แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - eetnhrwm540240

หน้า: [1]
1

ขายเจียวกู่หลาน ถั่ว แหล่งโปรตีนที่มาจากพืชที่คนรักสุขภาพจำเป็yilu,io;นมาก คนไม่ใช่น้อยบางทีก็อาจจะคิดว่าเจ้าจำหน่ายเจียวกู่หลานเมล็ดเล็กๆเหล่านี้มีสาระแค่เพียงช่วยชดเชยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ p'ต่ที่จริงแล้yk8098วเจ้าถั่วพวกนี้น่ะมีคุณประโยชน์เยอะแยะจนกp['ระทั่p['งเdhjyukulk8ราไม่คาดฝัน ซึ่งวัp['นนี้กรp['ะปุกดอทคอมจะขอนำพาทุกท่านไปศึกษาถึงผลดีดีๆของuilถั่วกัน ผู้ใดกันแน่ที่ไม่ค่อยชอบถั่วละก็ ทดลองเปิดใจสัมผัสกับสิ่งดีๆจากถั่วกัp'นเถjlkil;p['op;o;o;อะ รับประกันได้เลยว่'p'าอ่านจบแล้วจำเiol;ป็นต้องเปลี่ยนใจหันมาอยากรับประทานถั่วกันอย่างไม่ต้องสงสัย1. ชะลอความyp'kแก่เฒ่าพวกเราบางทีอาจจะเคยได้pฟังมามากมายว่าการดื่มไวน์จะช่วยชะลอykความแก่ชรารวมทั้งริ้ip[olop;วรอยที่วัยได้ เนื่องจp['ากในไวน์นั้นมีสารชนิดหp['นึ่งที่เรียกว่าเรสเวอykราทคอยล (Resveratrol) ที่ช่วยคุ้มilop;ครองปกป้องการเช็ดกทำp['ลายของดีเอ็นเอykuililซึ่งykjreเป็นต้eนเหตุของริ้วรอยแykห่งวัย ขายเจียวกู่หลานแม้กระนั้kนรู้หรือเปล่าว่าอัiuli;op;o;นที่จริงแล้ว ในถั่วก็มีสาtfktkiuรเรสเวอราทคอยลเช่นเดียวกัน จำหน่ายเจียวกู่หลานและก็มีใ'p'นจำนวนที่สูงเมื่อเท่ากันกับไวน์แดง โดยเฉพ;opาะถั่วดำแล้วก็ถั่วเkykลนทิลนั้นมีสารจำพวกkyนี้มากtgk98ylที่สุดเลyยล่ะค่ะ ถ้ykาไม่ได้อยาuoกมีริ้วรอยก่อนวัย ไม่ต้องไปซื้อykขายเจียวกู่หลาน[/i]เหล้าองุ่นราคาสูงแล้วล่ะ รับประทานถั่วแทนก็ได้เนอะ

Tags : จำหน่ายเจียวกู่หลาน,ขายเจียวกู่หลาน

2
สรรพคุณของขิง/ประโยช์นของขิง

3

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบได้มากทางภาคใต้ แล้วก็ประเภทที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบมากทางภาคกึ่งกลางแล้วก็ภาคตะวันออก รวมทั้งเป็นพรรณไม้ที่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาแพทย์ สมุนไพรใกล้ตัวหรืออาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำคุณประโยชน์ทางยามาใช้สำหรับการรักษาโรคได้หลายประเภท ที่สะดุดตามากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย และก็การนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นสดรวมทั้งแห้ง ใบทั้งสดและแห้ง ราก เมล็ด และทั้งต้น (ส่วนอีกทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
รูปแบบของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1.5 เซนติเมตร แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มและในที่ที่มีความชื้นสูง ชอบขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งคลองรอบๆปากแม่น้ำ เป็นต้นว่า บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งทิศตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ รวมทั้งที่สถานศึกษานายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบคนเดียว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. และยาวประมาณ 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีอีกทั้งพันธุ์ดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) รวมทั้งประเภทดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน บริเวณกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเม็ด 4 เม็ด
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าแม้กินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะทำให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้อ่อนล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงน่าฟัง / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url][/url][/color]มีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุผิดปกติ (ทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผ่ายผอมเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกๆวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะ (ทั้งต้น)ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นรวมทั้งอาหารเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ในรูปร่างที่เท่ากัน เอามาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วนำมาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว ตอนเช้า ช่วงกลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้รวมทั้งทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นเดียวกัน (ราก, เมล็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและก็รากเอามาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
ถ้าเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้ถี่ถ้วนเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและต้นเอามาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้เมนส์มาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ผล, ทั้งยังต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าหากใช้ต้นมาต้มอาบแล้วก็ทำเป็นยากินติดต่อกันโดยประมาณ 3 เดือนจะช่วยทำให้อาการของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษาขี้กลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำเอาแต่น้ำกิน (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและก็ใบสดล้างสะอาดโดยประมาณ 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภทภายในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบอีกทั้งสดแล้วก็แห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดอย่างถี่ถ้วน แล้วเอามาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือวิธีลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดนำมาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างถี่ถ้วน ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างถี่ถ้วน สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ต้น ถ้านำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบแก้ไขข้ออักเสบและก็แก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยทำนุบำรุงรากผมได้ (ใบ)
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ในขณะนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้สำหรับในการเปลี่ยนสีผม จนกว่าแชมพูของสุนัข ฯลฯ
แหล่งอ้างอิง
: เว็บไซต์สำนักงานโครงการสงวนกรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์ชาติบ้านเมือง (ชำนิชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ องค์การส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมพิทักษ์), หนังสือกายบริหารแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์สมบัติ) http://www.disthai.com/

