แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - jessica

หน้า: [1] 2
1

ขายมะรุม ผลดีfyjiu;lo9;ทางโภชนาการของมะนาวสภาวะขาดธาตุเหล็ก การรักษาผู้เจ็บป่วยที่ร่างกายดูดซับธาตุเหล็กไม่ดีจนกระทั่งเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก หมอi;op'p'อาจแนะนำให้กินยาจำหน่ายมะรุมเสริมธาตุเหล็กควบคู่ไปกับวิตามินซี ซึ่งจะช่dfnjyukiulวยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ky89;-8urกของร่างกาย จึงเกิดแนวคิดสำนักงานทานอาหารl/[prrriutที่อุดมด้วยวิตามินซีอย่างน้ำส้มหรือน้ำมะนาวบางครั้งอาจจะสามารถช่o7วยคุ้มครองปกป้องหรือรักษาภาวการณ์ขาดธาตุเหล็ก โดยส่งผลให้ร่า7กายดูดซับธา90ตุเtlu9;;หล็กจากอาหารต่างๆที่กินเข้าไปเจl89ริญด้วยแม้กระนั้น จtlk89y,koiu;ากผลการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ขายมะรุม การค้นคว้าหนึ่งทดลองแบ่งกลุ่มหญิงที่มีภาวการณ์ขาดธาตุเหล็ก กรุ๊ปละ 18 คน โดยกรุ๊ปหนึ่งกินน้ำมะนาวที่มีวิตามินซี 25 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง สัปดาห์ละ 6 วัน เป็นระยะเวลาที่ยyาวนา;lo';jgjkmkน 8 เดือน ส่วนอีกกรุ๊ปหนึ่งรับประทานยาหลอก คำตอบพบว่าการกินน้ำมะนาวไม่ได้ช่วยเพิ่มระดับธาตุเหล็กภายในร่างกายของหญิ9uo';'งที่;.มีภาวะนี้อะ9ไรแก้อาการจำหน่ายมะรุมอาเจียน มะนาวผ่าซี;877ก โรยเกลือลงไปนิดหน่อยรวมทั้งบีบน้ำ'oitมะนาวใส่ปากเป็นเo;pยี่ยมในเทคนิคบรรเทาอาการคลื่นไส้ยอดนิยม แต่ว่าจะสำเร็จจริงหรือไม่นั้นยังไม่มีเรียนเกี่ยวกับสรรพคุณด้านนี้ของมะ['p0'นาวออกมารับรอง อย่างไรก็ดี แนวทางนี้นับเl8l;['-5j78863ป็นวิธีกล้วยๆที่สามารถทดลองใช้ได้อย่างไม่น่าจะทำให้เป็นอันตราย แม้เป็นอาการอาเจียนธรรมดาที่ไม่รุนแรง แม้กระนั้นหากทดลองแล้วยังไม่หายหรือมีอาการขายมะรุมแตกต่66+าej87งจากปกติก็ควรจะไ6tl9807;l9;ปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการจะเยี่ยมที่8y7l09;สุด เช่นเดียวกันกับอีกหลายๆโรค

Tags : จำหน่ายมะรุม

2

น้ำมันนวดสมุนไพร
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากการนวดน้ำมัน
น้ำมันวด ถือเป็นหนึ่งในแนวทางบำบัดรักษาความเครียด ผ่อนคลายจิตใจ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทุเลาความเมื่อนล้า นอกเหนือจากนี้คุณคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยแต่ละจำพวกที่ผสมอยู่ในน้ำมันนวดตัวของพวกเรานั้นนังสามารถบรรเทาอาการต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ที่ช่วยเรื่องระบบทางเท้าหายใจ ทุเลาอาการหวัดคัดจมูกเมื่อเวลาสูด หรือเมื่อผสมกับน้ำมันก็จะสามารถช่วยทำให้รู้สึกเย็นสบายผิว ที่ช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงรบกวน เป็นต้น
การนวดน้ำมันเป็นแนวทางดูแลภาวะผิวและก็สุขภาพที่ขอเสนอแนะเลย เป็นส่วนใหญ่จะการนวด ที่สกัดมาจากสมุนไพรและก็พืชต่างๆโทนร้อนพอประมาณ ที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อสุขภาพ โดยการนำสารสกัดกลิ่นรวมทั้งเนื้อน้ำมัน พวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกาย ด้วยกลิ่นหอมยวนใจรวมทั้งแล้วก็สัมผัสของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา รวมถึงช่วยเพิ่มความชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้จ้ะพวกเราจะพาไปดูคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันกันว่า มีสาระด้านใดบ้าง
1.การนวดน้ำมันจะเข้าไปช่วยกระตุ้นหลักการทำงานของระบบประสาท ให้ดำเนินการได้ดิบได้ดีมากขึ้น ลดอาการเคร่งเคลียดให้พวกเราผ่อนคลายจากการความอ่อนล้าและความเหน็ดเหนื่อยสะสม
2.น้ำมั่นนวด กระตุ้นการทำงานของเลือด ให้ดำเนินการได้ดิบได้ดีมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถหล่อเลี้ยงออกซิเจนรวมทั้งสารอาหารต่างๆไปทั่วร่างกายอย่างสมบูรณ์ ป้องกันโรคต่างๆและลดระดับความดันโลหิตได้ดิบได้ดีด้วย
3.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ด้วยการเข้าไปปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและฟื้นฟูระบบกล้าม ข้อต่อต่างๆภายในร่างกายให้ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
4.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ด้วยเข้าไปกำจัดสารพิษ ภายในร่างกายแล้วก็ภาวะผิว ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกมาส่งให้ผิวของคุณเรียบเนียนเปียกชื้น ดูมีน้ำมีนวลรวมทั้งชีวิตชีวาเยอะขึ้น
5.ช่วยในหัวข้อการนอนหลับให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผ่อนคลายสมองแล้วก็ร่างกายต่างๆส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับสนิทได้ดียิ่งไปกว่ากว่า ลดอาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้นการนวดน้ำมันยังมีคุณประโยชน์อีกหลายประเภทต่อสภาพร่างกาย ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกแก่คนรักสุขภาพได้อย่างยอดเยี่ยมลดลักษณะของการปวดหัวไมเกรนสำหรับคนที่เคยทรมาทรกรรมจากลักษณะของการปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อยมาก หมอก็ได้แนะนำให้ทดลองไปนวดบำบัดสุขภาพดูบ้าง เพราะเหตุว่าจากผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า คนที่มีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวต่อเนื่องกัน 2-3 อาทิตย์ จะสามารถบรรเทาอาการข้างๆของโรคไมเกรน แล้วก็นอนได้อย่างสนิทขึ้นด้วยจ้ะ


ทุเลาอาการกล้ามอักเสบจากการออกกำลังกาย


          ในเวลาที่บริหารร่างกายอย่างหนัก ร่างกายจะได้รับผลกระทบเป็นอาการปวดเมื่อย หรือกล้ามเนื้ออักเสบเป็นของแถม ซึ่งการศึกษาเล่าเรียนของ Buck Institute for Research on Aging and McMaster University in Ontario, Canada ก็ได้เปิดเผยวิธีทุเลาอาการว่า ให้ลองไปนอนรับบริการนวดตัวดูบ้าง เพราะว่าการนวดจะช่วยคลายกล้ามที่ตึงเครียดจากการออกกำลังกายได้ดิบได้ดีเทียบเท่าการรับประทานยาคลายกล้ามอย่างไรยังงั้นเลยล่ะ
การนวด


