โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: anonchobpost ที่ มีนาคม 20, 2018, 07:49:53 am

หัวข้อ: โรคของกินเป็นพิษ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: anonchobpost ที่ มีนาคม 20, 2018, 07:49:53 am
(https://www.img.in.th/images/50ee3f6aa622caed0bdcd64183db0cf1.jpg)
โรคของกินเป็นพิษ (Food poisoning)

Clostridium botulinum เป็นแบคทีเรีย anaerobic ที่เป็น gram positive ที่เจอได้ในดินแล้วก็น้ำในสิ่งแวดล้อมทั่วๆไป ชนิดที่สามารถก่อโรคในคนแบ่งออกเป็น



เชื้อนี้เติบโตได้ดีในสภาพการณ์ห้อมล้อมที่มีออกสิเจนน้อย ก็เลยพบบ่อยในของกินบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท โดยยิ่งไปกว่านั้นสินค้าใส่กระป๋องที่ผ่านแนวทางการผลิตผิดความถูกอนามัย อาทิเช่น หน่อไม้ปีบ หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง และก็ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ดัดแปลง สารพิษที่สร้างมาจากเชื้อจำพวกนี้กระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ตามัวมัว เห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วก็บางโอกาสร้ายแรงจนถึงบางทีอาจเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและก็เสียชีวิตได้
Vibrio parahaemolyticus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ถูกใจเกลือเข้มข้นสูงสำหรับการเติบโต (halophilic vibrio) มีแอนติเจนโอ ("O" antigen) แตกต่าง 12 จำพวก และก็มีแอนติเจนเค ("K" antigen) ที่ตรวจได้แล้วเวลานี้มี 60 จำพวก มักพบในอาหารทะเลที่ดิบหรือปรุงไม่สุกเพียงพอ
Bacillus cereus เป็นเชื้อที่ไม่ได้อยากออกสิเจน สร้างสปอร์ได้ มีสารพิษ 2 ประเภทเป็น จำพวกที่ทนต่อความร้อนได้ ทำให้มีการเกิดคลื่นไส้ แล้วก็จำพวกที่ทนความร้อนมิได้ทำให้มีการเกิดอาการ อุจจาระหล่นโดยมากพบเกี่ยวพันอาหาร (ดังเช่น ข้าวผัดในร้านค้าแบบบริการตัวเอง) ผักแล้วก็อาหารและพื้นที่รักษาไม่ถูกจะต้อง ณ.อุณหภูมิปกติภายหลังจากปรุงแล้ว
S.aureus หลายประเภทที่สร้างพิษ (enterotoxin) ซึ่งคงทนถาวรต่ออุณหภูมิที่จุดเดือด เชื้อชอบแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในอาหารรวมทั้งสร้าง toxin ขึ้น ของกินที่มี enterotoxin โดยมากเป็นอาหารที่ปรุงและสัมผัสกับมือของผู้ทำกับข้าว และไม่ได้กระทำอุ่นอาหารด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนที่จะกินอาหาร หรือแช่ตู้เย็น เป็นต้นว่า ขนมจีน ขนมเอ แคลร์ เนื้อ เมื่อของกินเหล่านี้ถูกทิ้งในอุณหภูมิปกติหลายชั่วโมงต่อเนื่องกันก่อนนำไปบริโภค ทำให้เชื้อสามารถแบ่งตัวและก็สร้างพิษที่คงทนต่อความร้อนออกมา
ซาลโมเนลลา (Salmonella) มักพบในเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ นม และก็ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม นำไปสู่อาการท้องร่วง ถ่ายมีมูก อาเจียน อ้วก มีไข้ ด้านใน 4-7 วัน
เอสเชอริเชีย วัวไล (Escherichia coli) หรือเรียกสั้นๆว่า อีโคไล (E. coli) อี.โคไลเป็นแบคทีเรียรูปแท่งย้อมติดสีกรัมลบ มันมีพิษส่งผลให้เกิดอาการท้องเดิน  อี.โคไลมีสารพิษ 2 ประเภท เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่และถูกทำลายให้หมดไปด้วยการทำให้อาหารสุก แม้กระนั้นอีกที่มันผลิตออกมาพร้อมๆกันนั้น มีโมเลกุลที่เล็กกว่า รวมทั้งเป็นสารทนไฟที่ไม่สามารถที่จะทำลายได้ด้วยความร้อน พิษทั้งสองชนิดส่งผลทำให้ท้องร่วงเช่นเดียวกัน ดังนั้นแม้ของกินปนเปื้อนพิษนี้แล้วไม่ว่าจะมีผลให้สุกก่อนหรือไม่ ก็จะไม่มีทางทำลายสารพิษของมันให้หมดไปได้ มีทางเดียวที่จะป้องกันได้ก็คือทิ้งอาหารนั้นไปเสีย
ชิเกลล่า (Shigella) พบการปนเปื้อนทั้งในสินค้าอาหารสดและก็น้ำที่ไม่สะอาด รวมไปถึงอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง เพราะเหตุว่าเชื้อประเภทนี้สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งได้ ส่งผลให้เกิดอาการอ้วก คลื่นไส้ ปวดมวนท้อง คราวหลังการรับประทานอาหารภายใน 7 วัน
ไวรัสก่อโรคผ่านทางเดินอาหาร (Enteric Viruses) ประกอบด้วยไวรัสหลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น ไวรัสโนโร (Norovirus) ที่มักจะแปดเปื้อนทั้งยังในสินค้าอาหารสด สัตว์น้ำชนิดมีเปลือก รวมทั้งน้ำที่ไม่สะอาด แสดงอาการข้างใน 1-2 วัน หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A) ที่สามารถติดต่อด้วยการได้รับเชื้อจากอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง ข้างใน 2-3 อาทิตย์