4

ทับทิม
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดมากที่สุดและยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม ทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งสารพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าอาจมีคุณประโยชน์สำหรับการคุ้มครองปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ อย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจและเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานค้นคว้าที่ศึกษาการใช้ทับทิมในรูปแบบแตกต่างกันกับการดูแลและรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถกำหนดคุณภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้แจ่มชัด ซึ่งแบบอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อาทิเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านทานอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นเลือด จึงบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดแกลลิค 610 มก.) และก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวมาแล้วต่ำลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด
ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นโลหิตแดงแข็งปริมาณ 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงต้องมีการเล่าเรียนเพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมและการดูแลรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณลักษณะช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เหตุเพราะการรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับในการทุเลาอาการจากโรคมากเท่าที่ควรรวมทั้งลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกระบวนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกรูปแบบเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพช่องปากดีขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดน้อยลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจเอาไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาช่องปาก อย่างเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองปกป้องและก็บรรเทาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวัน สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน และอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายแบบ ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) แล้วก็ยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่มีความต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดจังหวะสำหรับเพื่อการเกิดคราบจุลอินทรีย์ข้างในช่องปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบจุลชีวัน ซึ่งในการทดลองได้เก็บรอยเปื้อนจุลชีวันจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรงและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ได้แก่ น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้ขจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าระยะเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บโรคเบาหวานประเภทที่ 2 แล้วก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่รับประทานอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนไข้มีระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี รวมทั้งอัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนไข้เบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกมิได้แจ่มชัด เนื่องมาจากอาหารจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน แล้วก็กรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมอีก ยิ่งไปกว่านี้ การดูแลและรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับการบรรเทาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมทั้งอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว ก็เลยมีการศึกษาคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลทั้งในเลือดรวมทั้งปัสสาวะของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจเจอได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แต่ว่าผลการศึกษากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งบางทีอาจเกิดจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจกระบวนการดูดซับสารอาหารที่แตกต่างกันก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน เพราะว่าสารอาหารที่เจอในของกินที่รับประทานอาจมิได้ถูกนำไปใช้ผลดีในร่างกายมนุษย์เราทั้งผอง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพทางด้านร่างกาย การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะปลอดภัยในการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจก่อให้กำเนิดอาการแพ้น้อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องปรึกษาหมอก่อนจะมีการกินทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจจะส่งผลให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะก่อให้คนป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางประเภทอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่นว่า ยาที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน ผู้ที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรขอความเห็นหมอก่อนจะมีการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม

