แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - njj9jj4oo5501

หน้า: [1]
1
มหันตภัย ! ความดันและโรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยกำจัดได้
พฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันและเบาหวาน เป็นโรคที่คนจำนวนมากไม่มองดูถึงความร้ายแรงสักเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า สร้างความล่มจมต่อสภาพร่างกายรวมทั้งชีวิตอย่างไม่คาดฝัน รีบคุ้มครองให้ตรงประเด็นด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน

โรคความดันสูง-เบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกมองข้ามเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่เรามักไม่ใส่ใจมองไม่เห็นถึงความสำคัญ เป็นต้นว่า แฟน มิตรสหาย คนภายในครอบครัว ที่ถูกไม่เอาใจใส่จากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ อาจจะด้วยการมุ่งมั่นปฏิบัติงานหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามที รวมทั้งก็มีหลายสิ่งรอบตัวที่พวกเรามักไม่เห็นถึงความอันตราย ที่จะเอามาสู่ตัวหรือคนที่อยู่รอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆในขณะที่ไม่รุนแรงและที่มีความรู้สึกว่าไม่ร้ายแรง แม้กระนั้นแอบแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่รอจังหวะเวลาอยู่เสมอ เช่น โรคของความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 ต่างก็เป็นโรคที่คุ้นหูพวกเราอย่างดีเยี่ยม ภัยร้ายก็มีแม้กระนั้นก็ดีขึ้นและก็ปลอดภัยได้เพียงใช้ “เจียวกู่หลาน”
ลดการอุดตันเส้นโลหิต เจียวกู่หลาน
โรคความดันโลหิตสูง มีอาการยังไง?
ลักษณะการป่วยโรคความดันเลือดสูง ส่วนมากเราจะพบคนไข้ เป็นความดันเลือดสูงมากกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นอาการของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงกดดันในกระแสโลหิตที่สูง เร็ว ถี่ มากกว่าธรรมดาทั่วไป
ความดัน เบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระวัง!
โรคความดันสูง มีสาเหตุจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะสถานที่ทำงานอยู่ตลอดระยะเวลา  อีกทั้งแรงดันในเลือดที่จำเป็นต้องดำเนินงานเช่นเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ว่าที่จะเป็นได้ง่ายดายที่สุดกับคนที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป จึงสังเกตได้ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรามักเป็นโรคนี้กันมากมาย

คุณประโยชน์เจียวกู่หลาน
สรรพคุณรวมทั้งผลดีใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” ป้องกันโรคความดันสูงรวมทั้งเบาหวานได้ไหม
การรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยป้องกันได้ ความชั่วช้าสารเลวร้ายของโรคความดันสูงที่ควรจะรักษาโดยใช้ เจียวกู่หลานหมายถึงเมื่อความดันสูงมากมายๆจะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะหลักๆหลายส่วนไม่พอ จนกระทั่งเสียหายมีผลต่อชีวิตได้ ตัวอย่างเช่น ทั้งยังไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นโลหิตแดงส่วนปลายแข็งดำเนินงานไม่เต็มกำลัง สมองเสื่อม และเส้นโลหิตสมองแตกได้ในที่สุด ซึ่งถ้าเกิดไม่ตายก็อาจเป็นอัมพาต
โรความดันรวมทั้งเบาหวาน คุ้มครองได้ด้วย”เจียวกู่หลาน
สมุนไพรรักษาโรความดัน-เบาหวาน [url=https://kungtep.com/]เจียวกู่หลาน[/url] คนป่วยหรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครองป้องกัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยาแล้วก็ทะเบียน(อย) สร้างขึ้นมาจากโรงงานได้มาตรฐานGMP