(https://www.img.in.th/images/89a0e8c4ba7fa839cee38703558e1214.jpg)
ซึ่งเมื่อเชื้อโรค หรือ พิษเข้าสู่ร่างกาย จะก่ออาการ เร็ว หรือ ช้า  ขึ้นกับชนิด และก็จำนวนของเชื้อ หรือ ของสารพิษ ซึ่งเจอกำเนิดอาการได้ตั้งแต่ 2-6 ชั่วโมงข้างหลังรับประทานอาหาร/กินน้ำ ไปจนกระทั่งเป็นวัน หรือ สัปดาห์ หรือ เป็นเดือน (ได้แก่ ในเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ) แต่โดยปกติ พบได้บ่อยเกิดอาการข้างใน 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3วัน  อาการโดยธรรมดาที่พบได้ทั่วไป จากโรคอาหารเป็นพิษ ดังเช่น ท้องเดิน อาจเป็นน้ำ มูก หรือ มูกเลือด ปวดท้อง อาจมาก หรือ น้อย ขึ้นกับความรุนแรงของโรค มักเป็นการปวดบิด เพราะเหตุว่าการบีบตัวของลำไส้ อ้วก คลื่นไส้ ในบางรายอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้  เป็นไข้สูง อาจหนาวสั่น แต่ว่าบางโอกาสเป็นไข้ต่ำได้  ปวดหัว เมื่อยร่างกาย บางทีอาจปวดข้อ สังกัดชนิดของเชื้อหรือ สารพิษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว  อาจมีผื่นขึ้นตามเนื้อตัว  อาจมีกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรง ดังที่กล่าวมาแล้วแล้วเหมือนกัน  มีอาการของการสูญเสียน้ำภายในร่างกาย  อาทิเช่น อ่อนแรง  เหน็ดเหนื่อยง่าย  ปากแห้ง ตาโบ๋  เยี่ยวบ่อยครั้ง