ดูเด็กขึ้น


          ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่ต้องลำบากแอ๊บแบ๊วลากวัยอีกต่อไป เพราะเพียงแค่ไปสปาให้เขานวดๆบีบๆร่างกายอยู่บ่อยๆก็สามารถทำให้พวกเรามองเด็กขึ้นได้แล้ว โดยผู้ชำนาญด้านผิวหนังก็ได้อธิบายเพิ่มอีกว่า การขัดหน้าหรือนวดหน้า รวมไปถึงนวดตัว เป็นการกระตุ้นให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียน ซึ่งก็ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นด้วย ทั้งการนวดยังช่วยกระตุ้นรูปแบบการทำงานของต่อมท่อน้ำเหลือง ให้กำจัดสารพิษที่อยู่ใต้ผิวหนังให้หมดไป ทำให้สารอาหารแล้วก็วิตามินต่างๆซึมไปสู่เซลล์ผิวได้ดิบได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ผิวมองกระปรี้กระเปร่าเต่งตึงได้อีกที รวมไปถึงกำจัดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบๆผิวหน้าได้อีกด้วยนะ


ป้องกันอาการ PMS


          สาวๆทุกคนอาจทราบดีว่าอาการ PMS ก่อนมีเมนส์นั้นสร้างความทรมาทรกรรมให้กับเราได้มากมายแค่ไหน แต่ว่าวันนี้เราไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป เพราะเหตุว่าผลการค้นคว้าของ Touch Research Institute and University of Miami Medical School พบว่า การนวดตัวสามารถคุ้มครองปกป้องอาการข้างๆทุกประเภทเวลาที่หญิงมีรอบเดือนได้อยู่มือ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ปวดท้อง ตัวบวม น้ำหนักขึ้น หรืออาการหงุดหงิดฉุนเฉียว แม้กระนั้นแนวทางนวดอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกับสาวๆที่แก่ตั้งแต่ 19-45 ปี แค่นั้นนะคะ
นวดแผนไทย

  • ลดอาการข้างเคียงของโรคมะเร็ง ผลการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเปิดเผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนหลับเจริญขึ้น ทุเลาลักษณะของการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ระบาด จะทรมาทรกรรมจากลักษณะของการเจ็บปวดน้อยลง อาเจียนน้อยครั้ง หรือเปล่าอ้วกเลย รู้สึกสดชื่นขึ้น ความดันดีมากกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากลักษณะการป่วยน้อยลง หลังจากได้รับการบำบัดด้วยวิธีการนวด
  • ทุเลาอาการปวดเรื้อรัง


          ผู้เชี่ยวชาญทางกายภาพบำบัดได้ชี้แจงถึงประสบการณ์ของตนให้ฟังว่า คนที่มีลักษณะปวดเรื้อรัง ได้แก่ ปวดตามข้อ โรคข้ออักเสบ รวมทั้งอาการปวดเมื่อยเรื้อรังอื่นๆจะคลายลักษณะของการเจ็บปวดกลุ่มนี้ลงไปได้มาก หลังจากได้รับบริการนวดอย่างแม่นยำต่อเนื่องกันเพียง 2-3 ครั้งเพียงเท่านั้น เพราะว่าการนวดได้อย่างตรงจุด จะช่วยทุเลาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆได้อย่างเร็ว ก็เลยสามารถทุเลาลักษณะของการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้อย่างทันใจนั่นเองจ้ะ
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นกับการใช้งาน และสรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละประเภท โดยส่วนมากน้ำมันฐานรากที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันนวด ดังเช่น น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันที่ทำจากถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด คุ้มครองการเกิดมะเร็ง นอกจากนั้นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ต้องต่อสภาพทางด้านร่างกาย ทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย โดยทั้งนี้น้ำมันแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะ และก็คุณค่าที่นาๆประการ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้แรงงาน

3

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่สมบูรณ์ แดดปานกลาง พบได้มากตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ ฯลฯไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่บริบูรณ์ ไม่แก่ไหมอ่อนจนกระทั่งเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูก้าวหน้า โดยยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” สกุลสถิต ฉั่วกุล รวมทั้งแผนกได้ศึกษาเล่าเรียนพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่แน่ชัด แม้กระนั้นไม่เป็นอันตรายพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย ได้แก่ ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์เพียงพอเปียกยา ตั้งทิ้งเอาไว้ 1 อาทิตย์ หมั่นคนยาทุกๆวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และก็กากทาบรอบๆที่เจ็บบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสลดพังพอน เนื่องจากว่าเสมหะพังพอนมีตลอดตัวผู้ละตัวเมีย แม้กระนั้นตัวผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้เนื่องด้วยมีฤทธิ์อ่อน รวมทั้งเพื่อไม่ให้งงงันก็เลยเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" ส่วนมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชถอนพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาทารักษาด้านนอก มีคุณประโยชน์ทุเลาการอักเสบของผิวหนังได้ดี  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส
คุณลักษณะของผงพญายอในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับสุราใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก พญายอมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า
- อีกแบบเรียนกล่าวว่านอกจากจะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเนื่องจากว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและสุรา ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนยาทุกรุ่งเช้าแล้วก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] [/color]ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกบริเวณแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บ ช่วยลดลักษณะของการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

วิธีการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและก็เช็ดถูเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนวิธีการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำสะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง น้ำนม หรือโยเกิร์ต เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้อีกทั้งผิวหน้าแล้วก็ผิวกาย เสมอๆ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า พญายอถ้าหากเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วบริเวณใบหน้า และก็เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผิวหน้ามากจนเกินไป พอกทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาที
     - หากใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว แล้วก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบาไม้เบามือที่สุด ราวเพียงแค่คลำมานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด และก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้กระทั่งแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังแห้งแล้ว ให้ทำการล้างด้วยน้ำธรรมดา (ไม่สมควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆแล้วก็ปลดปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือคลำให้เบาที่สุด โดยใช้หลักการล้างเดียวกับการขัดหน้า คือ เพียรพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าเสร็จแล้ว ซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเท่ากัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วใบหน้าสักบางส่วน ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและกระจ่างใส มองอ่อนกว่าวัยเพิ่มขึ้น http://www.disthai.com/

