โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: gggggg020202 ที่ กรกฎาคม 03, 2018, 12:34:37 pm

หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด
เริ่มหัวข้อโดย: gggggg020202 ที่ กรกฎาคม 03, 2018, 12:34:37 pm
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/03/NhB6PV.jpg) (http://www.disthai.com/16941074/งาขาว-)
งาขาว (http://www.disthai.com/16941074/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-)
ชื่อสมุนไพร งาขาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะติด ซะเจี่ย (เมื่อน)
ชื่อสามัญ Sesame seeds (white)
ชื่อวิทยาศาสตร์   Sesamum  orientale Linn.
ตระกูล PEDALIACEAE
ถิ่นเกิด
งาขาวมีบ้านเกิดเมืองนอนเช่นเดียวกันกับ งาดำหมายถึงงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแต่โบราณ มีต้นกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถัดมาก็ถูกนำเข้าไปยังประเทศอินเดีย จีน รวมทั้งแถบแอฟริกาเหนือและเอเชียใต้ ในราวประมาณ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลและในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็เป็นที่รู้จักกันมาช้านาน ซึ่งประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้อีกทั้งทางยา ของกิน แล้วก็เครื่องแต่งตัว
ลักษณะทั่วไป
งาขาว เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรงจรดยอด สูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งแขนง แม้กระนั้นบางชนิดอาจมีการแตกกิ่งกิ่งก้านสาขา ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมหนา ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้
ใบงาขาว ออกเป็นใบคนเดียว เรียงตรงข้ามกันตามความสูงของลำต้น ประกอบด้วยก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวโดยประมาณ 5 ซม. ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราว 3-5 ซม. ยาวราวๆ 8-15 เซนติเมตร โคนใบมน เป็นฐานกว้าง แล้วก็ค่อยเรียวลงจนปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นแขนงใบ ขอบของใบเรียบหรือเป็นหยัก
ดอกงาขาวเป็นดอกผู้เดียวหรือเป็นกรุ๊ปรอบๆซอกใบ 1-3 ดอก มีก้านดอกสั้น ราว 3-5 มิลลิเมตร ต่อมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว ปริมาณ 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันหุ้มฐานดอก ต่อมาเป็นกลีบดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบดอกไม้อ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ประมาณ 4-5 ซม. ปลายกลีบห้อยลงดิน แล้วก็แยกออกเป็น 2 กลีบ คือ กลีบข้างล่างที่ยาวกว่า และก็กลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ถัดมาข้างในดอกจะมีสีกลีบข้างในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวไม่เท่ากันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ทั้งนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในตอนเวลาเช้า รวมทั้งกลีบดอกจะตกลงดินในช่วงเย็น
ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกออกจะกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวโดยประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักหนา มีสีเขียว และมีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา แล้วก็ปริแตก ทำให้เมล็ดตกลงดิน  ด้านในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กสีขาวไม่น้อยเลยทีเดียว เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เมล็ดมีรูปไข่ เปลือกเมล็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอมหวน ใน 1 ฝัก จะมีเมล็ดประมาณ 70-100 เม็ด
การขยายพันธุ์
                งาขาว ที่ปลูกกันทั่วไปมี 6 ประเภท เป็นต้นว่า



งาเป็นพืชเขตร้อนถูกใจอาการร้อนและก็แดดจัด อุณหภูมิที่สมควรต่อการเจริญเติบโต ราว 27-30 องศาเซลเซียส รังเกียจอากาศหนาวเย็น ถ้าอุณหภูมิต่ำลงยิ่งกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ บางครั้งอาจจะชะงักการเติบโต แม้กระนั้นหากอุณหภูมิสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้การผสมเกสรติดยากการสร้างฝักเป็นได้ช้า
   ฤดูปลูก

ส่วนการปลูกงาขาว (http://www.disthai.com/16941074/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-)นั้นสามารถทำได้ดังต่อไปนี้



