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูประโยช์จากการนวดน้ำมันว่ามีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง
บริการนวดน้ำมันนวดแล้วก็ส่วนมากสร้างความเข้มแข็ง ระบบภูมิคุ้มกันรวมทั้งช่วยในการย่อยอาหารดีขึ้น.
ศิลป์ที่งามของการนวดได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อบริการด้านต่างๆสำหรับเพื่อการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันเหลืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่ต้องการส่วนบุคคลของคุณและบรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดน้ำมันเหลืองบรรเทารวมทั้งฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อที่จะรักษาความสมดุลทางใจวิญญาณของคุณและสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?
สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีจำนวนมากทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
แก้กลยุทธ์ขัดยอก บวมช้ำ ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดฝ่าเท้า ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดเข่า ปวดขา บวมช้ำ ปวดกล้าม ดมกลิ่นแก้อาเจียน วิงเวียน โรคหอบหืด และก็ไซนัส
- ทุเลาอาการตาลายหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง
- แก้กลยุทธ์ปวดเมื่อย ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- น้ำมันเหลืองบรรเทาอาการคัดจมูก เนื่องจากหวัด
ผู้ใดกันที่ถูกใจใช้ น้ำมันเหลือง เสมอๆห้ามพลาด เนื่องจากว่าวันนี้พวกเรานำ[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url]สูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วๆไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมากมาย สุดแต่ว่าผู้ใดกันแน่ชอบสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งนั้นมักใช้แก้ปวด แก้มึนหัว แก้ตะคิว รักษาโรคหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้ท้องเฟ้อได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
อุปกรณ์ อุปกรณ์
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ได้แก่ ขวดบรรจุกาแฟ ขวดแก้ว
แนวทางการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปจนน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรครั้งละตัวทอดถึงแม้ว่าจะหมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบทั้ง 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่ระบุ คือ (เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งสิ้นละลายเป็นของเหลว (ถ้าเกิดไม่ใช่ไม้คนบางทีอาจใช้วิธีการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้ามาเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
ประโยช์จากการนวดน้ำมัน
นวดจริงซึ่งก็คือการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อผลักดันสุขภาพและฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมด. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด แล้วก็ในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งกายและใจ. อ่านต่อไปเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันและบรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดแจ่มใส.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเยอะๆน้ำหอมและก็สีที่แตกต่างกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบรรเทา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถเจอได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดน้ำมันเหลืองเพื่อคุณสามารถเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสิ่งที่จำเป็นและความจำนงของคุณ.
ลดการ ความเครียด
นวดเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากมาย ลดความตึงเครียด และก็ความตึงเครียดที่มีการสะสมในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่เหนื่อยเหน็ด.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยทำให้คุณผ่อนคลายและกำจัดความคิดเชิงลบที่สะกิดความเคร่งเครียด.
สุภาพ, , ช่วยทำให้คุณ รักษา และก็คืนจิตวิญญาณและความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น
หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของน้ำมัน นวด คือมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดรวมทั้งในขณะเดียวกันจะช่วยลดความดันเลือดซึ่งเป็น น.

