โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ
ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: Cloudsupachai111 ที่ มกราคม 09, 2018, 11:55:35 am
-
(http://www.คลัง[url=http://www.disthai.com/][b]สมุนไพร[/b][/url].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.jpg)
มดแดง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/)
มดแดงเป็นมดชนิดหนึ่ง มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในตระกูล Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญเป็น รอบๆส่วนท้องคอดกิ่วในขณะที่ตืดกับอกทางข้างหลังของส่วนท้องข้อที่ ๑ หรือในมดบางประเภทที่รวมไปถึงปล้องที่ มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้มดไม่เหมือนกันกับกรุ๊ปแมลงที่ดูคล้ายกัน ตัวอย่างเช่น พวกต่อและแตน หรือแตกต่างไปจากปลวกที่คนทั่วๆไปมักงงกัน โดยเห็นมดกับปลวกเหมือนกันไปหมด นอกจากไม่ราวกับมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย แบบนี้เพราะข้อแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกรุ๊ปเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีประเภทใดอยู่สันโดษ ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ และก็เพศต่างกัน พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นพ่อรัง และก็มดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติภารกิจสร้างรัง เลี้ยงรัง แล้วก็เฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันออกไปอีก
อาทิเช่น มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็อาจปฏิบัติหน้าที่สร้างรังแล้วก็เลี้ยงรัง พวกนี้มีร่างกายขนาดปรกติ หัว อก แล้วก็ท้องได้สัดส่วนกัน แต่ในเวลาเดียวกันบางทีอาจพบมดงานซึ่งทำหน้าที่เฝ้ารัง มดพวกนี้เว้นเสียแต่ตัวใหญ่มากยิ่งกว่ามดงานปกติเป็นอย่างมากแล้ว ยังมีหัวโต กรามใหญ่ มิได้สัดส่วนกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดตัวผู้และก็มดตังเมียซึ่งเป็นพ่อรังและแม่รังนั้น บางทีอาจพบได้ทั้งหมดที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดพอๆกับมดงานก็มี อย่างไรก็ตามมดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าเพศผู้รวมทั้งมดงาน บางทีอาจดูมดตัวผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังและก็มดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก จนกระทั่งบางครั้งบางคราวเกือบจะไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดบิดารังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น รูปแบบของปีกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่ข้างหลังมากมาย รูปร่างของปีกคู่หน้ารวมทั้งปีกคู่ข้างหลังก็ต่างกัน รวมทั้งที่สำคัญเป็นมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่ข้างหลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน รวมทั้งรูปร่างของปีกก็คล้ายกัน เส้นปีกมีมากกว่าเส้นปีกของมดมาก มองเห็นเป็นลวดลายเต็มไปทั้งปี
(http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/semut-rangrang.jpg)
สมุนไพร (http://www.disthai.com/) ในปัจจุบันมีการโดยประมาณกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐ประเภท คนประเทศไทยต่างรู้จักกับมดเป็นอย่างดี เพราะว่ามีมดหลากหลายประเภทอาศัยตามบ้านเรือน หรือในรอบๆใกล้เคียงกัยบ้านที่พัก การเรียกชื่อมดของคนไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า ดังเช่นว่า มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เพราะเหตุว่ามีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งเพี้ยนไปเป็นมด ฯลฯ มดบางประเภทพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากถูกมดนั้นกัด ดังเช่น มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะมีผลให้รู้สึกคันในรอบๆแผลที่กัด หรือผูกคันไฟ (Solenopsis geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด นอกเหนือจากมีอาการคันแล้ว ยังมีลักษณะอาการแสบร้อนเหมือนถูกไฟลวก
บางจำพวกก็เรียกตามกิริยาท่าทางที่มดแสดงออก ได้แก่ มดลุกลน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ถูกใจวิ่งเร็วแล้วก็วิ่งพล่านไป เปรียบเสมือนผู้ที่วิ่งดัวยความสะดุ้ง มดชนิดนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน ที่บ้าเป็นมดตาลานก็มี หรือมดก้นงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักชูท้องอืดท้องเฟ้อสูงตั้งฉากกับพื้น ทำให้มองดูเหมือนตูดงอล เป็นต้น
มดบางชนิดเป็นมดที่สามัญชนตามท้องถิ่นใช้บริโภค จึงเรียกไปตามรสอย่างเช่น ทางภาคเหนือ อันดังเช่นว่า ชาวจังหวัดแพร่ น่าน ลำพูน เชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ ฯลฯ นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน ซึ่งชาวบ้านบางถิ่นนิยมกินกันเนื่องมาจากมีรสชาติมันรวมทั้งอร่อย ก็เลยเรียกชื่อตามรสชาตินั้น อย่างไรก็แล้วแต่ มีมดบางจำพวกที่ชาวบ้านมิได้รัชูชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าดังเช่นว่า เศษไม้ดิน (Doeylusorientalis Westwood) ซึ่งเป็นมดที่ทำลายกัดรับประทานฝักถั่งลิสงที่ยังมิได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เหมือนกันกับแมลงจำพวกอื่นที่อาจมีการรัชูชื่อบ้าไปตามท้องภิ่นได้แก่ แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) คนบ้านนอกในแคว้นภาคอีสาน อันยกตัวอย่างเช่น ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ นครพนม ร้อยเอ็ด จังหวัดอุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในช่วงเวลาที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้ ดังเช่นว่า จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขา นครศรีธรรมราช จังหวัดภูเก็ต เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่บิดารังและก็แม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังและสืบพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว มดตัวผู้มักตาย มดตัวเมียซึ่งจัดแจงทำรังใหม่ก็จะหาที่พักพิงอันมิดชิด แล้วสลัดปีกทิ้ง รอคอยจนกว่าไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนจนถึงเข้าดักแด้ และอกกมาเป็นตัวโตเต็มกำลังกลายเป็นมดงานที่อุปถัมภ์แม่ถัดไป เมื่อมดงานทำหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว แม่รังก็ทำ
