โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: jeerapunsanook ที่ มีนาคม 29, 2018, 09:52:52 am

หัวข้อ: โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: jeerapunsanook ที่ มีนาคม 29, 2018, 09:52:52 am
(https://www.img.in.th/images/fc83e85bba43b9664d517546b1f18592.md.jpg)
โรคเบาหวาน(Diabetes Mellitus)



ระดับน้ำตาลในเลือดคนปกติเป็นเท่าใด
ตาราง ค่าน้ำตาลในเลือด (มก.ดล.)
                น้ำตาลในเลือดเมื่องดอาหาร            น้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร
คนปกติ               60 – น้อยกว่า 100               น้อยกว่า 140
ภาวะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน       100 – น้อยกว่า 126             140 – น้อยกว่า 200
เบาหวาน   126 ขึ้นไป              200 ขึ้นไป
ฉะนั้นเบาหวาน จึงมีต้นเหตุจากความไม่ดีเหมือนปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ที่มีผลทำให้ระดับ น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกิน โรคเบาหวานจะมีอาการเกิดขึ้นเนื่องจากการที่ร่างกายไม่อาจจะใช้น้ำตาลได้อย่าง เหมาะสม ซึ่งโดยธรรมดาน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด สูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลสำหรับเพื่อการทำลายเส้นโลหิต ถ้าเกิดมิได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะควร อาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสถานการณ์แทรก ซ้อนที่รุนแรงได้

กรุ๊ปอาการเด่นของเบาหวานมีดังนี้



โรคแทรกซ้อนเรื้อรังที่พบได้มากในคนป่วยโรคเบาหวาน  ไตเสื่อม ไตวาย จากเบาหวาน                   ไตเป็นอวัยวะที่ปฏิบัติภารกิจกรองสารต่างๆที่อยู่ในกระแสโลหิต  มีเส้นเลือดขนาดเล็กจำนวนมากรอบๆไต  เมื่อฝาผนังเส้นเลือดถูกทำลายโดยน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่เป็นเวลานาน  วิธีการทำหน้าที่สำหรับในการกรองของไตจะเริ่มเสื่อมลง  ทำให้โปรตีนรั่วออกมาในฉี่ คนเจ็บที่เป็นโรคเบาหวานมานานกว่า  10  ปี มักกำเนิดปัญหาไตเสื่อม  แม้กระนั้นความร้ายแรงและก็ระยะการเกิดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการควบคุมน้ำตาลในเลือด
หน้าจอประสาทตาเสื่อและก็ต้อกระจกจากเบาหวาน เป็นผลมาจากการสะสมรวมตัวกันของน้ำตาลบริเวณเลนส์ตา  ทำให้เลนส์ตาบวมและก็มัวลงไม่เกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิตภายในดวงตา  ซึ่งสามารถคุ้มครองปกป้องได้โดยการควบคุมน้ำตาลในเลือด รอบๆเรตินา  เป็นรอบๆที่มีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมากมาย  เมื่อเส้นเลือดฝอยถูกทำลายทำให้ฝาผนังเส้นเลือดฝอยโป่งพองกระทั่งแตก มีเลือดไหลออกมาในบริเวณวุ้นตา  เมื่อรอยรั่วหายก็ดีกำเนิดแผลซึ่งจะขวางการไหลของเลือดข้างในตา  จึงมีการแตกออกใหม่ของเส้นเลือดฝอย เพื่อช่วยสำหรับเพื่อการไหลเวียนโลหิต  แต่ว่าเส้นเลือดฝอยที่แตกออกใหม่จะเปราะบาง  แตกง่าย  ทำให้มีเลือดออกมาอยู่ในวุ้นตาและเรตินา  เวลานี้จะพบว่าคนไข้มีลักษณะอาการตามัว  เมื่อแผลเกิดมากขึ้นจะสร้างเส้นใยเป็นร่างแหในลูกตา  เมื่อรอยแผลเป็นหดรัดตัว  มีการดึงรังและฉีกให้ขาดของเยื่อรอบๆส่วนหลังของดวงตา  จะมีลักษณะอาการเหมือนมีม่านดำกางผ่านขวางตาหรือเสมือนมีแสงสีดำพาดผ่านตา  ซึ่งเมื่อมีอาการแบบนี้ให้เจอหมอรักษาตาทันทีเนื่องจากอาจจะก่อให้ตาบอดได้
ปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน เป็นโรคแทรกซ้อนที่พบได้ทั่วไปในคนป่วยโรคเบาหวาน  โดยไม่กระตุ้นให้เกิดอันตรายถึงแก่ความตาย แต่ว่าทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญและเจ็บปวดทรมาน  เกิดจากเส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงเส้นประสาทถูกทำลาย   ไม่อาจจะส่งออกสิเจนมาตามกระแสโลหิตเพื่อไปเลี้ยงเส้นประสาทได้  รวมทั้งการมีน้ำตาลสะสมรวมตัวกันอยู่รอบๆเส้นประสาทเองด้วย จึงทำให้ลักษณะการทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง   การรับรู้ความรู้สึกต่างๆต่ำลง  โดยยิ่งไปกว่านั้นรอบๆปลายมือปลายตีน จะเกิดอาการชา  เมื่อกระทบถูกความร้อนหรือเจ็บปวดจะไม่ค่อยรู้สึก  จึงมีอันตรายกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน  เพราะเหตุว่าอาจทำให้กำเนิดแผลได้ง่ายโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว  เมื่อเป็นมากอาจทำให้กล้ามเนื้อลีบเล็กลง  ทำกิจวัตรที่ทำเป็นประจำทุกวันได้น้อยลง
 นับเป็นโรคแทรกซ้อนที่คุกคามต่อชีวิตได้  คนป่วยจะมีลักษณะอาการเจ็บแน่นหน้าอก จากเส้นโลหิตหัวใจตีบ  กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตราบจนกระทั่งกล้ามเนื้อหัวใจตายท้ายที่สุด โรคหลอดเลือดหัวใจ มักเกิดขึ้นจากควบคุมโรคเบาหวานไม่ดี  ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไม่ออกกำลังกาย อ้วน สูบบุหรี่ประวัติโรคหัวใจในครอบครัว  และเป็นคนที่เครียดเป็นประจำ
โรคเส้นโลหิตสมองตีบ เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากหลอดเลือดที่มาเลี้ยงรอบๆสมองแคบ  ก่อให้เกิดการทุพพลภาพหรืออาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้  ช่องทางกำเนิดเส้นโลหิตสมองแคบจะสูงมากขึ้น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความดันเลือดสูงร่วมด้วย  ทำให้อวัยวะที่สมองส่วนนั้นควบคุมอยู่ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงไปเกิดอัมพฤกษ์  หรืออัมพาต