11

น้ำมันนวดสมุนไพร
โรคนี้จะไม่สามารถหายไปได้เอง!
โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่สามารถหายสนิทได้เอง ถึงอาการที่แสดงออกมาจะร้ายแรงน้อยลงก็ตาม และท้ายที่สุดก็จะแปลงเป็นโรคเรื้อรังและนำไปสู่ความลำบากตรากตรำในการดำรงชีพเยอะขึ้นเรื่อยๆ
1.น้ำมันนวด จะเข้าไปช่วยกระตุ้นลักษณะการทำงานของระบบประสาท ให้ดำเนินงานได้ดิบได้ดีมากเพิ่มขึ้น ลดอาการตึงเครียดให้พวกเราผ่อนคลายจากการความอ่อนล้าแล้วก็ความเหน็ดเหนื่อยสะสม
2.การนวดน้ำมัน จะเข้าช่วยการกระตุ้นลักษณะการทำงานของโลหิต ให้ปฏิบัติงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้นรวมถึงสามารถหล่อเลี้ยงออกซิเจนรวมทั้งสารอาหารต่างๆไปทั่วร่างกายอย่างครบถ้วน คุ้มครองโรคต่างๆและก็ลดความดันโลหิตได้ดิบได้ดีด้วย
3.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ด้วยการเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบกล้าม ข้อต่อต่างๆในร่างกายให้ปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีแล้วก็มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
4.เพิ่มความชื้นให้กับผิว ด้วยเข้าไปกำจัดพิษ ในร่างกายและก็สภาพผิว ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกมาส่งให้ผิวของคุณเรียบเนียนเปียกชื้น ดูผ่องใสและชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น
5.น้ำมันนวดช่วยในเรื่องการนอนหลับให้ดีมากยิ่งกว่าเดิม บรรเทาสมองรวมทั้งร่างกายต่างๆมีผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับสนิทได้ดียิ่งไปกว่ากว่า ลดอาการนอนไม่หลับได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนั้นการนวดน้ำมันยังเป็นประโยชน์อีกหลายประเภทต่อสภาพร่างกาย ซึ่งถือได้ว่าหนทางแก่คนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ลดอาการปวดหัวไมเกรน
     สำหรับเคยทรมานจากลักษณะของการปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อย แพทย์ก็ได้เสนอแนะให้ลองไปนวดบรรเทาสุขภาพดูบ้าง เพราะจากผลการค้นคว้าของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า คนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวต่อเนื่องกัน 2-3 สัปดาห์ จะสามารถบรรเทาอาการข้างๆของโรคไมเกรน แล้วก็นอนหลับได้อย่างสนิทขึ้นด้วยจ้ะ
น้ำมันนวด[/url] สมารถเเก้อาการปวดหลัง เป็นอาการที่ทุกคนจะต้องเคยพบเจอ ซึ่งพอปวดหลังขึ้นมาทีไรพวกเราก็ต้องการจะนอนพักผ่อน หรือไม่ก็ไปนวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย ทั้งที่จริงแล้วอาการปวดหลังบางครั้งก็อาจจะมิได้เป็นผลมาจากลักษณะของการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเพียงเท่านั้น แม้กระนั้นยังอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆได้อีกเยอะแยะ เป็นต้นว่าที่เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้สาเหตุของลักษณะของการปวดหลังด้านขวา ว่าเป็นผลมาจากอะไรและก็อันตรายหรือเปล่า เพื่อที่จะได้รู้ทันอาการเจ็บป่วยของร่างกาย
ปวดหลังด้านขวาทางด้านบน
          อาการปวดข้างหลังข้างขวาด้านบน เป็นลักษณะของการปวดหลังที่อยู่รอบๆตั้งแต่รอบๆข้างหลังไหล่ไปจนกระทั่งใต้สะบัก เกิดขึ้นได้จากหลายกรณีด้วยกัน โดยปัจจัยที่มักนำไปสู่ลักษณะของการปวดข้างหลังด้านบนขวา มีดังนี้
ปวดหลังข้างขวา


การนั่งทำงานเป็นเวลานานๆหรือยกของหนักไม่ถูกท่า


          น้ำมันนวดสามารถช่วยการชูของหนักหรือการนั่งดำเนินงานในลีลาที่ไม่ถูกจะต้องติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณข้างหลังส่วนบนทางด้านขวาได้  โดยรอบๆข้างหลังส่วนบน เว้นเสียแต่กล้ามเนื้อหลังแล้ว ก็ยังเชื่อมต่อกับกล้ามไหล่และก็กล้ามคอ โดยเหตุนี้ถ้าหากมีอาการปวดหลังด้านขวาที่อยู่ข้างบนจากการใช้แรงงานหนักก็มักจะมีลักษณะปวดคอและไหล่ในด้านเดียวกันร่วมด้วย ทราบอย่างงี้แล้วถ้าใครกันแน่ที่ยังนั่งดำเนินงานในท่าเดิมนานๆก็ลุกขึ้นยืนมายืดเส้นยืดสายบ้างนะคะ และก็น่าจะนั่งให้ถูกท่าด้วย โดยท่านั่งทำงานที่ถูกต้องก็คือควรจะให้หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตาค่ะ


