ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและคุณค่าที่น่าสนใจรวมทั้งจะต้องทดลองหามาทานซักครั้ง  (อ่าน 260 ครั้ง)

Boyzite1011

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2149
    • ดูรายละเอียด
นมผึ้ง เป็นผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวเหมือนนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวน้อย เป็นของกินหลักของผึ้งราชินีแล้วก็ตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นในการเจริญเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงและเครื่องแต่งหน้า
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักราว 60-70% และก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งกรดอะมิโน นอกนั้น ยังเจอสารอื่นในนมผึ้ง อย่างเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอซิติเตียนลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจสึกรวมทั้งกลไกรูปแบบการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ดังเช่นว่า เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ และก็สภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งต่างกันออกไป หลายๆคนมั่นใจว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาเบาหวาน รวมถึงแผลโรคเบาหวาน ฯลฯ อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าถ้านำนมผึ้งทาที่หนังหัวอาจช่วยกระตุ้นการเจริญก้าวหน้าเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างกลุ่มนี้จะเป็นจริงหรือไม่ แล้วก็มีหลักฐานทางด้านการแพทย์มาดน้อยเท่าใดที่จะช่วยรับรองคุณประโยชน์ ประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคกลุ่มนี้
ประโยชน์ซึ่งมาจากนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
ทุเลาอาการวัยทอง อาการวัยทองคือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงวัยกลางคน เป็นสาเหตุของการเกิดอาการหลายประเภท อย่างเช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ อาการดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่ว่าสารหล่อลื่นโดยมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงชั่วคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณสมบัติต่อต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial Activity) แล้วก็มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการเรียนรู้โดยให้สตรีวัยทองที่สมรสแล้วอายุ 50-65 ปี จำนวน 90 คน กลุ่มหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กลุ่มหนึ่งใช้ฮอร์โมนตอบแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมแบรนด์หนึ่ง และก็อีกกรุ๊ปใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดตรงเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีคุณภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมแล้วก็สารหล่อลื่น ซึ่งจากผลการทดสอบอาจจะกล่าวว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตรวมทั้งทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับช่องคลอดของเพศหญิงวัยทอง รวมทั้งทางผู้วิจัยยังได้ระบุอีกว่าหากเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็อาจจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้มากยิ่งขึ้นได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือกรดไขมันสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) รวมทั้งสารประกอบที่มีคุณลักษณะช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าที่ให้เพศหญิงวัยทองร่างกายแข็งแรงปริมาณ 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มก. ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจจะเป็นผลให้เกิดโรคเส้นเลือดและหัวใจ รวมถึงระดับไขมันในเลือดทั้งก่อนรวมทั้งหลังการทดสอบ พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (LDL) ลดลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดลง 3.09% แล้วก็ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% จากผลของการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดและก็อาจเป็นหนทางหนึ่งสำหรับเพื่อการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวเนื่องกับสภาวะไขมันในเลือดสูง
ยิ่งกว่านั้น ยังมีอีกการเล่าเรียนหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงประเภทไม่ร้ายแรงจำนวน 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มก.วันละ 9 แคปซูล เป็นเวลา 3 เดือนก็ชี้ให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่น้อยลงเหมือนกัน ทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) และก็ลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดและก็หัวใจได้อีกด้วย
บรรเทาอาการก่อนมีระดู อาการก่อนมีรอบเดือนมักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของผู้หญิง บางครั้งบางคราวการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยทุเลาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตหมอจำนวน 110 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีรอบเดือน และก็รับประทานสม่ำเสมอจนถึงหมดประจำเดือนในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีประจำเดือนน้อยลง จากผลการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการกินนมผึ้งติดต่อกันตรงเวลา 2 เดือน บางทีอาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีเมนส์ได้
