แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - gggggg020202

หน้า: [1] 2 3
2

สมุนไพรพญายอ
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาปล้องคำ (จังหวัดลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง) ฯลฯ
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะสะอาด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญวัยได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแดดจัด มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบบ่อยขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. และยาวประมาณ 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียหมดจดไม่มีขน ออกดอกในตอนประมาณตุลาคมถึงม.ค. (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาปล้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลแห้งแล้วก็แตกได้ (แต่ว่าผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดราวๆ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ชนิดหมายถึงเสมหะพังพอนตัวผู้ รวมทั้งเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนตัวผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงวยงงหลายๆตำราเรียนก็เลยนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย รวมทั้งตำราเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและเปลือกต้น)
ทั้งต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นและใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำให้รอบคอบ ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะคนเจ็บประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มกินทีละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวโดยประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างระมัดระวังผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป รวมทั้งอาการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งยังต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ระดูมาไม่ดีเหมือนปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอแฉะ ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดีขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดนำมาตำให้รอบคอบผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า4 ส่วนอีกตำรากล่าวว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเพราะเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด และแผลที่เกิดขึ้นจากการถูกกรดได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบโดยประมาณ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มเติมน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบเอามาโขลกผสมกับเกลือและเหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกเช้ารวมทั้งเย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นและใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้เพียงพอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่กระทั่งเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. นำมาปั่นอย่างละเอียด เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดน้อยลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) แล้วก็เพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และก็ใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลนไฟให้ร้อน แล้วเอามากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า แล้วก็ยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับเหล้า เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกหัด เหือด ด้วยการใช้ใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินและก็ทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม เคล็ดลับขัดยอก ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเนื่องด้วยเย็นเปียกชื้น (ทั้งยังต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยล้าบั้นเอว (ราก)
ขนาดและก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลด้านนอก
ข้อควรระวังพญายอ
: ถึงแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ว่าในปัจจุบันแนวทางลักษณะนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล และก็อาจจะทำให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides อาทิเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโล มีคุณภาพต่อต้านการอักเสบเจริญ
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มก.ต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่มีผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะซิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์ รวมทั้งจากรายงานการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และก็ยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ต่างอะไรในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและก็ยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งไม่เหมือนกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่ส่งผลให้เกิดการอักเสบและก็ระคาย ในขณะ acyclovir จะทำให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเริมและก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ จวบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่น้อยกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บปวดจะลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลกระทบอะไรก็แล้วแต่9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษบางส่วน แต่ว่าจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อโล (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ทำให้มีการเกิดอาการเป็นพิษใดๆก็ตาม
จากการเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มิลลิกรัมต่อกิโล ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัสลดลง ขณะที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงปรารถนาแต่ว่าอ http://www.disthai.com/

3

สมุนไพรพญายอ
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อตระกูล ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni  Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อท้องถิ่นผักมันไก่  ผักลิ้นเขียด  พญาข้อคำ  พญาปล้องดำ พญายอ  โพะโซ่จาง  เสลดพังพอนตัวเมีย


ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์


          ไม้พุ่มรอเลื้อย ลำต้นแล้วก็กิ่งก้านเกลี้ยงวาว สูงได้ถึง 3 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-9 เซนติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกลุ่มที่ปลายยอด กลีบดอกไม้สีส้มแดงเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 เซนติเมตร ไม่ติดฝัก


ส่วนที่ใช้เป็นยาและก็สรรพคุณ


-ส่วนใบ รักษาอาการเนื่องจากแมลงกัดต่อยแล้วก็โรคเริม


สารสำคัญที่ออกฤทธิ์


สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ  มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา


ฤทธิ์ลดการอักเสบ
       เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท  หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าช่องท้องของหนูแรท  จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้   ตำรับยาที่มีพญายอร้อยละ 5  ใน cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อนำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้  แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล
ฤทธิ์ลดอาการปวด
                 เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีว่ากล่าวค  ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัม/โล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (5)  ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2)  สารสกัดด้วยน้ำ และก็สารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่มีผลลดความเจ็บ

ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ไวรัสเริม
       พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล แล้วก็เอทิลอะสิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1  และเมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล  พบว่า มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์  เวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์
                 จากรายงานการดูแลรักษาคนป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir  และยาหลอก  โดยให้ผู้เจ็บป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนไข้ที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอและก็ยา acyclovir   โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง ในขณะ acyclovir ทำให้แสบ   ยิ่งไปกว่านี้มีการใช้ยาที่ทำมาจากพญายอ ในคนเจ็บโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบเจริญ   
เชื้อไวรัส Varicella zoster
                 สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายไวรัส Varicella zoster ที่เป็นต้นเหตุโรคงูสวัดรวมทั้งอีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก  โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7-14 วัน จนกระทั่งแผลจะหาย  พบว่าคนเจ็บหวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายภายใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่ใช่น้อยกว่ากรุ๊ปที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับความเจ็บปวดต่ำลงเร็วกว่ากรุ๊ปยาหลอก และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ


อาการข้างเคียง


ความเป็นพิษทั่วไปและก็ต่อระบบแพร่พันธุ์


การทดสอบความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่เป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง  ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโล (หรือเทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัม/กก.) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่นำไปสู่อาการพิษใดๆก็ตาม
การศึกษาพิษ
พญายอกึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รวมทั้ง 540 มก./กก. ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในเวลาที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความผิดแปลกต่ออวัยวะอื่น และไม่เจออาการไม่พึงปรารถนาใดๆ หนูแรทที่กินสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/โล วันแล้ววันเล่านาน 90 วัน พบว่าการกินอาหารของกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดและก็กรุ๊ปควบคุมไม่มีความแตกต่างกัน แม้กระนั้นน้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กิโลกรัม ต่ำลงยิ่งกว่าพญายอกรุ๊ปควบคุม  เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงขึ้นมากยิ่งกว่า และครีอาตินินต่ำยิ่งกว่ากลุ่มควบคุม  แต่ว่าไม่เจอความผิดแปลกด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน และพยาธิภาวะภายนอกhttp://www.disthai.com/

4

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ สรรพคุณของใบบัวบกที่รู้แล้วต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้ยิ่งกว่าเดิม
          เชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยรับรู้กันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้กินน้ำใบบัวบก เพราะว่าจะช่วยให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แม้กระนั้นหารู้ไม่ว่าในความเป็นจริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่นำมาใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีสรรพคุณอื่นๆอีกมากมาย ทั้งยังช่วยทำนุบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้กระทั้งช่วยทำนุบำรุงความงดงาม ใคร่รู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชิญชวนให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าเช่นนั้นลองไปดูที่เราหยิบมานำเสนอในวันนี้กันดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า รู้และเข้าใจดีแล้วจะต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่นอน

  • จัดการกับปัญหาเส้นโลหิตขอด


          เมื่อเส้นเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดโลหิตดำเกิดการฉีกให้ขาดและทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่รอบๆขา เป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นเลือดขอดนั่นเอง โดยมีการศึกษาพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมแล้วก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น โดยในการค้นคว้านั้นได้ทำการทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะอาการของเส้นโลหิตขอด รวมทั้งเมื่อกินใบบัวบกเข้าไปและพบว่าอาการเส้นเลือดขอดนั้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่กินยาหลอก และเมื่อกระทำอัลตราซาวด์ก็พบว่าคนที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของเส้นเลือดดำต่ำลงค่ะ

  • สมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางจำพวก


          หนึ่งในสารสำคัญที่นำมาซึ่งการทำให้ใบบัวบกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการเรียนกับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ นั่นก็เป็นเพราะเหตุว่าสารดังที่กล่าวถึงแล้วจะปฏิบัติหน้าที่ในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณรอยแผลมากขึ้น ส่งผลให้รอยแผลเบาๆหายดีขึ้นในระยะเวลาที่ลดลง ทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลได้อีกด้วย วิธีใช้ก็ไม่จำเป็นที่ต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เพราะปัจจุบันนี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะ แค่เพียงเลือกให้เหมาะสมกับจำพวกรอยแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนภายในร่างกายถ้าสูงมากจนเกินความจำเป็นอาจทำให้ร่างกายกำเนิดอาการไข้ ตัวร้อน อยากดื่มน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ด้วยเหตุนี้การกินใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ ทั้งยังยังช่วยขับพิษร้อนออกมาจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน รวมทั้งความชุ่มชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดจากความร้อนและก็ความชุ่มชื้น อาทิ โรคดีซ่าน นิ่วในทางเดินฉี่ หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการรับประทานใบบัวบก เพราะว่าใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชื้นภายในร่างกายรวมทั้งขับความร้อนออกมาได้ แต่ว่าก็ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากว่าถ้าเกิดรับประทานมากๆอาจจะเป็นผลให้ร่างกายเย็นกระทั่งเกินความจำเป็นและก็ทำให้เป็นอันตรายได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • ลดความกระวายกระวน ช่วยทำให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากการที่จะช่วยในการรักษาแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางจำพวกได้แล้วก็ยังมีฤทธิ์สำหรับการลดความกระวนกระวายแล้วก็ช่วยกระตุ้นกลไกหลักการทำงานของสมอง โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานใบบัวบกมีแนวโน้มที่จะตกอกตกใจกับเสียงดังรบกวนน้อยกว่าคนที่กินยาหลอก แม้กระนั้นก็ต้องใช้ในจำนวนที่สูงมาก จึงยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าควรที่จะใช้จำนวนใดก็เลยจะสำเร็จและไม่ส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพตามมาค่ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เพราะว่าใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับในการลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย จึงสามารถใช้บรรเทาอาการของคนไข้โรคหนังแข็งได้ โดยมีการศึกษากับผู้หญิง 13 มีอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การใช้ใบบัวบกสามารถลดอาการปวดตามข้อ และลดการเกิดหนังแข็ง และทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น แต่ว่าทั้งนี้ก็จำเป็นต้องอยู่ในจำนวนที่แพทย์ควบคุมเท่านั้น

  • ช่วยทุเลาอาการนอนไม่หลับ


          คนใดกันที่ชอบนอนไม่หลับเป็นประจำทดลองหาใบบัวบกมารับประทานก็ดีแล้วแบบเดียวกันนะ เนื่องจากว่าใบบัวบกไม่เฉพาะแต่ช่วยลดความกระวายกระวนเพียงแค่นั้น แต่ว่าก็ยังช่วยให้จิตใจสงบรวมทั้งผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงกินเสมอๆก่อนนอน ก็จะสามารถช่วยให้การนอนหลับดียิ่งขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์เลย
สรรพคุณใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • ลดความดันเลือด


        กรมวิวัฒนาการหมอแผนไทยรวมทั้งการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาแนะนำว่าใบบัวบกเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันเลือดได้ เนื่องจากว่าเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดเลือดดำแล้วก็เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดสภาวะความเคร่งเครียดอันเป็นมูลเหตุที่นำไปสู่ความดันโลหิตสูง ดังนี้กรรมวิธีการรับประทานก็ไม่ยาก เพียงแต่นำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักบางส่วน หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นจ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำเกิดจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดรอบๆดังที่กล่าวถึงมาแล้วทำงานไม่ดีเหมือนปกติเป็นสาเหตุของการเกิดอาการคั่งของเลือด การกินใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณรอยแผลได้ และยังลดอาการอักเสบที่กระตุ้นให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกประเภทที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยคุ้มครองปกป้องสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง และก็ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยของสมอง เพิ่มหลักการทำงานของสมองและก็ความจำ แถมยังสามารถลดสภาวะเซื่องซึม และก็สามารถช่วยยับยั้งลักษณะโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อ


