โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: Saiswatka ที่ มกราคม 05, 2018, 04:18:03 pm

หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม
เริ่มหัวข้อโดย: Saiswatka ที่ มกราคม 05, 2018, 04:18:03 pm
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1.jpg)
แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์จำพวกแมงหลายชนิดในวงศ์ ทุกประเภทจัดอยู่ในชั้น  Araneae  มีชื่อสามัญว่า spider กินสัตว์เป็นของกิน มีขนาดนานับประการตามแต่จำพวก  พวกที่ครั้งขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียง ๐.๗  เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ เซนติเมตร พวกที่พบตามบ้านช่องแล้วก็ก่อความเปรอะเปื้อนรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายชนิด (วงศ์  pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายต่างกัน รวมทั้งมักเรียกงงมากกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลากหลายประเภท ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มกำลังแล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่งส่วนใด กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่งส่วนใด มีขา ๘  หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ดังเช่นว่า แมงมุม  แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างเห็นได้ชัดเป็นท่อนหัว ส่วนอก และก็ส่วนท้อง  มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงพวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่  หรือเปล่ามีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากมายประเภทที่สุดในโลก อาทิเช่น แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งออกเป็น  ๒  ส่วน  ส่วนหัวกับส่วนอกติดกันเป็นส่วนเดียวคลุมด้วยแผ่นแข็งทั้งข้างหลังและก็ด้านล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางจำพวกอาจมีได้ถึง  ๘  ตา อยู่ใกล้ๆกัน  (ยกเว้นแมงมุมลางจำพวกที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด เป็นต้นว่าในถ้ำ)  ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่  มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมคีบใช้หนีบ  จับ  หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้  มีบ้องฐานข้อเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก  นอกจากนี้ที่ปากยังมีอวัยวะคู่ทรงคล้ายขา แต่ว่าสั้นกว่าและมักแบนกว่า (มักเจริญก้าวหน้าดีรวมทั้งเห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มกำลังแล้วก็ในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด  มีขา ๔ คู่  ที่ขามักมีส่วนประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องบางทีอาจกลมหรือยาวสุดแต่ชนิดของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปลดปล่อยใยได้  บริเวณข้างล่างของส่วนท้องข้อที่  ๒  รวมทั้ง ๓ มีอวัยวะทำหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ข้างในมีแผ่นบางๆเรียงทับกันเหมือนกระดาษหนังสือ แมงมุมส่วนมากที่คนประเทศไทยมองเห็นนั้น  มักเป็นชนิดถักใยขวางทางผ่านของสัตว์เพื่อจับรับประทานเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยรวมทั้งดิ้นรน  แรงสะเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมเจ้าของรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามแนวทางของแรงกระเทือนนั้นเข้าหาเหยื่อ กัดเหยื่อ รวมทั้งปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ  ก่อนจะกินเป็นอาหาร
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมากมาย  จัดอยู่ในหลายตระกูล  แม้กระนั้นทุกสกุลจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน  คือ  Araneae  จำพวกที่พบในประเทศไทยนั้น  โดยมากไม่มีพิษแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บปวดหรือตายได้  ตัวอย่างเช่น
๑.แมงใย หรือ ตัวใยแมงมุม  เป็นแมงมุมที่เจอตามบ้านเมืองและถักใยกระทั่งดูเลอะเทอะรวมทั้งรุงรัง  มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล  Pholcus หลากหลายประเภท (วงศ์ Pholcidae )  แมงมุมเหล่านี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ ข้างหลังท้องสีมักเข้ม ลางประเภทมีลาย จำนวนมากมีลำตัวยาว ๔-๕  มิลลิเมตร ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ ซม.  ทำให้ดูโย่งเย่งแล้วก็เปราะบาง  ก็เลยมีชื่อสามัญว่า  daddy  long-leg  spider  คนประเทศไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รุงรังและก็มีฝุ่นละอองหรือขี้เถ้ามาติด หยากไย่ที่แมงมุมพวกนี้ถักทอเอาไว้ภายในบ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว  หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีขี้เขม่าไฟหรือเถ้าถ่านติดอยู่ร่วมกัน แพทย์โบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก หญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน  พบได้มากตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่  เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล  Tetragnatha  หลายอย่าง  (สกุล Tetragnathidae ) ซึ่งชาวบ้านเรียก แมงมุมทำหลาว  เพราะเหตุว่าเมื่อสะดุ้ง  แมงมุมพวกนี้จะวิ่งไปหลบอยู่หลังใบไม้  ยื่นขา ๒ คู่แรกไปข้างหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว ดูเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งหลาวลงน้ำ แมงมุมเหล่านี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นรับประทานเป็นของกิน จัดเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์ต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์  Heteropodae  venatoria  (Linnaeus ) จัดอยู่ในวงศ์ Sparassidae  มีชื่อสามัญว่า  banana  spider ( เพราะเหตุว่ามักพบแมงมุมก๋านี้ในโรงเก็บของเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกึ่งกลาง ตัวผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒  ซม.  