ความไม่ปกติของกระดูกรวมทั้งข้อ


          ม้ำมันนวดกระดูกรอบๆข้างหลังส่วนบนนั้นประกอบไปด้วยกระดูกไหปลาร้า กระดูกไหล่ กระดูกสันหลัง แล้วก็กระดูกต้นแขน ซึ่งหากกำเนิดความไม่ดีเหมือนปกติกับกระดูกเหล่านี้ก็อาจทำให้รอบๆข้างหลังด้านขวาที่อยู่ทางด้านบนเกิดลักษณะของการปวดได้ โดยต้นเหตุที่ทำให้กระดูกไม่ปกติก็ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุ หรือข้อต่อของกระดูกที่ข้างหลังส่วนบนขวามีการอักเสบ นอกเหนือจากนั้นภาวการณ์กระดูกพรุนก็สามารถกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดที่กระดูกบริเวณด้านขวาบนได้ ในเวลาที่ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งบางประเภทในระยะแพร่ขยาย อย่างมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ แล้วก็โรคมะเร็งไต ก็จะมีอาการปวดกระดูกบริเวณหลังส่วนบนเหมือนกัน


ความไม่ปกติของอวัยวะภายใน


          อาการปวดข้างหลังส่วนบนขวามิได้มีต้นเหตุจากกล้ามแล้วก็กระดูกบริเวณหลังส่วนบนแค่นั้น แม้กระนั้นยังอาจเกิดจากอาการเจ็บป่วยของอวัยวะต่างๆในร่างกายได้ เช่น โรคตับ นิ่วในไตรวมทั้งในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น โรคในถุงน้ำดี หรือแม้กระทั้งอาการติดเชื้อโรคในไต หรืออาจจะเกิดจากอาการไส้ติ่งอักเสบที่ทำให้ปวดลุกลามขึ้นบริเวณข้างหลังด้านขวาก็ได้ ส่วนคุณสุภาพสตรี แม้มีลักษณะอาการปวดที่หลังส่วนบนขวา โน่นอาจเป็นสัญญาณของซีสต์ในรังไข่ การตำหนิดเชื้อของท่อรังไข่ หรือการมีครรภ์นอกมดลูกที่รอบๆท่อรังไข่ได้อีกด้วยค่ะ


โรคที่เกี่ยวกับปอด


          น้ำมันนวด ปอดเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนบนของร่างกายซึ่งตรงกับข้างหลังส่วนบนพอดีเป๊ะ ด้วยเหตุนี้เมื่อปอดมีความผิดปกติก็สามารถนำไปสู่ลักษณะของการปวดหลังส่วนบนได้ โดยอาการที่จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังข้างบนขวาก็ดังเช่น โรคปอดบวม โรคมะเร็ง อาการติดเชื้อโรคของเยื่อห่อหุ้มปอดหรือช่องอก ยิ่งไปกว่านี้อาการน้ำหลากปอด หรือแม้แต่หัวใจล้มเหลว ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดลักษณะของการปวดหลังด้านขวาบนได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าเกิดมีลักษณะปวดที่ข้างหลังข้างบนขวาแบบเรื้อรังและก็ร้ายแรง ควรจะรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดค่ะ