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งจำพวกที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีคุณภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินฉี่ แล้วก็อาการติดเชื้อโรคแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเยอะมาก พูดได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้ออะไรก็แล้วแต่ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แม้กระนั้นทั้งนี้ก็จะต้องใช้ในปริมาณที่สมควร และภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญนะ

  • บรรเทาอาการเมื่อยล้า


          เว้นแต่รักษาลักษณะของการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียได้ และก็หากกินในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายและก็ดับหิวได้อย่างดีเยี่ยมเลยเชียวล่ะ

สรรพคุณใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนวัย


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความงามที่อยู่ใกล้ตัวมากๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าใบบัวบกมีสารที่ช่วยสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอิลาสตินในร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น มองอ่อนวัย ยิ่งไปกว่านี้สารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะถ้าเกิดคุณจะได้เห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องทำความสะอาดผิว ดังนี้ยังสามารถนำใบบัวบกสดๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังต่อไปนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
กระบวนการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างทำความสะอาด แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เอามาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • เอามาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำแต่ละวันก่อนนอนจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          ผู้หญิงที่ไม่สบายใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยสดงดงามของคุณผู้หญิงอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้จ้ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก็จะสามารถช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น และลดการอักเสบอันมีสาเหตุจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมรวมทั้งหนังศีรษะ


          คนไม่ใช่น้อยที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็อาจจะค้นหาทุกแนวทางเพื่อบำรุงให้เส้นผมและก็หนังหัวแข็งแรงเพื่อที่จะได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีคุณประโยชน์เด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมตกส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากรากผมที่อ่อนแอและก็การไหลเวียนของโลหิตบนหนังหัวไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์สำหรับการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตรอบๆหนังหัว แล้วก็ยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองปกป้องผมตกทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงและดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอะไร
          ได้มองเห็นผลดีดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบงี้ ผู้ใดกันที่ยังสั่นหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็คงจะลองหันกลับมาดูเสียใหม่ ถึงแม้ว่าอาจจะมีกลิ่นแรงไปเสียหน่อย แต่ว่าประโยชน์ที่ได้รับก็ดีไม่น้อยเลย หากไม่ทดลองเสียดายแย่เลยนะ http://www.disthai.com/

5

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อประจำถิ่นอื่น : แก้มแพทย์, แก้มหมอเล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงโดยประมาณ 30-100 ซม. ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง และมีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบโดดเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ และก็มีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอกไม้ มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบดอกไม้สีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวเท่ากับกลีบรองกลีบดอกไม้ แต่ว่ากลีบด้านล่างแผ่กว้างและก็โค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเม็ดภายใน 4 เม็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้ที่โล่งแจ้ง มีอยู่ทั่วไปในป่าชายเลน ตามที่ลุ่มริมน้ำลำคลอง ส่วนมากชอบขึ้นในที่น้ำกร่อย แต่บางทีก็พบในน้ำจืดบ้างเหมือนกัน
การปลูกและแพร่พันธุ์
เติบโตเจริญในดินแทบทุกจำพวก ความชื้นปานกลาง เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ด
คุณประโยชน์ทางยา
รสแล้วก็สรรพคุณในหนังสือเรียนยา
อีกทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผื่นผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมและแผลอักเสบ แก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ หมอแผนไทยตามต่างจังหวัดใช้ทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษรอยแดงเจริญ แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายขโมยรมหัวริดสีดวงทวาร ตำใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง แล้วก็แก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศประเทศอินเดีย ใช้ยอดแล้วก็ใบอ่อนตำผสมน้ำน้อยปิดแผลที่ถูกงูกัด ทั้งต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมและก็แก้ไอ และก็เอามาต้มเอาน้ำเป็นยารักษาธาตุพิการ
ในประเทศสิงคโปร์ ใช้เม็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเม็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเติมเปลือกอบเชย และก็น้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เม็ดบดเป็นผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับโลหิต และก็แก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
วิธีและก็ปริมาณที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้อีกทั้งต้นและใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ เช้าตรู่-เย็น เป็นเวลา 1 อาทิตย์
ข้อควรทราบ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองกึ่งกลางกลีบ มีใบตกแต่งสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เป็นประจำไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวค่อนข้างจะเล็ก มีใบตกแต่งรองรับช่อดอก แต่หล่นหลุดไปก่อน
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาแพทย์
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคละเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าถ้าหากกินติดต่อกัน 1 เดือน จะทำให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูไว / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้เมื่อยล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงน่าฟัง / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url]มีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมเป็นปกติ (ทั้งยังต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผ่ายผอมเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงรับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นๆกระทั่งหมด อาการก็จะดีขึ้น (อีกทั้งต้น)
ช่วยยั้งมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นและก็อาหารเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ในสัดส่วนที่เท่ากัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว รุ่งเช้า กลางวัน เย็น อาการจะดีขึ้น (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นรวมถึงรากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าหากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้รอบคอบเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับเยี่ยว ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนแล้วก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าเกิดใช้ต้นมาต้มอาบและก็ทำเป็นยารับประทานติดต่อกันราวๆ 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเอามาตำมัวแต่น้ำดื่ม (ทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราว 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภททั้งด้านในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นรวมทั้งใบอีกทั้งสดและแห้งราว 1 กำมือ นำมาบดให้ถี่ถ้วน แล้วเอามาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือวิธีลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะกินอาหารครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราว 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างรอบคอบ ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำให้รอบคอบ สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งต้น)
ต้น ถ้านำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงแก้ไขข้ออักเสบและแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรักษารากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

6

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในสกุลถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) แล้วก็อยู่ในสกุลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง), ต้นลมแล้ง (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วไปเรียกและชอบเขียนผิดหรือสะกดผิดเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) ฯลฯ
คำว่า “ราชพฤกษ์” แสดงว่า “ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระมหากษัตริย์ของพวกเราทรงครอบครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีคำแนะนำแล้วก็สรุปให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการใคร่ครวญได้ข้อสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น “ศาลาไทย” แล้วก็ในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลในการเลือกดังต่อไปนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่ชาวไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างมากมาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเห็นได้ทั่วไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับจารีตคนไทยมาอย่างนาน เพราะว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนามและใช้ในการประกอบพิธีสำคัญๆต่างๆหลายพิธี อย่างเช่น พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ดังเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนานและก็แข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงรวมทั้งพุ่มที่งาม มีดอกเหลืองสวยงามเต็มต้น ดูงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นเครื่องหมายที่พระพุทธศาสนา และยังเป็นเครื่องหมายของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกนั้นตามตำราพืชที่มีความมงคล 9 ประเภทยังเจาะจงไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอำนาจบุญบารมี มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคและอาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นคุณประโยชน์ทางยานั้น ได้แก่ ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก รวมทั้งเม็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมถึงคนแก่ โดยปลอดภัยใดๆก็ตาม
ลักษณะของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชประจำถิ่นในแถบทวีปเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถานไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย เมียนมาร์ และก็ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลปนเทาเกลี้ยง มักขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการถ่ายเทน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกไว้ในพื้นที่ แม้กระนั้นในตอนนี้บางครั้งอาจจะใช้กระบวนการทาบกิ่งและก็ทิ่มยอดก็ได้ แม้กระนั้นช่องทางเสร็จจะน้อยกว่าแนวทางการเพาะเมล็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียววาว ช่อหนึ่งยาวราวๆ 2.5 เซนติเมตร และมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆโดยประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราว 5-7 เซนติเมตร และยาวโดยประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนและสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางสะอาด มีเส้นแขนงใบถี่รวมทั้งโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) ออกดอกเป็นช่อ ยาวประมาณ 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวโดยประมาณ 1 ซม. กลีบมี 5 กลีบ หลุดตกได้ง่าย แล้วก็กลีบดอกยาวกว่ากลีบรองดอกราว 2-3 เท่า แล้วก็มีกลีบรูปไข่ปริมาณ 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบชัดเจน ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดไม่เหมือนกันปริมาณ 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในตอนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่ว่าก็มีบางกรณีที่ออกดอกนอกฤดูเหมือนกัน ดังเช่นว่า ในช่วงธันวาคมถึงมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักทรงกระบอกสะอาดๆฝักยาวราวๆ 20-60 ซม. รวมทั้งวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆชิดกันอยู่เป็นช่องๆตามขวางของฝัก และก็ในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดราว 0.8-0.9 เซนติเมตร
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
ช่วยทำนุบำรุงเลือดในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นรวมทั้งใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการใช้ใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำ (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวน้อย มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ (ฝัก)
เปลือกเมล็ดแล้วก็เปลือกฝักมีคุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ ทำให้คลื่นไส้ หรือจะใช้เม็ดประมาณ 5-6 เม็ด นำมาบดเป็นผงแล้วกินก็ได้ (เม็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้และหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการหม่นหมอง หนักหัว หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นต้นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งราว 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ฝัก)
ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยในการถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวก ไม่มวนท้อง แก้ท้องผูก เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกบ่อยๆและสตรีท้อง เนื่องจากมีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่าหัวแม่มือ (หนักราว 4 กรัม) และน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือเล็กน้อย ใช้ดื่มก่อนกินอาหารเช้าตรู่หรือช่วงก่อนนอนเพียงแต่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เมล็ด)
เมล็ดมีรสฝาดเมา สรรพคุณช่วยแก้ท้องเสีย (เม็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและแผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
สรรพคุณของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้เกิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เมล็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และน้ำตาล แล้วเอามากิน (เม็ด)
ฝักแล้วก็ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งราว 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนเมา ช่วยขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคโรคกุฏฐัง (ราก)
ใบสามารถประยุกต์ใช้สำหรับการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษากลากโรคเกลื้อน และก็ใบอ่อนก็ใช้แก้ขี้กลากได้เหมือนกัน (ราก, ใบ)
เปลือกรวมทั้งใบนำมาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผดผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีสรรพคุณช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและใบนำมาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน คุณประโยชน์ของดอกช่วยแก้บาดแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีสรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
คนประเทศอินเดียใช้ใบนำมาโขลก เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อแล้วก็อัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนแล้วก็แมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำทิ้งไว้ราวๆ 2-3 วัน แล้วก็ใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถช่วยในการจัดการกับคราบแมลงรวมทั้งหนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
นอกจากนี้ยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นสินค้าต่างๆเยอะมาก เป็นต้นว่า
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่ต้มมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต และก็แก้ไขปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน รวมทั้งอบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะมองตามโรคและก็สิ่งที่ต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้แตกต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำมาจากใบคูนที่เอามาบดเป็นผง ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยนำมาพอกรอบๆที่เป็นจะช่วยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการไหลเวียนของเลือด บรรเทาลักษณะของการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ และก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับคนไข้ที่เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้าครึ่งด้าน ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาคา ทำมาจากใบคูน คุณประโยชน์ช่วยในด้านสมอง แก้ปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยให้ระบบไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการดูแลรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรตรึกตรอง !
:กระบวนการทำเป็นยาต้ม ควรจะต้มให้พอควรก็เลยจะได้ประสิทธิภาพที่ดี หากต้มนานเกินความจำเป็นหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่จะมีผลให้ท้องผูกแทน รวมทั้งควรที่จะเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินความจำเป็น รวมทั้งยาต้มที่ได้ถ้าหากรับประทานมากจนเกินความจำเป็นอาจก่อให้อาเจียนได้
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากราชพฤกษ์
นิยมปลูกไว้ฯลฯไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆอย่างเช่น สถานที่ราชการ บริเวณริมถนนข้างทาง และสถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเลื่อมใส ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลนามที่คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติและศักดิ์ศรี ต้นเหตุเพราะว่าคนให้การยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและก็ยังเป็นเครื่องหมายของเมืองไทยอีกด้วย และก็ยังมั่นใจว่าจะทำให้ผู้อาศัยนั้นก้าวหน้า โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์และปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉใต้ของบ้าน (อาจเป็นเพราะด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้รับแดดจัดในตอนตอนบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนภายในบ้านและก็ช่วยลดการใช้พลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลและศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีบูชาต่างๆทางศาสนา ดังเช่นว่า พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาฤกษ์สำหรับในการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ฯลฯ
แก่นไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆยกตัวอย่างเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถประยุกต์ใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับในการทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์และก็จุลชีวันขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการหุงต้มด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอเหมาะพอควร โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการโครงงานสงวนพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า แล้วก็พันธุ์พืช, เว็บไทยโพส, ที่ทำการปรับปรุงเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (หน่วยงานมหาชน), งานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, ที่ทำการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

