แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - one1s5c8666

หน้า: [1]
1
ไขมันส่วนเกิน สาเหตุของพุงรวมทั้งความอ้วน
พฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงต่อโรคร้ายหลายอย่าง จะต้องรีบสลายไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะพบกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
ไขมันส่วนเกิน สิ่งที่ทำให้เกิดความอ้วน จำต้องเผาผลาญไขมันออกไป
พุงที่เด่นกว่าใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องใหญ่ของลักษณะท่าทางข้างนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีชวนชมกลับมาอีกครั้ง
ความอ้วน ทำให้บุคลิกภาพเสีย ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่น
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนับสิบนับร้อย ถือเป็นความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะว่าเมื่อได้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมมีผลกระทบตามมาต่อการดำเนินชีวิตหลายชนิด ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาด้านสุขภาพในขณะนี้นั้นไม่ได้มีแค่เรื่องโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังอย่างเดียว แม้กระนั้นยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของบุคลิกลักษณ์ที่มีผลต่อความไม่มั่นใจในตนเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
แนวทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง ต้องการลดความอ้วน คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มาก ไขมันภายในร่างกายสูง ซึ่งเกิดเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทยเราทุกวันนี้ รวมทั้งในอีกหลายประเทศทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้ และก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แม้กระนั้นก็เพียงพอมีแนวทางที่จะช่วยจัดแจงปัญหานี้ได้ อย่างเช่น
ลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล
ลดอาหารประเภททอด
ลดอาหารที่มีไขมันสูง เป็นต้นว่า หมู่ เนื้อ ไก่
บริหารร่างกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
กินน้ำให้มาก ขั้นต่ำวันละ 2 ลิตร
กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลัก ได้แก่ สลัด
ลดอาหารมื้อเย็น กินให้ลดลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชีวิตเรา
เพราะว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะจับมาล้อเลียนกันได้กล้วยๆเสมือนอย่างที่คนไม่ใช่น้อยเคยทำกันมา ล้ออาจรู้สึกสนุกสนาน และไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหัวเราะชื่นชอบ คิดแค่ขำๆหน่า แต่ผู้ที่ถูกล้อนี่สิ น่าจะไม่ขำด้วย ด้วยเหตุว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลกเอาเสียเลย แถมยังเป็นเรื่องที่รู้สึกอับอายขายหน้าในรูปภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี แปลกกว่าปกติทั่วๆไปด้วย บางคนที่ถูกล้อหนักๆบ่อยๆก็เก็บไปคิดมากจนกระทั่งเป็นความทุกข์ แล้วก็สูญเสียความมั่นใจและความเชื่อมั่นไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นต้องการอ้วนจนถึงถูกล้อเลียนแบบงี้หรอก แม้กระนั้นรูปแบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันเลี่ยงความอ้วนได้ยาก รวมทั้งหลายๆคนก็อ้วนง่ายแต่ลดยากเยอะมากไป จริงไหม ?

ทางลัด ลดความอ้วน ลดหุ่น ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาอาการท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ทดสอบการใช้