4

สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/u][/url][/b]
ชื่อสกุล : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อพื้นบ้านอื่น : แก้มหมอ, แก้มหมอเล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงราว 30-100 ซม. ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง แล้วก็มีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบคนเดียว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ และมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอก มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบดอกสีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวเท่ากับกลีบรองกลีบดอก แต่ว่ากลีบล่างแผ่กว้างรวมทั้งโค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเม็ดข้างใน 4 เม็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้ที่โล่งแจ้ง มีอยู่ทั่วไปในป่าชายเลน จากที่ลุ่มริมแม่น้ำลำคลอง ส่วนมากชอบขึ้นในที่น้ำกร่อย บางคราวก็เจอในน้ำจืดบ้างเหมือนกัน
การปลูกและขยายพันธุ์
เจริญเติบโตก้าวหน้าในดินแทบทุกจำพวก ความชุ่มชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ทางยา
รสและก็สรรพคุณในตำราเรียนยา
อีกทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผดผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมและแผลอักเสบ แก้ท้องอืด ท้องอืด หมอแผนไทยตามบ้านนอกใช้อีกทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษกาฬก้าวหน้า แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายมิจฉาชีพรมหัวริดสีดวงทวาร โขลกใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง และแก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศประเทศอินเดีย ใช้ยอดและก็ใบอ่อนตำผสมน้ำน้อยปิดแผลที่ถูกงูกัด ทั้งต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมและแก้ไอ รวมทั้งเอามาต้มเอาน้ำกินเป็นยารักษาธาตุทุพพลภาพ
ในประเทศประเทศสิงคโปร์ ใช้เม็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเมล็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเพิ่มเปลือกอบเชย และก็น้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เม็ดบดเป็นผุยผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับโลหิต และก็แก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
แนวทางรวมทั้งจำนวนที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้อีกทั้งต้นแล้วก็ใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ เช้า-เย็น เป็นเวลา 1 สัปดาห์
ข้อควรจะรู้
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองตรงกลางกลีบ มีใบเสริมแต่งสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เป็นประจำไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวค่อนข้างเล็ก มีใบตกแต่งรองรับช่อดอก แต่ว่าตกหลุดไปก่อน
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะก่อให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ชนิด หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยรู้อ่อนเพลีย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง / 9 เดือน หนังเหนียว (ต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุผิดปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมเป็นปกติ (ทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผอมแห้งเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงกินวันแล้ววันเล่า (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดกระทั่งงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นๆจนถึงหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น (ทั้งยังต้น)
ช่วยยั้งโรคมะเร็ง ต้านมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นรวมทั้งข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ในรูปทรงที่เท่ากัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว รุ่งเช้า ตอนกลางวัน เย็น อาการจะ (ทั้งต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เมล็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมออีกทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ต้นและก็รากเอามาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าเกิดเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างละเอียดเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นรวมทั้งพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นเอามาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้รอบเดือนมาไม่ปกติของสตรี ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, ต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าใช้ต้นมาต้มอาบและก็ทำเป็นยารับประทานต่อเนื่องกันประมาณ 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ทั้งต้นเอามาตำมัวแต่น้ำกิน (ทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดรวมทั้งใบสดล้างสะอาดประมาณ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดทั้งยังด้านในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นแล้วก็ใบสดและก็แห้งราว 1 กำมือ นำมาบดอย่างถี่ถ้วน แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือแนวทางที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนที่จะกินอาหารครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราว 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดนำมาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างรอบคอบ ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างระมัดระวัง สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ต้น)
ต้น หากประยุกต์ใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบและก็แก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรักษารากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรักษารากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

5

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณ ว่านสามสิบ ตำราเรียนยาประจำถิ่น ใช้ ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำ แก้ตกเลือด และโรคคอพอก ราก มีรสขื่นเย็น กินเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ แก้เมื่อย ครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยทำนุบำรุงเด็กในท้อง บำรุงตับ ปอด บำรุงกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า แล้วก็ต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้แท้งลูก และก็โรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก รวมทั้ง กระชับความเกี่ยวพันให้ชีวิตแต่งงาน คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดรอบเดือน เมนส์มาไม่ปกติ ลดสภาวะมีบุตรยาก เสริมฮอร์โมนผู้หญิง กระชับช่องคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
วงศ์ : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยผัว รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา) สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบลำพัง แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาว 13-20 ซม. ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมยวนใจ มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มม. กลีบบางและย่นย่อ เกสรเพศผู้ เชื่อมและก็อยู่ตรงข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านยกอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1 มม. อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ออกจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบเป็นเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 มม. ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด ออกดอกตอนม.ย.ถึงมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยผัวหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสขนมหวานเย็น ที่แฝงไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี และยังเสริมความสามารถทางเพศให้แก่ผู้ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก และก็นำส่วนของรากที่มีลักษณะเหมือนกระชาย แต่มีขนาดใหญ่รวมทั้งยาวกว่าทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่น มาใช้ดองยาสมุนไพร ชูกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานกันว่า สาวร้อยสามี ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุเท่าไหร่ อยู่ในวัยมีประจำเดือนหรือหมดประจำเดือนก็ตาม ถ้าหากได้ทานหัวพืชจำพวกนี้บ่อยๆ จะช่วยทำให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ แล้วก็ยังช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอก ด้วยวิธีการนำรากสดมาต้มรับประทานหรือไม่ก็อาจจะนำรากไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินก็ได้เหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ช่วยทำให้สตรีกลับมาเป็นสาวได้อีกที
ในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราพูดว่าเป็น สตรีที่มีร้อยสามี “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกเอ่ยถึงในตำรา พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วย จึงน่าจะนับได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว รวมทั้งในอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นอาหารหวานเช่นเดียวกับประเทศไทย
ในตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในหญิง สำหรับการทำให้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของสตรียกตัวอย่างเช่น สภาวะรอบเดือนแตกต่างจากปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม ภาวการณ์หมดปะจำเดือน(menopause) และก็ใช้บำรุงน้ำนมบำรุงท้อง ปกป้องการแท้ง (habitual abortion) และก็อาการที่ไม่พึงปรารถนาอื่นๆของผู้หญิง
ถึงแม้สมุนไพรจำพวกนี้จะสะดุดตาต่อสตรีเพศแล้ว ในประเทศอินเดียยังคงใช้สำหรับเพื่อการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็อาจคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยสามี หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย และยังคงใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้มากที่สุดในอินเดียประเภทหนึ่ง เดี๋ยวนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐฯ ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมซึ่งสามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งหมอ

สรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง
แก้ปวดเมนส์
แก้ประจำเดือนมาผิดปกติ
แก้อาการตกขาว
ไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยดับกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับ
แก้ปัญหาการมีบุตรยาก ป้องกันการแท้งบุตร
บำรุงน้ำนม
ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับเยี่ยว
ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก แล้วก็สะโพก
กระชับรูปทรง
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด แล้วก็บำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความชรา
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
บำรุงกำลัง แก้กษัย
ข้อควรตรึกตรองสำหรับเพื่อการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุนั้นก็เลยห้ามนำมาใช้ในสตรีที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า คนป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การศึกษาเล่าเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ตอน คือ ช่วงเฉียบพลัน แล้วก็ช่วงยาวต่อเนื่อง
โดยการศึกษาเล่าเรียนในระยะกระทันหันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน และก็หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 รวมทั้ง จำพวกที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30  และการศึกษาตอนยาวต่อเนื่องโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กก.วันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ในขณะหนูเบาหวานกรุ๊ปควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เสมอกัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม นอกเหนือจากนี้ยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มกลัยโคเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม จากการเรียนในคราวนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการสรุปยรวมทั้งการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งการเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับการนำมารักษาผู้เจ็บป่วยเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

6

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดจากเชื้อไวรัสก็จะเบาลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นรวมทั้งใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกไม้จะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เมล็ด จะสามารถพบได้บ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นอีกทั้งยารับประทานรวมทั้งต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะบรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนเจ็บโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและวิธีการใช้ยาก็มีหลายแนวทางหมายถึง
แนวทางต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้ามีเหงือกปลาแพทย์เยอะๆ บางครั้งก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาแพทย์อีกทั้ง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่รับประทานทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร ตอนเช้า-เย็น กินไปเรื่อยกระทั่งจะหาย แต่หากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องก็ต้องรับประทานตลอดไป

วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการบินเป็นผุยผงละเอียดราวกับแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม คนแก่รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนรับประทานอาหาร เด็กน้อยลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณล้นหลาม เช่น
-ราก มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ แล้วก็ใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลากหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการผ่ายผอม ถ้าใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาต่างกันออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งปวง ผลกินเป็นยาขับโลหิตระดู นอกจากนั้น ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด เป็นไข้จับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบซีดเหลืองหมดทั้งตัว กินทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยยกลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ ตอนกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการ ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกหมวดหมู่หาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 จำพวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้อ่อนเพลีย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นตำรายาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

7

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (สตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์เป็นพันธุ์ที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบบ่อยทางภาคใต้ และก็ชนิดที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่มักพบทางภาคกึ่งกลางและภาคทิศตะวันออก และก็เป็นพรรณไม้ที่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้ในการรักษาโรคได้หลายชนิด ที่สะดุดตามากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งการนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร เป็นต้น โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นอีกทั้งสดแล้วก็แห้ง ใบอีกทั้งสดแล้วก็แห้ง ราก เม็ด และอีกทั้งต้น (ส่วนอีกทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
ลักษณะของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงราว 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม. ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้ง เติบโตได้ดีในที่ร่มและในที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ชอบขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งคลองรอบๆปากแม่น้ำ อย่างเช่น บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ แล้วก็ที่สถานศึกษานายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบและก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแนวก้างปลา เนื้อใบแข็งรวมทั้งเหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 ซม. และก็ยาวราว 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราว 4-6 นิ้ว ดอกมีทั้งยังประเภทดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) รวมทั้งชนิดดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ด้านในฝักมีเมล็ด 4 เมล็ด
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากรับประทานติดต่อกัน 1 เดือน จะก่อให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่ทราบเมื่อยล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงน่าฟัง / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยให้เลือดลมเป็นปกติ (ทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมแห้งแรงน้อยเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกๆวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำเดือดกระทั่งงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจกินขณะอุ่นๆกระทั่งหมด อาการก็จะดีขึ้น (ทั้งต้น)ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (ทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอต้นและก็ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน เอามาต้มกับน้ำกระทั่งเดือดแล้วนำมาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว ตอนเช้า ช่วงกลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ทั้งต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้รวมทั้งทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เมล็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมออีกทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นรวมถึงรากเอามาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
ถ้าเกิดเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้ถี่ถ้วนเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นรวมทั้งพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบแล้วก็ต้นนำมาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ระดูมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนรวมทั้งพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าหากใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยากินต่อเนื่องกันราวๆ 3 เดือนจะช่วยทำให้อาการของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำเอาแต่น้ำกิน (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันต่อเนื่องกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดนำมาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดข้างในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นแล้วก็ใบสดและก็แห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดอย่างละเอียด แล้วเอามาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือวิธีที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดเอามาคั่วให้เกรียมแล้วป่นให้ถี่ถ้วน ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำให้ละเอียด สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ต้น ถ้าหากนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ในตอนนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในลักษณะของยาเม็ด
นอกเหนือจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับการอบตัวหรืออบด้วยละอองน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนผสมสำหรับการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับในการเปลี่ยนสีผม จวบจนกระทั่งแชมพูของสุนัข เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บที่ทำการแผนการอนุรักษ์กรรมพันธุ์พืชสาเหตุจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์ชาติบ้านเมือง (ชำนิชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ หน่วยงานส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมป้องกัน), หนังสือการบริหารร่างกายแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจสินทรัพย์) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

8

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนอยากมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ คุณประโยชน์เด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อลือนามเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งผู้คนจำนวนมากบางทีอาจเคยได้เห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วรู้ไหมขาว่า ประโยชน์ของรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่ช่วยคนอยากมีลูกเพียงแค่นั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบโดยความเป็นจริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากมายๆตัวอย่างเช่น สาวร้อยผัว จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคอีสาน) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้ารวมทั้งรากใต้ดินคล้ายรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมหวน เป็นต้นที่ส่งผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน แล้วก็มีเมล็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
สรรพคุณรากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเทียบให้เป็นพลังที่การปฏิสังขรณ์ความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณและก็หมอสมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่อดีต ซึ่งก็นับเป็นต้นเหตุของชื่อสาวร้อยสามี ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนโบราณชอบนำรากมาต้มกินหรือปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยบำรุงรักษาสตรีให้ไมว่าจะอายุเท่าไรก็มีลูกได้ง่าย
          ยิ่งไปกว่านี้สมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการค้นคว้าคุณประโยชน์มามากมาย โดยพบว่า รากสามสิบมีคุณประโยชน์ทางเภสัชวิทยาตามนี้ประจำตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียและก็เชื้อรา
          - คลายกล้ามมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยับยั้งเบาหวาน
          - ปราบเซลล์ของมะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
รากสามสิบ
          - ต้านภาวการณ์เม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนผู้หญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง
          - ขับนม
          - ช่วยทำให้การตกไข่สมบูรณ์
          - ช่วยทำนุบำรุงกำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำอสุจิน้ำเชื้อ
          - ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะอาหาร
          - ยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับฉี่
          - ขับเสลด
          - บำรุงเด็กในท้อง
          - แก้แท้งลูก
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้ปวดเมื่อย ครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท ชูกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          และก็ด้วยคุณประโยชน์ของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยาจีงได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการคุ้มครองการสลายเนื้อกระดูกและก็อวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ เพราะว่ามองเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งชอบเกิดกับผู้หญิงมากกว่าเพศชายนั้น มีต้นสายปลายเหตุหลักจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนวันหลังหมดระดู โดยเห็นผลการทดสอบมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบภายหลังจากถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากลุ่มหนูถูกตัดรังไข่แม้กระนั้นมิได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          นอกจากนี้สารสกัดรากสามสิบยังไม่ทำให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงในเยื่อบุโพรงมดลูก ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีคุณภาพสำหรับการปกป้องการสลายของเนื้อกระดูกในหนูทดลองได้ โดยไม่มีผลกระทบใดๆก็ตามต่ออวัยวะสืบพันธุ์ แต่ว่ายังคงจะต้องทดสอบเพิ่มเติมอีกเพื่อค้นคว้าทำการวิจัยว่า สารสกัดรากสามสิบจะมีผลเสียอะไรก็ตามกับอวัยวะอื่นไหม
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          ถึงแม้ต้นรากสามสิบจะยังมีให้เห็นอยู่ในประเทศไทย แม้กระนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มกินให้อ่อนล้า เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อจำนวนมาก แต่ดังนี้ควรจะตรวจสอบให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมีตรารวมทั้งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารรวมทั้งยาหรือไม่
          แต่แม้คนไหนสามารถหาต้นรากสามสิบสดๆได้ จะเอามาต้มยากินเองเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยจ้ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรเริ่มแรก)
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโล
  • น้ำ 10 ลิตร


     วิธีการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกและดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกรอบ
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • ต้มประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส และก็สามารถเพิ่มเติมน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนประกอบ

