โรงรับจำนำ ประกาศขายสินค้าฟรี ซื้อขายสินค้าหลุดจำนำ ตั๋วจำนำ

ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน => ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: gogrov5568225 ที่ สิงหาคม 03, 2018, 06:08:46 pm

หัวข้อ: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: gogrov5568225 ที่ สิงหาคม 03, 2018, 06:08:46 pm
(https://www.img.live/images/2018/07/24/Ginger-1.jpg) (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)
ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ภายนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาทำกับข้าวด้วยเหตุว่าส่งกลิ่นหอม ยิ่งไปกว่านี้ ขิงยังใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ รวมทั้งเครื่องสำอางทั้งหลายแหล่เหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลายประเภทมาอย่างนาน อย่างเช่น โรคเกี่ยวกับระบบที่ทำการย่อยอาหารอย่างท้องร่วง มีก๊าซในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ คลื่นไส้ ไม่อยากกินอาหาร
คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการอ้วกและก็ลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าส่วนมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้ และก็สารนี้อาจมีผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แต่การสันนิษฐานดังที่กล่าวมาแล้วยังไม่ชัดเจนนัก รวมทั้งคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งคุณประโยช์จากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น เวลานี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลแจกแจงไว้ดังนี้
การรักษาที่บางทีอาจได้ผล
อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต่อต้านไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือเอดส์ คุณประโยชน์ทุเลาอาการคลื่นไส้อ้วกของขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)บางทีอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคนี้ที่เอาแต่ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาผู้เจ็บป่วยจำนวน 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มกินยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในช่วง 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต้านรีโทรไวรัส เป็นเวลาทั้งผอง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอ้วกที่เกิดขึ้นจากการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องได้
อาการอาเจียนอาเจียนภายหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยบรรเทาอาการอ้วกและคลื่นไส้จากการผ่าตัดได้เช่นเดียวกัน โดยการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันหลังได้รับการผ่าตัด
งานวิจัยหนึ่งทดลองแบ่งคนป่วยปริมาณ 122 คนที่รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แต่แบ่งให้ 2 ครั้งกระโน้นผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์พบว่าคนไข้ในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอาเจียนคลื่นไส้น้อยครั้งและมีความร้ายแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกินเป็นประจำและบ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงรอบๆข้อมือของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งสิ้น แต่ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการอาเจียนคลื่นไส้ร่วมกับยาลดคลื่นไส้อาเจียนนั้นบางทีอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก และก็การใช้ขิงกับคนเจ็บที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอ้วกอ้วกน้อยอยู่และบางทีอาจไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ตัวอย่างเช่น อ้วก อาเจียน หรือเวียนหัว ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดลองในหญิงที่มีอายุท้องต่ำลงยิ่งกว่า 20 สัปดาห์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่วันนานอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะเปลี่ยนแปลงการกินอาหารรวมทั้งตาม ภายหลังกินสารสกัดจากขิง 125 มก. ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลลัพธ์ได้ชี้ให้เห็นว่าขิงอาจสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ในฐานะการรักษาโอกาสต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาเรียนรู้ก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการคลื่นไส้อาเจียนในหญิงตั้งท้องที่มีลักษณะอาการแพ้ท้องได้ แม้กระนั้นการใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้อาจมองเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือได้ผลดีไม่เทียบเท่าการใช้ยาแก้อ้วกอาเจียน ยิ่งไปกว่านี้ การเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดแล้วก็เจอผลลัพธ์ที่ไม่บ่อยนัก โดยมีบางการทดสอบที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการแพ้ท้องเหมือนกัน
อาการตาลายหัว อาการที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยการคลื่นไส้นี้อาจบรรเทาให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานวิจัยที่ทดลองด้วยการให้คนที่มีลักษณะบ้านหมุน รวมทั้งตากระเหม็นตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก แต่มิได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการศึกษาเล่าเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะของการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนไข้รับประทานสารสกัดจากขิง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อเข่าภายหลังจากการรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าได้ผลลัพธ์สำหรับการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเดิน และก็อาการข้อติด