(https://www.img.in.th/images/d0d1d1b3d00736162693e0c4cced7689.jpg)
กรุ๊ปเสี่ยงที่จะป่วยเป็นเบาหวาน



คนที่มีภาวะดังที่กล่าวมาแล้วถึงแม้ไม่มีอาการโรคโรคเบาหวานควรตรวจตรา ถ้าหากระดับน้ำตาลอยู่ในข่ายสงสัยควรตรวจซ้ำในระยะ 1 ปี



ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นเป็นแนวทางที่จะทำให้เราทราบได้อย่างแจ่มแจ้งว่ามีระดับน้ำตาลสูงเพียงใด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ค่อนข้างที่จะแน่ๆ ในคนธรรมดาระดับน้ำตาลในเลือดจะคงเดิม เป็นประมาณ 80-110 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยระดับน้ำตาลก่อนกินอาหารเช้าจะมีค่าประมาณ 70-115 มิลลิกรัม/ดล. เมื่อทานอาหาร ของกินจะถูกเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลกลูโคสและถูกซึมซับไปสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแต่ว่าจะไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังรับประทานอาหารรุ่งเช้าแล้ว 2 ชั่วโมง แต่ถ้าตรวจพบระดับน้ำตาลที่สูงเกิน 140 มิลลิกรัม/ดล. ขั้นต่ำ 2 ครั้งขึ้นไปก็จะจัดว่าผู้นั้นเป็น “โรคเบาหวาน”
ตรวจค้น ฮีโมโกบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) คือการตรวจจำนวนน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกบินซึ่งเป็นสารโปรตีนประเภทหนึ่งในเม็ดเลือดแดงมีบทบาทนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ การตรวจด้วยแนวทางแบบนี้จะใช้ข้างหลังการดูแลรักษาแล้วเพื่อตรวจผลการควบคุมโรคมากยิ่งกว่าตรวจเพื่อหาโรค  กรณีที่มีอาการป่วยด้วยเบาหวานในภาวะที่ควบคุมได้ยากหรือมีโรคแทรกควรได้รับการตรวจทุกๆ2 สัปดาห์ถ้าอยู่ระหว่างช่วงตั้งครรภ์แล้วก็เป็นเบาหวานควรตรวจจำนวนฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) ทุกๆ1 – 2 เดือนเพื่อบอกจำนวนน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในสภาวะที่เป็นโทษหรือเปล่า นอกเหนือจากนั้นอาจมีการตรวจอื่นๆมี อาทิเช่น  ตรวจระดับน้ำตาลในเยี่ยว กรณีที่วัดระดับน้ำตาลในเยี่ยวและพบว่ามีน้ำตาลคละเคล้าออกด้วยนั้น ย่อยแปลว่าผู้นั้นมีอาการป่วยด้วยเบาหวาน โดยมองประกอบกับการหรูหราน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นยิ่งกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องจากไตของผู้คนมีความเข้าใจกรองน้ำตาลได้ราว 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  ด้วยเหตุนี้ถ้าร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงยิ่งกว่าระดับนี้ ไตก็จะไม่สามารถที่จะกรองน้ำตาลเอาไว้ได้น้ำตาลส่วนที่เกินออกมาพวกนั้นก็จะถูกขับออกมากับฉี่
Glucose tolerance test (GTT) การตรวจด้วย GTT มักทำในเด็กที่ยังไม่มีลักษณะโรคเบาหวานแจ่มกระจ่าง ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลหลังงดเว้นอาหารกับการตรวจปัสสาวะยังไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติ GTT มักทำในเด็กที่แต่งงานที่มีพ่อหรือมารดาเป็นโรคโรคเบาหวานหรือตรวจฝาแฝดเหมือน (identical twins) ที่คนหนึ่งเป็นโรคเบาหวานแล้ว
การดูแลรักษาโรคเบาหวน ปัจจุบันนี้เบาหวานมีแนวทางการดูแลรักษา 4 วิถีทางประกอบกันเป็น  การฉีดอินซูลินไปสู่ร่างกายโดยตรง  การใช้ยาเม็ดควบคุมน้ำตาลในกระแสโลหิต การควบคุมอาหาร การบริหารร่างกาย
