แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - nooisak20554

หน้า: [1]
1
ไขมันส่วนเกิน สาเหตุของท้องรวมทั้งความอ้วน
เดือนพฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคร้ายหลายแบบ จำเป็นต้องรีบเผาผลาญไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะเจอกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
ไขมันส่วนเกิน สาเหตุของความอ้วน ต้องสลายไขมันออกไป
พุงที่เด่นกว่าบริเวณใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องสำคัญของบุคลิกลักษณะภายนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงแค่ใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีน่าชื่นชมกลับมาอีกที
ความอ้วน ทำให้บุคลิกภาพเสีย ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่น
ปัญหาสุขภาพนับสิบนับร้อย นับว่าเป็นความกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างหนึ่งในชีวิต เนื่องจากเมื่อได้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมมีผลกระทบตามมาต่อการดำนงชีพหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในตอนนี้นั้นมิได้มีเพียงแค่เรื่องโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังสิ่งเดียว แม้กระนั้นยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของลักษณะท่าทางลักษณ์ที่มีผลต่อความไม่มั่นใจในตัวเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
วิธีแก้ไขมันส่วนเกินสูง ต้องการลดความอ้วน คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มาก ไขมันภายในร่างกายสูง ซึ่งเกิดเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทยเราปัจจุบันนี้ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้ และนับว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แต่ก็พอเพียงมีแนวทางที่จะช่วยจัดแจงปัญหานี้ได้ ดังเช่น
ลดของกินจำพวกแป้งและน้ำตาล
ลดอาหารประเภททอด
ลดของกินที่มีไขมันสูง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่ม เนื้อ ไก่
ออกกำลังกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
กินน้ำให้มากมาย อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลัก อาทิเช่น สลัด
ลดอาหารมื้อเย็น กินให้ลดลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
ด้วยเหตุว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบมาล้อเลียนกันได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่หลายๆคนเคยทำกันมา ผู้ที่ล้อบางทีอาจรู้สึกสนุก และไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าการหัวเราะชอบใจ คิดแค่ขำๆหน่า แต่ว่าผู้ที่ถูกล้อนี่สิ น่าจะไม่ขำด้วย เนื่องจากว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องขบขันเอาเสียเลย แถมยังเป็นเรื่องที่รู้สึกอับอายขายหน้าในรูปภาพลักษณ์ที่ดูแย่ แปลกกว่าธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ บางคนที่ถูกล้อหนักๆเป็นประจำก็เก็บไปคิดมากจนเป็นความทุกข์ รวมทั้งสูญเสียความแน่ใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นอยากอ้วนจนกระทั่งถูกล้อเลียนอย่างนี้หรอก แต่ต้นแบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันหลบหลีกความอ้วนได้ยาก และผู้คนจำนวนมากก็อ้วนง่ายแม้กระนั้นลดยากเยอะไป จริงไหม ?

เส้นทางลัด ลดหุ่น ลดความอ้วน ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ทดสอบการใช้

2

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและก็ใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่บริบูรณ์ แดดปานกลาง พบมากตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาก็ดีแล้วก็ย้ายไปปลูกไว้ในแปลง ดูแลรักษาราวกับ พืชไม้ทั่วๆไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่บริบูรณ์ ไม่แก่หรือเปล่าอ่อนจนเหลือเกิน ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูเจริญ โดยยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” ตระกูลสถิต ฉั่วกุล รวมทั้งคณะได้เรียนรู้พบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโม้นนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านทานพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ว่าไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย ตัวอย่างเช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามรอบๆที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ถี่ถ้วน เติมแอลกอฮอล์พอเปียกแฉะยา ตั้งทิ้งเอาไว้ 1 อาทิตย์ หมั่นคนยาทุกวี่ทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และก็กากทาบบริเวณที่ปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสลดพังพอน เหตุเพราะเสลดพังพอนมีตลอดตัวผู้ละตัวเมีย แม้กระนั้นตัวผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้เหตุเพราะมีฤทธิ์อ่อน รวมทั้งเพื่อไม่ให้งงงวยจึงเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" ส่วนใหญ่เอามาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาทารักษาข้างนอก มีคุณประโยชน์ทุเลาการอักเสบของผิวหนังได้ดิบได้ดี  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส
คุณลักษณะของผงพญายอสำหรับเพื่อการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับเหล้าใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก พญายอมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนเจริญ
- อีกตำราเรียนระบุว่านอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเนื่องจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด และก็แผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย นำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกตอนเช้าและก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกบริเวณแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดอาการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