2

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในสกุลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นแรง มีรสขมหวาน
เมื่อเอ๋ยถึงบัวบก สมุนไพรประเภทนี้ขึ้นมาทีไร คนจำนวนไม่น้อยคงจะนึกไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่อันที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีคุณประโยชน์จำนวนมาก เนื่องจากได้รับการกล่าวขานเกี่ยวการดูแลและรักษาโรคได้หลายแบบ อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน ท้องขึ้น แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนแรงของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายชนิด เป็นต้นว่า บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ สามเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ แล้วก็ยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม แล้วก็กรดอะมิโน เป็นต้นว่า แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสหนดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะกับขี้ร้อน มีภาวการณ์แกร่ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เนื่องจากว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบกคุณประโยช์จากใบบัวบก
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่ว่าหรูหราสารออกซาเลตที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนวัย ย้อนอายุและวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมรวมทั้งกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนแล้วก็อีลาสติน
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านทานการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก ช่วยบำรุงรักษาและก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา ด้วยเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นมัวแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยทำนุบำรุงประสาทรวมทั้งสมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำดียิ่งขึ้นแล้วก็ทำให้มีปฏิภาณความเฉลียวฉลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยเพิ่มความจำในคนวัยชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด แล้วก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับการทำความเข้าใจ
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลอลักษณะโรคสมองเสื่อมในคนวัยชรา สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการหลงๆลืมๆระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถในการตกลงใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดหัว ปวดศีรษะด้านเดียว
ช่วยแก้อาการเวียนหัวหัว
ช่วยคลายความเครียด
ช่วยเสริมการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยบรรเทาและทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการผลิตเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย
ช่วยบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยให้หน้าตาสดใสเสมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยทำนุบำรุงเสียง
ช่วยรักษาลักษณะการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดโดยประมาณ 1 กำมือ เอามาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้อยากดื่มน้ำสรรพคุณใบบัวบก
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านทานโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนเจ็บเบาหวานได้ดี
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนเปียกชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายก้อนกรวด 30 กรัม ต้มน้ำ
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วเอามาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆทั้งต้นราว 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เพิ่มเติมน้ำตาลน้อยแล้วดื่มรับประทานโดยประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะเริ่มต้น ด้วยการใช้บัวบกและก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นเลือด และก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการหมดแรง เหน็ดเหนื่อย
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะว่าทำให้เลือดเดิน แต่ว่าเลือดจะไม่ออกจากเส้นโลหิตและก็ยังเป็นเหตุให้ใจยักษ์อีกด้วย
ช่วยแก้อาการบอบช้ำใน เจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเดิน
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องแล้วก็ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดคละเคล้าเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการเยี่ยวติดขัด ด้วยการกางใบบัวบกราว 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกรอบๆสะดือ เมื่อชิ้งฉ่องคล่องแคล่วดีแล้วค่อยคัดออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเดินเยี่ยว ป้องกันการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินเยี่ยวด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกมาจากเยี่ยว
ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินความจำเป็น
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคของเชื้อไวรัสตับอักเสบ
แก้ลักษณะของการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเร่งการผลิตเยื่อ
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วเอามาโปะบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกราว 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงราวๆ 250 cc. โดยประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆดังเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึกหัด เป็นต้น
ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำมาซึ่งหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการเอามาสร้างเป็นแคปซูลวางขาย มีคุณประโยชน์สำหรับการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ปัจจุบันนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล รวมทั้งในรูปแบบเม็ดกินเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดรอยแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบแล้วก็เถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังหัวแล้วก็เส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ จัดการกับปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับฤดูร้อนมากมายก่ายกอง ด้วยเหตุว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวและก็ไม่เป็นอันตรายต่อสถาพทางร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการประยุกต์ใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องแต่งหน้า
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนถึงละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกวี่วันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างถึงว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