12

น้ำมันนวดสมุนไพร
ฆ่าความเจ็บปวด หวดความเหน็ดเหนื่อย
            สวัสดีคะ กลับมาเจอกันอีกครั้ง คราวนี้เราจะมารีทิวทัศน์สินค้าอย่างเดิมแม้กระนั้นจะแน่นวิชาการสักนิดสักหน่อย เพราะเหตุว่าคราวนี้จะมีเนื้อหาข้อมูลจากแหลงต่างๆมาชี้แจงด้วยคะ เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์คลายกล้าม ซึ่งเราเองเคยใช้ยามาหลายตัวเหมือนกัน มาดูกันดีกว่าค่ะ
          น้ำมันนวด ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าเนื้อตัวเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมทั้งเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำกิจกรรมบางสิ่งบางอย่างในท่าเดิมนานๆเป็นต้นว่า บุคลากรออฟฟิศ หรือผู้ที่ออกแรงกล้ามมากจนเกินความจำเป็น ซึ่งถ้ากำเนิดอาการปวดเมื่อยล้าขึ้นมาแล้ว ผู้คนจำนวนมากก็เลือกที่จะบรรเทาอาการปวดด้วยยาคลายกล้าม เพื่อให้อาการปวดเมื่อยล้าเนื้อตัวหายไปเร็ว วันนี้ เราจะมารีวิวสินค้า ที่ช่วยสำหรับในการลดอาการปวดเมื่อยกล้ามกันนะคะ มาดูกันว่ายาคลายกล้ามเนื้อส่วนใหญ่แล้วเป็นยังไง บอกกันง่ายๆคือ หากพวกเราเกิดอาการปวดปวดเมื่อยกล้ามคนโดยมากและก็จะเลือกหาน้ำมันนวดยาคลายกล้าม ดังเช่น ยาแก้ปวด บางทีอาจจะเป็นยาคลายกล้ามแบบเม็ด หรือแบบที่เป็นครีมนวด ซึ่งมักจะเป็นยาใช้บรรเทาลักษณะของการเจ็บปวดกระทันหันจากการที่กล้ามหดเกร็ง ด้วยเหตุว่าการเจ็บหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกล้ามเนื้อแล้วก็กระดูก ซึ่งยาบางจำพวกจะมีสารสเตอรอยด์ผสมอยู่ด้วย แล้วก็ถ้าเกิดกินยาคลายกล้ามเนื้อมากๆบางทีอาจเสี่ยง ส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นขึ้นมาอีก ซึ่งวันนี้ พวกเรามีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งมาเสนอแนะ ซึ่งทุเลาอาการปวดกล้าม เส้นเอ็น ข้อต่อได้ ลองดูกันนะคะว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นอย่างไร
            มาดูประโยช์จากน้ำมันนวดกันค่ะ

  • ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome เป็นต้น
  • คนทํางานที่จำเป็นต้องใช้กล้าม ดังเช่นว่า ชูของหนัก
  • นักกีฬา หรือคนได้รับบาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักเดินทาง นักท่องเที่ยว
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ เป็นต้นว่า ข้อเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท ฯลฯ
          ซึ่งพวกเรามาดูผลข้างเคียงจากการทานยาคลายกล้ามกัน
เพราะเหตุใดถึงจำเป็นต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะเหตุว่า ยาคลายกล้ามปกติที่เราทาน ทำให้กล้ามรู้สึกหายปกติจริง พวกเราจะคิดว่ามันหายเป็นปกติ รวมทั้งบริหารร่างกายได้ปกติไม่เจ็บ แม้กระนั้นจริงๆแล้วกล้ามยังอักเสบอยู่ หากพวกเรายังคงใช้งานกล้ามดังเดิมจะก่อให้กล้ามอักเสบเพิ่มมากขึ้น การที่รับประทานยาแล้วออกกำลังกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางครั้งก็อาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้าม ซึ่งคนโดยมากรวมทั้งจะใช้กล้ามเนื้อหรือทำงานธรรมดาทุกๆอย่างด้วยเหตุว่าเราไม่รู้จักสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผิดเพราะการทานยาคลายกล้ามยาเมื่อพวกเราทาน
ข้อเสนอเป็น หลังจากที่มีการใช้ยาแล้ว 48 ชั่วโมงให้ยาหมดฤทธิ์แล้วจริงๆนะคะ แล้วก็ค่อยไปบริหารร่างกายหรือทำงานตามปกติค่ะ ส่วนจะต้องพักนานแค่ไหนนั้น ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวคุณว่าร่างกายของคุณเป็นยังไงเพราะมีหลายต้นสายปลายเหตุด้วยกัน อย่างเช่นเราเจ็บมากแค่ไหน รักษาอย่างไร รับประทานยาแล้วปลดปล่อยให้ร่างกายซ่อมบำรุงตนเอง อย่างนี้นานหน่อยนะคะ ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะรับประทานยาแล้วเนี่ยจำเป็นต้องกายภาพบำบัดช่วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ยืดกล้าม ประคบ นวด อย่างถูกทางนะคะ ขอย้ำนะคะจำเป็นต้องถูกวิธี
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะสำหรับใครกันแน่บ้าง?