ขั้นตอนการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้ารวมทั้งขัดถูเครื่องแต่งตัวให้สะอาดก่อนกรรมวิธีการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำที่สะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง น้ำนม หรือโยเกิร์ต เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้อีกทั้งผิวหน้าและก็ผิวกาย เป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]ถ้าเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วใบหน้า รวมทั้งเพื่อไม่ให้เป็นการก่อกวนผิวหน้ามากเกินไป พอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
     - ถ้าหากใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว และก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบามือที่สุด ประมาณเพียงแค่ลูบมานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด แล้วก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้จนถึงแห้ง (อาจใช้ช่วงเวลาพอกทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังจากแห้งแล้ว ให้ทำความสะอาดโดยการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่ควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆรวมทั้งปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบให้ค่อยที่สุด โดยใช้วิธีการล้างเดียวกับการขัดหน้า คือ อุตสาหะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ซึมซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่เพิ่มขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเสมอกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักนิดหน่อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความสดชื่นให้แก่ผิว อีกทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและกระจ่างขาวสวยใส มองอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

3

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

4

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในสกุลหน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) แล้วก็อยู่ในสกุลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพรรากสามสิบ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า สามร้อยราก (กาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา), ผักชีช้าง (หนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), พอควายเมะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดเชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยสามี, สาวร้อยสามี, ศตาวรี ฯลฯ
ลักษณะของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนมาจากใบเกล็ดบริเวณข้อ) สามารถเลื้อยปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงโดยประมาณ 1.5-4 เมตร แตกกิ่งเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น และก็เป็นมัน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 2-5 มม. เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวประมาณ 1-4 มม. รอบๆข้อมีกิ่งแตกกิ่งแบบรอบข้อ และก็กิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างราวๆ 0.5-1 มม. และก็ยาวราว 0.5-2.5 มิลลิเมตร ทำหน้าที่แทนใบ มีเหง้าแล้วก็รากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกลุ่มคล้ายกระสวย ลักษณะของรากออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามากมาย มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และออสเตรเลีย เจอขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบผู้เดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างโดยประมาณ 0.5-1 มม. รวมทั้งยาวราวๆ 10-36 มม. แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาวประมาณ 13-20 ซม.
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ ออกดอกเป็นช่อกระจะ ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวและก็มีกลิ่นหอมหวน มีราว 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวราว 2 มิลลิเมตร มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ และวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มม. และก็ยาวประมาณ 2.5-3.5 มม. กลีบดอกไม้มีลักษณะบางรวมทั้งร่น โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวโดยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมและก็อยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านยกอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวราวๆ 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะมีดอกในตอนประมาณม.ย.ถึงมิถานายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ รูปแบบของผลเป็นทรงออกจะกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ด้านในผลมีเม็ดประมาณ 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่เปราะ ออกดอกออกผลในตอนราวเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