Tags : ไขมันส่วนเกิน

2
ไขมันส่วนเกิน ต้นเหตุของพุงรวมทั้งความอ้วน
พฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายหลายอย่าง จะต้องรีบเผาผลาญไขมัน ขจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะเจอกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
ไขมันส่วนเกิน สิ่งที่ทำให้เกิดความอ้วน จำเป็นต้องสลายไขมันออกไป
พุงที่เด่นกว่าใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องใหญ่ของบุคลิกลักษณะภายนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงแค่ใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีน่าชื่นชมกลับมาอีกครั้ง
ความอ้วน ทำให้บุคลิกลักษณะเสีย ขาดความมั่นใจ
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนับสิบนับร้อย นับว่าเป็นความไม่สาบายใจอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะว่าเมื่อได้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อการดำรงชีวิตหลายอย่าง ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบงานกิจวัตรต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาด้านสุขภาพในขณะนี้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของบุคลิกลักษณ์ที่ส่งผลต่อความไม่มั่นใจในตัวเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
แนวทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง ต้องการลดน้ำหนัก คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มาก ไขมันภายในร่างกายสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้มากในสังคมไทยพวกเราขณะนี้ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แล้วก็นับได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แต่ก็พอมีแนวทางที่จะช่วยจัดแจงปัญหานี้ได้ เป็นต้นว่า
ลดของกินจำพวกแป้งรวมทั้งน้ำตาล
ลดอาหารจำพวกที่เป็นอาหารทอด
ลดของกินที่มีไขมันสูง เป็นต้นว่า หมู่ เนื้อ ไก่
บริหารร่างกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
กินน้ำให้มาก อย่างต่ำวันละ 2 ลิตร
กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลัก เช่น สลัด
ลดข้าวเย็น กินให้ลดน้อยลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเรา
เนื่องจากว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบมาล้อเลียนกันได้กล้วยๆราวกับอย่างที่คนจำนวนไม่น้อยเคยทำกันมา คนที่ล้อบางทีอาจรู้สึกสนุกสนาน และไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าการหัวเราะชอบใจ คิดแค่ขำๆหน่า แต่ว่าคนที่ถูกล้อนี่สิ น่าจะไม่ขำด้วย เพราะเหตุว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องขบขันเอาเสียเลย แถมยังเกิดเรื่องที่รู้สึกขายหน้าขายตาในรูปภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี แปลกกว่าปกติทั่วๆไปด้วย บางบุคคลที่ถูกล้อหนักๆบ่อยๆก็เก็บไปคิดมากจนกระทั่งเป็นความทุกข์ รวมทั้งสูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นต้องการอ้วนกระทั่งถูกล้อเลียนอย่างงี้หรอก แต่ต้นแบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันหลีกเลี่ยงความอ้วนได้ยาก รวมทั้งคนไม่ใช่น้อยก็อ้วนง่ายแต่ว่าลดยากเยอะไป จริงไหม ?

ทางลัด ลดความอ้วน ลดหุ่น ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาอาการท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ทดลองใช้