7

กระเทียม
กระเทียมกับประโยชน์ต่อสุขภาพ
กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกันกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงปรุงอาหาร กระเทียมเป็นพืชที่ออกจะแตกต่างจากพืชทั่วไป เนื่องจากว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกเหนือจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ อาทิเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) แล้วก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย
กระเทียม
ผู้คนจำนวนมากอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นผลมาจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่เด่นแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย และอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆ โดยที่ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าการรับประทานกระเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล ทุเลาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมหล่นอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากมายน้อยเท่าใดที่จะช่วยรับรองคุณประโยชน์ ประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันโลหิตสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในหลอดเลือดแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้เส้นเลือดขยายตัวแล้วก็ทำให้ระดับความดันเลือดลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้คนป่วยที่หรูหราความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือเท่ากับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. ตรงเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดลดลงมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รับประทานยาหลอก ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาผู้เจ็บป่วยความดันเลือดสูงได้ดียิ่งไปกว่ายาหลอก
แม้กระทั่งมีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่บอกให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับในการลดระดับความดันเลือดได้ดียิ่งไปกว่าการใช้ยาหลอก แต่เพราะว่าผลการทดสอบบางทีอาจยังไม่แม่นยำพอเพียงที่จะสรุปความสามารถของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิตในคนเจ็บความดันโลหิตสูง ก็เลยยังจำเป็นจะต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพที่กระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น
มะเร็ง ความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมและการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ชัดเจนและก็ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากการค้นคว้าวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งปวงศชายและเพศหญิงที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจำนวนกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดสอบเป็นเวลา 5 ปี แล้วก็เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ และก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
แม้กระนั้น มีการทำการศึกษาเรียนรู้อีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอดีจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และก็มีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่ช่วยเหลือว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดของกิน มะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในช่องปาก หรือมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้บอกว่ากระเทียมเป็นผักประเภทหนึ่งที่อาจมีคุณลักษณะต้านมะเร็ง แต่ว่ายังมีต้นเหตุอื่นๆยกตัวอย่างเช่น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระเทียม หรือปริมาณความเข้มข้นที่หลากหลาย อาจจะเป็นผลให้พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของกระเทียมได้ยาก และเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของกระเทียมเสื่อมสลายไปได้ด้วยเหมือนกัน
แก้หวัด หลายคนเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และก็มีการนำมาใช้เพื่อคุ้มครองปกป้องและก็ทุเลาอาการหวัดมาอย่างยาวนาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของ 2 กลุ่มมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ถึงผลการทดสอบข้างต้นจะบ่งบอกถึงถึงคุณภาพของกระเทียม แต่ว่าหลักฐานการทดสอบทางสถานพยาบาลยังไม่พอและจำต้องเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ลดความอ้วนรวมทั้งมวลไขมัน ในผู้เจ็บป่วยภาวการณ์ไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้มีเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักมีเหตุที่เกิดจากโรคอ้วน โรคเบาหวานจำพวกที่ 2 ความดันเลือดสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลและรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นอาจไม่เพียงพอ ถ้าไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารพร้อมกันไปด้วย การกินกระเทียมก็เลยบางทีอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าดึงดูด ด้วยเหตุว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และก็สารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณลักษณะคุ้มครองปกป้องภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดศชายรวมทั้งเพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งหมดทั้งปวง 110 คน รับประทานกระเทียมผงจำพวกแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยสารอัลซิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ว่ากินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดลองแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักและมวลร่างกายลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและปกป้องหรือชะลอการเกิดภาวการณ์ไขมันพอกตับที่มิได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ดีการศึกษาในอนาคตยังจึงควรวางแบบการทดสอบให้และก็ควรเพิ่มระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบเพื่อรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงไม่ตรงกัน จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองรวมทั้งการศึกษาโดยการทบทวนการวิจัยที่เกี่ยวพันจำนวน 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การกินกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้นิดหน่อย แม้กระนั้นไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น ไหมทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยลงแต่อย่างใด ก็เลยยังจึงควรศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปแล้วก็ยืนยันสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มกระจ่างเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมค่อนข้างปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่สมควร แต่ว่าอาจจะทำให้เป็นผลข้างๆได้ อาทิเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องอืด อ้วก คลื่นไส้ หรือท้องเดิน อาการกลุ่มนี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและระคายได้
ข้อควรคำนึงสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกรุ๊ปต่อไปนี้
คนที่กำลังมีท้องหรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการมีครรภ์ออกจะไม่เป็นอันตรายถ้าเกิดกินเป็นของกินหรือในจำนวนที่สมควร แต่บางทีอาจไม่ปลอดภัยแม้กินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรและในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและระคายเคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะเป็นผลให้มีการเคืองที่ดินเดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดกินกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ด้วยเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้เลือดออกมากแล้วก็มีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งผู้ที่มีสภาวะเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติไม่ควรกินกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เพราะเหตุว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะซิด เพราะว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพลักษณะการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์
ยาคุมกำเนิด
ยาต่อต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

8

เห็ดหลินจือ
[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url]มีผลยังไงต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง รวมทั้งโรคอื่นๆอันแสนเพลียที่จะรักษา ติดตามผลการค้นคว้ารับรองสรรพคุณได้ในบทความนี้ค่ะ
บทความพวกนี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการค้นคว้ายืนยันจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนฝูงได้พินิจพิเคราะห์ด้วยตัวเองว่ารักษาโรคก้าวหน้าแค่ไหนและก็น่าไว้ใจเท่าใด ถ้าเพื่อนพ้องๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาเรียนรู้วิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าใดไหมรู้เรื่อง บทความในเว็บนี้นักเขียนได้คัดแล้วก็เก็บจากหลายที่แล้วก็เขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนพ้องๆชอบเนื้อหานี้ก็จะเป็นกำลังจิตใจให้คนเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนพ้องๆต้องถูกใจ
ระบบภูมิคุ้มกันคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีปะปน เซลล์มะเร็ง แล้วก็สิ่งปลอมปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อร่างกายพวกเรานั้นเอง ดังนั้นถ้าเพื่อนๆมีระบบภูมิต้านทานดีก็จะไม่เจ็บป่วยง่าย หรือถ้าหากเจ็บป่วยก็จะรู้สึกตัวเร็ว แม้กระนั้นถ้าเกิดระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะป่วยหลายครั้งรวมทั้งเป็นหนักกว่าผู้ที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวที่ตรงนี้แล้วสหายๆคงจะมองเห็นความสำคัญของการมีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกันแล้ว
คนจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมาเป็นเวลานานกว่า 2000 ปีแล้ว แม้กระนั้นในสมัยนั้นยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุไรทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนและแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค เดี๋ยวนี้เราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับพวกเราได้จริง สารกรุ๊ปดังที่กล่าวมาแล้วสามารถกระตุ้นการผลิต Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ระบบภูเขามคุ้มกันดีแล้วก็แข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต้านทานวรัส เซลล์ของมะเร็ง รวมทั้งจำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดิบได้ดีขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังช่วยให้ถูกผลกระทบที่โดนยาต่อต้านโรคมะเร็งบางตัวแล้วก็การทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดียิ่งขึ้นอีก และเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กลุ่มดังที่กล่าวถึงแล้วเป็นกลุ่ม Bitter Triterpenoids
A
นักค้นคว้าได้ศึกษาค้นพบสารหลายอย่างในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดหมายถึงGanoderic Acid รวมทั้ง Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้น เว้นแต่ช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังปกป้องไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่ม Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด และช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับผู้ที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย รวมทั้งกระทำการเก็บผลของการทดลองภายหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าวัวเรสเตอคอยลของคนรับการทดสอบลดลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลจากการวิจัยจากทั้งโลก และก็ยังพบว่าเห็ดหลินจือ นอกจากช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นโลหิตแล้ว ยังเป็นเหตุให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ก็เลยอาจพูดได้ว่า ข้อยืนยันทางคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแต่การทดลองในคนไข้บางกลุ่มเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรปฏิบัติการทดลองต่อไป เพื่อได้เห็นผลลัพ์ที่แจ่มกระจ่าง และมีคุณประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาคนไข้มะเร็งได้ในอนาคต

ภาวการณ์ต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบฟุตบาทฉี่
มีขั้นตอนทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนไข้เพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการฉี่ขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็น คนไข้ต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของคนป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
โดยเหตุนั้น การทดลองดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มชัดพอเพียง จำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่แจ่มกระจ่างสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวพัน
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนเจ็บโรคเบาหวานประเภท 2 ร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะช่วยเหลือผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงในการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเหมือนกัน โดยหนึ่งในงานค้นคว้าเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนไข้บางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะต้องมีการค้นคว้าทดสอบถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อป้องกันและการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจถัดไป และให้รู้เรื่องแจ่มกระจ่างชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวผ่านมาแล้วมากขึ้น อันเป็นผลดีต่อกรรมวิธีรักษาปกป้องโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวพันถัดไปในอนาคต

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

9

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเอามาปรุงอาหารเพราะว่าส่งกลิ่นหอม นอกจากนี้ ขิงยังคงใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ และก็เครื่องสำอางทั้งหลายแหล่เช่นเดียวกัน ด้านคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลายประเภทมาอย่างช้านาน ตัวอย่างเช่น โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารอย่างท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ คลื่นไส้ ไม่อยากกินอาหาร
คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่ามีสารที่อาจช่วยลดอาการอาเจียนและลดการอักเสบ โดยนักวิจัยส่วนใหญ่คาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารแล้วก็ไส้ รวมทั้งสารนี้อาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แม้กระนั้นข้อสันนิษฐานดังที่ได้กล่าวมาแล้วยังไม่ชัดเจนนัก และคุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งคุณประโยชน์ของขิงต่อสุขภาพที่พวกเราเชื่อกันนั้น เวลานี้ด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลอธิบายไว้ดังต่อไปนี้
การรักษาที่บางทีอาจเห็นผล
อาการอ้วกคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต้านทานไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ คุณประโยชน์ทุเลาอาการอาเจียนอาเจียนของขิงบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อผู้เจ็บป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเล่าเรียนคนป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งสิ้น 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนที่เกิดจากการรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอ้วกอาเจียนภายหลังจากการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้แล้วก็คลื่นไส้จากการผ่าตัดได้สิ่งเดียวกัน โดยการเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัด
การค้นคว้าวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งผู้เจ็บป่วยจำนวน 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และก็อีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แต่แบ่งให้ 2 ครั้งที่แล้วผ่าตัด ซึ่งผลพบว่าคนไข้ในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอาการอ้วกอาเจียนน้อยครั้งแล้วก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานค้นคว้านี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้คุณภาพสูงสุดเมื่อกินเป็นประจำและก็บ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนี้ การทดลองทาน้ำมันขิงรอบๆข้อมือของคนไข้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการอาเจียนในคนไข้โดยประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ร่วมกับยาลดคลื่นไส้อาเจียนนั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการใช้ขิงกับผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอ้วกคลื่นไส้น้อยอยู่และจากนั้นก็บางทีอาจไม่เป็นผลด้วยเหมือนกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ยกตัวอย่างเช่น อาเจียน อาเจียน หรือเวียนหัว ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณลักษณะนี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ท้องต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่ทุกวันนานขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะแปลงการทานอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ในฐานะการดูแลรักษาทางเลือกต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาเรียนรู้วิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน นอกเหนือจากนั้น การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดและเจอคำตอบที่ไม่บ่อยนัก โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงอาจไม่ได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการตาลายศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยการอ้วกนี้อาจบรรเทาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดลองด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และก็ตากระเหม็นตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการตาลายศีรษะได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก แต่มิได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการศึกษาเล่าเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อหัวเข่าหลังจากการดูแลและรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาเรียนรู้ที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะการเจ็บข้างหลังเดิน และอาการข้อติด
นอกจากนั้น มีการศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างขิงรวมทั้งยาแก้ปวด โดยให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกและก็ข้อหัวเข่ากินสารสกัดขิง 500 มก.วันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลบรรเทาลักษณะของการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง แล้วก็ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงแล้วก็ส้มบางทีอาจช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดรวมทั้งอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีอาการเจ็บเข่าได้ด้วย
อาการปวดเมนส์ นอกจากอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเรียนรู้บางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยทุเลาอาการปวดรอบเดือน ยกตัวอย่างเช่น การทดลองในนักศึกษามหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีระดูสม่ำเสมอไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีระดู รวมเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบคุณภาพของขิงแล้วก็ยาลดอาการปวดประจำเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีประจำเดือน ผลลัพธ์ปรากฏไปในทำนองเดียวกันกับงานค้นคว้าแรกหมายถึงขิงมีประสิทธิภาพทุเลาความรุนแรงของอาการปวดระดูไม่ได้มีความแตกต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่อาจไม่เป็นผล
อาการเมารถและเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการพูดถึงกันมากมาย แต่ทว่าถึงแม้ขิงบางครั้งอาจจะช่วยลดอาการวิงเวียนได้ แต่สำหรับการเวียนหัวอ้วกที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยส่วนใหญ่บอกว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ตัวอย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่กินขิงนั้นมีลักษณะอาการคลื่นไส้รวมทั้งวิงเวียนลดลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับบางส่วนเพียงแค่นั้น หรือในอีกการค้นคว้าที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยในการปกป้องอาการเมารถหรือรูปแบบการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวพันกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดสมรรถนะ
อาการอ้วกอ้วกจากวิธีการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งคุณประโยชน์เป็นลดอาการอาเจียนและก็อ้วก ซึ่งมีการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนเจ็บที่รับเคมีบรรเทานั้นยังเป็นที่โต้วาทีกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การศึกษาหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานสม่ำเสมอตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความร้ายแรงของอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดูแลและรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมแค่นั้น ส่วนกรุ๊ปที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า หมายความว่าการรับประทานขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการอาเจียนอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานที่โต้แย้งข้อช่วยเหลือดังที่กล่าวถึงมาแล้วซึ่งเป็นงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่เปิดเผยว่าการกินขิงมิได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ทั้งนี้ ผลวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีปัจจัยมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดสอบนั้นไม่เหมือนกัน รวมถึงตอนที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือเปล่าคงจะควรมีการพิสูจน์เพิ่มเติมถัดไป
โรคเบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้เบาหวานในขณะนี้ยังส่งผลการค้นคว้าที่ไม่แน่นอน งานศึกษาค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บเบาหวานชนิดที่ 2 และก็อาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยอื่นๆที่เสนอแนะว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาวิจัยกล่าวว่าขิงมีผลกับอินซูลิน กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่แตกต่างกันนั้นอาจมาจากปริมาณขิงหรือช่วงเวลาที่คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการวิจัยศึกษาเล่าเรียนคุณภาพของขิงในคนป่วยที่มีลักษณะอาหารไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการอดอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินและก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ทว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่อาจระบุได้อย่างเห็นได้ชัดว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่ๆเท่าใด
อาการเมาค้าง เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งได้ผลสำเร็จข้างเคียงจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีการค้นคว้าแต่ก่อนที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน รวมทั้งน้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในคราวหลัง รวมถึงอาการคลื่นไส้ คลื่นไส้รวมทั้งท้องเดิน แม้กระนั้น การเล่าเรียนดังกล่าวข้างต้นยังจัดว่าไม่แน่ชัดอยู่มากและไม่บางทีอาจรับประกันได้ว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 กรัม ผลลัพธ์ระบุว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่กินยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือไม่อาจจะต้องรอการเล่าเรียนในอนาคตที่แจ่มกระจ่างกันต่อไป
อาการเจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังออกกำลังกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดแล้วก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงไม่กระจ่างรวมทั้งเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 11 วัน พบว่าขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่ทว่าอีกการค้นคว้าหนึ่งกลับเจอผลตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามเนื้อแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในช่วง 24 ชั่วโมงและก็ 48 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย พบว่ามิได้ส่งผลให้ลักษณะการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายลดลง แต่ว่าผู้วิจัยพบว่าการกินขิงอาจช่วยทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเบาๆในแต่ละวัน บางทีอาจไม่เห็นผลได้ในทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการเล่าเรียนกับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีอาการปวดศีรษะไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

10

น้ำมันเหลือง คืออะไร ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับในการดูแลภาวะผิวแล้วก็สุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรแล้วก็พืชต่างๆที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นและก็เนื้อน้ำมันพวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอม รวมถึงสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้เราบรรเทา รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันว่ามีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง
บริการนวดน้ำมันเหลืองรวมทั้งจำนวนมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันรวมทั้งช่วยสำหรับในการย่อยอาหารดียิ่งขึ้น.
ศิลป์ที่สวยงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับเพื่อการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับความต้องการส่วนตัวของคุณแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวด[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url][/url][/color]บรรเทาแล้วก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลทางใจวิญญาณของคุณและก็สุขภาพที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?
คุณประโยชน์ของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีจำนวนมากทีเดียว
น้ำมันเหลืองบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
แก้เคล็ดปวดเมื่อย บวมช้ำ ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดฝ่าตีน ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดหัวเข่า ปวดขา บวมช้ำ ปวดกล้าม สูดแก้คลื่นไส้ วิงเวียน หอบหืด รวมทั้งไซนัส
- ทุเลาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
- น้ำมันเหลือง แก้เคล็ดลับขัดยอก ทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น

  • ทาก่อนนอนช่วยให้หลับง่ายขึ้น
  • ทุเลาอาการคัดจมูก เนื่องด้วยหวัด


น้ำมันเหลือง ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคริว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดเข่า ปวดขา บวมช้ำ ปวดกล้ามเนื้อ สูดดมแก้คลื่นไส้ หน้ามืด หอบหืด รวมทั้งไซนัส
- บรรเทาอาการตาลายหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม
- น้ำมันเหลือง แก้กลยุทธ์ปวดเมื่อย ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- ทุเลาอาการคัดจมูก เพราะว่าหวัด
3.น้ำมันเหลือง ของ ช้อนทองคำมงคล มีสเตอรอยด์ไหม ?
น้ำมันเหลืองของช้อนทองมงคล ไม่มีสเตอรอยด์ ไม่มีสารเคมี ทำจากสมุนไพรไทย 100% จึงสามารถใช้ทาได้ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้โดยจะนวดหรือไม่นวดก็ได้ ใช้แล้วไม่เกิดการสะสม ลูกค้าจำนวนมากจึงถูกใจ พอใช้หาย และก็บอกต่อๆกัน


11

น้ำมันเหลือง เป็นยังไง ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพยอดเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับในการดูแลสภาพผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นแล้วก็เนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมหวน รวมถึงสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเครียด ทำให้เราผ่อนคลาย รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูประโยช์จากการนวดน้ำมันว่ามีประโยชน์ในด้านใดบ้าง
โรคนี้จะไม่สามารถหายไปได้เอง!
โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่อาจจะหายสนิทได้เอง ถึงอาการที่แสดงออกมาจะรุนแรงลดลงก็ตาม แล้วก็ท้ายที่สุดก็จะเปลี่ยนเป็นโรคเรื้อรังรวมทั้งนำไปสู่ความลำเค็ญสำหรับการดำรงชีพมากเพิ่มขึ้น
เมื่อปลดปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆปัญหาเกี่ยวกับข้อที่มีอยู่ก็จะขยายไปจนกระทั่งทำให้มีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะเป็นทางออกเดียวที่ช่วยได้
ในบางกรณีที่เป็นรุนแรงมากจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนข้อต่อทั้งสิ้นด้วย
ความเจ็บมีเพียงจะเยอะขึ้น
การผ่าตัดสามารถเลี่ยงได้
ฟื้นฟูข้อต่อของคุณให้รวดเร็วทันใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนที่โรคยังไม่ได้แผ่ขยายเกินความจำเป็นนัก
  หมอพื้นเมืองหรือการแพทย์แผนไทย ยอมรับในคุณประโยชน์อันดีเลิศของยาแผนโบราณตามตำรายาสมุนไพร ตำรับโบราณวัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนบริสุทธิ์มังคลาราม ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณขนานเอกที่โด่งดังมีชื่อเสียงแล้วก็ได้รับความเชื่อใจในการรักษาโรคมานานมากแล้ว สมกับคำที่กล่าวไว้ว่า "นวดแผนโบราณ ยาแผนโบราณ แบบเรียนยาสมุนไพร ต้องวัดโพธิ์ ภูมิปัญญาของชาวไทยตลอดทั้งชาติของบรรพบุรุษไทย"
ศิลปะที่งดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ยอดเยี่ยมสำหรับความจำเป็นส่วนบุคคลของคุณและผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดผ่อนคลายแล้วก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลทางใจวิญญาณของคุณและก็สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.

  • สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?


สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีมากมายทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
แก้กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
ทาแก้ผื่นผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาถูนวดอุ้งเท้า ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคริว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดเข่า ปวดขา ฟกช้ำ ปวดกล้าม สูดแก้อาเจียน ตาลาย โรคหอบหืด และก็ไซนัส
- บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
- แก้เคล็ดลับขัดยอก ทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- ทุเลาอาการคัดจมูก เนื่องจากหวัด
น้ำมันเหลืองผลการศึกษาเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยบอสตันเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ไปที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนหลับได้ดิบได้ดีขึ้น บรรเทาลักษณะการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ขยาย จะทรมานจากอาการเจ็บปวดลดน้อยลง คลื่นไส้น้อยครั้ง ไหมอาเจียนเลย รู้สึกแจ่มใสขึ้น ความดันดีมากยิ่งกว่าเดิม และก็เครียดจากลักษณะการป่วยลดลง ภายหลังจากได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองขึ้นกับการใช้แรงงาน และคุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันเหลืองแต่ละจำพวก โดยส่วนใหญ่น้ำมันรากฐานที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันเหลือง อย่างเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันถั่วเหลือง รวมทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด คุ้มครองปกป้องการเกิดมะเร็ง ยิ่งไปกว่านี้น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสถาพทางร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย
โดยดังนี้น้ำมันแต่ละจำพวกจะมีคุณสมบัติ แล้วก็คุณค่าที่นานับประการ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้เหมาะสมตามการใช้งาน
อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่นว่า ขวดใส่กาแฟ ขวดแก้ว
วิธีการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรครั้งละตัวทอดถึงแม้ว่าจะหมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนผสม 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่กำหนด คือ (เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งสิ้นละลายเป็นของเหลว (หากไม่ใช่ไม้คนบางทีอาจใช้กรรมวิธีการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
สรรพคุณน้ำมันเหลือง เป็นผลิตภัณฑ์ ที่คนโดยมากนิยมทำใช้คุ้นเคย เนื่องจากว่าสมุนไพรหาได้ง่าย ใช้ทาแก้อัมพาต เหน็บชา ปวดสันหลังปวด บั้นเอว ปวดหัวเข่า ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้ามเนื้อ ดมแก้คลื่นใส้ วิงเวียน หอบหือ และก็ไซนัส