คุณประโยชน์ของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสฝาดเย็น มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
หนังสือเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กระษัย (ราก)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่าและต้นจันทน์แดง ผสมกับเหล้าโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดระดับความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นรูปแบบการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
ทั้งยังต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งยังต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้กินเป็นยาแก้พิษร้อนในหิวน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสมหะ4 แก้การต่อว่าดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการของกินไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะ โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้อาการท้องร่วง แก้บิด (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์เป็นยาระบาย (ใบ)
แบบเรียนยาสมุนไพรพื้นเมืองของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีคุณประโยชน์เป็นยาแก้ขัดค่อย ขับเยี่ยว ช่วยหล่อลื่นและกระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการเมนส์เปลี่ยนไปจากปกติของสตรี (ราก)
ทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้แท้งลูก (ราก, อีกทั้งต้น)
ในอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถนะทางเพศอีกทั้งชายรวมทั้งหญิง คนทางภาคเหนือบ้านเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับผู้ชาย รับประทานแล้วครึกโครมเหมือนม้า 3 ตัว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนแพทย์ยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สาวร้อยผัว” หรือ “สามร้อยผัว” พูดอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีสามีได้ อายุมากแค่ไหนก็ยังดูสาวเสมอ แต่ไม่ใช่กินแล้วจะสามารถมีผัวได้เป็นร้อยคน ในตำราอายุรเวทจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเพื่อการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยขจัดปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะระดูแตกต่างจากปกติ ภาวการณ์หมดประจำเดือน ปวดเมนส์ ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม คุ้มครองป้องกันการแท้ง ฯลฯ ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มกิน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังคงใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังปกติ แก้ตับและปอดพิการ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยทุเลาอาการระคาย (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้า ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดข้อและก็คอ (ราก)
ใบมีสรรพคุณช่วยขับน้ำนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กทารกในครรภ์ บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดลูกของสตรี (ราก)
ใน “พระหนังสือคุณประโยชน์ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ๋ยถึงคุณประโยชน์ของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานตัวผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้ดวงตาโรค รากสามสิบอีกทั้ง 2 มีคุณยิ่งกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 จำพวก สิ่งแรกเป็นตัวร้อน ไม่อยากกินอาหาร ปวดหัว และอีกอย่างหนึ่ง คือ มีลักษณะร้ายแรงมากยิ่งกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะคัน ไอ มีเสมหะ และก็มีเลือดออกทางปากและก็จมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระหนังสือเวชศาสตร์เกื้อหนุน” ได้เอ๋ยถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆอีกหลากหลายประเภท โดยระบุว่ามีคุณประโยชน์ (ที่ค่อนจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยจำเริญชีวิตให้เกิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังมากไม่เหมือนกัน รับประทานเข้าไปแล้วหาโทษไม่ได้ ใช้ได้ทั้งเด็ก ผู้สูงวัย คนมีกำลัง คนผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อนยาน ให้ประกอบยานี้กันเถิด อนึ่ง กินแล้วให้บังเกิดลูก ให้อกโคนแค่นแขงทั้งยัง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดีแล้ว หมอก็เชื่อถือรักษาโดยใช้ยานี้เถิด (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผอมแห้งแรงน้อย แก้หอบหืด แก้ปิดตะ รวมทั้งแก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ด้วยกัน 20 อย่างและรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระตำราวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระทุ่งนาทิภาควิชา” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง และก็รากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีอาการเสียดแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้ลุกลุมโรคหายแล แล้วก็ยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสลด ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง รวมถึงรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงท้อง แก้ไข้ แก้ปวดศีรษะ ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 จำพวก ดังเช่น รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนอีกทั้ง 5 บัวน้ำ 5 โกฐทั้ง 5 จันทน์ทั้ง 4 รวมทั้งเทวดาทาโร (ใช้อย่างละเสมอกัน) นำทั้งปวงมาใส่ด้านในหม้อเคลือบหรือหม้อดิน เพิ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 เซนติเมตร แช่ทิ้งเอาไว้ราว 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มราว 30 นาที น้ำยาเดือดและมีกลิ่นหอมจึงยกลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนรับประทานอาหารตอนเช้าแล้วก็เย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงครรภ์อย่างดี (ราก)
นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ของรากสามสิบตามเว็บต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา สมุนไพรประเภทนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง แก้วัยทองคำ เพิ่มขนาดอกแล้วก็สะโพก ช่วยขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ขจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับรูปร่าง ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก ช่วยสร้างเสริมแล้วก็พัฒนาความจำและสติปัญญา (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดแล้วก็วิธีการใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากประมาณ 90-100 กรัม นำมาต้มกับน้ำวันละครั้งในรุ่งอรุณ
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่เจอ ยกตัวอย่างเช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้อาการปวด คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง ขับนม มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งโรคเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านทานอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็ง ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่เจอในรากคือสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติภารกิจเอาอย่างฮอร์โมนเพศ จึงน่าจะมีบทบาทสำหรับการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในตอนวัยหมดระดูของสตรี รวมไปถึงการช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดรวมทั้งโรคกระดูกพรุน
จากการเรียน
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ตอนหมายถึงตอนทันควันแล้วก็ตอนยาวสม่ำเสมอ โดยการศึกษาในตอนฉับพลันป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโล ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 แล้วก็ชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่าช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น ส่วนการเรียนรู้ช่วงยาวต่อเนื่องวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ รวมทั้งเพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน รวมทั้งเพิ่มไกลโคเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการยับยั้งการสรุปยรวมทั้งการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต และก็เพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการนำไปใช้รักษาคนเจ็บเบาหวานได้9
จากการทดลองทางคลินิกเป็นการใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการกินผงแห้งของราก พบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับในการรักษาแผลที่กระเพาะแล้วก็ลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี ค.ศ.1997 ที่ประเทศอินได้กระทำทดลองใช้รากสามสิบกับคนป่วยความดันเลือดสูงจำพวก mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดความดัน (Propranolol) ใช้ช่วงเวลาทำทดสอบนาน 3 เดือน ผลของการทดลองพบว่า ผู้เจ็บป่วยมีความดันโลหิตลดน้อยลง < 90 mm.Hg. แล้วก็ลดไขมันได้ผลดี

