แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - dkdiiru02sz

หน้า: [1]
1

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ ฯลฯ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
เมื่อเอ่ยถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร คนไม่ใช่น้อยอาจจะคิดไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณมากมาย ด้วยเหตุว่าได้รับการกล่าวขวัญเกี่ยวการดูแลและรักษาโรคได้หลายชนิด อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน ท้องขึ้น แผลในกระเพาะ มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยทำนุบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลากหลายประเภท อาทิเช่น บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ สามเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ แล้วก็ยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และก็กรดอะมิโน อย่างเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสคราวดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะสำหรับผู้ที่ขี้ร้อน มีภาวการณ์แกร่ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบกประโยชน์ของใบบัวบก
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่ว่ามีระดับสารออกซาเลตที่เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุรวมทั้งวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและก็อีลาสติน
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านทานการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบก ช่วยบำรุงรักษาแล้วก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการกางใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทและสมองเหมือนใบแปะก๊วย
ช่วยให้ความจำและทำให้มีปฏิภาณความฉลาดเพิ่มมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในคนวัยชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการทำความเข้าใจ
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในคนชรา สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการตัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว
ช่วยแก้อาการตาลายหัว
ช่วยเครียดน้อยลง
ช่วยเสริมหลักการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยผ่อนคลายแล้วก็ทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการผลิตเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงเลือดในร่างกาย
ช่วยบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจมีชีวิตชีวา อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้ใบหน้าแจ่มใสราวกับเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยทำนุบำรุงเสียง
ช่วยรักษาลักษณะของการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดราวๆ 1 กำมือ เอามาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินเป็นประจำ
ช่วยแก้อยากดื่มน้ำคุณประโยชน์ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของมะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนไข้เบาหวานเจริญ
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวการณ์ร้อนเปียกชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำกิน
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆอีกทั้งต้นประมาณ 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลนิดหน่อยแล้วดื่มรับประทานราวๆ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกรวมทั้งเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นเลือด รวมทั้งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสลด
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะว่าทำให้เลือดเดิน แต่เลือดจะไม่ออกมาจากเส้นเลือดแล้วก็ยังเป็นเหตุให้โหดเหี้ยมอีกด้วย
ช่วยแก้อาการบอบช้ำใน เจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเดิน
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดปนเมื่อถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับเยี่ยว
แก้อาการปัสสาวะขัดข้อง ด้วยการใช้ใบบัวบกราวๆ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกรอบๆสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องแคล่วก็ดีแล้วค่อยคัดแยกออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเดินเยี่ยว คุ้มครองปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเท้าปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกมาจากฉี่
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดโรคของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเร่งการผลิตเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการใช้ใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วเอามาโปะรอบๆที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกราวๆ 40 กรัม ต้มกับสุราแดงราว 250 cc. โดยประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆได้แก่ โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึก ฯลฯ
ช่วยหยุดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีรวมทั้งใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ต้นสดของบัวบกราวๆ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟเผา
บัวบกมีการนำมาสร้างเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีคุณประโยชน์สำหรับการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในแบบเป็นผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดกินเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟลุก น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และก็ยังช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบรวมทั้งเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ทาศีรษะ มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาหนังหัวและเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนอย่างมากมาย ด้วยเหตุว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัน
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณลักษณะช่วยลดการระคายเคืองผิวแล้วก็ไม่เป็นอันตรายต่อสภาพร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องแต่งตัว
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนถึงละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกเมื่อเชื่อวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้สร้างกล่าวถึงว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างขาวใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

