วิตามินซี (Vitamin C) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid)” เป็นวิตามินที่หลายๆ คน หรือ คนทุกเพศทุกวัยคงรู้จักกันดีมากกว่าวิตามินชนิดอื่นๆ เนื่องจาก “วิตามินซี” เป็นวิตามินที่มีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งกับคนปกติ ผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา อีกทั้งยังเป็นวิตามินที่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย และที่สำคัญวิตามินชนิดนี้ (วิตามินซี) เป็นวิตามินที่ค่อนข้างมีผลกระทบต่อร่างกาย ทั้งในด้านที่เป็นประโยชน์และโทษ หากได้รับ “มากหรือน้อยเกินไป”
(https://healthtio.com/wp-content/uploads/2015/09/vitamin-c-e1457756443711.jpg) (https://healthtio.com/vitamin-c/)
“วิตามินซี” เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก การได้รับวิตามินชนิดนี้ (วิตามินซี) อย่างเพียงพอ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่างต่อร่างกายเป็นอย่างดี ตรงกันข้าม หากได้รับไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลที่ไม่ดีต่อร่างกายนั้นเอง ซึ่งวิตามินชนิดนี้ (วิตามินซี) มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกับมัน (วิตามินซี) กันเลยดีกว่า
ประโยชน์ของวิตามินซี
- วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน (collagen) ให้กับร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของกล้ามเนื้อ หลอดเลือด กระดูกและกระดูกอ่อน
- ช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี ไม่หยุดชะงัก โดยเฉพาะกับเด็กและผู้ที่ยังอยู่ในวัยของการเจริญเติบโต
- ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้เลือดกำเดาไม่ไหลออกง่าย เพราะเส้นเลือดฝอยแข็งแรง
- วิตามินซี ช่วยให้กระดูกและเล็บแข็งแรง
- ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตกและเป็นสะเก็ด
- ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้ไม่ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ข้อเท้าและขาทั้งสองข้าง
- ช่วยเสริมสร้างสารสำคัญบางตัวซึ่งมีผลต่อร่างกาย อาทิ อีพิเนฟริน (epinephrine) หรือ อะดรีนาลีน (adrenaline) และ คอร์ติโคสตีรอยด์ (corticosteroids) เป็นต้น
- วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่อ่อนเพลีย และไม่เหนื่อยง่าย
- ช่วยให้สดชื่น อารมณ์ดี ไม่ซึมเศร้า และไม่หงุดหงิดง่าย
- ช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด หรือ โรคที่มีเลือดออกตามไรฟันนั้นเอง
- ช่วยทำให้เหงือกและฟันแข็งแรง ซึ่งตรงกันข้าม หากขาด “วิตามินซี” ก็จะทำให้เหงือกไม่แข็งแรง อักเสบได้ง่ายซึ่งส่งผลกระทบให้ฟันไม่แข็งแรงไปด้วย
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่เกิดขึ้นในร่างกาย
- วิตามินซี ช่วยให้ผิวสวย ไม่ซีด ไม่แห้ง ไม่มีรอยจ้ำตามผิงหนัง
- ป้องกันผิวหน้าไม่ให้เป็นผื่นแดง หรือ มีสิวที่เป็นสีแดง
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ให้ดีขึ้น
- ช่วยลดโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งต่างๆ
- ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากทางเดินอาหารได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยรักษาและทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง
- ช่วยลดอาการของไข้หวัดและทำให้หายจากการเป็นไข้หวัดได้เร็วยิ่งขึ้น
จากที่ได้กล่าวมาในข้างต้นเราก็จะเห็นได้ว่า “วิตามินซี” มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากร่างกายไม่ได้รับวิตามินชนิด (วิตามินซี) นี้อย่างเพียงพอ ย่อมจะส่งผลที่ตรงกันข้ามกับประโยชน์ที่ได้กล่าวมาในข้างต้นนั้นเอง
ข้อควรรู้ต่างๆ เกี่ยวกับวิตามินซี
- วิตามินซี เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ดังนั้นการที่ร่างกายจะได้รับวิตามินชนิดนี้จึงต้องรับประทานเข้าไปเท่านั้น
- วิตามินซีที่ดี ควรเป็นวิตามินที่ได้รับจากธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่มากในผักและผลไม้ต่างๆ อาทิ ฝรั่ง ส้ม สตรอเบอรี่ กีวี แคนตาลูป มะละกอ มะม่วง องุ่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง บร็อคโคลี่ และผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น
- ความต้องการวิตามินซีของแต่ละวัยนั้นมีความแตกต่างกัน แต่ก็สามารถระบุได้คร่าวๆ ดังนี้– เด็กควรได้รับในปริมาณ 30-50 มิลลิกรัมต่อวัน– ผุ้ใหญ่ควรได้รับในปริมาณ 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน– หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร ควรได้รับในปริมาณ 90-95 กรัมต่อวัน– ผู้ที่สูบบุหรี่ควรได้รับ 95-125 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะการสูบบุหรี่จะไปลดปริมาณของวิตามินซี
- การรับประทาน “วิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม” ควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์ เพราะถือได้ว่า “วิตามินซีเป็นยาชนิดหนึ่ง” ซึ่งมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นได้ หากรับประทานมากเกินไป ดังนี้– คลื่นไส้อาเซียน เนื่องจากวิตามินซีไปสร้างความระคายเคืองให้กับกระเพาะอาหาร– ไตทำงานหนักขึ้น เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ไม่สามารถสะสมได้ในร่างกาย ดังนั้นเมื่อรับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกขับออกมาทางไต ซึ่งทำให้ไตต้องทำงานหนักเพื่อขับวิตามินซีส่วนเกินออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้อาจก่อให้เกิดเป็นนิ่วที่ไตได้ด้วย– ส่งผลกระทบต่อเหงือกและฟัน โดยเฉพาะในเด็ก เพราะวิตามซีส่วนใหญ่จะมีรสเปรี้ยวจากการแต่งรส ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้เกิดการกัดกร่อนทำลายเคลือบฝัน ซึ่งส่งผลเสียต่อเหงือกและฟันนั้นเอง
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถสะสมเก็บไว้ในร่างกายได้ ดังนั้นการที่จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จาก “วิตามินซี” ทุกวัน เราจึงต้องรับประทาน (วิตามินซี) เข้าไปทุกวัน ซึ่งสำหรับคนไทยที่รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว มักจะไม่ค่อยมีปัญหาการขาด “วิตามินซี” ตรงกันข้าม คนที่ไม่รับประทานผักและผลไม้ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะ “ขาดวิตามินซี” ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น คนที่ขาดวิตามินซี จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำและซื้อ “วิตามินซี” มารับประทาน เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดวิตามินซี
ที่มา : Healthtio.com (https://healthtio.com/vitamin-c/), Thaihealth.or.th (http://www.thaihealth.or.th/Content/6206-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html), Doctor.or.th (https://www.doctor.or.th/article/detail/2199)