หน้าที่ตกไข่เพียงอย่างเดียว การควบคุมวรรณะของรังบางทีอาจกระทำโดยการวางไข่ที่ต่างกัน ได้แก่ ขนาดไม่เหมือนกัน ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังรวมทั้งมดงาน ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดตัวผู้หรือมดบิดารัง ลักษณะของวงจรชีวิตแบบนี้ต่างจากปลวก เนื่องจากว่าปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า ซึ่งประกอบดัสยบิดารวมทั้งแม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้ บิดารังมักมีชืวิตอยู่แล้วก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งเตรียมวางไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัว ก็จะเป็นปลวกงานซึ่งสามารถดำเนินงานอุปถัมภ์พ่อแม่ได้โดยไม่ต้องรอให้โตเต็มที่เสียก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน บางพวกสร้างรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง ตัวอย่างเช่นมดแดง หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายทำรังชิดกับไม้ที่อาศัย เช่นมดลี่หรือมดก้นงอล บางพวกสร้างรังในดินมีลักษณะเป็นช่องสลับซับซ้อนคล้ายรังปวก ตัวอย่างเช่นมดมันหรือแมลงมัน รังของมดก็เลยมัลักษณะของสิ่งของที่สร้าง องค์ประกอบ และก็รูปร่างนาๆประการจำนวนมากให้มองเห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว ครั้นไข่แก่ก็จะออกไข่ ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น จะถูกวางเป็นกระจุกติดกับใบไม้ข้างในรัง ไข่ที่ได้รับการผสมจะก้าวหน้าไปเป็นมดงานรวมทั้งมดแม่รังส่วนไข่ที่มิได้รับผสมจะรุ่งเรืองไปเป็นมดตัวผู้ เมื่อไข่ก้าวหน้าขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในระยะนี้บางทีอาจทานอาหารและขยับตัวได้นิดหน่อย แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะเหมือนตัวสมบูรณ์เต็มวัยทุกสิ่ง ขาและปีกเป็นอิสระจากลำตัว และหยุดรับประทานอาหาร แล้วหลังจากนั้นก็จะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย และที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มกลายเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัยอีกทั้ง๓ วรรณะอย่างเช่น
๑. มดแม่รัง มีความยาว ๑๕-๑๘ มม. สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลแดงหัวและก็อกสีน้ำตาลเหมือนมดงาน แต่หัวกว้างว่า ส่วนนอกสั้น อกข้อแรกตรงอกปล้องที่ ๓ ทื่อ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน ส่วนท้องเป็นรูปไข่ เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว ปฏิบัติหน้าที่ขยายพันธุ์ รังหนึ่งอาจเจอมดแม่รังหลายตัว แม้กระนั้นจะมีเพียงแต่ตัวเดียวเท่านั้นที่จะผสมพันธุ์ได้
๒. มดเพศผู้ มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร ลำตัวสีดำ หัวเล็ก กรามแคบตาโต หนวดเป็นแบบด้าย มี ๑๓ ปล้อง ฐานหนวดยาว ปลายเส้นหนวดค่อยๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก อกข้อที่ ๓ ใหญ่ ข้อต่อหนวดยาว ท้องรูปไข่ ปีกสีนวลใสมีหน้าที่ผสมพันธุ์พียงอปิ้งเดียว อายุสั้นมาก เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะตาย
๓. มดงาน มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร สีแดงหัวและก็อกมีขนสั้นๆ หัวกลม ส่วนล่างแคบ กรามขัดกัน ปลายแหลมโค้งตอนต่อไปแคบ อกบ้องที่ ๒ กลม โค้งขึ้น อกปล้องที่ ๓ คอด เหมือนอาน ขายาวเรียว ข้อต่อหนวดรูปไข่ ส่วนท้องสั้น เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก มีหน้าที่หาร ทำรัง และป้องกันศัตรู
ผลดีทางยา
ตำราคุณประโยชน์ยาบาราณว่า น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว ฉุน สูดแก้ลมแก้พิษเสลดโลหิต ราษฎรบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่บริเวณปากแผลที่ถูกงูที่มีพิษกัด ให้มดต่อยที่รอบๆนั้น ไม่นานมดแดงก็จะตาย ใช้มือปาดเอามดแดงเอาไป แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่ ทำอีกครั้งๆไปเรื่อยจชูว่าจะถึงมือแพทพ์ บางครั้งอาจจะต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง นอกนั้น ราษฎรบางถิ่นยังบางทีอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดบาดแผลได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำเนิดรอยแผลขึ้น และไม่อยู่ในข้อจำกัดที่จะชำระล้างรอยแผลหรือหายาใส่แผลได้ อย่างเช่น เมือ่อยู่ในป่าหรือในทุ่งข้าว ก็บางทีอาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของรอยแผล) วางไว้รอบๆปากแผล ให้ปวดแสบปวดร้อนมาก
พระหนังสือธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “ฝีในท้อง ๗ ประการ” อันเกิดบางทีอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งทำให้มีการเกิดอาการไอ ผอมเกร็ง เบื่อข้าวยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ปุพ์โพ คือหนองทุพพลภาพหรือแตก ให้ไอเป็นอันมาก ให้กายผอมบางหนัก ให้รับประทานอาหารไม่จักรส มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ ถ้าหากจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง หัวหอม ๑ ตำลึง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87/) ๑ บาท ขมิ้นอ้อย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/)ยาว ๑ องคุลี ยาทั้ง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักรวมทั้งธาตุเบาจ่ายบุพร้ายซะก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสมหะก็ได้