Tags : น้ำมันเหลือง

12

น้ำมันนวด
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมัน
น้ำมันนวดหมายคือการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อส่งเสริมสุขภาพและฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งผอง. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด รวมทั้งในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งกายใจ. อ่านถัดไปเพื่อหารายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมันและบรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดแจ่มใส.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมัน, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่ไม่เหมือนกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเยอะมากน้ำหอมและสีที่แตกต่างกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบำบัด, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถพบได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดเพื่อให้คุณสามารถเลือกที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับสิ่งที่จำเป็นและความจำนงของคุณ.
สัมผัสของมนุษย์สามารถมีการรักษาแล้วก็พลังความมีชีวิตชีวาสำหรับผิวและน้ำมันนวดออกมาจากผิวนุ่มและก็เรียบ. เว้นแต่ความรู้สึกสบาย thei พวกเขาถ่ายทอด, น้ำมันนวดนอกจากนั้นยังมีทางที่น่ามหัศจรรย์ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวของคุณและก็กำจัดจุดแห้งบนผิวของคุณ. แต่, หลังการนวด, จะชี้แนะให้ใช้เวลาอาบน้ำที่ผ่อนคลายเพื่อล้างน้ำมันออกจากร่างกายของคุณ. น้ำ จะยังช่วยผิวรูขุมขนจะเปิดก็เลยส่งเสริมการดูดซึมของน้ำมันนวดไปสู่ผิวของคุณ. ลองดูกันคุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญของการนวดน้ำมันบรรเทา.
ลดการ ความเคร่งเครียด
นวดเป็นวิธีที่ดีเลิศมากมาย ลดความเครียด แล้วก็ความเคร่งเครียดที่มีการสะสมภายในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่เหน็ดเหนื่อย.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยทำให้คุณบรรเทารวมทั้งกำจัดความคิดแง่ลบที่สะกิดความเครียด.
สุภาพ, สัมผัสการดูแลการแสดงในงานน้ำมันนวด, ช่วยให้คุณ รักษา และคืนจิตวิญญาณรวมทั้งความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของโลหิต
หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของน้ำมันนวด คือมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและในขณะเดียวกันจะช่วยลดความดันเลือดซึ่งเป็น น.
ปัจจัย ajor สำหรับผู้ที่ประสบพบเจอปัญหาที่เกี่ยวพันกับ ความดันเลือดสูง.
ปิดปรับปรุง
นวดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมของคุณผ่อนคลายร่างกายและเกื้อหนุนการนอนที่ดีมากกว่าสำหรับวัน.
คนจำนวนไม่น้อยเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากความเปลี่ยนไปจากปกติของการนอนหลับต่างๆได้มองเห็นการปรับปรุงในนิสัยการนอนของพวกเขาข้างหลังการดูแลรักษาด้วยการนวดผ่อนคลาย. น้ำมันนวดกระตุ้นจิตใจและจิตวิญญาณ การบำบัด, ด้วยเหตุนั้นคนเป็นจำนวนมากมายมีประสบการณ์การนอนหลับลึกรวมทั้งพักเพิ่มมากขึ้น.
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น
น้ำมันนวด มากขึ้นรวมทั้งรักษาความยืดหยุ่นของข้อต่อของคุณ. นวดตัวที่มีคุณภาพแนวทางการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งหมดทั้งปวง, เนื้อเยื่อแล้วก็ข้อต่อก็เลยปรับปรุงการแสดงกีฬารวมทั้งการดูแลเกี่ยวกับด้านความสะดวกในการเคลื่อนไหวร่างกายของคุณง่ายมากยิ่งขึ้น. เว้นแต่สิ่งพวกนี้กำเนิดคุณประโยชน์ต่อร่างกาย, นวดยังช่วยคุ้มครองปกป้องการบาดเจ็บและก็เพิ่มความเร็วสำหรับการหาย. นวดแผนโบราณยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการบรรเทาความเคร่งเครียดของกล้ามและทำนุบำรุงร่างกายของคุณ พอดิบพอดี รวมทั้งมีความยืดหยุ่นเป็นเวลานาน.
กำจัดพิษ
ข้อเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนวดน้ำมันซึ่งมันช่วยทำให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพกำจัดสารพิษจากสิ่งมีชีวิตด้วยเหตุนี้การส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น.
ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
บริการนวดน้ำมันนวดและโดยมากสร้างความเข้มแข็ง ระบบภูมิต้านทานและก็ช่วยในการย่อยอาหาร.
ศิลป์ที่งามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อบริการด้านต่างๆสำหรับในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่จำเป็นเฉพาะบุคคลของคุณแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดผ่อนคลายและฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลทางจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
โรคนี้จะไม่สามารถที่จะหายไปได้เอง!
น้ำมันนวด โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่สามารถที่จะหายขาดได้เอง แม้ว่าอาการที่แสดงออกมาจะร้ายแรงลดน้อยลงก็ตาม และก็ท้ายที่สุดก็จะแปลงเป็นโรคเรื้อรังแล้วก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความยากลำบากในการดำรงชีพเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆปัญหาเกี่ยวกับข้อที่มีอยู่ก็จะลุกลามไปจนทำให้มีเพียงแค่การผ่าตัดแค่นั้นที่จะเป็นทางออกเดียวที่ช่วยได้
ในบางกรณีที่เป็นรุนแรงมากมายควรต้องแปลงข้อต่อทั้งสิ้นด้วย
ความเจ็บปวดมีก็แค่จะมากขึ้น
การผ่าตัดสามารถเลี่ยงได้
ฟื้นฟูข้อต่อของคุณให้เร็วทันใจที่สุดเท่าที่จะทำเป็นในตอนที่โรคยังไม่ได้ลุกลามเกินความจำเป็นนัก
  หมอพื้นบ้านหรือการแพทย์แผนไทย เห็นด้วยในคุณประโยชน์อันดีเลิศของยาแผนโบราณตามตำรายาสมุนไพร ตำรับโบราณวัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนกระจ่างมังคลาราม ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณขนานเอกที่โด่งดังโด่งดังและก็ได้รับความวางใจสำหรับในการรักษาโรคมานานมากแล้ว สมกับคำที่กล่าวไว้ว่า "นวดแผนโบราณ ยาแผนโบราณ ตำรายาสมุนไพร จำต้องวัดโพธิ์ ความคิดของคนประเทศไทยทั้งประเทศของบรรพบุรุษไทย"

Tags : น้ำมันนวด

13

คนท้องนวดขาได้ไหม ? ตอบคำถามสำหรับคุณแม่
          คนท้องใช้น้ำมันนวดขาได้ไหม มั่นใจว่าคำถามนี้คงจะเป็นปริศนายอดฮิตที่คุณแม่มือใหม่หลายท่านอยากรู้กันแน่นอน เพราะว่าคนท้องจำนวนมากมักจะมีปัญหาปวดเมื่อย โดยเฉพาะบริเวณต้นขา วันนี้พวกเราจะพาแม่ไปไขข้อสงสัยประเด็นนี้กันค่ะ
          น้ำมันนวดสำหรับม่าม้าที่กำลังตั้งท้อง ในระยะครรภ์แรกๆบางทีก็อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องปวดเมื่อยสักมากแค่ไหน แม้กระนั้นเพียงพออายุท้องเริ่มมากยิ่งขึ้นๆและก็ด้วยฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ประกอบกับสรีระม่าม้าเริ่มแปลง รวมไปถึงน้ำหนักที่มากขึ้นด้วย จึงทำให้คุณแม่ส่วนมากร้อยอีกทั้งร้อยชอบมีปัญหาปวดเมื่อยตามมา ซึ่งประเด็นนี้คุณแม่ไม่ต้องวิตกกังวลเนื่องจากว่านับว่าเป็นเรื่องปกติของคนท้องค่ะ โดยยิ่งไปกว่านั้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 และก็ 3 ม่าม้าจะมีลักษณะปวดไปหมดทั้งตัวอย่างยิ่งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นปวดหลัง ปวดเอว และปวดต้นขา เนื่องจากต้องแบกรับน้ำหนักที่มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งอาการปวดเมื่อยกลุ่มนี้คุณแม่จะสามารถดีขึ้นได้ด้วยการนวดให้คลายปวด แม้กระนั้นถึงแบบงั้นแม่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจไม่พ้นมีความกังวลว่า คนท้องนวดได้ไหม คนท้องนวดขาได้ไหม ? แล้วก็เพื่อช่วยทำให้แม่คลายความไม่ค่อยสบายใจ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ
          สำหรับม่าม้ามีครรภ์ที่มีลักษณะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกายต่างๆปกติแล้วสามารถนวดได้จ้ะ แม้กระนั้นควรเป็นการนวดที่ไม่รุนแรงเกินความจำเป็น นวดพอเพียงคลายเส้นแล้วก็คลายปวดก็พอเพียง อย่างรอบๆแขนแล้วก็ขาม่าม้าสามารถนวดได้เป็นประจำเพราะเหตุว่าเป็นจุดที่ไม่สโมสรกับการแท้งบุตร ดังนี้ควรจะหลบหลีกการนวดบริเวณท้อง เพราะเหตุว่าอาจจะมีการกระทบสะเทือนทำให้มีผลกับการท้องหรือแท้งลูกได้จ้ะ
          นอกจากนั้นสำหรับม่าม้าที่อยากนวด ปัจจุบันนี้ยังมีสถานที่นวดคนท้องอย่าง ร้านค้าสปา ร้านค้านวด หมอแผนไทย และหมอแผนไทยปรับใช้ ที่รับนวดสำหรับคนท้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยนะคะ ซึ่งแม่สามารถเข้าไปใช้บริการได้ตั้งแต่นวดตัว นวดคอ บ่า ไหล่ นวดแขนขา รวมทั้งนวดเท้าได้ แม้กระนั้นดังนี้คุณแม่ก็ควรที่จะเลือกร้านหรือสถานที่ที่ได้มาตรฐาน มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการนวดสำหรับคนท้องโดยยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากว่าการนวดคนท้องนั้นจะไม่เหมือนการนวดคนปกติทั่วๆไป ฉะนั้นก็เลยจำต้องให้ผู้ที่ได้รับการฝึกหัดหรือทำความเข้าใจแนวทางนวดคนท้องอย่างแม่นยำเป็นคนนวดเพียงแค่นั้นค่ะ
          ต่อไปนี้แม่ก็อาจจะหายกังวลและก็เชื่อมั่นเวลาจะนวดเพื่อคลายเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งการนวดนั้นนอกจากจะช่วยทำให้อาการปวดลดน้อยลงแล้ว ยังจะช่วยให้ม่าม้าสามารถใช้น้ำมันนวดผ่อนคลาย หายเครียด และยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นอีกด้วยนะคะ แต่ดังนี้ก็อย่างที่บอกไปตอนต้น แม้จะนวดก็ควรนวดเพียงแค่เบาๆเท่านั้น หรือจะไปใช้บริการยังสถานที่นวดคนท้องโดยยิ่งไปกว่านั้นก็ได้ค่ะ จะได้มั่นใจว่าจะไม่กระทบกระเทือนกับลูกน้อยในท้องนั่นเอง
ปวดหลังทางด้านขวา อย่าชะล่าใจว่าเป็นแค่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากลักษณะของการปวดปวดเมื่อย เพราะว่าบางโอกาสนี่บางทีอาจเป็นสัญญาณของลักษณะของการเจ็บป่วยที่ไม่คาดฝัน
          น้ำมันนวดสามารถช่วยอาการปวดข้างหลัง เป็นอาการที่ทุกคนจะต้องเคยเผชิญ ซึ่งพอปวดหลังขึ้นมาทีไรเราก็อยากจะเอนหลังพัก หรือไม่ก็ไปนวดผ่อนคลายอาการปวดเมื่อย ทั้งๆที่จริงแล้วลักษณะของการปวดข้างหลังบางทีก็อาจจะไม่ได้มีสาเหตุจากลักษณะของการปวดเมื่อยล้ากล้ามเนื้อเพียงเท่านั้น แต่ว่ายังอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆได้อีกมากมาย อย่างเช่นที่เราจะพาทุกคนไปศึกษาสิ่งที่ทำให้เกิดลักษณะของการปวดข้างหลังทางด้านขวา ว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากอะไรและก็อันตรายไหม เพื่อได้รู้ทันอาการเจ็บเจ็บไข้ของร่างกาย
ปวดหลังขวาบน
          ลักษณะของการปวดข้างหลังข้างขวาข้างบน เป็นอาการปวดหลังที่อยู่รอบๆตั้งแต่บริเวณข้างหลังไหล่ไปจนกระทั่งใต้สะบัก เกิดขึ้นได้จากหลายกรณีด้วยกัน โดยต้นเหตุที่มักส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังด้านบนขวา มีดังนี้
ปวดหลังข้างขวา