นอกเหนือจากนั้น มีการเรียนรู้เปรียบคุณภาพระหว่างขิงรวมทั้งยาพารา โดยให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกรวมทั้งข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มิลลิกรัมทุกเมื่อเชื่อวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลบรรเทาลักษณะของการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เสนอแนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและก็ส้มอาจช่วยบรรเทาอาการปวดแล้วก็เหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดระดู นอกจากอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดเมนส์ ดังเช่นว่า การทดสอบในนักศึกษามหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีประจำเดือนสม่ำเสมอไปจนถึง 3 วันแรกของการมีเมนส์ รวมยอดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของอาการปวดรอบเดือนได้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้านการเล่าเรียนเทียบประสิทธิภาพของขิงรวมทั้งยาลดลักษณะของการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในจำนวน 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีระดู คำตอบปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยแรกหมายถึงขิงมีประสิทธิภาพบรรเทาความร้ายแรงของลักษณะของการปวดเมนส์ไม่มีความแตกต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่อาจไม่ได้ผล
อาการเมารถและก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการพูดถึงกันมากมาย แต่ว่าแม้ขิงบางทีอาจจะช่วยลดอาการวิงเวียนได้ แต่สำหรับในการหน้ามืดอ้วกที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาเรียนรู้ส่วนมากระบุว่าขิงอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ตัวอย่างเช่น การแบ่งกรุ๊ปให้นักเรียนนายเรือ 80 ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่กินขิงนั้นมีลักษณะอาการอ้วกรวมทั้งวิงเวียนลดน้อยลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับเล็กน้อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาวิจัยที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการคุ้มครองอาการเมารถหรือลักษณะการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด
การดูแลรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการระบุความสามารถ
อาการคลื่นไส้อ้วกจากกระบวนการทำเคมีบำบัด อีกหนึ่งสรรพคุณคือลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งมีการเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)ในคนป่วยที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่โต้วาทีกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้ป่วยกินแคปซูลขิงที่ประกอบด้วยขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดรักษานานสม่ำเสมอเป็นเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาน้อยกว่ากรุ๊ปที่มิได้รับประทานแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกรุ๊ปที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับสำเร็จน้อยกว่า แสดงว่าการกินขิงในจำนวนมากจึงอาจมิได้ทำให้อาการอาเจียนดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ มีหลักฐานที่โต้แย้งข้อสนับสนุนดังที่กล่าวผ่านมาแล้วซึ่งเป็นงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้คลื่นไส้ ทั้งนี้ ผลการศึกษาวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นสายปลายเหตุมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นไม่เหมือนกัน รวมถึงตอนที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้คุณประโยชน์ทางการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือเปล่าคงจะจะต้องมีการยืนยันเพิ่มถัดไป
โรคเบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้เบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยที่ไม่แน่นอน การค้นคว้าหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และก็บางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางประเภทจากเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีงานวิจัยอื่นๆที่เสนอแนะว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้วิจัยบอกว่าขิงมีผลกับอินซูลิน กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือระยะเวลาที่ผู้เจ็บป่วยได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการศึกษาค้นคว้าศึกษาประสิทธิภาพของขิงในคนป่วยที่มีลักษณะของกินไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการละอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินรวมทั้งเกิดการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในลำไส้ แม้กระนั้น ผู้ร่วมการทดลองนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจเจาะจงได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่นอนแค่ไหน
อาการแฮงค์ เชื่อกันว่าการดื่มน้ำขิงจะสามารถช่วยบรรเทาอาการแฮงค์ซึ่งสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยแต่ก่อนที่ชี้แนะว่าการผสมขิงกับเปลือกภายในของส้มเขียวหวาน และน้ำตาลก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในตอนหลัง รวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียนและก็ท้องเดิน อย่างไรก็แล้วแต่ การศึกษาดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังจัดว่าไม่ชัดเจนอยู่มากและไม่บางทีอาจยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงรับประทานแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลสรุปบอกว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนถึงสามารถประยุกต์ใช้รักษาคนป่วยสภาวะนี้ได้ไหมคงจะต้องรอคอยการเรียนรู้ในอนาคตที่แจ่มชัดกันถัดไป
ลักษณะการเจ็บกล้ามหลังบริหารร่างกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดแล้วก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดลักษณะการเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงคลุมเครือและเป็นที่ปะทะคารมกันอยู่เช่นกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 11 วัน พบว่าทั้งขิงสดรวมทั้งขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะของการเจ็บกล้ามจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่ว่าอีกการค้นคว้าวิจัยหนึ่งกลับเจอคำตอบในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามเหมือนกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 24 ชั่วโมงและ 48 ชั่วโมงภายหลังจากการบริหารร่างกาย พบว่ามิได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายลดน้อยลง แต่นักวิจัยพบว่าการรับประทานขิง (http://www.disthai.com/)บางทีอาจช่วยให้อาการเจ็บกล้ามค่อยๆดีขึ้นในแต่ละวัน แม้บางทีอาจไม่เห็นผลประโยชน์โดยทันที
อาการปวดศีรษะไมเกรน มีการเรียนกับคนเจ็บ 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดหัวไมเกรนเฉียบพลันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/ (http://www.disthai.com/)