แนวทางการทำน้ำบัวบก
กระบวนการทำน้ำบัวบกกระบวนการทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้ทั้งรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำลำดับที่สองเพื่อให้จับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำที่สะอาด รวมทั้งห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองมิได้)
ข้างหลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจะต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรที่จะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรจะแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าทำจากน้ำสุกใบเตย จะก่อให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน บอบช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องตระเตรียมเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลานิดหน่อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนกระทั่งสะอาดแล้วหั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอกซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนจะกว่าจะเข้ากัน
เอามาทอดในไฟอ่อนจนกระทั่งไข่สุก
สรรพคุณช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดหัว แล้วก็วิงเวียนหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
เตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบ / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างชำระล้าง แล้วหั่นหยาบๆให้พอดีคำ
นำแป้งที่ใช้ในการทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และก็เกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักต่อจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว เอามาทอดให้เพียงพอเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย นำมาจิ้มรับประทานกับน้ำปรุงรสไก่ได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งสารพัดประโยชน์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างชำระล้างแล้วหั่นอย่างละเอียด โดยตัดก้านแล้วก็ใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบนำมาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามขวางและกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งและก็ผงฟูมาร่อนผ่านตะแกรง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนถึงขึ้นฟู ประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่และก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้เหมาะ
เบาๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งหมด) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนประกอบทั้งหมดทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันอีกครั้ง
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ใช้เวลาอบราวๆ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิประมาณ 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
ขั้นตอนการทำน้ำมันบัวบก
ตระเตรียมส่วนประกอบดังนี้ บัวบก 4 กก. / น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำที่สะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มเติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปปั่นกระทั่งละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองเอาแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราว 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยจนกระทั่งเหลือแต่น้ำมันที่สกัดจากมะพร้าว โดยให้พิจารณาลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย ถือได้ว่าอันใช้ได้ ยกลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
วิธีใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาทาเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังหัว
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งเอาไว้ราว 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามปกติ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงหนังหัวรวมทั้งเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
การตักเตือนรวมทั้งข้อเสนอแนะ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรพินิจพิเคราะห์พื้นฐานของร่างกาย อย่ามองดูแต่คุณประโยชน์เพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะสมกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อเป็นประจำ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเหลือเกิน จะก่อให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

3

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์เป็นจำพวกที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบได้ทั่วไปทางภาคใต้ แล้วก็ประเภทที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบได้บ่อยทางภาคกลางและภาคทิศตะวันออก และก็เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรืออาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำคุณประโยชน์ทางยามาใช้ในการรักษาโรคได้หลายอย่าง ที่สะดุดตามากก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย และก็การนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นสดรวมทั้งแห้ง ใบอีกทั้งสดและแห้ง ราก เมล็ด รวมทั้งต้น (ส่วนทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
ลักษณะของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1.5 ซม. แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและก็การใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้ง เจริญเติบโตก้าวหน้าในที่ร่มและก็ในที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ เช่น บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งทิศตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ แล้วก็ที่โรงเรียนนายเรือ ฯลฯ
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบผู้เดียว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบและก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งรวมทั้งเหนียว ใบกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร รวมทั้งยาวราว 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีทั้งยังจำพวกดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) แล้วก็ชนิดดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะมีผลให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยทราบเหนื่อย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงเพราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุแตกต่างจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผอมโซเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงรับประทานแต่ละวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนตลอดตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะ (ต้น)ช่วยยั้งมะเร็ง ต้านมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอต้นและก็อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ในรูปทรงที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำกระทั่งเดือดแล้วนำมาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว เช้าตรู่ ตอนกลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้และทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้อาการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นและรากนำมาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
ถ้าหากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างรอบคอบเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นรวมทั้งพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบแล้วก็ต้นเอามาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ระดูมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนแล้วก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เม็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (อีกทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับผู้เจ็บป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง แม้ใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยารับประทานต่อเนื่องกันโดยประมาณ 3 เดือนจะช่วยทำให้ลักษณะของแผลพุพองทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ต้นนำมาตำมัวแต่น้ำดื่ม (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดแล้วก็ใบสดล้างสะอาดราว 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดภายในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งสดและแห้งโดยประมาณ 1 กำมือ นำมาบดอย่างละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนรับประทานอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้รอบคอบ ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างถี่ถ้วน สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ต้น ถ้าเกิดนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเหงือกปลาหมอ
ในตอนนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้ในการเปลี่ยนสีผม กระทั่งยาสระผมของหมา เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บไซต์ที่ทำการโครงการสงวนพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, หนังสือพิมพ์ประเทศชาติ (ชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพืชพันธุ์ไม้ องค์การส่วนพฤกษศาสตร์, ที่ทำการกองทุนช่วยเหลือการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (อาจารย์ยุวดี จอมคุ้มครอง), หนังสือกายบริหารแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจสินทรัพย์) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