  • K. Mitra แล้วก็แผนก (คริสต์ศักราช1996) ที่ประเทศอินเดียได้ทำทดลองใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลของการทดสอบพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/


    Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

5

ราชพฤกษ์
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความเพียรพยายามหลายหนสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชื้อเชิญให้พสกนิกรพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชักชวนให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์ชนิดต่างๆจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อกำหนดเครื่องหมายต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความมงคลที่มีคุณประโยชน์และก็รู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวเนื่องกับจารีตไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นตลอดเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งถึงความเป็นเอกราชยก็เลยมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยคุ้นเคยรวมทั้งพบเห็นบ่อยครั้ง อย่างเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกยกย่องให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั้งประเทศจำนวน 99,999 ต้น เดี๋ยวนี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายก่ายกองทั่วราชอาณาจักรไทย
            ข้อสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่กระจ่าง จนถึงตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวข้างต้นกลับมาเสนออีกที แล้วก็มีผลสรุปเสนอให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์และก็สถาปัตยกรรม และการใคร่ครวญก่อนหน้าที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติด้วยเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นเจริญทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้พื้นเมืองที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างในแต่ละภาค อย่างเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการสำคัญๆตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลและก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงงดงาม สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมถึงเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก แล้วก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบมากมองเห็นได้ทั่วๆไปตามริมถนนสายต่างๆเป็นสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชมเชยให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งยังมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติยศชื่อ เสียงเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีใน และก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังไม่ได้ผลสรุปกระจ่างแจ้ง ตราบจนกระทั่งมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ตอนวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องจากว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" รวมทั้งมีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับประเพณีสำคัญๆในไทยและก็ฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มไม้งามเต็มต้น เปรียบเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน แล้วก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงราว 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองสวยงาม แต่ละช่อยาวราว 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราว 30-60 ซม. มีกลิ่นฉุน แล้วก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และมีดอกตอนอายุราว 4-5 ปี
การรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และก็เจริญวัยได้ดีในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมหมายถึงการเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจะต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เนื่องจากด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกออก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเลื่อมใสเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นพืชที่มีความมงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็ถ้าเกิดปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติยศ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

6


[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/size][/b]

คูน ประโยชน์และก็คุณประโยชน์ของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย เมียนมาร์ แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่ง และก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ก็ยังไม่ได้ผลสรุปกระจ่างแจ้ง จนกว่ามีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. พุทธศักราช 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" และก็มีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับขนบธรรมเนียมหลักๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นพืชที่มีความมงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เป็นต้นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มไม้งามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์ที่ศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน และก็คงทน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามแคว้นต่างๆได้แก่ ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, คูน หรือชัยพฤกษ์ ส่วนจังหวัดปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งอินเดีย ศรีลังกา และประเทศพม่า และก็คูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลรักษา
           แสง : อยากแสงอาทิตย์จัด หรือกลางแจ้ง และก็เจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจำเป็นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกหน่อ และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ถ้าหากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เหตุเพราะเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ต้นขนาดกึ่งกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถถ่ายเทน้ำได้ดิบได้ดี ส่วนใบจะมีสีเขียววาว วัวนมน เนื้อใบเกลี้ยงและบาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ รวมทั้งเห็นเส้นกลีบชัดเจน ฝักอ่อนมีสีเขียวและก็จะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และก็ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกันเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และข้างในช่องพวกนี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์รวมทั้งคุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ และก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นทุพพลภาพ และโรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) รวมถึงโรคกระเพาะอาหาร แล้วก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อคุดทะราด ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณศีรษะ และก็ช่วยถ่ายสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นหน้าอก แก้อาการไข้ ไปจนกระทั่งรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่เป็นผลข้างเคียงใดๆให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับเพื่อการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ตานขโมย แก้ไขไข้จับสั่น แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกเรื้อรัง แล้วก็ถ่ายเสมะรวมทั้งแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีท้อง ไปจนถึงเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเอียน
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน รวมทั้งขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เม็ด – ทำให้คลื่นไส้ ให้รสฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเดิน ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และก็น้ำตาล กินเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย แล้วก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและก็ครึ่งหนึ่งเขตร้อน สามารถเจริญวัยเจริญในที่โล่ง แล้วก็ปลูกได้ง่ายทั้งในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินร่วนซุยเหนียว แล้วก็ยังทนต่อสภาพภูมิอากาศแล้งและก็ดินเค็มได้ดี แต่ว่าถ้าหากอากาศหนาวจัดอาจจะเป็นผลให้ติดเชื้อโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

