โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: Treekaesorn ที่ เมษายน 11, 2018, 08:14:19 pm

หัวข้อ: โรควัณโรค - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: Treekaesorn ที่ เมษายน 11, 2018, 08:14:19 pm
(https://www.img.in.th/images/f5a4e607312af04bbcd63b3119e477c3.jpg)
กลุ่มบุคคลคนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค



กระบวนการรักษาวัณโรค (http://www.disthai.com/16828335/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84-tuberculosistb) ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าวัณโรคโรคปอด ส่วนหนึ่งส่วนใดมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดแจ้ง การวินิจฉัยก็เลยจำเป็นจะต้องใช้หลักฐานหลายชนิดประกอบกันตั้งแต่เรื่องราวสัมผัสวัณโรค อาการแสดง ยกตัวอย่างเช่น ไข้ต่ำๆไม่อยากกินอาหาร น้ำหนักลดซึ่งไม่มีลักษณะที่เฉพาะ คนไข้มีอาการเป็นไข้และก็ไอนานเกิน 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ไอออกเป็นเลือด ฟังเสียงหลักการทำงานของปอดเวลาที่หายใจ
แล้วต่อจากนั้นหมอบางทีอาจกระทำตรวจเบื้องต้นด้วยแนวทางตรวจคัดกรองวัณโรคที่เรียกว่า “การตรวจทูเบอร์คูลิน” (Tuberculin skin test : TST) ซึ่งเป็นการตรวจทางผิวหนังที่ใช้แนวทางของการโต้ตอบโดยกลไกภูมิต้านทานของร่างกายที่จะสามารถได้ผลบวกได้ระหว่าง 2-8 อาทิตย์ หลังจากที่ได้รับเชื้อวัณโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยแพทย์จะกระทำการฉีดยาที่เป็นโปรตีนสารสกัดจากเชื้อวัณโรค เรียกว่า “พีพีดี” (Purified protein derivative : PPD) เข้าชั้นใต้ผิวหนังรอบๆท้องแขน ต่อจากนั้นโดยประมาณ 48-72 ชั่วโมง จำต้องกลับมาให้แพทย์หรือพยาบาลตรวจรอยฉีดยา ถ้าบริเวณที่ฉีดยามีขนาดรอยบวมน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร แปลว่าบุคคลนั้นไม่น่าจะติดเชื้อ (ได้ผลลบ) แต่ว่าถ้าเกิดรอบๆที่ฉีดยามีขนาดรอยบวมตั้งแต่ 10 มม.ขึ้นไป แสดงว่าบุคคลน่าจะติดเชื้อโรควัณโรค (ให้ผลบวก) และจะต้องกระทำตรวจอื่นๆ
ทางห้องปฏิบัติการที่ช่วยวินิจฉัยวัณโรคเช่น เอ็กซเรย์ปอด ลักษณะผิดปกติที่เข้าได้กับวัณโรคปอดดังเช่น เจอการอักเสบของปอดที่ ปอดกลีบบน การย้อมเชื้อวัณโรคจากเสมหะ ควรทำในผู้ป่วยทุกรายที่สงสัยว่าเป็นวัณโรคเพื่อช่วย รับรองการวิเคราะห์ โดยจะเก็บเสมหะช่วงเวลาเช้าหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว 3 วันต่อเนื่องกัน จะรู้ผลด้านในราว 30 นาที แม้กระนั้นมีข้อเสียเป็น วิธีการแบบนี้ได้โอกาสตรวจเจอเชื้อวัณโรคได้เพียงแต่ราวๆครึ่งเดียวของคนป่วย แค่นั้น โดยเหตุนี้คนเจ็บที่ตรวจไม่เจอเชื้อวัณโรคในเสลดก็ยังบางทีอาจเป็นโรควัณโรคปอดได้ การเพาะเชื้อวัณโรคจากเสลด คุณลักษณะเด่นคือ วิธีการแบบนี้สามารถตรวจพบเชื้อได้สูงถึง 80 - 90% ของผู้ป่วย แม้กระนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาราวๆสองเดือนก็เลยทราบผล
เมื่อหมอวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรคปอด หมอจะให้ยารักษาวัณโรค โดยทั่วไปจะนิยมใช้สูตรยากิน 6 เดือน 2 เดือนแรกใช้ยา 4 ชนิด เช่น ไอเอ็นเอช (INH) หรือไอโซไนอะซิด (Isoniazid) ไรแฟมพิซิน (rifampicin) ,ไพราซิท้องนาไมด์ (pyrazinamide) และก็อีแทมบูทอล (ethambutol) บางรายอาจใช้ สเตรปโตไมซินจำพวกฉีดแทนอีแทมบูทอล แล้วต่อด้วยยา 2 ประเภท เช่น ไอเอ็นเอช และไรแฟมพิซิน อีก 4 เดือน
    แพทย์จะย้ำเตือนให้คนป่วยรับประทานยาให้ตามกำหนดทุกวี่วัน ห้ามลืมหรือเว้นบางมื้อหรือบางวัน กำชับให้พี่น้องช่วยดูแลให้คนป่วยรับประทานยาได้บ่อย ไม่งั้นอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ทำให้รักษาไม่ได้เรื่อง หรือต้องแปรไปใช้ยาสูตรที่แรงขึ้น    ส่วนคนไข้ที่เป็นเอดส์ร่วมกับวัณโรคปอด เว้นเสียแต่ให้ยาต่อต้านเชื้อไวรัสเอดส์แล้ว ยังจะต้องให้ยารักษาวัณโรค (ซึ่งเปลี่ยนสูตรยาที่แตกต่างกันออกไป) เป็นเวลานาน 9 เดือน