4

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่เราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับบุกจำพวกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ต่างจำพวกกัน ซึ่งมีคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยชน์ทางยาที่ใกล้เคียงกัน และก็สามารถประยุกต์ใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในตระกูลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), แพทย์ยื่อ (ภาษาจีนกลาง) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีอายุหลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราว 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นรวมทั้งกิ่งไม้มีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวราวๆ 15-20 ซม.
ใบบุก
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกโดดเดี่ยว รูปแบบของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวประมาณ 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกและก็ผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (จังหวัดสกลนคร), กระบุก (จังหวัดบุรีรัมย์), บุกคางคก บุกลุกงคก (ชลบุรี), หัวบุก (จังหวัดปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกลาง), บุก (ทั่วๆไป), กระแท่ง บุกคอย หัววุ้น (ไทย), บุกอีคอยกเขา ฯลฯ
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกกะแท่งหรือเท้าคุณยายม่อมหัว มีอายุได้นานยาวนานหลายปี มีความสูงของต้นราวๆ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอ้วนรวมทั้งอวบน้ำไม่มีแก่น ผิวขรุขระ ลำต้นกลมและมีลายเขียวๆแดงๆลักษณะก็จะคล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นเพาะพันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้ประเภทนี้จะเจริญเติบโตในช่วงฤดูฝน รวมทั้งจะร่วงโรยไปในตอนต้นหน้าหนาว ในประเทศไทยพบได้บ่อยขึ้นเองตามป่าราบชายฝั่งทะเลและที่อำเภอศรีราชา ส่วนในต่างแดนบุกคางคกนั้นเป็นพืชพื้นบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนกระทั่งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก คือส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะค่อนข้างจะกลมแล้วก็มีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 เซนติเมตรขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดแล้วก็เป็นเมือกลื่น มียาง โดยเฉพาะหัวสด ถ้าเกิดสัมผัสเข้าจะมีผลให้กำเนิดอาการคันได้ ก่อนเอามาปรุงเป็นอาหารนั้นก็เลยต้องทำให้เป็นมูกโดยการต้มในน้ำเดือดซะก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแม้กระนั้น 1 กรัม ไปจนถึง 35 กิโลกรัม
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแผ่ขยายออกเหมือนกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบใบจักเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำและยาวได้ประมาณ 150-180 ซม.
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก มีดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินรอบๆของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงแกมสีน้ำตาล (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบตกแต่งเป็นรูปหุ้มช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นแล้วก็บานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศภรรยาอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางคุก
ผลบุกคางคก ผลได้ผลสด เนื้อนุ่ม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรียาว ขนาดยาวราว 1.2 ซม. ผลมีเยอะมากชิดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนถึงสีแดง ภายในผลมีเมล็ดราว 1-3 เมล็ด โดยมีสันขั้วเมล็ดของแต่ว่าเม็ดแยกออกจากกัน เมล็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
สรรพคุณของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด (หัว)
ใช้เป็นของกินสำหรับคนป่วยโรคเบาหวานแล้วก็ผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำ โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว นำมาชงกับน้ำกินก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสลด ละลายเสมหะ ช่วยกระจายเสลดที่ตันบริเวณหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน และเลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้ระดูไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับเมนส์ของสตรี (ราก)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่รอยแผล กัดฝ้าแล้วก็กัดหนองได้ดิบได้ดี (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลกล่าวว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาพาราบวม แก้บวมช้ำ (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยคุณนิล สกุณา (บ้านหนองพลวง ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์) ชี้แนะให้ทดลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พาดปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเม็ดเอามาย่างไฟให้หอมก่อน แล้วก็ใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำพอท่วมเม็ดบุก ต้มกระทั่งเมล็ดบุกหล่นลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดและให้เพิ่มเติมน้ำตาลทรายแดงพอประมาณลงไปต้มให้เพียงพอหวาน หลังจากนั้นทดลองลองมอง ถ้าหากยังมีอาการคันคออยู่ก็ให้เพิ่มน้ำตาลเพิ่มแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยลองใหม่ ถ้าหากไม่มีอาการคันคอก็แสลงว่าใช้ได้ และให้นำสมุนไพรโด่ไม่รู้เรื่องล้มใส่เข้าไปด้วยราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปล่อยให้เย็นรวมทั้งเก็บเอาไว้ในตู้แช่เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก ราว 30 นาที จะปวดเยี่ยวโดยธรรมชาติ หลังจากอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วเอามาชงกับน้ำ ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม (เข้าใจว่าคือส่วนของหัว) เอามาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง จึงสามารถนำมารับประทานได้ ถ้าเกิดเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือนำมาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ชำระล้างบริเวณที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก้านใบถ้าหากปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองและก็คันปากได้8ก่อนนำมากินจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสด6