ขั้นตอนการทำน้ำบัวบก
วิธีการทำน้ำบัวบกวิธีทำน้ำบัวบก ควรที่จะเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า กินเป็นผักสด โดยใช้อีกทั้งรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้จับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำสะอาด แล้วก็ห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกต้องคั้นใหม่ๆจากใบใหม่ๆและไม่ควรเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าหากทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะทำให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
คุณประโยชน์ของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน บอบช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องจัดเตรียมได้แก่ บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ทอด
นำบัวบกมาล้างจนสะอาดแล้วหั่นซอกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอกซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนจนเข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนจนถึงไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาลักษณะของการปวดศีรษะ รวมทั้งตาลายศีรษะ
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดแจงวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้สำหรับทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และก็เกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นจัดเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักหลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้เพียงพอเหลืองกรอบแล้วชูลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย เอามาจิ้มกินกับน้ำปรุงรสไก่ตามที่ใจต้องการได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้จัดเตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างชำระล้างแล้วหั่นอย่างรอบคอบ โดยตัดก้านแล้วก็ใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบนำมาเรียงทับกันแล้วหั่นตามแนวขวางรวมทั้งกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งแล้วก็ผงฟูมาร่อนผ่านตะแกรง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
เบาๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนประกอบทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมกันไปจนกว่าจะเข้ากันอีกครั้ง
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนความร้อน ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่อยากได้
ใช้เวลาอบประมาณ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราว 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
แนวทางการทำน้ำมันบัวบก
จัดเตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ บัวบก 4 กิโล / น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มน้ำลงไปในบัวบก แล้วค่อยนำไปปั่นจนถึงละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปเคี่ยวกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราว 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยจนเหลือแต่น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว โดยให้ดูลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย นับว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จ
การใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้นำมาทาเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามปกติ เป็นอันเสร็จ
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยทำนุบำรุงหนังศีรษะรวมทั้งเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
คำตักเตือนแล้วก็ข้อเสนอ
สรรพคุณของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรไตร่ตรองฐานรากของร่างกาย อย่าดูแต่คุณประโยชน์เพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะกับมีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อบ่อยๆ
การรับประทานบัวบกในจำนวนที่มากเกินความจำเป็น จะมีผลให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณ ว่านสามสิบ หนังสือเรียนยาประจำถิ่น ใช้ ทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำ แก้ตกเลือด แล้วก็โรคคอพอก ราก มีรสเฝื่อนฝาดเย็น รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากกินน้ำ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยบำรุงรักษาเด็กในครรภ์ บำรุงตับ ปอด บำรุงกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า และก็ต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้ตกเลือด รวมทั้งโรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก แล้วก็ กระชับความเกี่ยวพันให้ชีวิตคู่ คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดประจำเดือน รอบเดือนมาผิดปกติ ลดสภาวะมีลูกยาก เสริมฮอร์โมนเพศหญิง กระชับช่องคลอด ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
ตระกูล : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยสามี รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา) สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าและรากใต้ดินออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามาก ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบคนเดียว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกระจุก 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 ซม. แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 ซม. ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมหวน มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวประมาณ 2 มม. กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มม. ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกบางแล้วก็ย่น เกสรเพศผู้ เชื่อมแล้วก็อยู่ตรงกันข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านยกอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวโดยประมาณ 1 มม. อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากยิ่งกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ออกจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เมล็ดสีดำ มี 2-6 เม็ด มีดอกตอนม.ย.ถึงมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยสามีหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสขนมหวานเย็น ที่ซ่อนเร้นไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี และก็ยังเสริมสมรรถนะทางเพศให้แก่ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก รวมทั้งนำส่วนของรากที่มีลักษณะคล้ายกระชาย แต่ว่ามีขนาดใหญ่และยาวกว่าทั้งยังมีกลิ่นหอมหวน มาใช้ดองยาสมุนไพร บำรุงกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานกันว่า สาวร้อยผัว ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุมากแค่ไหน อยู่ในวัยมีระดูหรือหมดรอบเดือนก็ตาม แม้ได้ทานหัวพืชประเภทนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ และยังช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอก ด้วยแนวทางนำรากสดมาต้มกินหรือจะนำรากไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินก็ได้เหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง ช่วยทำให้สตรีกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง
ในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) หมายความว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางหนังสือเรียนกล่าวว่าซึ่งก็คือ ผู้หญิงที่มีร้อยสามี “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงในคู่มือ พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วย จึงคงจะนับได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นของว่างเหมือนกันกับเมืองไทย
ในหนังสือเรียนอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในหญิง สำหรับการทำให้สตรีกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของผู้หญิงเช่น สภาวะเมนส์ไม่ปกติ ปวดเมนส์ ภาวะมีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย ภาวการณ์หมดปะจำเดือน(menopause) และก็ใช้บำรุงนมบำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (habitual abortion) แล้วก็อาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆของหญิง
หากแม้สมุนไพรชนิดนี้จะเด่นต่อเพศหญิงแล้ว ในอินเดียยังใช้สำหรับการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็คงคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยสามี หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย แล้วก็ยังคงใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก ดังเช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้สูงที่สุดในประเทศอินเดีย ตอนนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากประเทศอินเดียไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

สรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง
แก้ปวดประจำเดือน
แก้รอบเดือนมาแตกต่างจากปกติ
แก้อาการตกขาว
ขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยขจัดกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยให้ช่องคลอดกระชับ
แก้ไขปัญหาการมีลูกยาก ปกป้องการแท้งลูก
บำรุงนม
ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับเยี่ยว
ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก และสะโพก
กระชับรูปทรง
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด รวมทั้งบำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความแก่
ใช้รักษาโรคตับ ปอดทุพพลภาพ
บำรุงกำลัง แก้กษัย
ข้อควรตรึกตรองสำหรับการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุนั้นก็เลยห้ามนำมาใช้ในสตรีที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง ได้แก่ ผู้ป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลจากการศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ช่วงเป็นตอนกระทันหัน และตอนยาวตลอด
โดยการศึกษาในระยะฉับพลันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน รวมทั้งหนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 และก็ ชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่าช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น แล้วก็การศึกษาเล่าเรียนช่วงยาวสม่ำเสมอโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กก.วันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ตอนที่หนูโรคเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เท่ากัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม นอกจากนี้ยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มกลัยวัวเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม จากการเรียนรู้ในคราวนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการขัดขวางการสรุปยและการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต แล้วก็การเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับในการนำมารักษาคนไข้เบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

3

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาปรุงอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว และช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในนานาประการเมนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวกที่เป็นอาหารต้มยำ และก็แกงต่างๆรวมทั้งการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกสกุลเดียวกันกับต้นหญ้า แก่มากยิ่งกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีบ้านเกิดเมืองนอนในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ ตัวอย่างเช่น ประเทศพม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
สกุล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อท้องถิ่น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– ค้างหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมทั้งใบ)ส่วนของลำต้นที่เรามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อครึ้ม ผิวเรียบ และก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย และเบาๆเรียวเล็กลงกลายเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นปล้องแข็ง ส่วนนี้สูงราวๆ 20-30 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วก็ประเภท และก็เป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับเข้าครัว
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้มี 3 ส่วนหมายถึงก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ แล้วก็ใบ) แล้วก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบลำพัง มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งทางลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ รวมทั้งมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แม้กระนั้นคม กลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบแจ่มแจ้ง ใบกว้างโดยประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 60-80 เซนติเมตร
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่มีดอกยาก จึงไม่ค่อยพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะมีดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบเสริมแต่งรองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่คล้ายดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
ประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศเข้าครัวสำหรับกำจัดกลิ่นคาว ช่วยทำให้อาหารมีกลิ่นหอมยวนใจ และก็ปรับปรุงแก้ไขรสให้น่ารับประทานมากเพิ่มขึ้น
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาทากันยุง สเปรย์กันยุง และยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำสบู่ ยาสระผม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง
    – ใช้ทานวด แก้ปวดเมื่อย
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อปกป้อง และก็ไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของสารคุ้มครองปกป้อง และกำจัดแมลง
    ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 30 มก.
  • เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มก.
  • ไนอาสิน 2.2 มก.
  • วิตามินซี 1 มก.
  • ขี้เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่ประกอบด้วยสารหลายอย่าง ดังเช่นว่า
– สิทราล (Citral) มักพบที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิท้องนาลูล (Linalool)
– เจอรานิออล (Geraniol)
– ค้างริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– เจอรานิล อะสิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนที่นาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพครั้งโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
เก็บจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), ใจชนชั้น น่าอัศจรรย์ชัยตระกูล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

สรรพคุณตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยทุเลา รวมทั้งรักษาอาการไข้หวัด
– แ้ก้ไอ รวมทั้งช่วยขับเสลด
– บรรเทาอาการโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้ฉี่ยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน เลือดสูง
– ลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้ประจำเดือนมาผิดปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาปรับแก้เจ็บท้อง รวมทั้งท้องร่วง
– ช่วยขับปัสสาวะ
– บรรเทาอาการไอ แล้วก็ขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องเสีย
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับอาการปวด
– ต้านทานอาการอักเสบ รวมทั้งลดการตำหนิดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการกลัดกลุ้ม
– ต้านอนุมูลอิสระ
สะสมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), ดวงใจชนชั้น น่าอัศจรรย์ชัยสกุล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของลำไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อย่างเช่น Cineole รวมทั้ง Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุลักษณะของอาการท้องเดิน


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเดิน คือ E. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ ดังเช่นว่า Citral, Citronellol, Geraneol และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ได้แก่ Borneol, Fenchone และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor รวมทั้ง Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมภายในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโลกรัม และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