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโล
  • น้ำตาล 1.5 กิโล
  • น้ำ 5 ลิตร
    วิธีทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกรวมทั้งดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เพิ่มเติมน้ำตาลทราย ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวจนกระทั่งน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • ต้มต่อจนถึงเป็นสีเหลืองทอง
รากสามสิบ
ข้อควรคำนึงสำหรับเพื่อการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องมาจากสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุนี้จึงจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อผู้หญิงที่มีการเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว อย่างเช่น คนที่มีอาการป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) เป็นต้น โดยเหตุนั้นไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรหารือแพทย์ก่อนที่จะเยี่ยมที่สุดนะคะ       
          เห็นคุณประโยชน์รากสามสิบกันไปแล้วหลายท่านเริ่มสนใจอยากหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แม้กระนั้นก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรจะตรวจสอบมูลเหตุรวมทั้งยี่ห้อ รวมถึงการยืนยันจากหน่วยงานที่น่าไว้วางใจด้วย http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

9

ราชพฤกษ์
ภูมิหลังของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางราชการมีความเพียรพยายามหลายคราสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ รวมทั้ง ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญชวนให้ประชาชนพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีสาระจำพวกต่างๆมาก ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีประโยชน์รวมทั้งรู้จักกันอย่างล้นหลามฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวข้องกับประเพณีไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอคราวนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นตลอดเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความเป็นอิสระยก็เลยมีนานัปการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยรู้จักดีและประสบพบเห็นบ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ รวมทั้ง ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่จำนวนมากทั่วทั้งประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่แน่ชัด จนถึงช่วงปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับมาเสนออีกรอบ แล้วก็มีข้อสรุปเสนอให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์และก็สถาปัตยกรรม รวมทั้งการพินิจก่อนหน้าที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย รวมทั้งสถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านหมายถึงเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน คงทน ปลูกขึ้นก้าวหน้าทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้พื้นบ้านที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างในแต่ละภาค เช่น ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆได้แก่ ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งต้น ช่อดอกมีทรงสวยงาม สีเหลืองแพรวพราวเป็นเครื่องหมายของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำประเทศ แล้วก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนี้ความงามของช่อดอก แล้วก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบแต่งแต้มไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบบ่อยมองเห็นได้ทั่วๆไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการสรรเสริญให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติยศชื่อ เสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญวัยเจริญในที่โล่ง รวมทั้งมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ข้อสรุปกระจ่างแจ้ง จนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" แล้วก็มีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวพันกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยแล้วก็ฯลฯพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ เป็นต้นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มไม้สวยเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์ที่พุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และก็คงทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงราว 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวราว 20-40 ซม. โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวประมาณ 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และมีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แต่ว่าต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น แล้วก็มีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การดูแลและรักษา
           แสงสว่าง : อยากแสงอาทิตย์จัด หรือที่โล่งแจ้ง รวมทั้งเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น และก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจำเป็นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ ต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอเพียงหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกออก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติขั้น เกียรติ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เหตุเพราะเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม http://www.disthai.com/

10

[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/size][/b]
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในสกุลถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และก็อยู่ในตระกูลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกึ่งกลาง), ต้นลมแล้ง (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วไปเรียกรวมทั้งชอบเขียนไม่ถูกหรือสะกดไม่ถูกเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) เป็นต้น
คำว่า “ราชพฤกษ์” มีความหมายว่า “ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานมหกรรมพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อสังสรรค์ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่กษัตริย์ของพวกเราทรงครอบครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อแนะนำแล้วก็สรุปให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และก็สถาปัตยกรรม ซึ่งจากการไตร่ตรองได้ผลสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น “ศาลาไทย” แล้วก็ในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลสำหรับเพื่อการเลือกเฟ้นดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเจอได้ทั่วไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับจารีตคนไทยมาอย่างนาน เนื่องจากว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนามแล้วก็ใช้สำหรับในการประกอบพิธีสำคัญๆต่างๆหลายพิธี อย่างเช่น พิธีการลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้ผลดีได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือประยุกต์ใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์ฯลฯไม้ที่แก่ยืนนานและแข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงและพุ่มที่สวย มีดอกเหลืองอร่ามเต็มต้น ดูสวยยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ที่พุทธศาสนา รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกเหนือจากนั้นตามตำราไม้มงคล 9 ประเภทยังเจาะจงไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอิทธิพลวาสนา มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคและอาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น ดังเช่นว่า ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก รวมทั้งเม็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้อีกทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงคนวัยแก่ โดยไม่มีอันตรายใดๆก็ตาม
รูปแบบของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นบ้านในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนถึงอินเดีย พม่า แล้วก็ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลปนเทาสะอาด มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการระบายน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกภายในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกไว้ในพื้นที่ แต่ในปัจจุบันบางทีก็อาจจะใช้กระบวนการทาบกิ่งและเสียบยอดก็ได้ แต่จังหวะเสร็จจะน้อยกว่ากระบวนการเพาะเมล็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียววาว ช่อหนึ่งยาวราวๆ 2.5 ซม. รวมทั้งมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราวๆ 5-7 ซม. รวมทั้งยาวโดยประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนรวมทั้งสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางเกลี้ยง มีเส้นกิ้งก้านใบถี่และโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) ออกดอกเป็นช่อ ยาวราวๆ 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวราวๆ 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดร่วงได้ง่าย และกลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกโดยประมาณ 2-3 เท่า และมีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะมองเห็นเส้นกลีบแจ่มกระจ่าง ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกชอบบานในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่ว่าก็มีบางครั้งที่ออกดอกนอกฤดูแบบเดียวกัน เช่น ในตอนเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกหมดจดๆฝักยาวประมาณ 20-60 ซม. และวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆติดกันอยู่เป็นช่องๆตามขวางของฝัก แล้วก็ในช่องจะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
สรรพคุณของราชพฤกษ์
ช่วยทำนุบำรุงเลือดภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นแล้วก็ใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการใช้ใบอ่อนเอามาต้มกับน้ำ (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นเหม็นเอียน เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ (ฝัก)
เปลือกเม็ดรวมทั้งเปลือกฝักมีสรรพคุณช่วยทำลายพิษ ทำให้อ้วก หรือจะใช้เม็ดโดยประมาณ 5-6 เมล็ด นำมาบดเป็นผุยผงแล้วกินก็ได้ (เมล็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้รวมทั้งหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งประมาณ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำ (ฝัก)
ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยสำหรับเพื่อการถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวก ไม่มวนท้อง แก้อาการท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อยๆแล้วก็สตรีมีครรภ์ เพราะเหตุว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่าหัวแม่มือ (หนักราว 4 กรัม) และน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือน้อย ใช้ดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารตอนเช้าหรือช่วงก่อนนอนเพียงแต่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เมล็ด)
เม็ดมีรสฝาดเมา คุณประโยชน์ช่วยแก้ท้องร่วง (เม็ด)
ช่วยหล่อลื่นไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะและก็แผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เมล็ด)
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้เกิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เมล็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล แล้วเอามารับประทาน (เมล็ด)
ฝักแล้วก็ใบมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งประมาณ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนเมา ช่วยขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถนำมาใช้สำหรับในการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษากลากเกลื้อน และใบอ่อนก็ใช้แก้กลากได้เหมือนกัน (ราก, ใบ)
เปลือกและก็ใบเอามาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีสรรพคุณช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและก็ใบเอามาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน สรรพคุณของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ สรรพคุณช่วยสมานรอยแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
คนอินเดียใช้ใบเอามาตำ เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อและอัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนแล้วก็แมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำทิ้งไว้โดยประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะช่วยในการจัดการกับรอยคราบแมลงและก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
นอกจากนั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆจำนวนมาก ได้แก่
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่เคี่ยวมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต รวมทั้งขจัดปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน และก็อบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะมองตามโรครวมทั้งความต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้แตกต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำจากใบคูนที่เอามาบดเป็นผุยผง ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยนำมาพอกรอบๆที่เป็นจะช่วยทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือด บรรเทาลักษณะของการปวดข้อ รักษาโรคเกาต์ แล้วก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับผู้เจ็บป่วยที่เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาค้าง ทำจากใบคูน สรรพคุณช่วยในด้านสมอง ขจัดปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกายดียิ่งขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรคำนึง !
:วิธีการทำเป็นยาต้ม ควรต้มให้พอประมาณก็เลยจะได้ประสิทธิภาพที่ดี ถ้าหากต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่ว่าจะก่อให้ท้องผูกแทน และควรเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินไป รวมทั้งยาต้มที่ได้หากกินมากเกินความจำเป็นอาจทำให้คลื่นไส้ได้
ประโยชน์ซึ่งมาจากราชพฤกษ์
นิยมปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆดังเช่นว่า สถานที่ราชการ รอบๆริมถนนข้างทาง แล้วก็สถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเลื่อมใส ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลนามที่คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติและก็ศักดิ์ศรี สาเหตุเพราะเหตุว่าคนให้การยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและก็ยังเป็นเครื่องหมายของเมืองไทยอีกด้วย และยังเชื่อว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยนั้นเจริญก้าวหน้า โดยจะนิยมปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์รวมทั้งปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากด้านดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้รับแสงอาทิตย์จัดในตอนช่วงบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนในบ้านรวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลและก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา ได้แก่ พิธีการวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาฤกษ์สำหรับเพื่อการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลดีนัก เป็นต้น
แก่นไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามวัสดุต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆดังเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับเพื่อการทำเป็นหัวเชื้อจุลชีวันรวมทั้งจุลอินทรีย์ขยายได้
ฝักแก่สามารถประยุกต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอเหมาะ โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการโครงงานรักษากรรมพันธุ์พืชสาเหตุจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า รวมทั้งพืชพันธุ์, เว็บไซต์ไทยโพส, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), งานมหกรรมแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, ที่ทำการกองทุนสนับสนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