3

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญวัยในแถบประเทศอินเดีย แอฟริกา รวมทั้งเอเซียอาคเนย์ ใบแล้วก็ลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของอินเดียแล้วก็จีนมาอย่างยาวนาน ใช้รักษาหลายโรค เป็นต้นว่า โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน และก็ยังเอามาทำอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารออกฤทธิ์หลักที่มีประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายอยู่หลายประเภท อย่างเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียติโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียตำหนิก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) แล้วก็กรดมาดีค้างสสิค (Madecassic Acid) จึงทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีคุณประโยชน์หลายชนิด ได้แก่ บรรเทาอาการอักเสบ ถ้าใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดระดับความดันโลหิตในหลอดโลหิตดำ และนำมาใช้รักษาโรคหรืออาการที่มีต้นเหตุจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆดังเช่นว่า ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ การต่อว่าดเชื้อที่ระบบทางเท้าเยี่ยว โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ ยิ่งกว่านั้น ยังมีความเชื่อว่าถ้าใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นหัวใจหลักสำหรับการสมานบาดแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมทั้งปัญหาท้องลายที่มีสาเหตุจากการตั้งครรภ์ แต่สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยมีมากมายน้อยเท่าใดที่จะช่วยรับรองความเชื่อถือ คุณประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคกลุ่มนี้
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่บางทีอาจสำเร็จ
เส้นเลือดขอด มีการศึกษาชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงรวมทั้งสร้างสมดุลในการเจริญวัยของเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยแล้วก็เส้นเลือดขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด นอกนั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนเจ็บที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าลักษณะของการปวดขา ขาหนัก และอาการบวมน้ำบรรเทาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้สารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยทุเลาอาการคนเจ็บเส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แต่จากงานวิจัยกล่าวว่าบทสรุปข้างต้นจะต้องตีความด้วยความระมัดระวังเพราะข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาเรียนรู้วิจัย และยังจะต้องเรียนเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องแน่ใจและมีคุณภาพมากพอสำหรับเพื่อการประเมินคุณภาพการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นได้ แต่ยังมีหลักฐานสนับสนุนไม่เพียงพอ
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกบางทีอาจช่วยในการลดปริมาณไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่ออกอาการกรุ๊ปหนึ่งรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน แล้วก็อีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของหลอดเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้ง 2 กรุ๊ปไม่ต่างอะไรกัน แต่ว่าในกรุ๊ปที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดน้อยลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมถึงลักษณะของพลัคทั้งยังความหนาแล้วก็ความยาวก็ต่ำลงด้วยด้วยเหมือนกัน อีกทั้งยังไม่พบอาการที่ไม่ปรารถนา สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ รวมทั้งมีการบันทึกผลของการตรวจเลือดบ่อยๆ เนื่องจากหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่พอ ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองป้องกันลิ่มเลือด การรับประทานใบบัวบกอาจช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเกิดจากการขึ้นรถเครื่องบินเป็นเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาแนะนำว่าใบบัวบกอาจช่วยลดของเหลวและเพิ่มการไหลเวียนเลือดในผู้ที่โดยสารเรือบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แจ่มกระจ่างว่าการศึกษาเล่าเรียนชิ้นนี้จะซึ่งก็คือการลดการสะสมของลิ่มเลือด เนื่องด้วยหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องคุ้มครองลิ่มเลือดยังไม่เพียงพอ จึงควรต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในคนป่วยเบาหวาน งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งให้คนเจ็บโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยจำนวน 50 คน กินสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารตรีเทอร์พีนอยด์เป็นส่วนสำคัญ ขนาด 60 มก. 2 ครั้งต่อวันตรงเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารตรีเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดฝอยของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ว่าหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจำต้องศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถและก็ผลข้างเคียงของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานปริมาณ 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกลุ่มหนึ่งรับประทานสารทวีปเอเชียตำหนิโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มก. และก็อีกกรุ๊ปกินยาหลอกปริมาณ 2 แคปซูลหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง แล้วก็มีการวัดผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของคนไข้ที่กินสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีกว่าและไม่พบผลกระทบ หรือพูดได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีสมรรถนะสำหรับในการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดผลข้างๆ แม้กระนั้นเนื่องจากหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการรักษาแผลเบาหวานยังไม่พอ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องศึกษาต่อไป
แผลเป็น สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก เช่น ทวีปเอเชียติวัวไซด์ กรดเอเชียว่ากล่าวก มาเดแคสโซไซด์ แล้วก็กรดมาดีค้างสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายและอาจมีสมรรถนะสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมทั้งรอยแผลแบบนูน ซึ่งจากงานค้นคว้าชิ้นหนึ่งได้เสนอแนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังภายหลังเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องนาน 6-8 อาทิตย์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมถึงรอยแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่ว่าเพราะเหตุว่าหลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังไม่พอ จึงต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการมีครรภ์ ได้มีการค้นคว้าวิจัยแนะนำให้ผู้ที่กำลังมีครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน เป็นประจำวันแล้ววันเล่าในตอน 6 เดือนสุดท้ายก่อนการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีการทดสอบโดยให้หญิงตั้งครรภ์จำนวน 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะทำให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก แต่ว่าเนื่องจากหลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน ก็เลยจะต้องศึกษาต่อไป
ลดความรู้สึกไม่สบายใจ การดูแลและรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อบรรเทาอาการซึมเศร้าและความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับสมรรถนะของใบบัวบกสำหรับในการลดความรู้สึกกังวลใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครกินใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านทานความไม่สบายใจ ช่วยลดความตึงเครียด แต่ว่ายังคงจำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนเสริมเติมถัดไปถึงประสิทธิภาพของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรควิตกกังวล
โรครวมทั้งอาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การต่อว่าดเชื้อฟุตบาทปัสสาวะ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเดิน ของกินไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นที่จะต้องทำการวิจัยหาความสามารถและก็ความปลอดภัยสำหรับในการรักษาต่อไป

ความปลอดภัยในการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก[/url]ทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แม้กระนั้นการรับประทานใบบัวบกบางทีอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังมีครรภ์ หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก ด้วยเหตุว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์เพียงพอที่จะสนับสนุนถึงเรื่องความปลอดภัยต่อเด็ก คุณแม่ หรือลูกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความย่ำแย่ต่อตับ โดยเหตุนี้ผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่ควรกินใบบัวบก เพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้อาการต่างๆห่วยลงได้ รวมทั้งไม่สมควรกินใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกรุ๊ปกลุ่มนี้ อาทิเช่น พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีปีนป่าย ไอโซไนอะซิด ซิมวาสแตตำหนิน เป็นต้น
การรับประทานใบบัวบกในปริมาณมากอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากกว่าปกติ หรือถ้าเกิดกินร่วมกับยานอนหลับหรือยาความไม่สบายใจน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล และโซลพิเดม
ควรจะหยุดกินใบบัวบกขั้นต่ำ 2 อาทิตย์สำหรับผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุว่าอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้เพื่อการผ่าตัดและอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรจะขอคำแนะนำแพทย์ก่อนกินใบบัวบก หากอยู่ในช่วงการใช้ยาหรืออาหารเสริมประเภทอื่นๆอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ประสงค์ถ้าเกิดรับประทานใบบัวบกในระหว่างการดูแลรักษาของคนเจ็บโรควิตกกังวล ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนเจ็บอัลไซเมอร์ รวมถึงคนที่ใช้ยานอนหลับหรือยาคลายกังวล และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจทำให้กดประสาทมากยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

4

ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อพื้นเมืองอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ชนิดนี้หนังสือเรียนหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแต่ระดับจำพวกย่อยเป็นCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชจำพวกนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แม้กระนั้นเมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ ซม. ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่และก็แข็ง ไม่แตกกิ่ง ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มม.กลีบดอกไม้รูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มิลลิเมตร ยาว ๒๕-๓๕มม. โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ขนาดยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนปกคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ เกลี้ยง ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดจำนวนมาก และก็รูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลเป็นเงา
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงราวๆ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราว 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อแขวนระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และมีเปลือกแข็ง ภายในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องและมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนแล้วก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและก็ปลูกข้างถนนเพื่อความงดงาม
การปลูกและก็ขยายพันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากและเจริญวัยได้ในดินแทบทุกประเภท แต่จะชอบดินร่วนซุยปนทราย ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง

ประโยชน์ทางยา
รสและสรรพคุณในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง แก้ขี้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียและก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียและเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และก็ช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยรีบคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเหม็นเบื่อ ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ถูหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง และก็ทำให้อาเจียน
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งผอง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำดื่มแก้โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้อาเจียน เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและก็จำนวนที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือนิดหน่อย ดื่มก่อนนอนหรือตอนเวลาเช้าก่อนกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับท้องผูกบ่อยๆ และสตรีมีครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักโดยประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดรวมทั้งเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์ราชพฤกษ์