การนั่งปฏิบัติงานเป็นระยะเวลานานๆหรือชูของหนักผิดท่า


          น้ำมันนวด สามารถช่วย อาการการยกของหนักหรือการนั่งดำเนินงานในอิริยาบถที่ผิดต้องติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็เป็นต้นเหตุที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนบนด้านขวาได้  โดยบริเวณหลังส่วนบน นอกจากกล้ามหลังแล้ว ก็ยังเชื่อมต่อกับกล้ามไหล่และกล้ามคอ โดยเหตุนั้นถ้าหากมีลักษณะอาการปวดหลังขวาที่อยู่ข้างบนจากการใช้แรงงานหนักก็ชอบมีลักษณะอาการปวดคอรวมทั้งไหล่ในด้านเดียวกันร่วมด้วย ทราบแบบนี้แล้วถ้าคนไหนที่ยังนั่งดำเนินการในท่าเดิมนานๆก็ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้างนะคะ แล้วก็ควรนั่งให้ถูกท่าด้วย โดยท่านั่งดำเนินงานที่ถูกต้องก็คือควรจะให้หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตาค่ะ


ความแปลกของกระดูกและข้อ


          กระดูกบริเวณข้างหลังส่วนบนนั้นประกอบไปด้วยกระดูกไหปลาร้า กระดูกไหล่ กระดูกสันหลัง และก็กระดูกต้นแขน ซึ่งถ้าหากว่าเกิดความไม่ดีเหมือนปกติกับกระดูกเหล่านี้ก็อาจส่งผลให้รอบๆหลังด้านขวาที่อยู่ทางด้านบนกำเนิดลักษณะของการปวดได้ โดยต้นเหตุที่ทำให้กระดูกไม่ปกติก็ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุ หรือข้อต่อของกระดูกที่ข้างหลังส่วนบนขวาเกิดการอักเสบ นอกจากนั้นภาวการณ์กระดูกพรุนก็สามารถทำให้มีการเกิดลักษณะของการปวดที่กระดูกบริเวณด้านขวาทางด้านบนได้  ในขณะที่คนเจ็บโรคมะเร็งบางจำพวกในระยะแพร่ระบาด อย่างโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ รวมทั้งโรคมะเร็งไต ก็จะมีลักษณะปวดกระดูกบริเวณข้างหลังส่วนบนเช่นกัน


ความผิดปกติของอวัยวะภายใน


          น้ำมันนวดสามารถช่วยรักษาอาการ ลักษณะของการปวดหลังส่วนบนขวามิได้มีเหตุที่เกิดจากกล้ามเนื้อรวมทั้งกระดูกบริเวณหลังส่วนบนเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นเพราะเนื่องจากลักษณะการเจ็บเจ็บป่วยของอวัยวะต่างๆภายในร่างกายได้ อาทิ โรคตับ นิ่วในไตแล้วก็ในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น โรคในถุงน้ำดี หรือแม้กระทั้งอาการติดโรคในไต หรืออาจจะเกิดจากอาการไส้ติ่งอักเสบที่ทำให้ปวดแพร่กระจายขึ้นบริเวณหลังทางขวาก็ได้ ส่วนคุณผู้หญิง หากมีอาการปวดที่หลังส่วนบนขวา นั่นบางทีอาจเป็นสัญญาณของซีสต์ในรังไข่ การติดเชื้อของท่อรังไข่ หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่รอบๆท่อรังไข่ได้อีกด้วยจ้ะ


โรคที่เกี่ยวกับปอด


          ปอดเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนบนของร่างกายซึ่งตรงกับข้างหลังส่วนบนพอดิบพอดี ด้วยเหตุนี้เมื่อปอดมีความผิดปกติก็สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังส่วนบนได้ โดยอาการที่จะนำไปสู่อาการปวดข้างหลังข้างบนขวาก็ดังเช่นว่า โรคปอดบวม โรคมะเร็ง อาการติดเชื้อโรคของเยื่อห่อหุ้มปอดหรือช่องอก ยิ่งไปกว่านี้อาการน้ำหลากปอด หรือแม้แต่หัวใจล้มเหลว ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ลักษณะของการปวดข้างหลังด้านขวาที่อยู่ทางด้านบนได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้ามีลักษณะปวดที่หลังข้างบนขวาแบบเรื้อรังแล้วก็รุนแรง ควรรีบไปพบหมอให้เร็วที่สุดค่ะ

Tags : น้ำมันนวดสมุนไพร

14

น้ำมันนวดสมุนไพร
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมัน
น้ำมันวด ถือเป็นหนึ่งในวิธีบำบัดรักษาความเคร่งเครียด ผ่อนคลายจิตใจ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทุเลาความเมื่อนล้า นอกจากนี้คุณคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยแต่ละจำพวกที่ผสมอยู่ในน้ำมันนวดตัวของเรานั้นนังสามารถบรรเทาอาการต่างๆของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ที่ช่วยเรื่องระบบทางเท้าหายใจ บรรเทาอาการหวัดคัดจมูกเมื่อเวลาสูดกลิ่น หรือเมื่อผสมเข้ากับน้ำมันก็จะช่วยให้รู้สึกเย็นสบายผิว ที่ช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงรบกวน ฯลฯ
การนวดน้ำมันเป็นวิธีในการดูแลสภาพผิวและสุขภาพที่ขอชี้แนะเลย เป็นส่วนใหญ่จะการนวด ที่สกัดมาจากสมุนไพรและก็พืชต่างๆโทนร้อนพอประมาณ ที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อร่างกาย โดยการนำสารสกัดกลิ่นและเนื้อน้ำมัน เหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกาย ด้วยกลิ่นหอมรวมทั้งและสัมผัสของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้เราบรรเทา รวมไปถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้ค่ะพวกเราจะพาไปดูประโยชน์ที่ได้รับมาจากการนวดน้ำมันกันว่า มีคุณประโยชน์ด้านใดบ้าง
1.การนวดน้ำมันจะเข้าไปช่วยกระตุ้นลักษณะการทำงานของระบบประสาท ให้ดำเนินการเจริญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลดอาการตึงเครียดให้พวกเราผ่อนคลายจากการความเหน็ดเหนื่อยรวมทั้งความเหนื่อยสะสม
2.น้ำมั่นนวด กระตุ้นหลักการทำงานของเลือด ให้ดำเนินงานเจริญมีประสิทธิภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆและก็สามารถหล่อเลี้ยงออกซิเจนรวมทั้งสารอาหารต่างๆไปทั่วร่างกายอย่างสมบูรณ์ ป้องกันโรคต่างๆและลดระดับความดันเลือดก้าวหน้าด้วย
3.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ด้วยการเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆภายในร่างกายให้ปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีแล้วก็มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
4.เพิ่มความชื้นให้กับผิว ด้วยเข้าไปกำจัดพิษ อีกทั้งภายในร่างกายและสภาพผิว ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกมาส่งให้ผิวของคุณเรียบเนียนชุ่มชื้น มองผ่องใสและชีวิตชีวามากเพิ่มขึ้น
5.ช่วยในเรื่องการนอนให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผ่อนคลายสมองรวมทั้งร่างกายต่างๆมีผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับสนิทได้ดีกว่ากว่า ลดอาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากนั้นการนวดน้ำมันยังมีประโยชน์อีกหลายประเภทต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งถือได้ว่าหนทางแก่แฟนสุขภาพได้อย่างดีเยี่ยมลดลักษณะของการปวดหัวไมเกรนสำหรับผู้ที่เคยทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อย แพทย์ก็ได้ชี้แนะให้ลองไปนวดบรรเทาสุขภาพดูบ้าง เนื่องจากว่าจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า ผู้ที่มีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวต่อเนื่องกัน 2-3 อาทิตย์ จะสามารถทุเลาอาการข้างๆของโรคไมเกรน รวมทั้งนอนได้อย่างสนิทขึ้นด้วยจ้ะ


บรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบจากการออกกำลังกาย


          ขณะที่บริหารร่างกายอย่างหนัก ร่างกายจะได้รับผลพวงเป็นอาการปวดเมื่อย หรือกล้ามอักเสบเป็นของแถม ซึ่งการเรียนรู้ของ Buck Institute for Research on Aging and McMaster University in Ontario, Canada ก็ได้เผยแนวทางทุเลาอาการว่า ให้ทดลองไปนอนรับบริการนวดตัวดูบ้าง เนื่องจากว่าการนวดจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เคร่งเคลียดจากการบริหารร่างกายได้ดิบได้ดีเทียบเท่าการกินยาคลายกล้ามยังไงแบบนั้นเลยล่ะ
การนวด


มองเด็กขึ้น


          ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่ต้องทุกข์ยากลำบากแอ๊บแบ๊วดึงวัยอีกต่อไป เนื่องจากเพียงแค่ไปสปาให้เขานวดๆบีบๆร่างกายอยู่เป็นประจำก็สามารถทำให้เราดูเด็กขึ้นได้แล้ว โดยผู้ชำนาญด้านผิวหนังก็ได้อธิบายเพิ่มว่า การขัดหน้าหรือนวดหน้า รวมถึงนวดตัว เป็นการกระตุ้นให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียนดียิ่งขึ้น ซึ่งก็ทำให้สุขภาพผิวด้วย อีกทั้งการนวดยังช่วยกระตุ้นลักษณะการทำงานของต่อมท่อน้ำเหลือง ให้กำจัดสารพิษที่อยู่ใต้ผิวหนังให้หมดไป ทำให้สารอาหารและก็วิตามินต่างๆซึมไปสู่เซลล์ผิวได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ผิวดูสดชื่นเต่งตึงได้อีกครั้ง รวมไปถึงกำจัดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบๆผิวหน้าได้อีกด้วยนะ


คุ้มครองปกป้องอาการ PMS


          ผู้หญิงทุกคนอาจจะทราบว่าอาการ PMS ก่อนมีเมนส์นั้นสร้างความทรมานให้กับเราได้มากมายแค่ไหน แต่ว่าวันนี้พวกเราไม่ต้องกังวลกับอาการกลุ่มนี้อีกต่อไป เนื่องจากผลการศึกษาวิจัยของ Touch Research Institute and University of Miami Medical School พบว่า การนวดตัวสามารถคุ้มครองป้องกันอาการใกล้กันทุกชนิดตอนที่ผู้หญิงมีประจำเดือนได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดข้างหลัง เจ็บท้อง ตัวบวม น้ำหนักขึ้น หรืออาการหงุดหงิดไม่พอใจ แม้กระนั้นวิธีนวดบางทีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกับสาวๆที่แก่ตั้งแต่ 19-45 ปี เพียงแค่นั้นนะคะ
นวดแผนไทย