การดูแลรักษาโดยการฉีดอินซูลิน การใช้อินซูลินในคนไข้โรคเบาหวานจำพวกที่ 1 เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างอินซูลินได้อย่างพอเพียง โดยปกติแพทย์มักกำหนดให้ฉีดอินซูลินไปสู่ร่างกายวันละ 2 ครั้ง การใช้อินซูลินในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2  ในคนป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 นั้น ตับอ่อนยังคงทำหน้าที่ผลิตอินซูลินได้ แต่ว่าร่างกายกลับต่อต้านอินซูลินหรืออินซูลินที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอทำให้ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ วัตถุประสงค์ของการดูแลและรักษาโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 ในตอนนี้ ก็เลยเน้นไปที่การลดระดับน้ำตาบในกระแสโลหิตทั้งยังในตอนก่อนและหลังรับประทานอาหารเพื่อปกป้องการเกิดภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดแดง
การรักษาโดยการใช้ยา ยารักษาเบาหวาน ยาที่ใช้สำหรับการรักษาเบาหวานนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มเป็น ยาที่ส่งผลสำหรับในการกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งจำนวนอินซูลินมากยิ่งขึ้น ดังเช่นว่า Sulfonylureas (Chlorpropamide, Acetazolamide, Tolazamide, Glyburide หรือ Glipizide) โดยการทำหน้าที่ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ด้วยการกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินในปริมาณมากขึ้น ยาที่ส่งผลสำหรับเพื่อการยับยั้งการเผาไหม้คาร์โบไฮเดรตในไส้ ตัวอย่างเช่น Alpha-Glycosides inhibitors (Acarbose แล้วก็ Meglitol) ชวยชะลอแนวทางการยอยแล้วก็ดูดซึมน้ำตาลแล้วก็ แปงในลําไสซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหลังมื้อของกิน ยาที่มีผลในการลดการสร้างเดกซ์โทรสในตับแล้วก็เพิ่มการใช้น้ำตาลเดกซ์โทรส ได้แก่ Biguanide (Metformin) เป็นยาที่ช่วยลดปริมาณการผลิตเดกซ์โทรสจากตับและก็ช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นลักษณะการทำงานของอินซูลินซึ่งผลิตโดยตับอ่อน ยาที่ปฏิบัติภารกิจลดภาวะการต้านอินซูลินในร่างกาย ดังเช่นว่า ยาในกรุ๊ป Thiazolidine diones  Thiazolidinediones (Rosiglitazone แล้วก็ Pioglitazone) ยาชนิดนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อตับอ่อน แม้กระนั้นปฏิบัติภารกิจทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการทำงานของอินซูลินที่ตับอ่อนผลิตออกมา การควบคุมของกิน การควบคุมของกินจำพวกแป้ง และน้ำตาล เป็นการช่วยลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งถ้าหากทำพร้อมกันไปกับการใช้ยาด้วยและจากนั้นก็จะทำให้กำเนิดประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลสำหรับเพื่อการรักษาโรคเบาหวานได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น
การดูแลและรักษาโดยการออกกำลังกาย เมื่อบริหารร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ ดังเช่น  มีการใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ มีการดำเนินงานของปอดและหัวใจมากขึ้น มีการปรับระดับฮอร์โมนหลายชนิด ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะเกิดมากน้อยขึ้นอยู่กับต้นเหตุหลายอย่าง เช่น ช่วงเวลาของการออกกำลังกาย น้ำหนักของการออกกำลังกาย ภาวะโภชนาการรวมทั้งสภาพความสมบูรณ์ของปอดแล้วก็หัวใจ