5

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลยังไงต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง รวมทั้งโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลวิจัยรับรองคุณประโยชน์ได้ในบทความนี้ค่ะ
บทความพวกนี้อ้างอิงสรรพคุณของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยยืนยันจากที่ต่างๆเพื่อให้สหายได้พิเคราะห์ด้วยตัวเองว่ารักษาโรคเจริญขนาดไหนและก็น่าไว้วางใจเท่าใด ถ้าเกิดเพื่อนๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าไรหรือไม่รู้เรื่อง บทความในเว็บไซต์นี้ผู้เขียนได้คัดและก็เก็บรวบรวมจากหลายที่และเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำเป็น
สหายๆถูกใจบทความนี้ก็จะเป็นอันมากใจให้นักเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนพ้องอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่สหายๆจำต้องถูกใจ
ระบบภูมิต้านทานคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีปะปน เซลล์ของมะเร็ง และสิ่งปลอมปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายพวกเรานั้นเอง ฉะนั้นหากเพื่อนพ้องๆมีระบบระเบียบภูมิต้านทานดีก็จะไม่เจ็บป่วยง่าย หรือถ้าเจ็บไข้ก็จะรู้สึกตัวเร็ว แต่ถ้าหากระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะป่วยไข้บ่อยครั้งและเป็นหนักกว่าคนที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวนี้แล้วเพื่อนพ้องๆคงจะมองเห็นความสำคัญของการมีระบบระเบียบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมานานกว่า 2000 ปีแล้ว แม้กระนั้นในยุคนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุไรผู้ที่ทานเห็ดหลินจือถึงมีอายุยืนและก็แข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค เวลานี้พวกเราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกรุ๊ป Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับพวกเราได้จริง สารกรุ๊ปดังที่กล่าวผ่านมาแล้วสามารถกระตุ้นการผลิต Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูเขามป้องกันดีและแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต้านวรัส เซลล์มะเร็ง รวมทั้งจำกัดสารอนุมูลอิสระก้าวหน้าขึ้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยให้คนที่ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต่อต้านโรคมะเร็งบางตัวแล้วก็แนวทางการทำคีโมกดภูมิต้านทานให้มีระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก รวมทั้งเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
A
นักค้นคว้าได้ศึกษาค้นพบสารหลายแบบในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นเลือด คือ Ganoderic Acid และ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้น เว้นเสียแต่ช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังคุ้มครองไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นโลหิต รวมทั้งช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับผู้ที่เป็นโรคไขมันเส้นโลหิตสูง 70 ราย แล้วก็กระทำการเก็บผลการทดลองภายหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าวัวเรสเตอรอลของคนรับการทดสอบน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการวิจัยจากทั่วทั้งโลก รวมทั้งยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังมีผลให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนั้น ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า ข้อพิสูจน์ทางคุณสมบัติและคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดลองในคนป่วยบางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรปฏิบัติการทดสอบถัดไป เพื่อให้ได้เห็นผลลัพ์ที่แน่ชัด แล้วก็เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาคนเจ็บโรคมะเร็งได้ในอนาคต

ภาวะต่อมลูกหมากโต และก็การเจ็บป่วยในระบบทางเดินเยี่ยว
มีขั้นตอนการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการเยี่ยวขัดข้อง ข้างหลังการทดลองกว่า 12 อาทิตย์ ผลสรุปที่ได้คือ ผู้ป่วยต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของผู้เจ็บป่วยจากการตอบปัญหา แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
โดยเหตุนั้น การทดลองดังที่กล่าวถึงมาแล้วก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มกระจ่างพอเพียง ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่กระจ่างแจ้งสำหรับในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้อง
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดสอบทางการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด 2 ร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะส่งเสริมผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนเจ็บบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
โดยเหตุนี้ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อปกป้องและการรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจถัดไป และให้ได้เรื่องเด่นชัดชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการรักษาป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวพันต่อไปในอนาคต

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

6

บุก
บุก มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาแตกต่างจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้และก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก ยกตัวอย่างเช่น บุกคุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ ฯลฯ
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น พืชล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นเจ้าเนื้อแล้วก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบโดดเดี่ยว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดแล้วก็ใบแผ่ขึ้นราวกับร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในเวลาเย็น มีกลิ่นแรง ลักษณะราวกับดอกหน้าโค
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นประมาณ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปออกจะกลมแบนบางส่วน หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและก็แขนงมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปนเปอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกคนเดียว ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวประมาณ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับสรรพคุณของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากรวมทั้งเนื้อของลำต้น เนื้อหา ดังต่อไปนี้
หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกและก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้บวมช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อควรคำนึงสำหรับเพื่อการบริโภคบุก
สำหรับข้อห้ามสำหรับในการกินบุก คือ หัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน เป็นพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุดังกล่าว ในฝูงคนที่ ม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะเลี่ยงกิน และไม่รับประทานมากจนเกินไป ซึงข้อควรคำนึงสำหรับการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะมากๆ ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าแล้วก็ก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะมีผลให้ลิ้นพองแล้วก็คันปากได้
ก่อนนำมารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสด
แนวทางการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำเพียงพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นคราวแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับตัวกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับในการทำอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
ด้วยเหตุว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกภายหลังการกิน แต่ว่าให้กินก่อนรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตมาจากวุ้น ได้แก่ วุ้นก้อนและเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังรับประทานอาหารได้ เนื่องจากวุ้นดังที่กล่าวมาแล้วได้ผ่านกรรมวิธีการแล้วก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นจึงเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณประโยชน์ทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพราะไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุ หรือสารอาหารใดๆก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดลง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่ว่าจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจทำให้มีอาการท้องเดินหรืออาการท้องอืด มีลักษณะอยากกินน้ำมากกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้http://www.disthai.com/