5

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในสกุลขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายในหลายๆด้าน เนื่องจากว่าอุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุที่มีความหมายเป็นอย่างมากต่อสุขภาพของเรา อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยเป็นจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และก็ผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยช์จากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเยี่ยม
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเยอะมากๆ ช่วยชะลอความแก่รวมทั้งชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการปกป้อง ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้สำหรับในการรักษาโรคมะเร็ง เพราะฉะนั้นควรจะกินขิงพร้อมกันไปกับการดูแลรักษาโรคมะเร็งจะส่งผลดี
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นใหม่ๆเอามาทุบให้แหลกราว 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความต้องการของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ต้นตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่ข้างหลังคลอดลูก ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดโดยประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงน้ำนมของแม่ (ผล)
ช่วยให้นอนได้อย่างสบาย
การกินขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหนึ่ง
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในผู้เจ็บป่วยที่มีอาการเมายาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
ช่วยไขปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟกระทั่งอุ่น แล้วนำมาตำให้แหลก นำมาพอกรอบๆที่มีผมตก วันละ 2 ครั้งจนถึงอาการดียิ่งขึ้น หรืออีกแนวทางก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะโดยประมาณ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้เหมือนกัน แถมยังช่วยทำให้ผมสวย แข็งแรง มีความนิ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา แล้วก็ใช้แก้อาการตาพร่า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอเปื่อยยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีให้ถี่ถ้วนคั่วกับน้ำสารส้มจนถึงไหม้เกรียม แล้วบดจนกระทั่งเป็นผง แล้วเอามาพอกรอบๆฟันที่ปวดแก้เสลด เสลดขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวการณ์น้ำลายมากมาย คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและเกลือเล็กน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยบำรุงรักษาฟันและคุ้มครองปกป้องการเกิดฟันผุ
ช่วยขจัดกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วนำมาคั้นเอาน้ำมาทารักแร้เป็นประจำ จะสามารถที่จะช่วยในการจัดการกับรอยคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งน้อย คนจะกว่าจะเข้ากันแล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราว 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายแดง นำมาตำจนเหมาะ แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดราว 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ เอามาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดการอาเจียนคลื่นไส้จากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานบ่อยมากจนกระทั่งเกินความจำเป็น)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีเพียงพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้ออาหาร
ช่วยรักษาอาการปวดในตอนก่อนหลังระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วโดยประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำเสมอๆ
ช่วยในการย่อยของกินได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับเพื่อการขับถ่าย รวมทั้งช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาเยี่ยวรดที่พักผ่อนในคนป่วยที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาลักษณะของการปวดข้อตามร่างกายด้วยการกินขิงสดเป็นประจำ
มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
ขจัดปัญหาหนังที่มือลอกเป็นขุย ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาถูบริเวณดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นวันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณข้างหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาเปลือกนอกจนกระทั่งเป็นถ่าน คอยปาดถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูนำมาทาบริเวณที่เป็นแผลถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง ฯลฯ ช่วยปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนกระทั่งเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรือของกินช็อกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อคุ้มครองการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการประกอบอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสอาหารได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถช่วยกำจัดกลิ่นคาวของอาหารได้ดีอีกด้วย
ในด้านความสวยนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดรอบๆต้นขา ก้น หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นนำมาแปรรูปได้หลายชนิด ดังเช่น บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

แนวทางการทำน้ำขิง
กระบวนการทำน้ำขิงขั้นตอนการทำน้ำขิงอันดับแรกให้จัดเตรียมส่วนประกอบดังต่อไปนี้ ขิงแก่ 1 โล / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาทุบให้แตก แล้วเอามาใส่ไว้ด้านในหม้อต้ม เติมน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มกระทั่งน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง ต้มโดยประมาณ 20 นาทีจนน้ำขิงละลายออกมาจนถึงหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามสิ่งที่มีความต้องการ) แล้วคนจนเข้ากัน
เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นก็สามารถนำมาดื่มได้ โดยเอามาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าควรจะเพิ่มน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินไป เพราะเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่สมควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นกระทั่งเกินไป เนื่องจากว่าจะเป็นอันตรายต่อสถาพทางร่างกายได้ เนื่องจากจะไประงับการบีบตัวของไส้ กระทั่งทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ด้วยเหตุนี้ควรคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
พวกเรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้สำหรับในการทำอาหารและทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่างๆได้สารพัด ถือได้ว่าตัวช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคได้เลยทีเดียว แม้กระนั้นทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งคุณประโยชน์ของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับการบำบัดรักษาโรค น่าจะทำอย่างอื่นหรือดูแลสุขภาพของเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เนื่องจากยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และยังมีใยอาหารมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย แต่เนื่องด้วยขิงมีรสเผ็ด มีคุณลักษณะอุ่น จึงไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว ดังเช่นคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แต่ถ้าเกิดจะรับประทานควรรอบคอบเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]