แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - jlkjljkl

หน้า: [1]
1
สรรพคุณเห็ดหลินจือ/ประโยชน์เห็ดหลินจือ

2

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และก็อยู่ในตระกูลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกึ่งกลาง), คูน (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วๆไปเรียกรวมทั้งมักจะเขียนไม่ถูกหรือสะกดผิดเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) เป็นต้น
คำว่า “ราชพฤกษ์” แปลว่า “ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นเครื่องหมายของงานมหกรรมพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีคำแนะนำแล้วก็สรุปให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการไตร่ตรองได้ข้อสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” และในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลสำหรับการเลือกเฟ้นดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ ฯลฯไม้ที่ชาวไทยทั่วๆไปรู้จักกันอย่างล้นหลาม ในนามของ “ต้นคูน” สามารถประสบพบเห็นได้ทั่วๆไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีความเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีชาวไทยมาอย่างเป็นเวลายาวนาน เนื่องจากเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนามและก็ใช้เพื่อการประกอบพิธีหลักๆต่างๆหลายพิธีการ ได้แก่ พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือประยุกต์ใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์ฯลฯไม้ที่แก่ยืนนานแล้วก็แข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีทรงและก็พุ่มที่สวยสดงดงาม มีดอกเหลืองงามเต็มต้น มองดูงดงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของชาติไทย เป็นเครื่องหมายที่พุทธศาสนา รวมทั้งยังเป็นเครื่องหมายของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยิ่งกว่านั้นตามตำราพืชที่มีความเป็นสิริมงคล 9 ประเภทยังกำหนดไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอำนาจบุญบารมี มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคแล้วก็อาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นคุณประโยชน์ทางยานั้น ได้แก่ ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก และเม็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงคนแก่ โดยไม่มีอันตรายใดๆ
รูปแบบของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชประจำถิ่นในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถานไปจนถึงอินเดีย พม่า และประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาเกลี้ยง มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการถ่ายเทน้ำดี เพาะพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเม็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกเอาไว้ภายในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกลงในพื้นที่ แต่ในตอนนี้บางทีอาจจะใช้กรรมวิธีทาบกิ่งแล้วก็แทงยอดก็ได้ แต่ว่าโอกาสสำเร็จจะน้อยกว่าขั้นตอนการเพาะเม็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) รูปแบบของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นเงา ช่อหนึ่งยาวราว 2.5 เซนติเมตร และมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆราวๆ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราว 5-7 เซนติเมตร แล้วก็ยาวราวๆ 9-15 ซม. โคนใบมนแล้วก็สอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางหมดจด มีเส้นแขนงใบถี่รวมทั้งโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) มีดอกเป็นช่อ ยาวโดยประมาณ 20-45 ซม. มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวราวๆ 1 ซม. กลีบมี 5 กลีบ หลุดหล่นได้ง่าย แล้วก็กลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกประมาณ 2-3 เท่า และมีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบเด่นชัด ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างปริมาณ 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในช่วงมี.ค.ถึงพ.ค. แม้กระนั้นก็มีบางกรณีที่มีดอกนอกฤดูแบบเดียวกัน อย่างเช่น ในตอนธันวาคมถึงม.ค.
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกสะอาดๆฝักยาวราวๆ 20-60 ซม. รวมทั้งวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆติดกันอยู่เป็นช่องๆตามทางขวางของฝัก และในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดราว 0.8-0.9 ซม.
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
ช่วยบำรุงเลือดภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นแล้วก็ใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการกางใบอ่อนเอามาต้มกับน้ำ (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดหน่อย มีกลิ่นเหม็นเอียน เย็นจัด คุณประโยชน์สามารถใช้ขับเสลดได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการอยากกินน้ำ (ฝัก)
เปลือกเมล็ดและก็เปลือกฝักมีคุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ ทำให้อ้วก หรือจะใช้เมล็ดโดยประมาณ 5-6 เม็ด นำมาบดเป็นผุยผงแล้วกินก็ได้ (เมล็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ของกระพี้ใช้แก้อาการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้รวมทั้งหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการไม่มีชีวิตชีวา หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นทรวงอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
สรรพคุณราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นต้นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำดื่ม (ฝัก)
ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยในการถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวก ไม่มวนท้อง แก้อาการท้องผูก เหมาะกับคนที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำและก็สตรีมีครรภ์ เพราะเหตุว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่านิ้วโป้ง (หนักราว 4 กรัม) รวมทั้งน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือเล็กน้อย ใช้ดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้าหรือช่วงก่อนนอนเพียงครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เม็ด)
เมล็ดมีรสฝาดเมา คุณประโยชน์ช่วยแก้ท้องเสีย (เมล็ด)
ช่วยหล่อลื่นไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะและแผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
สรรพคุณของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยให้เกิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เม็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล แล้วนำมากิน (เมล็ด)
ฝักรวมทั้งใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสฝาดเมา ช่วยขับรกที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถนำมาใช้สำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษาขี้กลากโรคเกลื้อน และใบอ่อนก็ใช้แก้กลากได้เช่นกัน (ราก, ใบ)
เปลือกแล้วก็ใบเอามาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีสรรพคุณช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและใบเอามาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน สรรพคุณของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ สรรพคุณช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
ชาวอินเดียใช้ใบเอามาโขลก เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อและอัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนและแมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำทิ้งไว้ราวๆ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะช่วยในการจัดการกับรอยคราบแมลงแล้วก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
นอกนั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาแปรรูปทำเป็นสินค้าต่างๆล้นหลาม เป็นต้นว่า
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่เคี่ยวมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต แล้วก็ขจัดปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน แล้วก็อบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะดูตามโรคและสิ่งที่มีความต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้ต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำจากใบคูนที่นำมาบดเป็นผง ช่วยแก้อาการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยนำมาพอกรอบๆที่เป็นจะช่วยทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือด บรรเทาอาการปวดข้อ รักษาโรคเกาต์ แล้วก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับผู้เจ็บป่วยที่เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งส่วน ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาคา ทำจากใบคูน คุณประโยชน์ช่วยในด้านสมอง ขจัดปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกาย ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรปฏิบัติตาม !
:วิธีการทำเป็นยาต้ม ควรจะต้มให้พอประมาณจึงจะได้ผลดี ถ้าเกิดต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แม้กระนั้นจะก่อให้ท้องผูกแทน และควรที่จะทำการเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินความจำเป็น รวมทั้งยาต้มที่ได้ถ้ารับประทานมากจนเกินไปอาจจะเป็นผลให้อาเจียนได้
ประโยช์จากราชพฤกษ์
นิยมนำมาปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆยกตัวอย่างเช่น สถานที่ราชการ บริเวณข้างถนนข้างทาง แล้วก็สถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเชื่อ ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนามที่ชาวไทยโบราณมั่นใจว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติรวมทั้งศักดิ์ศรี มูลเหตุเพราะคนให้การยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงแล้วก็ยังเป็นเครื่องหมายของเมืองไทยอีกด้วย แล้วก็ยังเชื่อว่าจะมีผลให้ผู้อยู่อาศัยนั้นเจริญ โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์รวมทั้งปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (อาจเป็นเพราะเนื่องจากด้านดังกล่าวมาแล้วข้างต้นได้รับแดดจัดในช่วงเวลาบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนข้างในบ้านและช่วยลดการใช้พลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลและก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีการต่างๆทางศาสนา ดังเช่น พิธีการวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาเอกสำหรับในการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ประสิทธิภาพที่ดีนัก เป็นต้น
แก่นไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆอาทิเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลในการทำเป็นหัวเชื้อจุลชีวันรวมทั้งจุลชีวันขยายได้
ฝักแก่สามารถประยุกต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดเหมาะเจาะ โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการแผนการอนุรักษ์กรรมพันธุ์พืชสาเหตุจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และก็พันธุ์พืช, เว็บไทยโพส, ที่ทำการปรับปรุงเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