7

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ข้างนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาทำกับข้าวเพราะว่าส่งกลิ่นหอม นอกเหนือจากนี้ ขิงยังใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ แล้วก็เครื่องสำอางทั้งหลายด้วยเหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างนาน เป็นต้นว่า โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหารอย่างท้องเดิน มีก๊าซในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อ้วก ไม่อยากอาหาร
คุณสมบัติของขิงเชื่อว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการอาเจียนและลดการอักเสบ โดยนักวิจัยโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและลำไส้ แล้วก็สารนี้อาจมีผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แม้กระนั้นการสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้นยังไม่ชัดแจ้งนัก แล้วก็คุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยช์จากขิงต่อร่างกายที่เราเชื่อกันนั้น ช่วงนี้ทางวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังต่อไปนี้
การรักษาที่บางทีอาจเห็นผล
อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ สรรพคุณทุเลาอาการอาเจียนอ้วกของขิงบางทีอาจมีประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเล่าเรียนคนเจ็บปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่องอย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งสิ้น 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อ้วกที่เกิดจากการดูแลรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยบรรเทาอาการอาเจียนรวมทั้งคลื่นไส้จากการผ่าตัดได้ด้วยเหมือนกัน โดยการเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการรับประทานขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกอ้วกที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งทดลองแบ่งคนป่วยจำนวน 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แต่ว่าแบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์พบว่าผู้ป่วยในกรุ๊ปหลังมีลักษณะอ้วกคลื่นไส้น้อยครั้งและก็มีความร้ายแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้ความสามารถสูงสุดเมื่อกินบ่อยๆรวมทั้งสม่ำเสมอโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกจากนี้ การทดลองทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองปกป้องอาการอาเจียนในคนเจ็บโดยประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งปวง แต่การใช้ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมกับยาลดอ้วกคลื่นไส้นั้นอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก และการใช้ขิงกับคนป่วยที่เสี่ยงต่อการอาเจียนอาเจียนน้อยอยู่แล้วก็บางทีอาจไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ยกตัวอย่างเช่น อ้วก อ้วก หรือเวียนหัว ผลวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณสมบัตินี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ครรภ์ต่ำกว่า 20 อาทิตย์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งพบเจออาการแพ้ท้องทุกเมื่อเชื่อวันนานขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่กระปรี้กระเปร่าขึ้นแม้ว่าจะแปลงการทานอาหารรวมทั้งตาม หลังจากรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้แสดงให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ในฐานะการดูแลรักษาทางเลือกต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอ้วกอาเจียนในหญิงมีท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่การใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนคลื่นไส้ ยิ่งกว่านั้น การเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีความจำกัดและก็พบผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงอาจไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการหน้ามืดหัว อาการที่เกิดขึ้นกับการอาเจียนนี้อาจบรรเทาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และก็ตากระตุๆกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการเวียนหัวหัวได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก แต่มิได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนรู้บางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นจากโรคข้อเสื่อม จากการทดลองหนึ่งที่ให้คนไข้รับประทานสารสกัดจากขิง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อหัวเข่าหลังจากการดูแลและรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะของการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเดิน และก็อาการข้อติด
นอกจากนั้น มีการเล่าเรียนเปรียบคุณภาพระหว่างขิงแล้วก็ยาพารา โดยให้คนป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายและข้อเข่ากินสารสกัดขิง 500 มก.ทุกวี่วัน วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลทุเลาลักษณะของการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานค้นคว้าที่เสนอแนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงแล้วก็ส้มอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดและก็อ่อนเพลียที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนเจ็บที่มีลักษณะอาการเจ็บเข่าได้ด้วย
อาการปวดระดู เว้นแต่ลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเรียนรู้บางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดประจำเดือน ตัวอย่างเช่น การทดสอบในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้กินผงเหง้าขิงทีละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีรอบเดือนตลอดไปจนถึง 3 วันแรกของการมีประจำเดือน รวมทั้งหมดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของอาการปวดระดูได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเรียนเทียบสมรรถนะของขิงและก็ยาลดอาการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มกินแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีระดู ผลสรุปปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแรกหมายถึงขิงมีคุณภาพบรรเทาความร้ายแรงของลักษณะของการปวดประจำเดือนไม่ได้มีความแตกต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลรักษาที่อาจไม่เป็นผล