รักษาแผลเบาหวาน แผลเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในคนป่วยเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี จำนวนมากจะเจอแผลเบาหวานที่รอบๆเท้า โดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้าและปลายฝ่าเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ จึงคาดว่าอาจจะช่วยรักษาแผลโรคเบาหวานได้ จากการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งให้คนเจ็บที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการรักษาหลักตามธรรมดา ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลแล้วก็ปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกปลอดเชื้อโรคตรงเวลา 3 เดือนหรือจนกระทั่งแผลจะหาย และมีการประมวลผลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 424 ชั่วโมงก็เลยทำให้แผลหายดี รวมทั้งค่าถัวเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง และก็ความลึกของแผลลดลงวันละ 0.35 มม. 0.28 มม. และก็ 0.11 มิลลิเมตรเป็นลำดับ จากผลการศึกษาวิจัยอาจจะกล่าวว่านมผึ้งอาจมีคุณภาพเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับในการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการรักษาหลัก อย่างไรก็ดีผลวิจัยข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดสอบเพียงแค่ 8 คนซึ่งบางครั้งก็อาจจะเล็กเกินไปที่จะสรุปความสามารถของนมผึ้งสำหรับในการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แต่ว่าการเรียนชิ้นหนึ่งได้แสดงให้เห็นผลของนมผึ้งที่แตกต่างกันออกไป โดยให้ผู้ที่มีแผลโรคเบาหวานป้ายยาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลเป็นเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นยังไม่อาจจะสรุปได้ว่านมผึ้งมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก
เนื่องมาจากการเรียนทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน ก็เลยบางทีอาจยังไม่สามารถที่จะสรุปความสามารถของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างชัดเจน จึงจำเป็นจะต้องเล่าเรียนเสริมเติม
ทุเลาอาการอ่อนกำลังจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนล้าที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากการรักษาการฉายรังสีหรือการทำเคมีบำบัด มักส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย แล้วก็คุณภาพชีวิตของคนไข้ ซึ่งการกินยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายอาจช่วยทุเลาอาการลงได้ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม เช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการอย่างเดียวกัน ก็เลยสอดคล้องกับการเรียนรู้หนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากรุ๊ปที่รับประทานน้ำผึ้งดัดแปลงแล้วก็นมผึ้งขนาด 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีอาการเมื่อยล้าจากโรคมะเร็งอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกรุ๊ปที่ักินน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดียังจำเป็นต้องศึกษาเสริมเติมถึงหน้าที่ที่จริงจริงของนมผึ้งสำหรับการทุเลาอาการอ่อนกำลังจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสนองตอบอย่างรุนแรงกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนป่วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ เป็นต้น ซึ่งจากการเล่าเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่จับไข้ละอองฟาง จำนวน 80 คน กรุ๊ปหนึ่งรักษาด้วยการใช้การกินสินค้าที่มีส่วนผสมของนมผึ้งและอีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน รวมทั้งจนกระทั่งจะสิ้นสุดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าอีกทั้ง 2 กลุ่มยังคงพบลักษณะของไข้ละอองฟาง และมีระดับความร้ายแรงของอาการที่ไม่มีความต่างกันมากสักเท่าไรนัก จากผลการศึกษาอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีสมรรถนะต่อการดูแลและรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถบรรเทาอาการต่างๆให้ได้ จึงยังจำต้องเรียนเพิ่มอีกเกี่ยวกับสมรรถนะของนมผึ้งสำหรับการรักษาไข้ละอองฟางที่แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับการกินนมผึ้ง
การรับประทานนมผึ้งค่อนข้างปลอดภัยแม้กินในจำนวนที่เหมาะสม แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นผลใกล้กันได้ ยกตัวอย่างเช่น เลือดออกในลำไส้ เจ็บท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด ฯลฯ บางรายถ้ามีลักษณะแพ้อย่างรุนแรงอาจจะส่งผลให้มีอาการโรคหอบหืด คอบวม หรือถึงกับตาย ทั้งยังการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างจะไม่มีอันตราย แม้กระนั้นไม่สมควรทาบริเวณหนังศีรษะเนื่องจากอาจก่อให้กำเนิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอักเสบ

Tags : นมผึ้งสรรพคุณ

 

Sitemap 1 2 3