โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: ttads2522 ที่ เมษายน 10, 2018, 09:52:46 am

หัวข้อ: โรคต่อมลูกหมากโต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ เมษายน 10, 2018, 09:52:46 am
(https://www.img.in.th/images/b33f047ab3f0cb6d5981b9817740dbd8.gif)
โรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hypertrophy-BPH)
โรคต่อมลูกหมากโต (http://www.disthai.com/16865130/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%95)เป็นอย่างไร ต่อมลูกหมาก (prostate gland) เป็นต่อมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้ชาย อยู่ตรงด้านหลังของคอกระเพาะปัสสาวะในอุ้งเชิงกรานหลังกระดูกหัวหน่าว มีรูปร่างคล้ายลูกเกาลัด ต่อมมี 5 กลีบ หนักราวๆ 20 กรัม (ขนาดเท่าผลลิ้นย่าง) มีบทบาทสร้างน้ำเมือก (ซึ่งเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง ของน้ำอสุจิ) เพื่อให้ตัวสเปิร์มว่ายและก็กินเป็นของกิน  โดยปกติต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญวัยภายหลังจากอายุ 20 ปี  ตราบจนกระทั่งอายุประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกรอบ แล้วก็เป็นจุดเริ่มของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโต (http://www.disthai.com/16865130/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%95)ถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่น่าไม่สบายใจของคุณสุภาพบุรุษทั้งหลาย โดยทั่วไปผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะเบาๆโตขึ้น ว่ากันว่าชายชรา 2 ใน 5 คนจะมีลักษณะชิ้งฉ่องแตกต่างจากปกติ อาการดังที่กล่าวถึงแล้วมีสาเหตุจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่โอบล้อมท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้นรวมทั้งไปบีบท่อเยี่ยวให้แคบลง
และยังมีรายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยหลายๆชิ้นสรุปว่า ในเพศชายที่แก่ 50 ปีขึ้นไป มักตรวจพบโรคต่อมลูกหมากโต เพราะเหตุว่าความผิดแปลกทางด้านขนาดและปริมาณเซลล์ต่อมลูกหมาก เมื่อขนาดของต่อมลูกหมากโตขึ้น จะมีผลกระตุ้นให้เกิดการอุดกันของระบบฟุตบาทฉี่ ชิ้งฉ่องบ่อยครั้ง ตรากตรำ จำเป็นต้องเบ่งเป็นระยะเวลานาน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ในที่สุดอาจชิ้งฉ่องไม่ออก รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับของลับไม่แข็ง แนวทางการทำงานของต่อมลูกหมากอาศัยการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศชายซึ่งส่วนมากสร้างจากอัณฑะ ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้ยังเกี่ยวโยงกับการกระตุ้นการโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย โดยความผิดแปลกของต่อมลูกหมากที่พบได้มากในชายไทย คือ โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia; BPH) มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) และก็ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatis) จำนวนร้อยละ 80 18 และก็ 2 ตามลําดับ  โดยโรคต่อมลูกหมากโตนี้ เป็นโรคพบได้บ่อยมากของเพศชายวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยพบได้โดยประมาณ 30-40% ของผู้ชายวัย 50-60 ปี และก็เมื่ออายุ 85 ปีจะพบโรคนี้ได้สูงถึง 90% โรคนี้เจอได้ในผู้ชายทั่วทั้งโลก ทุกเชื้อชาติ
ต้นเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต ในปัจจุบัน ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แจ่มแจ้งของการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต แต่หมอเชื่อว่า เมื่อชายเฒ่าขึ้นจะมีผลต่อการผลิตกรุ๊ปฮอร์โมนเพศชายจากอัณฑะที่ชื่อ แอนโดรเจน (Androgen) ก็เลยทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายชนิดต่างๆโดยเฉพาะระหว่างฮอร์โมน เทสโทสสเตอโรน  (Testosterone) กับฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสสเตอโรน () (DHT) ซึ่งภาวะนี้ทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากมีการเติบโตเปลี่ยนไปจากปกติได้ ที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต
ฮอร์โมนที่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต
ที่มา :  Wikipedia
นอกนั้นยังสันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นเนื่องจากพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีลักษณะออกจะร้ายแรงในกลุ่มของผู้คนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งต้องรับการดูแลรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
นอกนั้นยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีลักษณะออกจะร้ายแรงในฝูงคนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจำต้องรับการรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโต ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโตนั้น เกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จะไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อท่อปัสสาวะ และก็เมื่อต่อมฯยิ่งโตขึ้น ก็จะกดเบียดทับ หรือเบียดรัดบริเวณท่อฉี่ จึงส่งผลให้ท่อปัสสาวะตีบแคบลง จนถึงอาจอุดตัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวอาการของโรคต่อมลูกหมากโต ก็คือ