11

กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพรวมทั้งเคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็จำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และน้ำ ราว 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษเจาะจงปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์:
           หนังสือเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายโลหิต  ขับปัสสาวะ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง น้ำตาไหล  ตาพร่า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษามะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตระดู  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษากลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาด้านนอกบรรเทาลักษณะของการปวดบวมตามข้อเพราะว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องร่วง), ยาประสะไพล (ขับน้ำคาวปลา ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเดิน ใช้กระเทียม 3 กลีบ ทุบชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เจาะจงการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษาเมนส์มาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าปกติ บรรเทาอาการปวดเมนส์  และขับน้ำคร่ำในหญิงข้างหลังคลอดบุตร
รูปแบบรวมทั้งขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มก.
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมอาหาร
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับรักษาขี้กลากเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูบ่อยๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อตัวยาซึมลงไปเจริญขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม รวมทั้งขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสลดแห้ง หนังสือเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ประมาณ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักคือ allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมอาทิเช่น  สารกลุ่ม S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และก็ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมราว 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งปวง ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene และก็ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และก็สารกลุ่ม sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการสลายตัวของสาร allin ซึ่งถูกย่อยสลายด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase หลังจากนั้นก็เลยมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร เสื่อมสภาพได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆโดยเหตุนั้นกระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบจำนวนมากที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide แล้วก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนมากเป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด โดยประมาณ 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่เจอ ยกตัวอย่างเช่น สารมูก และ albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์คุ้มครองปกป้องตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 และ 100 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานต่อเนื่องกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งคู่ขนาดสามารถคุ้มครองปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจตราลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความย่ำแย่ของเซลล์ตับ โดยลดรูปแบบการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกรรมวิธีการอักเสบ รวมทั้งการตายของเซลล์ตับ ได้แก่ Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนี้ยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน แล้วก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องในแนวทางการต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการศึกษาเล่าเรียนทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นแนวทางการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาเซลล์ และเนื้อเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่รวดเร็วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 มีผลเหนี่ยวนำการสร้างเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ และก็สร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดพิษออกจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) รวมทั้งยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง รวมทั้งปกป้องตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ
      เรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) รวมทั้งสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว เอามาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase (ที่นำมาซึ่งการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด แล้วก็หลอดเลือดแดงในกระต่ายเท่ากับ 0.35, 1.10 และ 0.90 mg ในช่วงเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยับยั้ง cyclooxygenase ได้บางส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เนื่องด้วยส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะที่ให้ความร้อน จากผลวิจัยชี้ให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองป้องกันโรคหลอดเลือดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานค้นคว้าวิจัย ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้เป็น ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในแนวทางการอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในขั้นตอนอักเสบ, กดการผลิตอนุมูลไนโตรเจนที่คล่องแคล่วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และก็การทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้งยัง 2 กลไก ตัวอย่างเช่น การขัดขวาง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบต่ำลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความสามารถสำหรับเพื่อการต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยแนวทางกดดันแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล รวมทั้งอะซิโตน ให้ค่า MIC และ MBC เท่ากัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับในการยั้ง และทำลายเชื้อแบคทีเรียยอดเยี่ยม เนื่องจากในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านขั้นตอนแปรรูป allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากข้างใน vacuole ของเซลล์ รวมทั้งอาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความสามารถสำหรับในการยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกระบวนการสกัดสดช่วยทำให้การทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin รวมทั้ง allinase ดีขึ้น เนื่องจากจะต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรดี และรังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดสอบการต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดสภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในสภาวะที่มีหรือเปล่ามี AGE โดยใช้ CuSO4 แล้วก็ 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL รวมทั้งทดลองสารสกัดของ AGE ผลของการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกซิเจน) แล้วก็ลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% และก็ 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide รวมทั้งยับยั้งการเกิด lipid peroxide  ฉะนั้น AGE ก็เลยอาจมีบทบาทในการปกป้องการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเรียนฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยกระบวนการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดลองฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ตัวอย่างเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล รวมทั้งการสกัดสด เป็นลำดับ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 รวมทั้ง 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลของการต่อต้านสารออกซิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีโภคทรัพย์การต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/