7

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรแคว้นในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะเหมือนต้นหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะบุคคล นอกจากประยุกต์ใช้เตรียมอาหาร แต่งกลิ่นในของกิน และก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกเอาไปใช้ในหลากสาขา อย่างเช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องสำอาง การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเชื่อว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ บางทีอาจสามารถช่วยคุ้มครองการเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ ทุเลาอาการปวดและก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในระหว่างมีประจำเดือน และเป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ ฯลฯ
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุก มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านและนำมาทำกับข้าว เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์และช่วยบรรเทาลักษณะโรคบางประเภทได้ แต่ว่าหารู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้ว ภายใต้ต้นแข็งรวมทั้งใบที่คมของตะไคร้ยังแอบซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้ล้นหลามจนไม่ได้นึกฝัน วันนี้พวกเราไปดูประโยช์จากตะไคร้ที่เข้าใจดีแล้วต้องตลึงที่นำมาจากเว็บไซต์ allwomenstalk กันดีกว่าค่ะ ผู้ใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน จะต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรประเภทนี้เยอะขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
สรรพคุณของตะไคร้ ผลดีดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่ามีความคิดว่าตะไคร้มีสาระเพียงแค่ใช้ปรุงอาหารเพียงแค่นั้น เพราะจริงๆแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุมากมายก่ายกอง อีกทั้งวิตามินเอ วิตามินซี รวมทั้งวิตามินบี นอกจากนี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินมากมายขนาดนี้ครั้งหลังพบตะไคร้ในของกินก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากการที่จะเอามาทำครัวแล้ว ตะไคร้ยังเป็นประโยชน์ในการไล่แมลงอีกด้วย เพราะว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในใบและในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยพวกนี้มีคุณสมบัติสำหรับการไล่แมลงได้อย่างดี ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้ขายอยู่ในตลาดมากมาย คนใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างสารพิษ
          สำหรับรักสุขภาพแล้วก็ชอบล้างพิษภายในร่างกายเป็นประจำไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยจ้ะ เพราะว่ามันมีคุณลักษณะในการล้างพิษในร่างกายด้วยกระบวนการทำให้ท่านเยี่ยวบ่อยขึ้น เนื่องจากว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบการทำงานด้านการย่อยอาหาร อาทิเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และก็กระเพาะปัสสาวะ ขับพิษและกรดยูริกออกจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น แล้วก็ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยในการย่อยอาหาร
          ตะไคร้ ช่วยให้ระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารทำงานเจริญขึ้นค่ะ เพราะเหตุว่ามีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยย่อย ลดลักษณะของการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และท้องร่วงได้ นอกนั้นยังช่วยคุ้มครองป้องกันและลดก๊าซในลำไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมแซมแล้วก็บำรุงระบบประสาท
          มีการเรียนจำนวนมากพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมบำรุงและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะก่อให้กล้ามของคุณบรรเทามากมายและก็ลดอาการตะคริวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าครั้งใดก็ตามจะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) แล้วก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดจ้ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและก็บรรเทาลักษณะของการปวดต่างๆได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดต่างๆได้แก่ ปวดฟัน ปวดกล้าม หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดมองนะคะยืนยันว่าหายแน่นอน
ช่วยทำนุบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุดังกล่าวมันก็เลยสามารถช่วยบำรุงรักษาผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณเปล่งประกายความมีสุขภาพแข็งแรงออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนวัยอยู่เสมอ รวมทั้งช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ จำนวนน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของปริมาณหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./โล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มก. และ ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร http://www.disthai.com/