ส่วนประกอบทางเคมี เมล็ดงาขาวประกอบด้วยน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเช่นเดียวกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตประมาณ 13.5% รวมทั้งขี้เถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาประมาณ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 35% รวมทั้งอีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ช่วงเวลาที่ 45% ของกากงาประกอบด้วยโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนองค์ประกอบทางเคมีที่มีในเม็ดงาขาวนั้นก็มีเหมือนกับงาดำ ดังเช่น กรดไขมันได้แก่ oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกลุ่ม lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆตัวอย่างเช่น sitosterol  ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้
(https://www.img.live/images/2018/07/03/815b789e8eaf832e.jpg) (http://www.disthai.com/16941074/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-)
คุณประโยชน์ทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม)
                งาขาวดิบ             
น้ำ                           3.9          กรัม
พลังงาน                 658         กิโลแคลอรี่
โปรตีน                    20.9        กรัม
ไขมัน                       57.1        กรัม
คาร์โบไฮเดรต                        15.0        กรัม
ใยอาหาร                                4.6          กรัม
เถ้า                           3.1          กรัม
แคลเซียม                               86           มก.
เหล็ก                       7.4          มก.
ฟอสฟอรัส                              650         มก.
เบต้า แคโรทีน                        0              มก.
ไทอะมีน                 1.08        มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน                           0.11        มิลลิกรัม
ไนอะซีน                  3.3          มก.
 
คุณประโยชน์/คุณประโยชน์
งาขาวใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวาน เป็นต้นว่า กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือของหวานต่างๆรวมถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆดังเช่น ใช้สำหรับทำครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารชนิดทอดต่างๆ ใช้เป็นองค์ประกอบของอาหารเสริม  ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง อย่างเช่น ครีมที่มีไว้สำหรับบำรุงผิว น้ำหอม สบู่ ฯลฯ ใช้ในอุตสาหกรรมยา และของกิน อาทิเช่น ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับเพื่อการผลิตช็อกโกแลต การสร้างเนยเทียม ฯลฯ  ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์  ใช้ทารักษาแผล  ใช้ชโลมผม ช่วยให้ผมมันวาววับ ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผดผื่นคัน มีการวิจัยในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองและก็ใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงขึ้นยิ่งกว่าถั่วเหลืองโดยประมาณ 3 เท่า และสูงขึ้นยิ่งกว่าไข่ ราวๆ 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงยิ่งกว่าไข่ประมาณ 5% แม้กระนั้นต่ำยิ่งกว่าถั่วเหลืองราวๆ 2 เท่า นอกนั้นโปรตีนในงาขาวยังไม่เหมือนกับพืชตระกูลถั่วรวมทั้งพืชให้น้ำมันอื่นๆเนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นซึ่งพืชดังกล่าวมาแล้วข้างต้นขาดแคลน เป็นต้นว่า การเซ่นสรวงไธโอนินแล้วก็ซีสว่ากล่าวน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ ดังนั้นอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกของกินถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นของกิน หรือใช้เสริมโปรตีนซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ซึ่งมีราคาแพง นอกเหนือจากนั้นยังใช้เสริมของกินพวกเมล็ดพืช กล้วย รวมทั้งของกินแป้งอื่นๆได้เป็นอย่างดี
นอกนั้นเม็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม แล้วก็ฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากยิ่งกว่าพืชทั่วๆไปราวๆ 20 เท่า ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น ตำรายาไทยระบุว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบเสิบสาน น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผลก้าวหน้า การหุงน้ำมันจำเป็นต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบและก็เถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย  ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวไปจนกระทั่งเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศแล้วก็ไทยสิ่งละบางส่วน หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วไว้ภายในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยสมานแผลได้ดิบได้ดีมากมาย
 ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น หนังสือเรียนยาไทยกล่าวว่า สารเซซาไม่นในเม็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสเลือดของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรค Athersclerosis (ไขมันตันในเส้นเลือด)  ทุเลาอาการของโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา เป็นต้นว่า Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาลักษณะของโรคริดสีดวงทวารได้
ทั้งนี้มีการทำการค้นคว้าน้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ยกตัวอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินแล้วก็เส้นใย ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการต้านทานโรคมะเร็ง และก็เกื้อหนุนสุขภาพ
แบบ/ขนาดวิธีใช้ เหมือนกันกับงาดำ คือสำหรับเพื่อการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์ส่วนมากจะใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ด้านอาหารและสินค้าเสริมความงามมากยิ่งกว่าด้านการดูแลรักษาโรคแม้กระนั้นก็มีการนำไปใช้ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง ได้แก่

