จงโคร่งควรโคร่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก มี ๔ เท้า มีกระดูกสันหลังจัดอยู่ในวงศ์ Bufonidae สกุลเดียวกับคางคกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bufo asperบางถิ่นเรียก ต้องโคร่ง นกกระทาหอง กระหอพักง หรือ กง ก็มีชีววิทยาของจงโคร่งจงโคร่งมีลักษณะทั่วๆไปคล้ายกับคางคกบ้าน แต่ว่าตัวโตกว่ามากมาย เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ที่มีตัวโตที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะที่แตกต่างจากคางคกบ้าน หลายชนิด ที่สำคัญคือ ความกว้างของแก้วหู สั้นกว่าครึ่งหนึ่งของความกว้างของตา และอยู่ห่างจากตามาก สันกระดูกเหนือแก้วหูหนานมาก กระดูกหน้าผาก ระหว่างตากับหู ทั้งสองข้าง บุ๋ม กึ่งกลาง กระดูกสันหลังมีร่องลึกกึ่งกลาง ผิวหนังใต้คอใต้ท้องมีสีชมพู ส่วนบนออกจะดำ มีสีแดงเป็นหย่อมๆมากน้อยไม่เหมือนกันไปแต่ละตัว มีปุ่มนูนๆอยู่ทั่วไป ตามส่วนบนของตัว ใต้อุ้งเท้ามีปุ่มตามข้อนิ้วมากมาย ใต้ข้อเท้ามีปุ่มใหญ่อยู่ ต้ายข้อเท้ามีปุ่มใหญ่อยู่สองปุ่ม ๒ ปุ่มได้ข้อนิ้วมีตุ่มไม่ใหญ่นัก นิ้วเท้ามีพังผืด ซึ่งระหว่างนิ้วทุกนิ้ว ตัวโตเต็มวัยที่วัดจากปากถึงก้นราว ๒๖เซนติเมตร ต้องโคร่งมักอาศัยอยู่ตามซอกหินของเทือกเขา ที่มีป่าดงร่มเย็นชุ่มชื้น ลางตัวเข้าไป อาศัยอยู่ในบ้านคน เพื่อรอกินแมลงที่มาเล่นแสง เจอได้ตั้งแต่ทางภาคใต้ของเมืองไทย ลงไปจนถึงนานเลเซียรวมทั้งเกาะ เกะสุมาตราของอินโดนีเซีย
สัตวศาสตร์เชื้อชาติของ จงโคร่งสมุนไพร [/b]ชาวบ้านทางปักษ์ใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอเบตงจ.ยะลา มักถือกันว่าบ้านใดมีต้องโคร่งอาศัยอยู่ด้วย บ้านนั้นจะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าหากคนใดกันรังแกต้องโคร่ง ผู้นั้นหรือญาติ ก็จะประสบโชคไม่ดี ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงมักปลดปล่อยให้จงโคร่ง อาศัยอยู่ในบ้าน เสมือนเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทหนึ่ง ปล่อยให้หาเลี้ยงชีพแมลงที่มาเล่นแสงสว่างในบ้าน ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน รังควาน หรือรังควาน หนังควรโคร่งมีต่อมยางที่เป็นพิษราวกับหนังคางคก มิจฉาชีพเคยใช้หนังต้องโคร่งแห้ง ผสมกับเห็ดเมาลางจำพวก ใบรวมทั้งยางของ
สมุนไพรลางอย่าง ทำเป็นชุดไฟสำหรับรม เจ้าของบ้านได้สูดยานี้ก็จะมึนเมา หลับ หรือสลบไป ผู้ร้ายก็จะเข้าไป ลักขโมยหรือปล้นได้ดั่งตั้งอกตั้งใจ ขั้นตอนการแก้พิษนั้นให้ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำมะพร้าวอ่อน ก็จะฝ่าฝืนได้สม่ำเสมอ หมอแผนไทยใช้หนังจงโคร่งแห้งผสมยาเบื่อเมา ทำให้นอนใช้บรรเทาโรคคุดทะราด
สัตวศาสตร์เผ่าพันธุ์เป็นยังไงคำ “สัตวศาสตร์เผ่าพันธุ์” นี้ แปลจากคำในภาษาอังกฤษว่า ethnozoologyเป็นศาสตร์ที่ศึกษาความเกี่ยวพัน โดยตรงในแง่มุมต่างๆระหว่างกันและกัน ของพรรณ สัตว์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ กับมนุษย์เชื้อสายต่างๆเช่นความศรัทธาเรื่องสัตว์กับโชค การใช้พรรณสัตว์เป็นของกิน เป็นยาบำบัดโรค
ชั้นสัตว์เลื้อยหรือคลานชั้นสัตว์เลื้อยหรือคลาน(class Reptlia) สัตว์ในกลุ่มนี้มักถูกเรียกเป็น สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งไม่น่าจะถูกตามความจริง เนื่องจากสัตว์พวกนี้บางจำพวกไหมได้แม้กระนั้นคลานไม่ได้ เช่นงูต่างๆลางจำพวกเขยื้อนโดยการเลือกคลานแค่นั้น ไม่เลื้อย ดังเช่นว่า เต่า ไอ้เข้ สัตว์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสัตว์บกอย่างแท้จริง ผิวหนังเป็นเกล็ดน้ำแข็งไม่อาจจะใช้หายใจได้ หายใจทางปอด ไม่มีความเคลื่อนไหวรูปร่าง มีหัวหัวใจ ๓ หรือ ๔ ห้องไม่สมบูรณ์เป็น หัวใจมีห้องบน ๒ ห้อง ส่วน ๒ ห้องล่างแยกกันไม่สนิท เว้นเสียแต่ไอ้เข้ ส่วนเหล่านี้คลอดลูกเป็นไข่ก่อน สัตว์เลื้อยหรือคลานที่ใช้ประโยชน์ทางยามีหลายชนิด ดังเช่นว่างูต่างๆ
จระเข้ ตุ๊กแก ตะพาบน้ำ รวมทั้ง
เต่า