โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: adzposter ที่ มีนาคม 31, 2018, 09:09:13 pm

หัวข้อ: โรคไข้เลือดออก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: adzposter ที่ มีนาคม 31, 2018, 09:09:13 pm
(https://www.img.in.th/images/ed96105b47520a51625686ac3bce8348.jpg)
โรคไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever)

(https://www.img.in.th/images/72db7d0d4c4429bbb268f3787b9f8f1c.jpg)
ด้วยเหตุว่ายังไม่มีการพัฒนายาฆ่าเชื้อเชื้อไวรัสเดงกี่การดูแลรักษาโรคนี้ จึงเป็นการรักษาตามอาการเป็นหลัก พูดอีกนัยหนึ่ง มีการใช้ยาลดไข้ เช็ดตัว รวมทั้งการปกป้องสภาวะช็อก ยาลดไข้ที่ใช้มีเพียงชนิดเดียวเป็นยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ปริมาณยาที่ใช้ในผู้ใหญ่คือ พาราเซตามอลแบบเป็นเม็ดละ500มิลลิกรัมกินทีละ1-2เม็ด ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (4 กรัม) ส่วนขนาดยาที่ใช้ในเด็กเป็น พาราเซตามอลแบบเป็นน้ำ 10-15มิลลิกรัมต่อ น้ำหนักตัว 1 โลต่อครั้ง ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่ควรรับประทาน เกินวันละ5ครั้ง หรือ2.6กรัม สินค้าพาราเซตามอลรูปแบบน้ำสำหรับเด็กมีจำหน่ายในหลายความแรงได้แก่ 120 มก.ต่อ 1 ช้อนชา (1 ช้อนชา พอๆกับ 5 มิลลิลิตร), 250 มก.ต่อ 1 ช้อนชา, รวมทั้ง 60 มก.ต่อ 0.6 มิลลิลิตร จำนวนมากเป็นยาน้ำเชื่อมที่ต้องรินใส่ช้อนเพื่อป้อนเด็ก ในกรณีเด็กทารก การป้อนยาทำเป็นออกจะยากจึงมีผลิตภัณฑ์ยาที่ทำจัดจำหน่ายโดยบรรจุในขวดพร้อมหลอดหยด เวลาใช้ก็เพียงใช้หลอดหยดดูดยาออกจากขวดและก็นำไปป้อนเด็กได้เลย เนื่องด้วยสินค้าพาราเซตามอลแบบเป็นน้ำสำหรับเด็กมีหลายความแรง จึงควรอ่านฉลากและก็วิธีการใช้ให้ดีก่อนนำไปป้อนเด็ก กล่าวคือ ถ้าหากเด็กหนัก 10 โล และก็มียาน้ำความแรง 120 มก.ต่อ 1 ช้อนชา ก็ควรจะป้อนยาเด็กครั้งละ 1 ช้อนชาหรือ 5 มล. แล้วก็ป้อนซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงแม้กระนั้นไม่ควรป้อนยาเกินวันละ 5 ครั้ง หากไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันที ยาพาราเซตามอลนี้เป็นยารับประทาน ตามอาการ เพราะฉะนั้นหากไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ในทันทีส่วนยา แอสไพรินแล้วก็ไอบูโปรเฟนเป็นยาลดไข้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่ายาทั้งสองแบบนี้ ห้ามประยุกต์ใช้ในโรคไข้เลือดออก เพราะเหตุว่าจะยิ่งผลักดันการเกิดภาวะ เลือดออกแตกต่างจากปกติจนบางทีอาจทำให้เป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยได้ ในส่วนการปกป้องคุ้มครองภาวการณ์ช็อกนั้น ปฏิบัติได้โดยการชดเชยน้ำ ให้ร่างกายเพื่อไม่ให้ขนาดเลือดลดต่ำลงกระทั่งทำให้ความดันเลือดตก หมอจะไตร่ตรองให้สารน้ำตามความรุนแรงของอาการ โดยบางทีอาจให้ คนเจ็บดื่มเพียงสารละลายเกลือแร่ โออาร์เอส หรือคนเจ็บบางราย อาจได้รับน้ำเกลือเข้าทางหลอดโลหิตดำ  ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือด ออกไม่ปกติจนถึงเกิดภาวะเสียเลือดบางทีอาจจำเป็นต้องได้รับเลือดเพิ่ม แม้กระนั้น ต้องเฝ้าระวังภาวการณ์ช็อกตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เนื่องด้วยภาวการณ์นี้มีความอันตรายต่อชีวิตของผู้เจ็บป่วยมากมายก่ายกอง