ตัวเมียมีลำตัวยาว  ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ ซม. หัวกระทรวงอุตสาหกรรมขา แล้วก็ท้องสีน้ำตาล  ตาสีคล้ำ  ที่หลังอกมีแถบสีดำครึ้มพิงตามแนวขวางด้านหน้า และแถบเป็นง่ามคล้ายรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พิงมาถึงตรงกลาง  อาจพบจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด  มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้าและก็ขา  ทำให้ดูน่าสยดสยอง แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย  ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง  เจออาศัยอยู่ตามบ้านเรือนหรือตามคลังสินค้า เป็นแมงมุมที่มีประโยชน์  ด้วยเหตุว่าถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Myrmarachne  formicaria  Linnaeus  จัดอยู่ในตระกูล  Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น  พบได้บ่อยแล้วก็มีชุกตามจังหวัดชายหาด  ดังเช่น  ชลบุรีหรือระยอง มีรูปร่าง   ขนาด  และสีสันใกล้เคียงกับมดแดง  แล้วก็ถูกใจอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แต่ว่าแตกต่างกันตรงที่เมื่อแมงมุมพวกนี้กระโจน  จะถักใยทิ้งตัวเพื่อโยกย้ายได้  เมื่อสังเกตอย่างรอบคอบขมักเขม้น จะพบว่าปริมาณขาและลักษณะอื่นๆแตกต่างจากมดแดง
(http://www.คลัง[url=http://www.disthai.com/][b]สมุนไพร[/b][/url].com/wp-content/uploads/2017/09/Spider.jpg)
คุณประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”และ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้
๑.หญ้ายองไฟ  หมอแผนไทยรู้จักใช้หยากไย่แมงมุมเหนือเตาไฟในครัวของบ้านไทยในชนบทอดีตสมัย (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน)  หยากไย่แมงมุมที่มีเขม่า ขี้เถ้า  และก็ฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ แพทย์โบราณเรียก  ต้นหญ้ายองไฟ  ลางตำราเรียนเรียกเป็น  หยากไย่ไฟ  หรือ  หยักไย่ไฟ  ก็มี  ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร (http://www.disthai.com/) ตำราคุณประโยชน์ยาโบราณว่า  ต้นหญ้ายองไฟมีรสเค็ม  ขื่น  มีสรรพคุณแก้เลือด  ฟอกเลือด  กระจัดกระจายเลือดอันเป็นลิ่มเป็นก้อน  ขับโลหิตระดู
แบบเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “หญ้ายองไฟ”  เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา  ๒  ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันเกิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ภายในพระตำราไกษย  ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเล่า  หากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง  ให้เอาพริกเทศ  ๑๐๘  เม็ด  พริกล่อน  ๑๐๘  เม็ด  ผักกะซึมซับเอาทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท  หญ้าไซย้อย  ๑  หญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  บาท  ไพลแห้ง (http://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5)  ๑  บาท  ตำเปนผง  ละลายน้ำเหล้าน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้  ยักน้ำกระสายให้ถูกใจโรคนั้นเหอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตของสตรีซึ่งมีบันทึกไว้ใน  พระคัมภีร์มหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑   แก่นแสมทเล  ๑  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  ขมิ้นอ้อย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/)  ๑  บดละลายสุรารับประทาน  ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาลางขนาน  ผู้ครอบครองตำรับบางทีอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปริศนาให้ตีความกันเอาเอง  เป็นต้นว่า  ยาแก้บิดขนานหนึ่ง  ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน  รับประทานท่า  อยู่หลังคา  ขี้คารู  คู่อ้ายบ้า”  ซึ่งก็คือ “รากเจตมูลเพลิงเเดง (http://www.disthai.com/16488300/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87)  ๑  ผักเป็ด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94/) ๑  หญ้ายองไฟ ๑  คนติดยาฝิ่น (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%9D%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99/)  ๑  เหล้าเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก  แพทย์แผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท  ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา  เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน  เช่น  “ยานากพด”  ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ในพระตำราปฐมจินดาร์  ดังนี้ ยาชื่อนากพด  ท่านให้เอาใบหนาด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88/)  ๑  พริกไท (http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2)ย  ๑  เบี้ยจั่นเผา  ๑  ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87) ๑  รังหมาร่าเผา  ๑  แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)ตายซาก  ๑  ลำพัน (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/)  ๑  รวมยา  ๗  สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน  บดทำแท่งไว้  แก้ทรางทั้งผอง  แก้ละอองพระบาท  แก้ตะพั้น  อีกทั้งรับประทานทั้งยังชะโลมดีนัก