อาการเมารถรวมทั้งเมาเรือ นับเป็นสรรพคุณของขิงที่มีการพูดถึงกันมาก แต่ว่าหากแม้ขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการเวียนหัวได้ แต่ว่าสำหรับในการตาลายอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยส่วนใหญ่บอกว่าขิงอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ดังเช่นว่า การแบ่งกรุ๊ปให้เด็กนักเรียนนายเรือ 80 ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง กินเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากรุ๊ปที่รับประทานขิงนั้นมีอาการคลื่นไส้และก็ตาลายลดน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับเล็กน้อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาวิจัยที่ชี้ว่าการกินผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับการคุ้มครองอาการเมารถหรือการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวพันกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่ประการใด
การดูแลรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการเจาะจงคุณภาพ
อาการคลื่นไส้คลื่นไส้จากแนวทางการทำเคมีบำบัดรักษา อีกหนึ่งคุณประโยชน์คือลดอาการคลื่นไส้แล้วก็คลื่นไส้ ซึ่งมีการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่แย้งกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานสม่ำเสมอเป็นเวลา 6 วัน พบว่า หรูหราความรุนแรงของอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาน้อยกว่ากรุ๊ปที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แต่ว่าได้ผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า หมายความว่าการรับประทานขิงในจำนวนมากก็เลยบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการอาเจียนดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
แม้กระนั้น มีหลักฐานที่แย้งข้อสนับสนุนดังที่กล่าวถึงมาแล้วซึ่งเป็นงานค้นคว้าวิจัยที่เปิดเผยว่าการรับประทานขิงไม่ได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้คลื่นไส้ ทั้งนี้ ผลการค้นคว้าที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีปัจจัยมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นต่างกัน รวมทั้งขณะที่เริ่มรักษาด้วยการใช้ ขิงจะนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลไหมคงจะควรจะมีการพิสูจน์เพิ่มต่อไป
เบาหวาน คุณลักษณะของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานในปัจจุบันยังส่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่ไม่แน่นอน งานศึกษาวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด แล้วก็สารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีการวิจัยอื่นๆที่แนะนำว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางการค้นคว้าพูดว่าขิงมีผลกับอินซูลิน กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือระยะเวลาที่ผู้เจ็บป่วยได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดสอบนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการวิจัยเล่าเรียนความสามารถของขิงในผู้ป่วยที่มีอาการของกินไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้รับประทานแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมหลังจากการงดเว้นของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะมีการย่อยอาหารและเกิดการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การรับประทานขิงนั้นไม่เป็นผลต่ออาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ แต่ ผู้ร่วมการทดลองนี้มีปริมาณน้อย ทำให้ไม่อาจระบุได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่ๆแค่ไหน
อาการเมาค้าง เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จข้างเคียงจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีงานค้นคว้าแต่ก่อนที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน รวมทั้งน้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการเมาค้างในตอนหลัง รวมถึงอาการอ้วก คลื่นไส้และท้องร่วง แม้กระนั้น การเล่าเรียนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นยังจัดว่าไม่ชัดเจนอยู่มากมายและไม่บางทีอาจยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงรับประทานแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลกล่าวว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยกลุ่มที่กินยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะได้ผลดีกระทั่งสามารถประยุกต์ใช้รักษาคนเจ็บสภาวะนี้ได้ไหมอาจจะต้องคอยการศึกษาในอนาคตที่เด่นชัดกันต่อไป
อาการเจ็บกล้ามหลังออกกำลังกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดและก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วยหรือไม่นั้นยังคงไม่แน่ชัดและเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ด้วยเหมือนกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างสม่ำเสมอนาน 11 วัน พบว่าอีกทั้งขิงสดแล้วก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่ทว่าอีกงานศึกษาวิจัยหนึ่งกลับเจอผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามเนื้อแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในช่วง 24 ชั่วโมงและก็ 48 ชั่วโมงหลังจากการบริหารร่างกาย พบว่าไม่ได้นำมาซึ่งการทำให้อาการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการบริหารร่างกายลดน้อยลง แต่ว่าผู้ศึกษาวิจัยพบว่าการรับประทานขิงบางทีอาจช่วยให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเบาๆดีขึ้นในวันแล้ววันเล่า ถึงแม้อาจไม่เห็นผลตอบแทนในทันที
ลักษณะของการปวดหัวไมเกรน มีการศึกษากับผู้ป่วย 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนเฉียบพลันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