และก็ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเยี่ยวเป็นเลือด เพราะเหตุว่าเบ่งถ่ายนานๆอาจส่งผลให้เส้นเลือดดำที่ท่อฉี่คั่ง แล้วแตกจนมีเลือดออกมาได้  ทั้งนี้โรคต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้แก่  เยี่ยวไม่ออกเลย ฟุตบาทฉี่อักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม เยี่ยวเป็นเลือด  เป็นต้น ซึ่งอาจเจอได้ไม่เกินปริมาณร้อยละ 20 ของคนเจ็บต่อมลูกหมากทั้งสิ้น
ขั้นตอนการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต การตรวจวิเคราะห์ผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโต



การดูแลและรักษาโรคต่อมลูกหมากโตบางทีอาจจำเป็นต้องใช้หลายๆแนวทางร่วมกัน แต่ว่าโดยหลักๆแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 3 วิธีดังนี้การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา การผ่าตัด ซึ่งมีรายละเอียดคือ

ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อเกิดโรคต่อมลูกหมากโต



การติดต่อของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายหลายๆประเภท ซึ่งจะมีผลให้เซลล์ของต่อมลูกหมากเจริญวัยไม่ปกติ มักกำเนิดในผู้ชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งโรคต่อมลูกหมากโตนี้ มิได้เป็นโรคติดต่อและไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน และจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
(https://www.img.in.th/images/6adce8831f429528e097b9aa2b8a221d.jpg)
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต



การปกป้องตัวเองจากโรคต่อมลูกหมากโต ตอนนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ช่วยคุ้มครองป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริงเพราะเหตุว่ายังไม่เคยรู้ต้นเหตุที่แจ่มแจ้งของโรคนี้ รวมทั้งความเสี่ยงต่อโรคที่สำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขได้นั้นก็คืออายุที่มากขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าววิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือเพศชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรจะได้รับการตรวจต่อมลูกหมากบ่อยๆทุกปี และควรจะหมั่นดูความผิดแปลกของระบบฟุตบาทปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น หากมีลักษณะอาการฉี่ลำบาก จะต้องใช้แรงเบ่งนานๆฉี่ไม่พุ่ง ช่วงเวลากลางคืนจำต้องลุกขึ้นมาฉี่ บ่อย หรือเยี่ยวเป็นเลือด ก็ควรจะไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยต้นเหตุให้ชัดเจน  เมื่อพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโตก็ควรกินยารักษา หรือกระทำการผ่าตัดปรับแก้ตามคำแนะนำของหมอ 
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคต่อมลูกหมากโต พืชสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยทางสถานพยาบาลว่ามีฤทธิ์รักษาโรคต่อมลูกหมากโตเป็นต้นว่า มะเขือเทศ แล้วก็ฟักทอง โดยให้ผู้เจ็บป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าอยู่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มต้นรับประทานซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) วันละ 50 กรัม (มี lycopene อยู่ 13 มก.) ติดต่อกัน 10 สัปดาห์พบว่า ส่งผลทำให้ค่า prostate-specific antigen (PSA) ในเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะต่อมลูกหมากโตลดน้อยลง แล้วก็การศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกโดยให้คนไข้รับประทานแคปซูลสารสกัดเมล็ดฟักทองขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน ส่งผลทำให้ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตมีลักษณะอาการ เมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน 12 สัปดาห์
มะเขือเทศ  ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum lycopersicum สกุล Solanaceae มีหลายการเล่าเรียนพบว่าไลวัวพีนในมะเขือ เทศสามารถลดระดับ PSA และก็คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยผ่านกลไกการทำงานต่างๆอย่างเช่น การลดการ กำเนิด lipid oxidation ต้านอนุมูลอิสระ และ ลดการสังเคราะห์ 5- alpha dihydrotestosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก รวมทั้งยังพบว่าการบริโภคไลวัวพีนจากสินค้า มะเขือเทศซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ลูกค้าหรูหราไลโคพีนในเลือดสูงขึ้นจะสามารถลดระดับ PSA ในคนป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้  Schwarz และก็คณะ (2008) เรียนในคนไข้โรคต่อมลูกหมากโต (PSA > 4 mg/L) บริโภคไลโคพีนวันละ 15 mg นาน 6 เดือน พบว่าสามารถคุ้มครองต่อมลูกหมากโตได้เมื่อตรวจทางทาวรหนักรวมทั้งการตรวจอัลตราซาวด์รวมทั้งระดับ PSA ลดลงจำนวนร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก (placebo) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) และกระบวนการทำแบบสอบถามลักษณะของต่อมลูกหมากฉบับนานาชาติ (International Prostate Symptom Score; IPSS) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลโคพีนมีลักษณะของต่อมลูกหมากดียิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนที่จะมีการเล่าเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการเรียนในคนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตที่มีความเสี่ยงมากถึงปริมาณร้อยละ 80 ที่จะเป็นโรคโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในอนาคต (High Grade Prostatic Intraepithelial Neoplasia; HGPIN) โดยกลุ่มทดลองที่ได้รับไลโคพีนวันละ 8 mg สม่ำเสมอแต่ละวันนาน 1 ปี (20 คน) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม (20 คน) พบว่ากลุ่มที่ได้รับไลโคพีนมีระดับ PSA ลดน้อยลง จาก 6.07 mg/L เป็น 3.5 mg/L คิดเป็นจำนวนร้อยละ 42 แล้วก็มีไลวัวพีนในเลือดมากขึ้นจาก 360 เป็น 680 mg/L แล้วก็เมื่อหมดการศึกษาพบว่ากลุ่มทดลองมีผู้เจ็บป่วยจำนวน 2 คนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะผู้ป่วยกลุ่มควบคุมปริมาณ 6 คนที่ไม่ได้รับประทานอาการที่มีไลโคพีน (มะเขือเทศ แตงโม) ตลอดตอนสำนักงานศึกษาหรูหรา PSA เพิ่มสูงมากขึ้น และผู้ที่มีระดับไลวัวพีนในเลือดน้อยลงกลับเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าการบริโภคไลโคพีนนาน 1 ปีสามารถคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้
ฟักข้าว มีชื่อสามัญว่า Spring bitter cucumber ชื่อวิทยาศาสตร์หมายถึงMomordica Cochinchinensis Spreng.  ฟักข้าว เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไลโคป่ายปีน และสารพฤษเคมีอื่นๆในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดังเช่นว่า เบต้า-แคโรทีน สูงกว่าแครอท 10 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 40 เท่า มีซีแซนทีนมากกว่า ข้าวโพด 40 เท่า อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ กรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และโอเมก้า-9 ช่วยเสริมฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง และการไหลเวียนของเลือด  รวมทั้งในฟักข้าว มีไลโคไต่ จำพวกพิเศษ เรียกว่า ไลโปแคโรทีน (Lipocarotene) เป็นกรดไขมันสายยาวที่ช่วยจับแคโรทีน จึงช่วยดูดซึมแคโรทีน ฟักข้าว จึงเป็นแหล่งของไลโคปีนป่าย ที่เยี่ยมที่สุด  ไลวัวป่ายปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ด้านการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยลดโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในเพศชาย โดยต่อมลูกหมาก คือต่อมที่สร้างน้ำเลี้ยงน้ำอสุจิ ต่อมลูกหมากตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายอายุสูงมากขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดลง นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ในต่อมลูกหมาก แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น ต่อมลูกหมากจึงโตขึ้น และถ้ามีการอักเสบร่วมด้วยก็จะมีโอกาสเกิดมะเร็ง ได้สูงมากขึ้น ไลวัวไต่ จะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยให้เซลล์ของมะเร็งฝ่อตาย รวมทั้งลด การแบ่งเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย
หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Orthosiphon stamineus Benth.   สกุล : Labiatae หรือ Lamiaceae   สรรพคุณต้นหญ้าหนวดแมว ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้การหลั่งฉี่เพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้น ในแบบเรียนยาหลายฉบับเอ่ยถึงสรรพคุณต่างๆตัวอย่างเช่น  ตำราเรียนยาใช้ใบ แล้วก็ลำต้นการรักษา แล้วก็ป้องกันโรคทางเท้าปัสสาวะ ลำต้น ใช้ทั้งแบบสดหรือแบบแห้ง ด้วยการต้มดื่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นชายชราที่ช่วยแก้โรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งแก้ไขปัญหาปัสสาวะติดขัด รวมทั้งมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับกรดยูริก
เถาวัลย์เปรียง (http://www.disthai.com/16488289/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87) ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth  ชื่อสกุล Papilionaceae  สรรพคุณ:           ตำราเรียนยาพื้นบ้าน: ใช้เถา ขับฉี่ แก้กษัยเหน็บชา ถ่ายกษัย แก้เส้นเอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่อุจจาระ ทำให้เอ็นอ่อนลง ขับเยี่ยว แก้ปัสสาวะพิการ
กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae  สรรพคุณ:     ตำราเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา  การเล่าเรียนทางคลินิก: ลดระดับความดันเลือด ยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินเยี่ยว ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ชิ้งฉ่องสบายขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบเวลาฉี่น้อยลง  ต้นแบบแล้วก็ขนาดวิธีการใช้ยา:   ขับฉี่ ใช้สมุนไพรแห้ง บดเป็นผุยผง 3 กรัม (หรือ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือจนกว่าอาการจะหาย
เอกสารอ้างอิง