การปกป้องคุ้มครองทางด้านกายภาพ ยกตัวอย่างเช่น ปิดภาชนะเก็บน้ำด้วยฝาปิด ได้แก่ มีเขาหินปิดปากโอ่งน้ำ ตุ่มน้ำ ถังเก็บน้ำ หรือถ้าหากไม่มีฝาปิด ก็วางคว่ำลงถ้าหากยังไม่ต้องการที่จะอยากใช้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แปลงเป็นที่ออกไข่ของยุงลาย เปลี่ยนแปลงน้ำในแจกันดอกไม้สดบ่อยๆอย่างน้อยทุกๆ7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำลงในภาชนะเก็บน้ำ ยกตัวอย่างเช่น โอ่งน้ำ ตุ่ม ภาชนะละ 2-4 ตัว รวมถึงอ่างบัวและก็ตู้ที่เอาไว้สำหรับเลี้ยงปลาก็จะต้องมีปลารับประทานลูกน้ำเพื่อรอควบคุมปริมาณลูกน้ำยุงลายเช่นกัน ใส่เกลือลงน้ำในจานสำหรับมีไว้เพื่อรองขาตู้กับข้าว เพื่อควบคุมรวมทั้งกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยใส่เกลือ 2 ช้อนชา ต่อความจุ 250 มิลลิลิตร พบว่าสามารถควบคุมลูกน้ำได้นานกว่า 7 วัน
การคุ้มครองทางเคมี ยกตัวอย่างเช่น เพิ่มทรายทีมีฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีที่องค์การอนามัยโลกเสนอแนะให้ใช้รวมทั้งยืนยันความปลอดภัย เหมาะสมกับภาชนะที่ไม่สามารถใส่ปลากินลูกน้ำได้  การพ่นสารเคมีหรือยากันยุงเพื่อกำจัดยุงตัวสมบูรณ์เต็มวัย มีจุดเด่นคือ ประสิทธิภาพสูง แต่ว่าจุดอ่อนเป็น มีราคาแพง รวมทั้งเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์เลี้ยง จึงจำต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญสำหรับการฉีดพ่นและฉีดเฉพาะเมื่อต้องแค่นั้น เพื่อคุ้มครองความเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์เลี้ยง ควรเลือกฉีดในขณะที่มีคนอยู่ต่ำที่สุดและก็ฉีดพ่นลงในแหล่งที่คาดว่าเป็นแหล่งเกาะพักของ ได้แก่ ท่อระบายน้ำ ฯลฯ การใช้สารเคมีเพื่อกำจัดยุงในบ้านเรือน ที่ใช้กันมี 2 ชนิด คือ ยาจุดกันยุง และก็สเปรย์ฉีดไล่ยุง โดยสารออกฤทธิ์บางทีอาจเป็นยาในกรุ๊ปศัตรูทรอยด์ (Pyrethroids), ดีท (DEET, diethyltoluamide) ฯลฯ เมื่อก่อนมียาฆ่ายุงด้วย มีชื่อว่า สารฆ่าแมลงดีดีที แต่ว่าสารนี้ถูกยกเลิกการใช้ไปแล้วเนื่องจากเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตและหลงเหลือในสภาพแวดล้อมเป็นระยะเวลานานมากมาย แม้กระนั้น สารเคมีไม่ว่าจากยาจุดกันยุงหรือสเปรย์ฉีดไล่ยุง ก็มีความเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์ ด้วยเหตุนี้เพื่อลดความเป็นพิษดังที่กล่าวผ่านมาแล้วควรจุดยากันยุงในรอบๆที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ล้างมือทุกหนภายหลังสัมผัส ส่วนยาฉีดไล่ยุงจะมีความเป็นพิษมากกว่า โดยเหตุนี้ห้ามฉีดลงบนผิวหนัง แล้วก็ควรปฏิบัติตามวิธีใช้ที่เจาะจงข้างกระป๋องอย่างเคร่งครัด
การปฏิบัติตัว อาทิเช่น นอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยจะต้องปฏิบัติเหมือนกันอีกทั้งช่วงเวลากลางวันรวมทั้งเวลากลางคืน ถ้าไม่อาจจะนอนในมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดได้ ควรจะใช้ยากันยุงประเภททาผิวซึ่งมีสารสำคัญที่สกัดจากธรรมชาติ ดังเช่นว่า น้ำมันตะไคร้หอม (oil of citronella), น้ำมันยูคาลิปตัส (oil of eucalyptus) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่ามาทาหรือหยดใส่ผิวหนังใช้เป็นยากันยุง แม้กระนั้นคุณภาพจะต่ำกว่า DEET