3

ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อประจำถิ่นอื่น : ลมแล้ง (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color] (ภาคกึ่งกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
ประเภทนี้ตำราเรียนหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงระดับประเภทย่อย คือ Cassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชชนิดนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากกิ่งแก่ที่ร่วงหล่นไป แต่ว่าเมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ตะปุ่มตะป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่แกมรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่รวมทั้งแข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตรราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มิลลิเมตร ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนปกคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดเป็นจำนวนมาก และรูปแบนเกือบจะกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงราวๆ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยโดยประมาณ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้ข้างบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมยวนใจอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และมีเปลือกแข็ง ข้างในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องแล้วก็มีเม็ดห้องละ 1 เมล็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มห่อนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนรวมทั้งแบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับรวมทั้งปลูกข้างถนนเพื่อความสวย
การปลูกและแพร่พันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากแล้วก็เจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนซุยปนทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้วก็ตอนกิ่ง

ผลดีทางยา
รสและก็สรรพคุณในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาอาการไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคโรคกุฏฐัง แก้ขี้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้มาลาเรียรวมทั้งระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้จับสั่นและเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และก็ช่วยเร่งคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเหม็นเบื่อ ใช้กินเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสขื่นเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง และทำให้คลื่นไส้
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งมวล ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากโรคเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางรวมทั้งปริมาณที่ใช้
แก้ท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักราวๆ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือน้อย ดื่มก่อนนอนหรือเวลาเช้าก่อนที่จะกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ รวมทั้งสตรีมีท้องก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักราว 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดแล้วก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์ราชพฤกษ์

4

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ เป็นประโยชน์ทั้งยังต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีแห่งผลไม้ มีประโยชน์อีกทั้งต้น
อัปเดตปัจจุบันช่วงวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 โดยประมาณเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
ทับทิมได้ผลสำเร็จไม่ที่นิยมกินกันมาก รวมทั้งขึ้นชื่อลือนามในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีที่ผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นคือผลไม้ที่ถูกนำมาใช้ในแวดวงแพทย์มาแล้วนับพันปี ในปัจจุบันทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมปลูก และรับประทานกันทั่วทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย สังเกตได้จากร้านขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่แทบมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยช์จากทับทิมมีมากมายก่ายกอง ในเรื่องของสารอาหาร และก็การปกป้องคุ้มครองโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแค่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงปริมาณร้อยละ 40 ของจำนวนที่เราต้องการในหนึ่งวัน (สำหรับคนแก่) ด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงในระดับนี้ก็เลยมีคุณประโยชน์สำหรับการลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างดี
ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ
การรับประทานทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณของพวกเรามองแจ่มใส เนื่องมาจากทับทิมสำเร็จได้ที่มีสรรพคุณสำหรับในการต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเรา และด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงก็เลยช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างใส นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชา ทาบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงผิวหน้าให้มองเต่งตึงเยอะขึ้นได้อีกด้วย ผลดีในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในปัจจุบัน มีเครื่องแต่งหน้าหรือครีมหลายอย่างได้นำทับทิมไปเป็นองค์ประกอบ
เส้นเลือดแล้วก็หัวใจดียิ่งขึ้น
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยสำหรับการทำให้การไหลเวียนของเลือดดียิ่งขึ้น ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนเจ็บโรคหัวใจ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีความดันเลือดสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดระดับความดันเลือดได้จำนวนร้อยละ 5 ช่วยลดสถานการณ์การแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดมะเร็ง
เนื่องมาจากคือผลไม้ที่มีค่าการต้านทานอนุมูลอิสระที่สูง จึงช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีงานค้นคว้าวิจัยพบว่า การกินทับทิมช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งถึง 13ช นิด และยังสามารถช่วยทำลายเซลล์ของมะเร็งในหลอดของกิน แล้วก็ลำไส้ได้อีกด้วย
คุณประโยชน์อื่นๆของทับทิม
นอกจากคุณประโยชน์หลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ ช่วยปรับให้สมดุลในวัยหมดประจำเดือน ลดความเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคสูญเสียความจำในคนแก่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน ปกป้องการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ ลดการตกขาว กล่าวได้ว่ามีสรรพคุณมากไม่น้อยเลยทีเดียวจริง
 นอกจากส่วนที่เรานิยมกินกันอย่างเมล็ดแล้ว ส่วนประกอบอื่นของทับทิมก็มีสาระไม่แพ้กัน ทั้งที่ยังไม่ตายยาแล้วก็สมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำมาจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมหล่นได้อย่างยอดเยี่ยม
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเราใช้รักษา แผลหิด กากเกลื้อน มีสรรพคุณเกี่ยวกับการรักษาโรคในทางเดินอาหาร ยกตัวอย่างเช่นรักษาอาการท้องเดินได้
เปลือกของลำต้น รวมทั้งราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยเอามาผสมกับกานพลู แล้วก็บางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำราวๆสามถ้วย มีสรรพคุณสำหรับการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีสรรพคุณสำหรับในการรักษาแผล แล้วก็ทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่เป็นประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่เพียงแต่เม็ด หรือน้ำทับทิม จึงไม่สนเท่ห์ใจเลยที่ทับทิมจะได้รับฉายานามว่า "ราชชินีที่ผลไม้"
โรครวมทั้งอาการอื่นๆได้แก่ โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนยานสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะรวมทั้งความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกาย การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่มีอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะทำให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย ดังเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในตอนให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น อย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องหารือแพทย์ก่อนการรับประทานทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจทำให้ความดันโลหิตลดลดลงน้อย ซึ่งอาจก่อให้คนไข้ที่มีสภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ

ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนป่วยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ ด้วยเหตุว่าทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางจำพวกอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา เป็นต้นว่า ยาที่เกี่ยวกับลักษณะการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรจะหารือหมอก่อนจะมีการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย http://www.disthai.com/

5

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเอามาทำกับข้าวเพราะส่งกลิ่นหอม ยิ่งกว่านั้น ขิงยังคงใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ รวมทั้งเครื่องแต่งตัวทั้งหลายเช่นกัน ด้านผลดีต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างช้านาน เช่น โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารอย่างท้องเดิน มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อ้วก เบื่ออาหาร
คุณลักษณะของขิงเชื่อว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้แล้วก็ลดการอักเสบ โดยนักวิจัยโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารและลำไส้ และก็สารนี้อาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการคลื่นไส้ด้วย แต่ว่าการสันนิษฐานดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นยังไม่ชัดเจนนัก รวมทั้งคุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ของขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น บัดนี้ด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังนี้
การรักษาที่บางทีอาจได้ผล
อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต่อต้านเชื้อไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง คุณประโยชน์ทุเลาอาการคลื่นไส้อาเจียนของขิงอาจมีประโยชน์ต่อผู้เจ็บป่วยโรคนี้ที่มักมากรับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาผู้เจ็บป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งกินขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปกินยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่องอย่างยาต้านรีโทรไวรัส เป็นเวลาทั้งหมด 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องได้
อาการอ้วกอ้วกภายหลังจากการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการอ้วกรวมทั้งคลื่นไส้จากการผ่าตัดได้เหมือนกัน โดยการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยมากชี้ว่าการรับประทานขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอาเจียนอาเจียนที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัด
งานวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งคนไข้ปริมาณ 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม รวมทั้งอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่แบ่งให้ 2 ครั้งก่อนผ่าตัด ซึ่งผลพบว่าผู้ป่วยในกลุ่มหลังมีลักษณะคลื่นไส้อ้วกน้อยครั้งและมีความร้ายแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้คุณภาพสูงสุดเมื่อกินเสมอๆและก็สม่ำเสมอโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนั้น การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของคนเจ็บก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองอาการคลื่นไส้ในผู้เจ็บป่วยราว 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งสิ้น ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนร่วมกับยาลดอ้วกอาเจียนนั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการใช้ขิงกับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการคลื่นไส้อ้วกน้อยอยู่รวมทั้งอาจไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ยกตัวอย่างเช่น อาเจียน อาเจียน หรือเวียนศีรษะ ผลการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณลักษณะนี้เป็นการทดสอบในหญิงที่มีอายุท้องน้อยกว่า 20 สัปดาห์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องแต่ละวันนานขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะแปลงการกินอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังจากกินสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ทำให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้ผลดีในฐานะการดูแลรักษาโอกาสต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาเรียนรู้วิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการคลื่นไส้อาเจียนในหญิงมีท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอ้วก ยิ่งไปกว่านี้ การเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีความจำกัดรวมทั้งเจอผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงอาจมิได้มีส่วนช่วยสำหรับการลดอาการแพ้ท้องด้วยเหมือนกัน
อาการหน้ามืดศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งการอ้วกนี้อาจทุเลาให้ได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากการค้นคว้าที่ทดลองด้วยการให้ผู้ที่มีอาการบ้านหมุน รวมทั้งตากระตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการวิงเวียนหัวได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก แต่มิได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการศึกษาเล่าเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะของการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อหัวเข่าภายหลังจากการดูแลและรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะการเจ็บข้างหลังเดิน และอาการข้อติด
นอกจากนั้น มีการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบสมรรถนะระหว่างขิงและก็ยาแก้ปวด โดยให้คนเจ็บโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกแล้วก็ข้อหัวเข่ากินสารสกัดขิง 500 มก.ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลทุเลาลักษณะของการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานค้นคว้าวิจัยที่เสนอแนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มอาจช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดแล้วก็อ่อนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนป่วยที่มีอาการเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดเมนส์ เว้นเสียแต่อาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเรียนรู้บางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดเมนส์ ดังเช่นว่า การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในตอน 2 วันก่อนเริ่มมีระดูต่อเนื่องไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีรอบเดือน รวมเบ็ดเสร็จเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของอาการปวดรอบเดือนได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเรียนรู้เปรียบเทียบประสิทธิภาพของขิงรวมทั้งยาลดลักษณะของการปวดระดูอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในจำนวน 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีรอบเดือน ผลลัพธ์ปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาเรียนรู้วิจัยแรก คือ ขิงมีคุณภาพบรรเทาความรุนแรงของลักษณะของการปวดระดูไม่มีความต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่บางทีอาจไม่เป็นผล