    แพทย์จะนัดคนเจ็บมาติดตามผลของการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยปกติเมื่อใช้ยาได้ 2 สัปดาห์ ลักษณะของการมีไข้และก็ไอจะเริ่มดีขึ้นกว่าเดิม ทานข้าวได้ รวมทั้งน้ำหนักขึ้น
    แพทย์จะทำการตรวจเสมหะ (มองว่าเชื้อหายหมดหรือยัง) เป็นระยะๆได้แก่ เมื่อกินยาครบ 2 เดือน 5 เดือน แล้วก็เมื่อจบการใช้ยารักษา ยิ่งไปกว่านี้บางทีอาจกระทำเอกซเรย์ปอดมองว่ารอยโรคหายดีหรือยัง
    ส่วนคนที่เป็นกรุ๊ปเสี่ยงต่อการเกิดตับอักเสบ เป็นต้นว่า คนป่วยดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์บ่อยๆ มีประวัติเป็นโรคตับอยู่ก่อน หรืออายุมากกว่า 35 ปี เมื่อรับประทานยารักษาวัณโรค ซึ่งอาจก่อให้ตับอักเสบได้ หมอจะทำการตรวจเลือดมองระดับเอนไซม์ตับ (AST, ALT) เพื่อมองว่ามีการอักเสบของตับเกิดขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้ปัญหาใหญ่เกี่ยวกับวัณโรคในประเทศไทยหมายถึงการเกิดวัณโรคดื้อยาหลายขนานซึ่งทำให้การรักษาหายสนิทเป็นได้ยากขึ้น และบางทีอาจเกิดภาวะเข้าแทรกถึงชีวิตได้ในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจากการรับประทานยาที่ไม่สม่ำเสมอของคนไข้สาเหตุจากปัญหาหลายอย่าง ดังเช่นว่า การที่ต้องกินยาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน (ขั้นต่ำ 6 เดือน) ทำให้คนเจ็บที่มีลักษณะดีขึ้นเล็กน้อยหยุดยาหรือไม่มีตามนัด หรือในรายที่อาจทนผลข้างเคียงของยาไม่ได้จึงหยุดยาเอง เป็นต้น
การติดต่อของวัณโรค เชื้อวัณโรคสามารถแพร่ไปได้ทางอากาศ จากผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคปอดแล้วก็กล่องเสียง การตำหนิดเชื้อเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อวัณโรคของผู้เจ็บป่วย ซึ่งมีสาเหตุจากการไอหรือจาม บอกหรือขับร้อง ฯลฯ การไอหรือจามหนึ่งครั้งสามารถสร้างละอองฝอยได้ถึงล้านละอองฝอย อนุภาคของเชื้อมีขนาดเล็กมากมายประมาณ1-5 ไมครอน ละอองของเชื้อจึงสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและก็ไปได้ระยะทางไกล เมื่อหายใจรับละอองฝอยที่มีเชื้อวัณโรคเข้าไปในระบบฟุตบาทหายใจที่ถุงลมของปอดแล้วก็บางทีอาจเกิดการติดโรคที่ปอดและก็แพร่กระจายเชื้อสู่อวัยวะต่างๆภายในร่างกายทางต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดได้
                ปัจจัยเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อขึ้นอยู่กับปริมาณ หรือความเข้มข้นของเชื้อในอากาศรวมทั้งระยะเวลาสำหรับในการสัมผัสเชื้อเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับผู้ป่วยเป็นวันหรือสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่นอยู่ห้องเดียวกัน เป็นต้น วัณโรคเป็นโรคติดเชื้อโรคที่มีลักษณะพิเศษคือ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือรับเชื้อเข้าไปในร่างกายทุกรายไม่จำเป็นที่จะต้องเจ็บป่วยคือ ไม่มีอาการแล้วก็อาการแสดงของวัณโรค เรียกว่า การติดเชื้อช่วงนี้ว่า วัณโรคอยู่ในระยะปกปิด/ระยะซ่อนเร้น (latent Mycobacterium tuberculosis infection)  เมื่อบุคคลได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกายแล้ว ตลอดช่วงชีวิตต่อจากนั้นเสี่ยงต่อโรคได้โดยประมาณ ปริมาณร้อยละ 10ซึ่งโดยประมาณปริมาณร้อยละ 5  (หรือราว จำนวนร้อยละ50) ได้โอกาสเป็นโรคในตอน 1-2 ปีแรก (CDC, 2011) ส่วนอีกร้อยละ 5   จะได้โอกาสเป็นโรคต่อไปถ้าหากร่างกายมีระบบระเบียบภูมิต้านทานธรรมดา ในกรุ๊ปที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายขาดตกบกพร่องจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าปริมาณร้อยละ 10
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นวัณโรค