การเรียนทางเภสัชวิทยา การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของงาขาวนั้นโดยมากเป็นการเรียนรู้ควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเรียนรู้รวมกันทั้งยังงาขาว งาดำ) โดยเหตุนั้นผลการค้นคว้าทางเภสัชวิทยาของงาขาวจึงดังงาดำ (มองการศึกษาทางเภสัชของงาดำ) แต่ผู้เขียนสามารถเก็บข้อมูลการศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของงามาเพิ่มอีกได้อีก 2 ฉบับ คือ
                การเล่าเรียนฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินทีละ 3.5 มก./กก.น้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ติดต่อกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 กรัมต่ออาหาร 100 ก. ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดจำนวนคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol และก็ Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงลดความเข้มข้นของผลิตผลจากการเกิดการเพอคอยกสิเดชั่นของไขมันที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากพิษของนิโคติน นอกนั้นยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA และคุ้มครองป้องกันไม่ให้ DNA ในเนื้อเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถทุเลาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นและก็ความเป็นพิษต่อสารพันธุกรรมในร่างกายได้ แล้วก็การศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดความดันเลือดสูง ผู้ป่วยชายและก็หญิงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับน้อยถึงปานกลาง เป็นมีค่าความดันโลหิตตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท แล้วก็ค่าความดันโลหิตตัวล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี จำนวน 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลและรักษาเป็นยาขับปัสสาวะ hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีกลายร่วมการเล่าเรียน และก็ยังคงได้รับยานี้ตามปกติตลอดการศึกษานี้ คนไข้จะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้สำหรับการทำกับข้าวในครอบครัว 4 – 5 กก. ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (ราว 35 ก./วัน/คน) แล้วก็จำต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงแต่ชนิดเดียวตลอด 45 วัน ต่อจากนั้นหยุดเปลืองน้ำมันงา ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน ทำการตรวจร่างกาย ความดันโลหิต น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ แล้วก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเลือด ก่อนการเล่าเรียน ภายหลังจากกินน้ำมันงา 45 วัน และภายหลังหยุดเปลืองน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันประเภทอื่นสำหรับเพื่อการปรุงอาหารในคนเจ็บความดันโลหิตสูง ทำให้ค่าความดันโลหิตตัวบนและก็ตัวด้านล่างกลับลงสู่ระดับปกติ น้ำหนักร่างกาย รวมทั้ง BMI ลดน้อยลง แต่ว่าหลังจากหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังที่กล่าวถึงมาแล้วกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol แล้วก็ low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ได้แตกต่างกันเมื่อวัดผลทั้งยัง 3 ตอนที่ศึกษาเล่าเรียน เว้นเสียแต่ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลดน้อยลงเมื่อใช้น้ำมันงา แล้วก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา   ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาและลดลงสู่ค่าธรรมดาเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ต่ำลงเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งค่ายังคงเดิมภายหลังที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับเอนไซม์ catalase รวมทั้ง superoxide dismutase ในเลือดสูงขึ้น แล้วก็ glutathione peroxidase ในเลือดลดน้อยลง เมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งค่ายังคงเดิมภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-ติดอยู่โรทีน รวมทั้ง reduced glutathione สูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งลดน้อยลงภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการเล่าเรียนแปลว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดระดับความดันเลือด ลดการเกิด lipid peroxidation รวมทั้งเพิ่มฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ ในคนป่วยความดันโลหิตสูงร่วมกับยาขับฉี่ได้
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา การเล่าเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการเรียนรู้ควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเล่าเรียนรวมกันงาขาว งาดำ) ดังนั้นผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยทางพิษวิทยาของงาขาวก็เลยราวงาดำ (มองการศึกษาทางพิษวิทยาของ งาดำ)
 
อเสนอแนะ/ข้อควรตรึกตรอง

เอกสารอ้างอิง