ดังนี้การตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาต้นเหตุของอาหารเป็นพิษยังทำได้ด้วยวิธีการตรวจจำนวนแอนติบอดีในเลือด (Immunological tests) หรือวิธีอื่นๆได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและก็ดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อปฏิบัติการรักษาอย่างถูกต้องในขั้นตอนต่อไป   
กรรมวิธีรักษาโรคของกินเป็นพิษ ที่สำคัญที่สุดเป็นรักษาประคับ ประคองตามอาการ ตัวอย่างเช่น คุ้มครองสภาวะขาดน้ำแล้วก็ขาดสมดุลของเกลือแร่ซึ่งการดูแลรักษาโดยให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดเมื่อท้องเดินมาก ยาพารา ยาที่ช่วยบรรเทาอาการอ้วก คลื่นไส้ และยาลดไข้ นอกจากหมายถึงการดูแลและรักษาตามปัจจัย ยกตัวอย่างเช่นพินิจพิเคราะห์ให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ให้ยาต้านทานสารพิษหากเป็นชนิดมียาต้านทาน แต่ว่าคนป่วยส่วนใหญ่มักมีลักษณะอาการที่ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการดูแลตนเองที่บ้าน สิ่งจำเป็นที่สุด คือ ต้องมานะอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรจะกินน้ำเปล่ามากๆหรือจิบน้ำเป็นประจำเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากอาการท้องเดินแล้วก็อ้วกมากจนเกินไป



ในขณะปวดท้อง หรือ คลื่นไส้คลื่นไส้ ไม่สมควรทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำเพราะว่าอาการจะรุนแรงขึ้น   กินน้ำสะอาดให้ได้วันละมากมายๆขั้นต่ำ 8-10 แก้ว เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้ จำกัดน้ำดื่ม  พักให้มากมายๆรักษาสุขลักษณะพื้นฐาน เพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ไปเชื้อสู่ผู้อื่น ที่สำคัญเป็นการล้างมือให้สะอาดเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างหลังการขับ ถ่าย แล้วก็ก่อนอาหาร

ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)  ในขิงนั้นจะมีประโยชน์สำคัญที่ออกฤทธิ์ ชื่อ “Gingerol” (จิงเจอรอล) มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องอืด สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในคุณแม่ที่ให้นมบุตรเจริญรวมทั้งไม่มีอันตรายกว่ายาขับลมอื่นๆอีก    นอกจากนี้ในกรณีที่ท้องเสีย การกินน้ำขิงจะช่วยให้การอักเสบที่เกิดขึ้นจากพิษของเชื้อโรคน้อยลง และก็ยังช่วยขับเชื้อโรคอีกด้วย แต่แต่ หากว่าอาการท้องเดินมีความร้ายแรงก็ควรรีบไปพบแพทย์
กระชาย (http://www.disthai.com/16484907/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B3)  สรรพคุณ  เหง้าใต้ดิน – มีรสเผ็ดร้อนขม แก้ปวดท้อง  เหง้ารวมทั้งราก – แก้บิดมูกเลือด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ
มังคุด  คุณประโยชน์  รักษาโรคท้องร่วงเรื้อรัง แล้วก็โรคไส้  ยาแก้ท้องเสีย ท้องร่วงยาแก้บิด (ปวดเบ่งรวมทั้งมีมูก และอาจมีเลือดด้วย) เป็นยาคุมกำเนิดธาตุ  ยาแก้อาการท้องเสีย ท้องเสีย  ใช้เปลือกผลมังคุดตากแห้งต้มกับน้ำปูนใส หรือฝนกับน้ำกิน ใช้เปลือกต้มน้ำให้เด็กกินทีละ 1-2 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง  ยาแก้บิด (ปวดเบ่งรวมทั้งมีมูกและอาจมีเลือดด้วย)
ใช้เปลือกผลแห้งโดยประมาณ ½ ผล (4 กรัม) ปิ้งไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสราวครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผุยผง ละลายน้ำสุก กินทุก 2 ชั่วโมง
เอกสารอ้างอิง