  • ผู้บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • คนที่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ปวดมือแล้วก็คอจากการเล่นมือถือ
  • คนที่ปวดหลังจาก Office syndrome
  • คนที่ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ปวดหัวเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • คนที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท กระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก จนปวดขา


          และภายหลังที่ เราได้ทดลองใช้แล้วนะคะ มันได้ผลดีจริงๆข้อดีของมันเป็น ซึมซาบเร็วแห้งเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกอย่างก็คือใช้ง่ายค่ะ คำแนะนำสำหรับเพื่อการใช้นะคะ เป็นนอกเหนือจากการที่จะพ้นตัวยาจะค่อยๆซึมเข้าไปด้านใน 5 นาที อากาศจะเริ่มทุเลาลง ซึ่งบางบุคคลบางครั้งก็อาจจะพ้นสเปรย์ไปเฉยๆแล้วก็รอให้มันแห้งก็ได้ แม้กระนั้นถ้านวดอย่านวดแรงเกินไป ให้นวดเบาๆพอนะขา มันจะทำให้เห็นผลก้าวหน้าขึ้น ซึ่งผลที่ได้นะคะ หลังจากใช้แล้วทีนี้คือลักษณะของการปวดเมื่อยจากการหักโหมบริหารร่างกายของพวกเราก็หายไป ตอนแรกพวกเราปวดขามากมายเลยเพราะวิ่งเกินความจำเป็น ลงไปแล้วเช็ดเบาๆแล้วทิ้งเอาไว้สักโดยประมาณ 5 นาทีนะ จะคิดว่าอากาศมัน ไม่มีผลใกล้กันอะไรก็แล้วแต่เลยนะคะ เป็นเคยปวดขากระทั่งอยากตัดขาทิ้งนะ แต่ว่าพอประมาณสเปรย์ตัวนี้ไปแล้วนอนพักตื่นเช้ามาหายเป็นปลิดทิ้งเลย ความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาที่แบบปวดขามากมายก็หาย ปัจจุบันนี้ผ่านมาได้7 วันแล้ว ไม่มีลักษณะของการปวดกลับมาค่ะ ซึ่งได้ผลเจริญทีเดียว ดีมากยิ่งกว่าทานยาเม็ดอีก
          สำหรับผู้ใดกันแน่ที่  มีน้ำมันนวดติดบ้านกันไว้ก็ดีแล้วนะคะ บทความนี้เป็นเพียงรีวิวการใช้สินค้า ซึ่งเป็นความความเห็นส่วนตัวแค่นั้นนะคะไม่ได้ขายคอแต่อย่างใด พวกเราใช้แล้วเห็นผลจริงจึงมาบอกต่อซึ่ง เนื้อหานี้เราได้หารายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ต่างๆนะคะ เพื่อมาประกอบสำหรับการรีวิว ซึ่งหากมีจุดบกพร่องประการใด สามารถวิจารณ์แล้วก็แนะนำกันเข้ามาได้ และสามารถติดตามบทความรีวิว ของพวกเราได้เรื่อยเลย รวมทั้งพวกเราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาเสนอแนะอีกห้ามพลาดเป็นอันขาดนะคะ เจอะกันในบทความหน้า สวัสดีจ้ะ

Tags : น้ำมันนวด

หน้า: [1]