8

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’ผลดีสำหรับการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยกล้าม
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียภายในร่างกาย ช่วยขับเสมหะ ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการหน้ามืด หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน แล้วก็เป็นยาระบายอ่อนๆก็เลยแป็นสาเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.ประโยชน์ซึ่งมาจากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรกำจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน เอามาอม กลัวปากเป็นประจำ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดน้อยลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลั้วปากบ่อยๆ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างยอดเยี่ยม
14.ขิงช่วยทุเลาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงบ่อยๆ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆน้อยลง
15.ขิงบรรเทาโรคประสาทอาการของโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมมารดาให้ดีขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับผู้หญิงให้นมบุตรเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพสารเสพติด
18.ประโยช์จากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์ของมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันโลหิตได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง แล้วก็ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มบ่อยๆ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนสบาย จึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ ปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ ด้วยเหตุว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยทำให้สมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพราะอาหารได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งไว้โดยประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะ
2.บรรเทาอาการแผลในกระเพาะและก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในคนเจ็บที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระด้วยเหตุว่าลดลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากท้องผูก หรือถ่ายอุจจาระสีดำ (แปลว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความอยากของกิน (พบว่าผู้ป่วยเหล่านั้นโดยมากกลับกลายซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำเป็นต้องรักษาตลอด หรือควบคุมสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือภายใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่นอนในคนป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาบริวารนพนาฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกจะกว่าจะเข้ากันขัดในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกั้นจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือเบาๆกินหมดภายในครึ่งชั่วโมง การทดสอบในคนไข้ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกันของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์ในการขับพยาธิร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนจับไข้เนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น เป็นต้นว่า โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาล หรืออาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 (ช่วยกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายคราวหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ดำเพศผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียพลังหยางและเลือด มีน้ำภายในร่างกายหลงเหลืออยู่มากการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งเลือดหยางช่วยให้การย่อยซึมซับอาหารดียิ่งขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำเจริญขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อควรพิจารณาสำหรับในการทานขิง
-อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับเพื่อการมีครรภ์ได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับการท้อง และการแท้ง แต่สำหรับการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการรับประทานขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุนั้นคุณควรจะไปขอความเห็นแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-กระตุ้นให้เกิดแผลร้อนในข้างในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในโพรงปากมีการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนั้นไม่ควรกินขุงมากจนกระทั่งเหลือเกิน
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนรู้หนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานที่บันสุขภาพของออสเลียได้ออกการเตือนเตือนให้งดการกินขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดด้วยเหตุว่าจะทำให้กำเนิดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุนี้ถ้าเกิดคุณมีอากเลือดออกเลือดออกผิดปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก เลียงการรับประทานขิง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว หวังคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาลักษณะโรคต่างๆก็น่าจะต้องระวังตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเหตุว่าบางโอกาสถ้าเกิดราใช้ ขิงในการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการเกิดขึ้นอีกได้ ด้วยเหตุนี้น่าจะกินขิงอย่างระแวดระวัง แม้กระนั้นถ้าหากว่ายังไม่มั่นใจล่ะก็ ควรปรึกษาจากหมอก่อนเสมอ

หน้า: [1]