(https://www.img.in.th/images/07e9a392cab5878ac62d206d956a99ef.jpg)
การป้องกันตนเองจากวัณโรค



ซึ่งวัคซีน BCG ถูกผลิตขึ้นเมื่อ  พ.ศ. 2461 A. Calmette และ A. Guerin สองนักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันพลาสเตอร์ ก็ผลิตวัคซีนขึ้นมาเรียกว่า Bacille Calmette-Guerin (BCG) และเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2464
สมุนไพรที่ใช้รักษา/บรรเทาอาการของวัณโรค วัณโรคเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไมโครแบคทีเรียที่เป็นอันตรายร้ายแรงและมีการติดต่อที่เร็วมาก เพราะสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ แต่ในประเทศไทยของเราถือว่าได้รับข่าวดีเป็นอย่างมากเมื่อมีคณะนักวิจัยสามารถศึกษาวิจัยต้นพบว่ามีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อวัณโรคได้ถึง 14 ชนิด ดังที่มีการจัดการประชุมวิชาการกรมวิทศาสตร์การแพทย์ ณ.อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อปี 2551 ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัย มหาวิทยาลัยโคโบราโดของอเมริกา ก็เพิ่งค้นพบว่า สารที่อยู่ในขมิ้นช่วยปราบวัณโรคชนิดที่ดื้อยาลงได้ โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยได้พบว่า ขมิ้นมีสารที่เรียกว่า แมคโครเฟลกซ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มโรคของมนุษย์สามารถขับไล่เชื้อวัณโรคได้ด้วย โดยจะไปกระตุ้นภูมิคุ้มโรคให้ต่อต้านเชื้อวัณโรคที่ดื้อยาให้อ่อนฤทธิ์กับการต่อสู้กับยาลง ซึ่งนักวิจัยได้ชี้แจงว่า การศึกษาทำให้เราได้พบหลักฐาน แสดงว่าสารในขมิ้นสามารถช่วยต่อต้านการอักเสบของวัณโรคชนิดที่ดื้อยาในเซลล์ของมนุษย์ได้  ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักวิจัยของไทย จะสามารถนำข้อมูลการวิจัยสมุนไพรเหล่านี้มาต่อยอด เพื่อผลิตเป็นยาเพื่อมารักษาวัณโรคได้ในภายหน้า
เอกสารอ้างอิง


หัวข้อ: Re: โรควัณโรค - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: gggggg020202 ที่ มิถุนายน 06, 2018, 08:23:14 am
โรควัณโรค เกิดจากอะไร