8

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม สุดยอดราชินีแห่งผลไม้ เป็นประโยชน์ต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ มีสาระต้น
อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ เดือนพฤษภาคม 3, 2018 ราวเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
ทับทิมได้ผลไม่ที่นิยมรับประทานกันมากมาย และก็ลือชื่อในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีแห่งผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นคือผลไม้ที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์มาแล้วนับพันปี ในตอนนี้ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่นิยมปลูก และก็รับประทานกันทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย พิจารณาได้จากร้านขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่เกือบจะมีอยู่ตามท้องถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยช์จากทับทิมมีเยอะแยะ ทั้งยังในเรื่องของสารอาหาร แล้วก็การปกป้องโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมถือเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแต่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงร้อยละ 40 ของจำนวนที่พวกเราต้องการในหนึ่งวัน (สำหรับผู้ใหญ่) ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับนี้ก็เลยมีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการลดการเสี่ยงในการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างดี
ช่วยทำนุบำรุงผิวพรรณ
การรับประทานทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณของเราดูแจ่มใส เนื่องมาจากทับทิมได้ผลสำเร็จพอดีมีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเรา แล้วก็ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างขาวใส นอกเหนือจากนั้นพวกเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมโดยประมาณ 1 ช้อนชา ทาบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงผิวหน้าให้มองเต่งตึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้อีกด้วย ประโยชน์ในข้อนี้ของทับทิมสามารถยืนยันได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องสำอางหรือครีมหลายชนิดได้นำทับทิมไปเป็นองค์ประกอบ
เส้นเลือดและก็หัวใจ
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีคุณประโยชน์ช่วยสำหรับการทำให้การไหลเวียนของโลหิต ลดภาวการณ์ขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าคนที่มีความดันโลหิตสูง เมื่อรับประทานน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันเลือดได้ร้อยละ 5 ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของไขมันในเส้นโลหิตได้อีกด้วย
ลดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดมะเร็ง
เนื่องจากว่าคือผลไม้ที่มีค่าการต้านทานอนุมูลอิสระที่สูง จึงช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม มีการค้นคว้าพบว่า การกินทับทิมช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งถึง 13ช นิด และก็ยังสามารถช่วยทำลายเซลล์ของโรคมะเร็งในหลอดของกิน และก็ไส้ได้อีกด้วย
ผลดีอื่นๆของทับทิม
นอกจากคุณประโยชน์หลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงมีครรภ์ ช่วยปรับให้สมดุลในวัยหมดระดู ลดการเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคสูญเสียความจำในคนวัยแก่ ปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดการเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคกระดูกพรุน คุ้มครองป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ ลดการตกขาว เรียกได้ว่ามีคุณประโยชน์เยอะมากจริง
 เว้นเสียแต่ส่วนที่เรานิยมรับประทานกันอย่างเมล็ดแล้ว องค์ประกอบอื่นของทับทิมก็เป็นประโยชน์ไม่แพ้กัน ทั้งเป็นยาและสมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมหล่นได้อย่างดี
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเราใช้รักษา แผลหิด กากเกลื้อน มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาโรคในทางเดินอาหาร เช่นรักษาอาการท้องร่วงได้
เปลือกของลำต้น และก็ราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยเอามาผสมกับกานพลู และก็บางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำราวๆสามถ้วย มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีคุณประโยชน์สำหรับการสมานแผล และก็บรรเทาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่เพียงแค่เมล็ด หรือน้ำทับทิม ก็เลยไม่ประหลาดใจเลยที่ทับทิมจะได้รับฉายาว่า "ราชชินีแห่งผลไม้"
โรคแล้วก็อาการอื่นๆดังเช่นว่า โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามข้างหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจำต้องทำการค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเสริมเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับในการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเกิดผลข้างๆจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การกินรากและลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่มีอันตรายสำหรับการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น อย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม จะต้องหารือแพทย์ก่อนการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันโลหิตลดลดน้อยลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการแย่ลง

ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนเจ็บที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุว่าทับทิมทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางจำพวกอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่น ยาที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติน ผู้ที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะมีการกินเพื่อให้มีความปลอดภัย http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรทับทิม

หน้า: [1]