4

เห็ดหลินจือ
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่มีคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของพวกเรามีจุดเริ่มต้นขึ้นจากสิ่งที่มีความต้องการหาสมุนไพรประสิทธิภาพสูงจากในหลายประเทศ จนกว่าเราพบรวมทั้งมีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน และได้ นำเข้าสปอร์เห็ดหลินจือคุณภาพสูงหลังจากนั้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่เราเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นหัวหน้าในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงประสิทธิภาพสูง ประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคุณของเรา สปอร์เห็ดหลินจือของเรา จะถูกคัดสรรอย่างยอดเยี่ยมก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่เรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยวิธีละเอียดลออ ทำให้จับตัวได้ดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากกว่า
เราเอาใจใส่แล้วก็ตรวจดูประสิทธิภาพในทุกกระบวนการผลิตอย่างใกล้ชิด และด้วยกระบวนการผลิตที่ดูแลอย่างดี ทำให้เราได้รับการยืนยันมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่พวกเราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจคุณภาพจากห้องแล็ปในโรงพยาบาล
เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านผู้ที่กำลังหาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือมารับประทาน
งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยยืนยันว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ผลดีมากยิ่งกว่าการทานดอก เพราะว่าสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่าและสปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกหุ้มจะต่อต้านมะเร็ง และก็เสริมภูมิต้านทานได้ดียิ่งไปกว่า เทียบกับแบบมิได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดมิได้ที่สุดเป็น.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานโดยไม่เป็นอันตรายใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากว่า 100 สายพันธุ์แต่ว่าสายพันธุ์ที่มีคุณประโยชน์ทางยายอดเยี่ยมเป็นเห็ดหลินจือแดง เพราะสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กลุ่ม Polysaccharide อยู่เป็นอย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในตลาดต้นแบบต่างๆมากมายก่ายกอง อีกทั้งในแบบอย่างดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกเยอะมาก
โดยเหตุนั้นการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี ต้อง......
มองตั้งแต่แนวทางการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่สมควรหรือปล่าว เพราะว่าการควบคุมอณหภูไม่ ความชุ่มชื้น สารอาหาร รวมทั้งวิธีการแปลรูปล้วนมีผลต่อจำนวนสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากว่าเห็ดหลินจือจะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ โดยเหตุนี้ตัวบรรจุภัณฑ์จำเป็นที่จะต้องเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับผลดีต่อร่างกาย
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้มมีผิวมันวาว มีลักษณะเหมือนไม้ แล้วก็มีรสขม มีประวัตศาสตร์นานสำหรับการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนรวมทั้งญี่ปุ่น เนื่องจากมั่นใจว่าสารประกอบภายในเหลืดหลินจือมีคุณค่าต่อสถาพทางร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจเกิดผลดีต่อสุขภาพล้นหลาม จำพวกเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและธาตุบางชนิด เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ดูแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ไต่อยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และก็สารอนุพันธ์อื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และก็ลิวซีน (Leucine)โดยเหตุนี้ มีบางคนหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาประกอบอาหารและแปรรูปเพื่อการบริโภคอย่างมากมาย นักวิทยาศาสตร์จึงมีความสนใจรวมทั้งนำเห็ดหลินจือมาทดสอบหาประสิทธิผลทางการรักษารวมทั้งการบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดจำพวกนี้มีสาระต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์จริงหรือไม่

เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่บางทีอาจเป็นได้จริงหรือ?
ถึงแม้มีการค้นคว้าทดสอบมากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติรวมทั้งคุณประโยชน์ที่บางทีอาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่แจ่มชัดถึงคุณสมบัติแล้วก็คุณค่าที่บางทีอาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือแต่ ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วก็การแพทย์ที่ชัดเจนถึงคุณลักษณะและก็ประสิทธิผลด้านอะไรก็ตามโดยเหตุนั้น ผู้ซื้อควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าข้อมูลของเห็ดหลินจือ จำนวนและกรรมวิธีการบริโภคที่เหมาะสม รวมถึงข้อกำหนดต่างๆรวมทั้งปัจจัยทางสุขภาพของตัวเองให้ดีก่อนจะมีการบริโภค
แบบอย่างงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อสุขภาพ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานศึกษาวิจัยหนึ่งได้ทดลองหาประสิทธิผลและความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในคนป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปริมาณ 32 ราย  ผลสรุปเป็น เห็ดหลินจืออาจมีสรรพคุณในด้านการยับยั้งอาการปวด ไม่มีอันตรายต่อการรับประทานไปสู่ร่างกายและไม่มีผลใกล้กัน อย่างไรก็แล้วแต่ กลับไม่ปรากฏผลที่มีความนัยสำคัญสำหรับการต้านทานปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลการปรับระบบภูมิคุ้มกันอะไร
เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย
มีการทดสอบที่ทดสอบประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถยนต์ภาพของร่างกาย โดยได้ ทดลองในผู้ป่วยโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)ผู้หญิงปริมาณ 64 ราย ตลอดระยะเวลาการทดสอบ 6 สัปดาห์ คนเจ็บบริโภคเห็ดหลินจือปริมาณ 6 กรัม/วัน จากนั้นจึงทดสอบความสามารถร่างกายของคนเจ็บ ผลการทดลองและกำหนดแผนการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ถัดไป แต่ว่ายังคงขาดหลักฐานช่วยเหลือที่เด่นชัด จำเป็นต้องมีการทำการศึกษาเรียนรู้ในด้าน เพื่อหาหลักฐานและก็สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อไป
ต้านทานการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และป้องกันการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดสอบหาคุณภาพของสารสามเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)แล้วก็โพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ใน[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url]ในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และก็การปกป้องคุ้มครองการทำลายเซลล์ตับในกลุ่มผู้ทดลองที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง 42 คน ผลทีแสดงถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับในการช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้เห็ดหลินจืออาจช่วยต่อต้านปริกิรริยาออกซิเดชันได้ แต่การทดสอบดังที่กล่าวถึงมาแล้วเป็นเพียงแค่การวิจัยขนาดเล็ก ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าต่อไปเพื่อหาหลักฐานรวมทั้งข้อพสจน์ที่กระจ่างที่ชัดแจ้งถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

5

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’ประโยชน์สำหรับในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยล้ากล้าม
2.ขิงมีสรรพคุณช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียภายในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการเวียนหัว หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยสลายไขมัน และเป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นต้นเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับคนป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ และอาหารทะเลได้
9.ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา ป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลัวปากเสมอๆ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะค่อยๆลดน้อยลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน เอามาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างยอดเยี่ยม
14.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ แล้วทดลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆลดลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทอาการโรคประสาท การดื่มน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมคุณแม่ให้ดีขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับผู้หญิงให้นมลูกเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพสิ่งเสพติด
18.คุณประโยช์จากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการค้นคว้าพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี
19.ขิงช่วยควมคุมความดันโลหิตได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และ ความดันต่อ ควรฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเป็นประจำ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยทำให้นอนสบาย ก็เลยเหมาะสมเป็นของกินสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ โดยช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดฉี่ คุ้มครองปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน ก็เลยช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะว่าอาหารได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะอาหารแล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างรอบคอบกับน้ำ 300 มล. นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเพราะเหตุว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากมายท้องผูก หรืออุจจาระสีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ปกติ ความต้องการอาหารดีขึ้น (พบว่าคนป่วยเหล่านั้นโดยมากกลับกลายซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำต้องรักษาสม่ำเสมอ หรือควบคุมสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดพอดีปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาฉี่รดที่พักผ่อนในผู้ป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาลูกน้องนพงไพรฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกจนเข้ากันฟอกในแอ่งสะดือ ใช้ผ้ากอซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือเบาๆกินหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในคนเจ็บ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับพยาธิร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ตัวอย่างเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ดำเพศผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียพลังหยางแล้วก็เลือด มีน้ำในร่างกายหลงเหลืออยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งเลือดหยางช่วยให้การสรุปยดูดซึมอาหารดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำได้ดิบได้ดีขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อพึงระวังสำหรับในการทานขิง
-อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับเพื่อการมีท้องได้
มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการมีครรภ์ แล้วก็การแท้ง แต่ว่าในการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่พบการกินขิงจะก่อให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุนั้นคุณควรไปหารือแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-นำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลร้อนในด้านในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าเกิดหารกินเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบจนถึงเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุดังกล่าวไม่สมควรกินขุงมากจนกระทั่งเกินความจำเป็น
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การศึกษาหนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกคำเตือนเตือนให้งดการกินขิงในตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะจะทำให้เกิดการเสี่ยงในการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนั้นหากว่าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกไม่ปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก เลียงการกินขิง
เมื่อทราบอย่างงี้แล้ว หวังหลายๆคนที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาลักษณะโรคต่างๆก็น่าจะต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากว่าครั้งคราวถ้าราใช้ ขิงสำหรับการรักษาโรคหนึ่งแต่ว่าก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการกำเริบได้ ด้วยเหตุดังกล่าวควรรับประทานขิงให้ละเอียด แต่หากยังคลุมเคลือล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากหมอก่อนเสมอ

หน้า: [1]