  • ลดอาการข้างเคียงของโรคมะเร็ง ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า คนเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่กระจายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น ทุเลาลักษณะการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลจากการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า คนเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่ไป จะทรมาทรกรรมจากลักษณะการเจ็บปวดลดลง อาเจียนน้อยครั้ง หรือไม่คลื่นไส้เลย รู้สึกแจ่มใสขึ้น ความดันดีกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากอาการป่วยน้อยลง ภายหลังได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
  • ทุเลาลักษณะของการปวดเรื้อรัง


          ผู้ชำนาญทางกายภาพบำบัดรักษาได้เล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังว่า ผู้ที่มีลักษณะปวดเรื้อรัง อย่างเช่น ปวดตามข้อ โรคข้ออักเสบ แล้วก็อาการปวดปวดเมื่อยเรื้อรังอื่นๆจะคลายลักษณะการเจ็บปวดเหล่านี้ลงไปได้มาก หลังจากได้รับบริการนวดอย่างแม่นยำต่อเนื่องกันเพียงแค่ 2-3 ครั้งเพียงเท่านั้น เนื่องจากการนวดได้อย่างถูกจุด จะช่วยทุเลาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆได้อย่างรวดเร็ว ก็เลยสามารถบรรเทาลักษณะการเจ็บปวดของกล้ามบริเวณนั้นได้อย่างทันใจนั่นเองค่ะ
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือก[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันนวด[/url]ขึ้นกับการใช้งาน แล้วก็สรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละประเภท โดยส่วนมากน้ำมันรากฐานที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันนวด อย่างเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง นอกเหนือจากนั้นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ต้องต่อสถาพทางร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มกระชุ่มกระชวย โดยทั้งนี้น้ำมันแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติ แล้วก็คุณประโยชน์ที่ต่างๆนาๆ ขึ้นกับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้แรงงาน

15

หอมแดง
ชื่อสมุนไพร  หอมแดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น หอมไทย,หอมเล็ก,หอมหัว หอมแดง(ภาคกลาง), หอมปั่ว ,แพทย์แดง (ภาคเหนือ) , หัวหอมแดง (ภาคใต้) , ฝักบั่ว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) , ปะเซ้ส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ปะเซอก่อ (กะเหรี่ยง-ตาก) , ซัง , ตังซัง (จีน)
ชื่อสามัญ  Shallot
ชื่อวิทยาศาสตร์  Allium ascalonicum Linn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Allium carneum Willd., Allium fissile Gray, Allium hierochuntinum Boiss., Porrum ascalonicum (L.) Rchb.
วงศ์             Amaryllidaceae
ถิ่นเกิด หอมแดง เป็นพืชขนาดเล็กที่ปลูกไว้เพื่อบริโภคส่วนของหัวหรือบัลบ์ นิยมใช้สำหรับในการเข้าครัว แล้วก็เป็นสมุนไพร ทั้งนี้หอมแดง มีถิ่นเกิดเริ่มแรกในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่าอยู่ในแถบประเทศทาจิกิสถานที่ อัฟกานิสถาน แล้วก็อิหร่าน โดยเชื่อกันว่าหอมแดงกลายพันธุ์ตามธรรมชาติมาจากหอมหัวใหญ่รวมทั้งมีการคัดเลือกพันธุ์เพื่อนำมาปลูกเป็นพืชของกิน ในจีนแล้วก็ประเทศอินเดียรวมทั้งมีการกระจัดกระจายประเภทไปทั้งโลก ซึ่งได้มีการจดบันทึกไว้ ในช่วงคริสตวรรษที่ 12 ปัจจุบันการปลูกหอมแดงได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลก แต่ว่าก็ยังมีการบริโภคน้อยกว่าหอมหัวใหญ่อยู่  หอมแดง จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทยพบว่ามีการปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งทางภาคเหนือ แต่ว่าหอมแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหอมแดงคุณภาพดีก็ได้แก่หอมแดงจากจังหวัดศรีสะเกษ
ลักษณะทั่วไป
ใบ ใบแทงออกจากลำต้นหรือหัว มีลักษณะเป็นหลอดกลม ข้างในกลวง มีสารสีนวลเป็นไขฉาบผิวใบ ใบมีลักษณะตั้งตรงสูงราว 15-50 เซนติเมตร แตกออกเป็นชั้นถี่ 5-8 ใบ ใบอ่อนสดของหอมแดงใช้สำหรับในการบริโภค
ส่วนหัวหรือบัลบ์ หัวหรือบัลบ์เป็นส่วนของกาบใบที่เรียงทับกันแน่นจากด้านในของหัวออกมา เป็นแหล่งสะสมของกิน และก็น้ำ มีลักษณะเป็นกระเปาะ เรียกว่า Bulbs มีลำต้นข้างใน มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆสีขาว ซึ่งเป็นที่เกิดของหัวหอม หัวหอมจะแตกใหม่ออกมาจากหัวเดิม โดยเฉลี่ย 2 - 20 หัวต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวประมาณ 1.5-3.5 ซม.
ต้น ต้นที่มองเห็นเหนือดินเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากบัลบ์ จัดเป็นลำต้นเทียมที่เกิดจากกาบใบเรียงอัดกันแน่น ถัดมาจึงเป็นส่วนของใบ
ราก รากหอมแดงเป็นระบบรากฝอยจำนวนหลายชิ้น แตกออกออกจากด้านล่างของต้น มีลักษณะเป็นกระจุกรวมกันที่ตูดหัว และแพร่ลงดินลึกในระดับตื้นประมาณ 10-15 ซม.และก็แผ่รอยต้นราวๆ 5-10 เซนติเมตร
การขยายพันธุ์ หอมแดงสามารถแพร่พันธุ์ได้ 2 แนวทางเป็นการใช้ท่อนหัวพันธุ์ (sets) และก็การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) การใช้หัวชนิด (sets) เป็นแนวทางของเกษตรกรที่นิยมปฏิบัติกันมานาน หัวหอมแดงที่จะปลูกต้องผ่านการพักตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน จึงจะปลูกได้  การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds)  เป็นแนวทางที่ลดทุนสำหรับการผลิตสำหรับการซื้อหัวประเภทที่แพงแพง สำหรับวิธีการปลูกหอมแดงนั้นมีดังนี้
การเตรียมแปลงปลูก หอมแดงเป็นพืชที่มีระบบรากสั้น มีขอบเขตรากลึกโดยประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพราะฉะนั้น ในระดับความลึกนี้ หอมแดงก็เลยอยากหน้าดินที่ร่วนซุย และมีความชุ่มชื้นบ่อย มีการระบายน้ำ แล้วก็อากาศดี ไม่อยากดินแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะที่มีการแตกหัวใหม่ การเตรียมดินให้ร่วนซุยจะช่วยทำให้หอมแดงเจริญเติบโตได้ดิบได้ดี ด้วยการไถลูกพรวนดินหนแรก ลึก 20 ซม. พร้อมกำจัดวัชพืช ตากแดดทิ้งเอาไว้ 7-15 วัน ต่อไป ไถกระพรวนดินให้ร่วนด้วยหน้าผานที่เล็กลง ลึก 20-30 เซนติเมตร และก็ตากดินก่อนปลูก 3-7 วัน ก่อนไถลูกพรวนครั้งที่ให้หว่านปุ๋ยคอก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 กิโล/ไร่ ในฤดูฝนแปลงปลูกหอมแดงจะต้องชูร่องกว้างโดยประมาณ 1-1.2 เมตร ความยาวขึ้นกับพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกเพื่อน้ำฝนระบายออกได้ ระยะห่างระหว่างแปลงจะเว้นไว้ประมาณ 30-50 ซม. เพื่อเป็นทางเท้าสำหรับการให้น้ำหรือกำจัดวัชพืช
ก่อนปลูก 1-3 วัน ควรจะให้น้ำในแปลงให้ชุ่มก่อน กระบวนการปลูก นำหัวประเภทที่พักตัวดีแล้วหรือหัวจำพวกที่เก็บไว้นาน 2-4 เดือนหลังจากเก็บเกี่ยว มาตัดรากแห้งออก แยกหัวออกมาจากกันให้เป็นหัวผู้เดียวๆแล้วฝังหัวลงไปในดินให้ปลายของหัวอยู่เสมอผิวดิน ระยะปลูกที่ 15 x 15 เซนติเมตร ปิดฟางหนาราวๆ 1 ซม. เมื่อหอมแดงผลิออกได้ราว 15 วัน จึงหว่านปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21% อัตรา 10 กิโลกรัม/ไร่ แล้วให้น้ำยามเช้าเย็นหรือวันละครั้ง แล้วแต่สภาพความชุ่มชื้นของผิวดิน  หอมแดงที่ปลูกจากหัวเก็บเกี่ยวเมื่ออายุราวๆ 60 วัน หอมแดงที่เหมาะสมสำหรับเพื่อการเก็บเกี่ยวจำต้องแก่จัด มีใบแห้งตามธรรมชาติ โดยห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นบังคับให้ใบแห้ง เพราะหัวหอมบางทีอาจบูดเน่าหายหรือแก่เก็บไว้บริโภคสั้น ก่อนที่จะมีการเก็บเกี่ยวราว 10-15 วัน ต้องงดให้น้ำ แล้วก็ให้น้ำอีครั้งก่อนเก็บเกี่ยว 24 ชั่วโมง เพื่อให้หอมแดงถอนได้ง่าย การเก็บเกี่ยวจะใช้กรรมวิธีการมือถอนหรือใช้จอบหรือเสียมขุดร่วมด้วย ข้างหลังการเก็บเกี่ยว หอมแดงจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน ภายหลังเก็บเกี่ยวบนแปลง ถ้าหากเกิน 6 เดือน หัวหอมแดงจะฝ่อไม่สามารถรับประทานและไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้
                ดังนี้หอมแดงสามารถผสมข้ามประเภทได้ กับหอมหัวใหญ่ ลูกผสมที่เกิดขึ้นมีลักษณะรูปร่างจัดเข้าอยู่ในกรุ๊ปของหอมหัวใหญ่ (A.cepa)  ส่วนชนิดหอมแดงที่นิยมปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 3  พันธุ์ ซึ่งลักษณะซึ่งคล้ายกดกันมากมาย
ประเภทศรีสะเกษ เปลือกหัวนอกครึ้ม มีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมป้อม มีกลิ่นแรง ให้รสหวาน ใบเขียวเข้มมรกต มีนวลจับนิดหน่อย
ชนิดบางช้าง มีลักษณะคล้ายกับชนิดจังหวัดศรีสะเกษ แต่สีเปลือกจางกว่า หัวมีลักษณะกลมป้อม ใบสีเขียวเข้ม มีนวลจับบางส่วน เป็นจำพวกที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นยิ่งกว่าทุกประเภท
พันธุ์จังหวัดเชียงใหม่ มีเปลือกบาง สีส้มอ่อน หัวมีลักษณะกลมรี  กลิ่นไม่ฉุนเหมือนชนิดอื่น ให้รสหวาน หัวจะแบ่งเป็นกลีบแจ่มกระจ่าง ไม่มีเปลือกหุ้ม ใบสีเขียวมีนวลจับ
ส่วนประกอบทางเคมี   หัวหอมมีน้ำมันระเหยง่ายที่มีกำมะถัน diallyl disulphide เป็นส่วนประกอบร่วมกับสารอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น Ethanol, Acetonc, methyl Ethyl, Methyl Disulfide, Methyl, Methyl Trisulfide, Methyl I-propyl Trisulfide, I-propyl Trisulfide, Ketone, I-propanol, 2 – propanol, Methanol, I-butanol, Hydrogen Sulfidc, I-propanethiol, I-propyl Disulfide , Thioalkanal-S-oxide, di-n- propyl Disulfide, n- propyl-allyl Disulfide,  Dithiocarbonate และก็ Thiuram Sulfidc ,Linoleic , flavonoid Glycoside , pectin , alliin ส่วนสารที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดกลิ่นในหัวหอมมีอยู่ 3 ชนิดหมายถึงdipropyl trisulfide, methylpropyl disulfide , methylpropyl disulfide แล้วก็ methylpropyl trisulfide  ส่วนค่าทางโภชนาการของหอมแดงนั้นมีดังนี้