ขั้นตอนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำเพียงพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นคราวแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่ได้กล่าวมาแล้วในการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6ถ้าเกิดอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เนื่องจากวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำยิ่งกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกภายหลังการกิน แต่ว่าให้กินก่อนที่จะรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคอาหารที่สร้างจากวุ้น ยกตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนและก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังอาหารได้ เพราะวุ้นดังกล่าวข้างต้นได้ผ่านขั้นตอนการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว รวมทั้งการการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องจากว่าไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและแร่ หรือสารอาหารใดๆที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดลง (ดังเช่นว่า วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี รวมทั้งวิตามินเค) ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่ว่าจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (ดังเช่นว่า วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจก่อให้มีลักษณะอาการท้องเดินหรือท้องอืด มีอาการกระหายน้ำมากกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่พบ ตัวอย่างเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี รวมทั้งยังพบสารที่เป็นพิษหมายถึงConiine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกพบสาร Uniine และวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 แล้วก็หัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ร้อยละ 5-6 รวมทั้งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงจำนวนร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญเป็นกลูโคแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งประกอบด้วยกลูโคส แมนโนส รวมทั้งฟรุคโตส สารกลูโคแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากว่ามีความเหนียว ช่วยยั้งการดูดซึมของเดกซ์โทรสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมากมายก็ยิ่งส่งผลการดูดซึมเดกซ์โทรส ดังนั้น กลูโคแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum ก็เลยสามารถลดน้ำตาลได้ดีมากยิ่งกว่า จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเบาหวานรวมทั้งสำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูโคแมนแนน (Glucomannan) จะมีจำนวนแตกต่างกันออกไปตามจำพวกของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนประมาณ 90% รวมทั้งสิ่งปลอมปนอื่นๆดังเช่นว่า alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, แล้วก็พิษอื่น โมเลกุลของกลูโคแมนแนนนั้นสำคัญๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองชนิด คือ กลูโคส 2 ส่วน แล้วก็แมนโนส 3 ส่วน คร่าวๆ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลชนิดลำดับที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลจำพวกแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งแตกต่างจากแป้งที่เจอในพืชทั่วๆไป ก็เลยไม่ถูกย่อยโดยกรดและก็น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เพื่อให้น้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 นอกจากกลูวัวแมนแนนจะเจอได้ในบุกแล้ว ยังเจอได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูโคแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำรวมทั้งขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ของปริมาณเดิม เมื่อพวกเรารับประทานกลูโคแมนแนนก่อนรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครั้งละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะของพวกเรา แล้วเกิดการพองตัวจนกระทั่งทำให้เรารู้สึกอิ่มอาหารได้เร็วและอิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรากินได้ลดน้อยลงกว่าธรรมดาด้วย อีกทั้งกลูวัวแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมากมาย กลูโคแมนแนนก็เลยช่วยสำหรับการควบคุมน้ำหนักรวมทั้งเป็นอาหารของคนที่อยากได้ลดความอ้วนได้อย่างดีเยี่ยม8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 โล ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูน้อยลงคิดเป็น 44% และ Triglyceride ต่ำลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ซับน้ำในกระเพาะและลำไส้ได้ดีมากมาย แล้วก็ยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในลำไส้ให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการขับของที่ค้างในลำไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีลักษณะบวมที่ขากินครั้งละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโล พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูต่ำลง6
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากบุกคนประเทศไทยพวกเรานิ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบุก

หน้า: [1]