12

กระเทียม
กระเทียม ชื่อสามัญ Garlic
กระเทียม ชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นคำว่า Allium sativum L. จัดอยู่ในตระกูลพลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) รวมทั้งอยู่ในวงศ์ย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)
สำหรับในประเทศไทยนิยมนำมาปลูกมากมายในทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้กระนั้นสำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นแรงคงหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะผม
สรรพคุณของกระเทียม
ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังให้มีร่างกายแข็งแรงและก็แข็งแรง
ช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเยื่อในร่างกาย
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมทั้งน้ำตาลในเลือด
ช่วยปรับให้สมดุลในร่างกาย
ช่วยแก้อาการหน้ามืดหัว อาการมึน ปวดหัว หูอื้อ
ช่วยในเรื่องระบบขยายพันธุ์และก็ระบบทางเท้าเยี่ยว เนื่องจากมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนหญิงแล้วก็ชาย ช่วยให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพลังให้มีเรี่ยวแรง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคหัวใจ ลดการเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวกะทันหัน
ช่วยต้านเนื้องอก
ช่วยจัดการกับปัญหาศีรษะบาง ยาวช้า มีสีเทา
ช่วยป้องกันการเกิดและก็รักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยสำหรับในการขับพิษและสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
ช่วยปกป้องฝาผนังเส้นโลหิตดกและก็แข็ง
สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการละลายลิ่มเลือด
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
มีสารต้านทานไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
ช่วยรักษาโรคไข้หวัดแล้วก็ไข้หวัดใหญ่
ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบรวมทั้งไซนัส
ช่วยรักษาโรคไอกรน
ช่วยแก้อาการหอบ โรคหืด
ช่วยรักษาโรคหลอดลม
ช่วยยับยั้งกลิ่นปากกระเทียม
ช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
ช่วยสำหรับในการขับเสมหะ
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยของกินมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยสำหรับการขับลม
ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยคุ้มครองปกป้องโรคท้องผูก
ช่วยรักษาโรคบิด
ช่วยสำหรับเพื่อการขับฉี่
ช่วยในการขับพยาธิได้หลายประเภท อย่างเช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิหมุด พยาธิไส้เดือน ฯลฯ
ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคไต
ช่วยทำลายเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆรวมถึงเชื้อราตามหนังศีรษะและก็รอบๆเล็บ
ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆตัวอย่างเช่น เชื้อที่ก่อให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค เป็นต้น
ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่วกระเทียมสรรพคุณ
ช่วยรักษากลาก โรคเกลื้อน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อรวมทั้งกระดูกภายในร่างกาย
บรรเทาลักษณะของการปวดข้อและก็ปวดเมื่อยตามร่างกาย
ช่วยแก้อาการกลยุทธ์ปวดเมื่อยและก็เท้าพลิก เพราะว่ามีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง
มีสารต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติเตียนสซั่ม
กระเทียมมีกลิ่นแรงจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้เป็นอย่างดี
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร
ประโยชน์ของกระเทียม
คุณประโยชน์สำคัญๆของกระเทียมอาจหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยแต่งรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆอีกสารพัด
กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินและธาตุหลายชนิด และยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงขึ้นยิ่งกว่าพืชชนิดอื่นๆอีกทั้งยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA แล้วก็ RNA ของเซลล์ภายในร่างกาย
ยิ่งกว่านั้นยังมีการนำกระเทียมไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างมากมาย เป็นต้นว่า กระเทียมเสริมของกิน กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง ฯลฯ

คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
เส้นใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี 1 0.2 มิลลิกรัม 17%
วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 5 0.596 มก. 12%
วิตามินบี 6 1.235 มก. 95%
วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มก. 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มก. 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มก. 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มิลลิกรัม 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มก. 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มิลลิกรัม 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
% จำนวนร้อยละของปริมาณเสนอแนะที่ร่างกายอยากได้ในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (มูลเหตุ : USDA Nutrient database)
ข้อแนะนำรวมทั้งสิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้กระเทียม
กระเทียมยิ่งสดเท่าไรก็ยิ่งมีสรรพคุณที่ดีเยี่ยมขึ้นเท่านั้น แม้กระนั้นสำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยแนวทางต่างๆหรือผ่านการดอง จะก่อให้วิตามินและก็สารอัลลิสินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นเสื่อมสภาพไป
วิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากมายหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับดินแล้วก็ลักษณะอากาศที่ใช้ในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังมีท้องหรือให้นมบุตร ผู้ที่หรูหราน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันเลือดปกติ คนที่มีลักษณะของเลือดหยุดไหลช้า รวมไปถึงคนที่ใช้ยาอื่นๆเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านทานเชื้อไวรัส คุณไม่ควรรับประทานกระเทียมหรือผลิตภัณฑ์กระเทียมเสริมในจำนวนที่มากจนเกินไป เพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้เป็นโทษต่อสภาพทางด้านร่างกายได้
สำหรับคนที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมบ่อยๆ อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับประทานได้ โดยอาจจะมีอาการอาเจียน และก็มีของกินหัวใจที่เต้นแรงไม่ปกติ แต่อาการดังกล่าวข้างต้นจะเบาๆหายไปเองภายในช่วงเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่ประยุกต์ใช้ในการทำครัวชอบทำให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบใหม่ๆ
สำหรับผู้ที่อยู่ในห้องครัวหรือผู้จำเป็นต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมเสมอๆรวมทั้งเป็นระยะเวลานาน อาจจะส่งผลให้ผิวหนังมีการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ดังนั้นคุณควรจะเลี่ยงการสัมผัสกระเทียมโดยตรงเป็นประจำด้วยการใส่ถึงมือทุกคราวขณะที่จะใช้กระเทียม
แม้ว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่จำนวนมาก แต่ว่าคุณก็ไม่สมควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลสำหรับการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง อีกทั้งผลสรุปที่ได้ในแต่ละบุคคลก็อาจจะแตกต่างออกไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณควรที่จะเลือกรับประทานให้นานาประการและครบ 5 กลุ่ม จะเป็นทางเลือกที่เยี่ยมที่สุด ด้วยเหตุว่าผักสมุนไพรปกติ ถ้าศึกษาเล่าเรียนกันที่จริงแล้ว มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
เดี๋ยวนี้ในบ้านเรายังไม่มีการรับรองว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง อาจจะเป็นไปได้เพียงแค่สมุนไพรช่องทางสำหรับการรักษาแล้วก็สมุนไพรเสริมสุขภาพเท่านั้นhttp://www.disthai.com/

13

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว แล้วก็ช่วยเพิ่มรสชาตของอาหาร ในนานัปการรายการอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารประเภทต้มยำ และก็แกงต่างๆรวมทั้งการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ เป็นต้น
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกวงศ์เดียวกันกับหญ้า แก่มากกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีบ้านเกิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ ดังเช่นว่า พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
สกุล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อเขตแดน:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– คาหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมถึงใบ)ส่วนของลำต้นที่เราแลเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบหุ้มห่อหนา ผิวเรียบ รวมทั้งมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ ศูนย์กลางเป็นบ้องแข็ง ส่วนนี้สูงราว 20-30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทั้งพันธุ์ และเป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับทำอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) แล้วก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบผู้เดียว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งทางลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ รวมทั้งมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แต่คม กึ่งกลางใบมีเส้นกึ่งกลางใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบกระจ่าง ใบกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่มีดอกยาก จึงไม่ค่อยพบเจอ ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจาย มีก้านช่อดอกยาว แล้วก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบเสริมแต่งรองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ้อ
ดอกตะไคร้
ผลดีตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว ช่วยทำให้ของกินมีกลิ่นหอมหวน รวมทั้งแก้ไขรสให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาทากันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง

  • น้ำมัน[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url][/url][/color]

    – ใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแต่งตัว
    – ใช้ทานวด แก้เมื่อย
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อคุ้มครองป้องกัน และก็ไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของสารคุ้มครองป้องกัน และก็กำจัดแมลง
    ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 2.6 มก.
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มก.
  • ไนอาสิน 2.2 มก.
  • วิตามินซี 1 มก.
  • เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่พบ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่ประกอบด้วยสารหลายชนิด เป็นต้นว่า
– สิทราล (Citral) พบบ่อยที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิที่นาลูล (Linalool)
– เจอรานิออล (Geraniol)
– ค้างริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะสิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนท้องนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– ซิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
สะสมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), กมลวรรณะ น่าอัศจรรย์ชัยตระกูล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยทุเลา รวมทั้งรักษาอาการไข้หวัด
– แ้ก้ไอ แล้วก็ช่วยขับเสลด
– บรรเทาอาการโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับปัสสาวะ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยในการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดความดัน เลือดสูง
– ลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้รอบเดือนมาไม่ปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาแก้ไขปวดท้อง และท้องเสีย
– ช่วยขับปัสสาวะ
– ทุเลาอาการไอ และขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับการถ่าย
– บรรเทาอาการท้องเสีย
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ และก็ลดการต่อว่าดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการซึมเซา
– ต้านทานอนุมูลอิสระ
สะสมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), กมลชาติชั้นวรรณะ ตระการชัยตระกูล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ดังเช่น Cineole และ Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นสายปลายเหตุอาการของอาการท้องเสีย


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเดินเป็นE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ อาทิเช่น Citral, Citronellol, Geraneol แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ได้แก่ Borneol, Fenchone และก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor แล้วก็ Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งผอง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กก. และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ และค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

14

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรเขตแดนในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายต้นหญ้าแล้วก็มีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะบุคคล เว้นแต่นำมาใช้ปรุงอาหาร แต่งกลิ่นในของกิน แล้วก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกใช้ประโยชน์ในหลากสาขา ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องสำอาง การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความคิดกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ บางทีอาจสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้าม ทุเลาอาการปวดและก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีเมนส์ แล้วก็เป็นส่วนประกอบในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านและเอามาทำอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีสาระแล้วก็ช่วยบรรเทาอาการของโรคบางจำพวกได้ แต่หารู้หรือเปล่าว่าอันที่จริงแล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆแล้วก็ใบที่คมของตะไคร้ยังหลบซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้มากมายจนคาดไม่ถึง วันนี้เราไปดูประโยช์จากตะไคร้ที่ทราบแล้วต้องอัศจรรย์ใจที่นำมาจากเว็บ allwomenstalk กันเลยดีกว่าค่ะ ใครที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน จะต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรจำพวกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมแน่ๆ
สรรพคุณของตะไคร้ ผลดีดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่ารู้สึกว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์แค่ใช้ประกอบอาหารเพียงแค่นั้น เนื่องจากว่าอันที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่มากมาย วิตามินเอ วิตามินซี และก็วิตามินบี นอกจากนั้นยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินมากมายขนาดนี้คราวหลังพบตะไคร้ในของกินก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกจากจะเอามาทำอาหารแล้ว ตะไคร้ยังมีสาระสำหรับเพื่อการไล่แมลงอีกด้วย ด้วยเหตุว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่อีกทั้งในใบรวมทั้งในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีคุณลักษณะสำหรับในการไล่แมลงได้อย่างดี ก็เลยไม่น่าฉงนใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้ขายอยู่ในตลาดมากไม่น้อยเลยทีเดียว คนใดกันที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ทดลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างสารพิษ
          สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและชอบล้างพิษในร่างกายเสมอๆไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เนื่องจากมันมีคุณลักษณะในการล้างพิษภายในร่างกายด้วยการทำให้คุณเยี่ยวหลายครั้งขึ้น เพราะสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยชำระล้างระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และก็กระเพาะปัสสาวะ ขับพิษและกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจ้ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยในการย่อยของกิน
          ตะไคร้ ช่วยให้ระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารดำเนินการได้ดีขึ้นจ้ะ เพราะเหตุว่ามีการศึกษาเล่าเรียนหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยสำหรับการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคิวในลำไส้ แล้วก็ท้องร่วงได้ นอกนั้นยังช่วยคุ้มครองปกป้องแล้วก็ลดแก๊สในลำไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมแล้วก็บำรุงระบบประสาท
          มีการเรียนจำนวนมากพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมแซมและก็เสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายดายด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะก่อให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากมายรวมทั้งลดอาการตะคริวได้ แม้กระนั้นก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและก็บรรเทาลักษณะของการปวดต่างๆได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นต้นเหตุของลักษณะของการปวดต่างๆอาทิเช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ดังนั้นหากคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะรับประกันว่าหายแน่ๆ
ช่วยบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุดังกล่าวมันก็เลยสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณส่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณมองอ่อนวัยอยู่เป็นประจำ รวมทั้งช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./โล รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มก. และ ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด http://www.disthai.com/

15

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในวงศ์ต้นหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นไม้ล้มลุกเครือญาติต้นหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมเอามาเข้าครัว โดยตะไคร้แบ่งออกเป็น 6 จำพวก ดังเช่น ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค รวมทั้งตะไคร้หางราชสีห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาปลูกทั่วๆไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ประเทศพม่า ศรีลังกา และไทย
ตะไคร้ เป็นยารักษาโรคและก็ยังมีวิตามินแล้วก็ธาตุที่มีสาระต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ
สรรพคุณของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญก้าวหน้า (ต้นตะไคร้)
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับเพื่อการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการไม่อยากกินอาหาร (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับในการคุ้มครองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้และก็ทุเลาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาลักษณะของการมีไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถทุเลาลักษณะของการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้แม้ใช้ประโยชน์ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและก็แก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณทรวงอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดท้องแล้วก็อาการท้องเสีย (ราก)
ช่วยแก้รวมทั้งทุเลาอาการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
ช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยสำหรับในการย่อยของกิน
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับในการขับเยี่ยว
ช่วยแก้อาการฉี่พิการรวมทั้งรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้โรคหนองใน ถ้านำไปผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ

ประโยชน์ของตะไคร้
นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้หิวได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยสำหรับในการบำรุงรวมทั้งรักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงกระดูกและก็ฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับการนอนหลับ
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆจะช่วยปกป้องแมลงได้เป็นอย่างดี
นำมาใช้เป็นองค์ประกอบของสารระงับกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยขจัดกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี
กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ประเภทยากันยุงจำพวกต่างๆเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด อย่างเช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
มักนิยมนำมาใช้สำหรับเพื่อการทำครัวหลายแบบ ได้แก่ ต้มยำ แล้วก็อาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ
แนวทางทําน้ําตะไคร้หอม
สรรพคุณตะไคร้จัดแจงวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำกิน 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นท่อน ตีให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จนถึงน้ำตะไคร้ออกมาผสมกับน้ำจนเป็นสีเขียว
รอคอยชั่วประเดี๋ยวแล้วชูลง ต่อจากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพอใจ
เสร็จแล้วแนวทางการทำน้ำตะไคร้
แนวทางทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นอย่างแรกให้จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาตีให้แหลกพอประมาณ แล้วก็ใช้ใบเตยมัดตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้และใบเตยลงไปในหม้อแล้วเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักประมาณ 5 นาที เป็นอันเสร็จสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้และก็ใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเพิ่มน้ำต้มใหม่ได้ 2-3 รอบ แต่รสอาจจืดชืดลงไปบ้าง เอามาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา แถมช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
ค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม รวมทั้ง ขี้เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ จำนวนน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของปริมาณหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษเฉียบพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับทำให้พบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

หน้า: [1] 2