อาการเมารถและก็เมาเรือ นับเป็นสรรพคุณของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมาก แต่ทว่าขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการตาลายได้ แม้กระนั้นสำหรับเพื่อการตาลายอ้วกที่เกิดขึ้นมาจากการเดินทางนั้น งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยส่วนมากระบุว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ได้แก่ การแบ่งกลุ่มให้นักเรียนนายเรือ 80 ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง กินเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากรุ๊ปที่กินขิงนั้นมีลักษณะคลื่นไส้แล้วก็เวียนหัวน้อยลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับบางส่วนแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาวิจัยที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มก. ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับการคุ้มครองปกป้องอาการเมารถหรือลักษณะการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวเนื่องกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การดูแลรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานพอเพียงต่อการเจาะจงคุณภาพ
อาการอ้วกอ้วกจากกระบวนการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งสรรพคุณคือลดอาการอาเจียนและคลื่นไส้ ซึ่งมีการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในผู้เจ็บป่วยที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่แย้งกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การศึกษาหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้คนไข้กินแคปซูลขิงที่ประกอบด้วยขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดนานสม่ำเสมอเป็นเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการอ้วกที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาน้อยกว่ากรุ๊ปที่มิได้กินแคปซูลขิง แม้กระนั้นได้ผลได้ชัดในกรุ๊ปที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกรุ๊ปที่กินแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า หมายความว่าการรับประทานขิงในปริมาณมากก็เลยบางทีอาจมิได้ทำให้อาการอาเจียนดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
แม้กระนั้น มีหลักฐานที่คัดค้านข้อเกื้อหนุนดังที่กล่าวถึงมาแล้วซึ่งเป็นการค้นคว้าที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้คลื่นไส้ ทั้งนี้ ผลการศึกษาเรียนรู้ที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีสาเหตุมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นแตกต่างกัน รวมถึงขณะที่เริ่มรักษาด้วยการใช้ ขิงจะนำมาใช้คุณประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือไม่อาจจะต้องมีการยืนยันเพิ่มเติมอีกถัดไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนป่วยโรคเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยที่ไม่แน่นอน งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการรับประทานขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด แล้วก็สารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในผู้เจ็บป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 และก็อาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากโรคเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยอื่นๆที่ชี้แนะว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้วิจัยกล่าวว่าขิงมีผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง ซึ่งผลวิจัยที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง
ของกินไม่ย่อย มีการวิจัยเรียนรู้คุณภาพของขิงในผู้เจ็บป่วยที่มีลักษณะอาการอาหารไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้รับประทานแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการงดของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินแล้วก็เกิดการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ อย่างไรก็ตาม ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจระบุได้อย่างแจ่มแจ้งว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่ๆเพียงใด
อาการเมาค้าง เช้าใจกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยบรรเทาอาการเมาค้างซึ่งเป็นผลใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีงานศึกษาเรียนรู้เมื่อนานมาแล้วที่ชี้แนะว่าการผสมขิงกับเปลือกด้านในของส้มเขียวหวาน แล้วก็น้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในวันหลัง รวมทั้งอาการอ้วก คลื่นไส้และท้องเสีย แม้กระนั้น การศึกษาเล่าเรียนดังที่กล่าวมาข้างต้นยังจัดว่าไม่กระจ่างอยู่มากและไม่บางทีอาจรับรองได้ว่ามีเหตุมาจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลสรุปบอกว่าเมื่อเทียบกับคนเจ็บกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยสภาวะนี้ได้หรือเปล่าคงจะจำต้องรอคอยการเรียนรู้ในอนาคตที่เด่นชัดกันถัดไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามข้างหลังบริหารร่างกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดและก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดลักษณะของการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงไม่แน่ชัดแล้วก็เป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นเดียวกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 11 วัน พบว่าขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะการเจ็บกล้ามจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่อีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งกลับเจอคำตอบในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามแบบเดียวกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 24 ชั่วโมงและ 48 ชั่วโมงภายหลังจากการบริหารร่างกาย พบว่ามิได้ทำให้อาการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการบริหารร่างกายลดลง แต่ผู้ทำการวิจัยพบว่าการรับประทานขิงอาจช่วยให้ลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อค่อยๆดีขึ้นในทุกวัน หากแม้อาจไม่เห็นผลได้ในทันที
ลักษณะของการปวดหัวไมเกรน มีการเรียนกับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

หน้า: [1]