คุณประโยชน์ทางโภชนาการของหอมแดงดิบต่อ 100 กรัม

  • หอมแดงพลังงาน 72 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 16.8 กรัม
  • น้ำตาล 7.87 กรัม
  • เส้นใย 3.2 กรัม
  • ไขมัน 0.1 กรัม
  • โปรตีน 2.5 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.06 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.2 มก.
  • วิตามินบี 5 0.29 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 6 0.345 มก.
  • วิตามินบี 9 34 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 37 มก.
  • ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมกนีเซียม 21 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมงกานีส 0.292 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 60 มก.
  • ธาตุโพแทสเซียม 334 มก.
  • ธาตุสังกะสี 0.4 มิลลิกรัม


ผลดี/คุณประโยชน์  สำหรับในการใช้ประโยชน์จากหอมแดงนั้นโดยมากกว่า 80% ชอบนิยมนำไปเตรียมอาหารอีกทั้งอาหารคาว และก็ขนมหวาน รวมทั้งนำไปเป็นเครื่องเคียง ของของกินต่างๆอย่างเช่น ข้าวซอกซอย สเต๊ ฯลฯ รวมทั้ง หัวหอม ใบและก็ช่อดอกอ่อน รับประทานเป็นผักสดรวมทั้งปรุงเป็นของกิน หอมอีกทั้งหัวและก็ใบ ดอกเปรี้ยวกินเป็นผักจิ้ม
ส่วนสำหรับการใช้หัวหอมในด้านคุณประโยชน์รักษาโรคนั้นมีดังนี้ ตามคุณประโยชน์โบราณของไทยกล่าวว่า ใบมีรสเค็มหวาน เป็นเมือก ใช้แก้หวัดรวมทั้งเลือดกำเดาออก หัวหอมรสเผ็ด แก้ไข้มีเสมหะ ใช้ในปริมาณน้อย บำรุงรักษาผมให้เจริญงอกงาม ทำให้ผิวหนังชื่นบาน แก้ไข้ เช็ดทาผิวหนังทำให้ร้อน ขับเสมหะ แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ ใช้ภายนอก
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์คุ้มครองตับรวมทั้งไต       การเรียนความสามารถสำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้องความย่ำแย่ของตับและไตจากการติดเชื้อไข้จับสั่น โดยจัดแจงสารสกัดหอมแดงอย่างหยาบคายด้วยน้ำ แล้วหลังจากนั้นนำไปทดสอบฤทธิ์ในหนูถีบจักร สายพันธุ์ ICR ที่ติดโรคไข้จับสั่น Plasmodium berghei  ANKA ปริมาณ 6x106เซลล์ ต่อตัวทดลอง โดยให้ตัวทดลองได้รับสารสกัดทางหลอดของกินวันละครั้ง เป็นเวลา 4 วันต่อเนื่องกัน แล้วก็กระทำตรวจวัดค่าระบุความเสื่อมโทรม อาทิเช่น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ aspartate aminotransferase (AST), alanine aminotransferase (ALT) และตัวบ่งชี้การทำงานของไต เช่น blood urea nitrogen (BUN) และ creatinine โดยใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป ผลของการทดสอบพบว่าความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดหอมแดงที่ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเป็นพิษ คือ 3,000 มก.ต่อโล รวมทั้งในระหว่างที่มีการติดโรคไข้จับสั่นนั้นจะเจอความเสื่อมโทรมของตับ และไตเกิดขึ้นในวันที่ 10 หลังจากติดโรคโดยดูได้จากระดับของ AST, ALT, BUN และ creatinine ที่สูงที่สุด แต่ว่าสารสกัดหอมแดงที่ขนาด 3,000 มก.ต่อโล สามารถป้องกันความย่ำแย่ของตับและไต จากการต่อว่าดเชื้อมาลาเรียได้โดยดูจากตัวบ่งชี้ที่หรูหราปกติ จากผลวิจัยสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดหอมแดงมีฤทธิ์ปกป้องความย่ำแย่ของตับและไตจากการต่อว่าดเชื้อไข้จับสั่นในหนูทดลองได้
ฤทธิ์ต้านอักเสบ       ทดสอบฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของส่วนสกัดหัวหอมแดงในเอทานอลในหลอดทดลอง ทำการทดสอบความอยู่รอดของเซลล์ด้วยแนวทาง 3-4,5-dimethylthiazol-2-yl-2,5-dyphenyl tetra-zolium bromide (MTT) เรียนผลของส่วนสกัดต่อการแสดงออกของยีนที่เป็นสื่อกลางการอักเสบดังเช่นว่า inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX)-2, COX-1, tumor necrosis factor (TNF)-α, interleukin (IL)-1β และ IL-6 ในเซลล์เพาะเลี้ยงมาโครฟาจ (RAW 264.7) ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร Lipopolysaccharide (LPS) โดยวัดปริมาณยีนที่แสดงออกด้วยวิธี reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) พินิจพิจารณาหาจำนวนฟีนอลรวม รวมทั้งฟลาโวนอยด์รวม ของส่วนสกัดโดยใช้ปฏิกิริยาการเกิดสีกับสาร Folin-Ciocalteu แล้วก็สารอลูมินัมคลอไรด์ เป็นลำดับ ผลวิจัยพบว่าที่ความเข้มข้น 62.5, 125 และก็ 250 ไมโครกรัม/มล. ส่วนสกัดหอมแดงในเอทานอลไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ รวมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวกับการอักเสบได้แก่ iNOS, TNF-α, IL-1β แล้วก็ IL-6 เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้น ส่วนสกัดหอมแดงไม่มีผลต่อการแสดงออกของยีน COX-2 แต่ยั้งการแสดงออกของยีน COX-1 อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยมีปริมาณสารฟีนอลรวมคิดเป็น 15.964±0.122 สมมูลกับกรดแกลลิก/กรัม รวมทั้งมีปริมาณสารฟลาโวนอยด์รวม 11.742 ±0.012 มิลลิกรัม สมมูลกับสารเคอร์ซิทิน/กรัม
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การทดลองสารสกัดบิวทานอลจากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น หรือความเข้มข้นอื่นๆกับ Bacillus subtilis M-45 (Rec-) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ และก็เมื่อเปลี่ยนมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis H-17 (Rec+) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์เช่นกัน นอกจากนี้การทดลองน้ำสกัดหรือน้ำสุกหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มล./แผ่น กับ B. subtilis M-45 (Rec-) แล้วก็การทดลอง B. subtilis H-17 (Rec+) ด้วยน้ำสกัดหอมสด ก็พบว่าสารสกัดเหล่านี้ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แม้กระนั้นถ้าใช้ส่วนสกัดจาก chromatography (undiluted) หรือการใช้ oleoresin จากหอม (undiluted) มาทดสอบกับ Salmonella typhimurium TA100 ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์ แต่ว่าเมื่อนำมาทดลองกับ S. typhimurium TA98 กลับไม่มีฤทธิ์ ใช้สารสกัดเมทานอลทดลองกับ S. typhimurium TA98 พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แรง รวมทั้งเมื่อศึกษากลไกการเมตา-โบไลท์สารก่อกลายพันธุ์ของหอมภายในร่างกาย พบว่ากลูตาธัยโอน กลูคิวโรนายด์ ไดธัยโอธรีธอล สามารถลดฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมได้ แต่ไวตามินซีไม่เป็นผลต่อฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมอะไร มีการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของเครื่องเทศที่ใช้จัดแจงน้ำพริกแกง ใน S. typhimurium พบว่าสารสกัดจากหอมมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ถึง 100% ซึ่งเป็นผลมาจากสารสำคัญที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในหอม เมื่อทำการแยกรวมทั้งวิเคราะห์สารสำคัญนั้นพบว่า เป็นสารชนิด ฟลาโวนอยด์ เคอร์ซิตำหนิน (quercetin) ขึ้นรถสำคัญที่แยกบริสุทธิ์ได้ 1 ตัว พบว่าเป็นquercetin-4-0-glycoside สารนี้เป็นสารก่อกลายพันธุ์ฤทธิ์อ่อน ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของมันจะสูงมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีภายในร่างกาย เมื่อสลายสารนี้ด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี b-glucuronidase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่พบที่ลำไส้ใหญ่ พบว่าฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์จะร้ายแรงมากขึ้น
พิษต่อเซลล์ ทดสอบสารสกัดเมทานอลจากรากหอมสด ความเข้มข้น 200 มคก./มล. กับ macrophage cell line raw 264.7 พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ดังที่กล่าวมาข้างต้น
ข้อแนะนำ/ข้อควรคำนึง

  • แบบเรียนยาไทยพูดว่า หัวหอม ไม่สมควรรับประทานมากเกินความจำเป็น หรือกินเป็นประจำ เนื่องจากอาจจะเป็นผลให้ประสาทเสีย ให้หลงลืมได้ง่าย ทำให้มีกลิ่นเต่า ฟันเสีย เลือดน้อย และตาฝ้ามัวไม่แจ่มใส
  • สำหรับในการเลือกหอมแดงมาใช้ประโยชน์ควรเลือกหอมแดงที่มีอายุเก็บเกี่ยวไม่เกิน 6 เดือน เพราะว่าถ้าเกิน 6 เดือนไปแล้ว จะได้หัวหอมที่ฝ่อ ไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้หรืออาจมีสารออกฤทธิ์ที่ไม่มีคุณภาพ
  • น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากหอมแดง มีรสเผ็ดร้อน ทำให้เคืองตา  แสบจมูก  แล้วก็อาจส่งผลให้ผิวหนังปวดแสบปวดร้อน
  • น้ำหอมแดงมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตา แสบจมูก และผิวหนังมีอาการระคาย ก็เลยไม่สมควรใช้ทาใกล้บริเวณผิวหนังที่เปราะบาง
เอกสารอ้างอิง

  • วรวุฒิ สมศักดิ์, สุกัญญา ชาชิโย, สมเดช ศรีชัยรัตนกูล, ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์. ฤทธิ์ของสารสกัดหอมแดงต่อความเสียหายของตับและไตจากการติดเชื้อมาลาเรีย Plasmodium berghei ในหนูทดลอง. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 6, วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ณ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา.
  • จิรวัฒน์ เวชแพศน์.2526 การศึกษาระยะปลูกของหอมแดง.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.
  • ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.หอมเล็ก.คอลัมน์ สมุนไพรน่ารู้. นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่27.กรกฎาคม 2524 http://www.disthai.com/
  • หอม.ฐานข้อมูลพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • อาทิตย ศุขเกษม. การเปรียบเทียบผลผลิตของหอมแดงที่ปลูกด้วยหัวพันธุ์และเมล็ดพันธุ์.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี.ภาควิชาพืชสวนคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน.13 หน้า
  • Lorenz, O.A. and D.N. Maynard. 1980. Knott’s hand book for vegetable growers. John wily and Sons, Inc. New York. 390 p.
  • หอมแดง สรรพคุณและการปลูกหอมแดง.พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย
  • พะยอม ตันดีวัฒน์.2530. เครื่องเทศ.119 หน้า.
  • หอมแดง.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • รัตนา พรหมพิชัย. (2542). หอมบั่ว. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ (เล่ม 14, หน้า 7530). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
  • Werawattanachai N, Kaewamatawong R, Junlatat J, Sripanidkulchai B. Anti-Inflammatory potential of ethanolic bulb extract of Allium ascalonicum. Journal of Science & Technology, Ubon ratchathani University. 2015;17(2):63-68.
  • วิศิษย์ ว่องทิพยคงคา.2510. การเปรียบเทียบหาระยะปลูกที่เหมาะสม ของหอมต้นเพื่อเพิ่มผลผลิต ปัญหาพิเศษ ปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.


หน้า: [1] 2 3