แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - oisd54sad

หน้า: [1]
1

สมุนไพรรากสามสิบ
สมุนไพร รากสามสิบแคปซูล รากสามสิบ แบบล้วน  คุณประโยชน์และก็คุณประโยชน์ ข้อห้าม ผลกระทบจากรากสามสิบ สำหรับสตรีที่มีปัญหาเรื่องกระชับช่องคลอด
อยู่เช่นไรให้ชีวิต Sex ดียิ่งขึ้น กระชับช่องคลอด เพิ่มน้ำหล่อลื่น ทำให้กระชับ (รีแพร์) แบบสาวๆ ทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง มีความชุ่มชื้น และ เป็นสุขทางเพศ รักษาภาวะเมนส์เปลี่ยนไปจากปรกติ ปวดรอบเดือน มีลูกยาก ตกขาว หมดอารมณ์ทางเพศ  กามตายด้าน บำรุงนม บำรุงครรภ์ ปกป้องแท้ง มีราคาส่ง และ ราคาไม่แพง ยี่ห้อ รีวิวมาก กว่า 8 ปี
สมุนไพรเน้น กระชับ ช่องคลอด ตกขาว ระดู อารมณ์เพศปรวนแปร ไร้สมรรถภาพทางเพศสตรี รากสามสิบ ราชินีสมุนไพรชีวิตแต่งงาน  ดูแลปัญหาระบบด้านในช่องคลอดไม่กระชับแล้วก็มีปัญหาชีวิตคู่บนเตียงมีกลิ่นอับ ไม่พึ่งปรารถนาตกขาวมดลูกต่ำ สตรีวัยทอง ดูแลปัญหาประจำเดือนมาผิดปกติ
สมุนไพร รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด
ปัญหาลับๆอย่างเช่น ช่องคลอดหย่อนยานไม่กระชับ ปวดท้องเวลามีเมนส์ ระดูไม่ตามกำหนด คือปัญหาต่างๆที่รบกวนจิตใจของหญิงกว่า 98% รวมทั้ง หน้าอกเล็กแบบ หย่อนยาน พุงป่อง หรือปัญหากลุ่มนี้มีต้นเหตุจากการขาดสมดุลในฮอร์โมน แนะนำ กวาวเครือขาว แล้วก็ รากสามสิบ ซื้อ กวาวเครือขาว และก็ รากสามสิบ
รากสามสิบ กระชับช่องคลอด
คุณประโยชน์ ผลดี แล้วก็ ข้อกำหนด ผลข้างเคียง
สมุนไพรไทย รากสามสิบแบบแคปซูล กระชับสำหรับสตรี  ไม่ว่าจะเป็นกำลังเสือโคร่ง โด่งไม่รู้เรื่องล้ม สาวน้อยตกเตียง กระทั่งมาถึงรากสามสิบหรือต้นสาวร้อยสามีนี้แหละ ต่างคนต่างงงงวย ว่ามันเป็นยังไง คุณประโยชน์ ทำให้กลับมาเป็น ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี สาว(female rejuvention) กระชับช่องคลอด รักษาภาวการณ์รอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ ปวดประจำเดือน ภาวการณ์มีลูกยาก ตกขาว อารมณ์ทางเพศถดถอย  ภาวการณ์หมดรอบเดือน บำรุงนม บำรุงครรภ์ ปกป้องการแท้ง นอกนั้นยังใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดในผู้ชายได้ด้วยครับผม  นอกนั้นยังมีการนำมาใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้โรคกระเพาะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ได้เช่นเดียวกัน เป็นสมุนไพรที่มีการออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน 
ต้น รากสามสิบ แคปซูล แพทย์ยาในสมัยก่อนจะเรียกกันว่า"สาวร้อยผัว" โดยมากใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ทำให้มีแรง ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย ไม่แก่ เหมือนๆสาวสองพันปี
ในตำราเรียนอายุรเวทใช้สมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในผู้หญิง สำหรับการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) ยิ่งไปกว่านี้ ยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของสตรี ตัวอย่างเช่น ภาวการณ์เมนส์ไม่ปกติ ปวดระดู ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวการณ์ไม่มีอารมณ์ทางเพศ ภาวการณ์หมดรอบเดือน (menopause) บำรุงนม บำรุงท้อง คุ้มครองปกป้องการแท้ง (habitual abortion)

สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ กระชับข้างในสตรี ชุดกระชับแบบสาวน้อย
" รากสามสิบ " เป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่มีการทำการค้นคว้ากันมากพอควร ในด้านการวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง ขับนม ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารยั้งพิษต่อตับ
ในแบบเรียนอายุรเวทใช้ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรหลักสำหรับ บำรุงในผู้หญิง  สำหรับเพื่อการ ทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาว นอกจากนั้นยังช่วยไขปัญหาอื่นๆของหญิงเช่น สภาวะระดูผิดปกติ ปวดรอบเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม ภาวะหมดประจำเดือน สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด อาการตกขาว ปจด.เพิ่มอารมณ์เพศ
#รากสามสิบ ถือเป็นสมุนไพรที่มีสาระมากมายสำหรับหญิงช่วยสำหรับเพื่อการสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิงจาก #รากสามสิบแคปซูล
เป็นสมุนไพรที่มีคุณลักษณะหลัก ในทางเภสัชมีการชี้แนะว่าพืชที่ให้ เอสโตรเจน มีผลดีกว่าการใช้ตัวยาปรับสมดุลฮอร์โมน เนื่องมาจากไม่มีผลข้างเคียงในทางลบ "ราชินีแห่งสมุนไพร"
เหตุผลที่ สาวๆนิยมใช้ รากสามสิบ ง่ายๆคือ ทานแล้วได้ผล
1 ช่วยกระชับช่องคลอด  ทำให้แฟนไม่เบื่อ แทบไม่รู้เรื่องเลยว่าเราเคยมาก่อนรึไม่  เสมือนเป็นครั้งแรกของเรา
2 ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดสะอาด ไม่เป็นทุกข์เรื่อง เหม็นอับ อีกต่อไป
3 เป็นสมุนไพรที่ได้มาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ไม่หลงเหลือ ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว
4 ราคาไม่แพง เนื่องจากว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ในประเทศไทย ความคิดไทยๆไม่เสียค่านำเข้าอะไรก็ตาม
 ขนาดรับประทาน
4 ขวด เริ่มกระชับ มีความสุข
6 กระชับแบบสาวน้อย มีความสุขแน่นอน
12 คำตอบยาวนาน และก็ เห็นผลแทบถาวร (รายตัว)
รากสามสิบ แคปซูล
ชุดนี้แถม ผสม ฮี่ยุ่มหรือหญ้ารีแพร์ 1 ต่อ 1 กับ รากสามสิบ
รากสามสิบ "  เป็น สมุนไพรที่คนประเทศไทยและก็คนเอเชียใช้กันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว  คนส่วนมากรู้จักในชื่อ เรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค ชื่อในภาคกึ่งกลางหรือคนทั่วไปเรียกชื่อว่า "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก"นั่นเอง หมอยาโบราณจำนวนมากจะรู้ดีว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงให้ชื่อว่า "สาวร้อยผัว" ชื่อนี้หมายความว่าไม่ว่า สาวใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(มิได้หมายคือสาวใจแตก)  ความหมายคล้ายสาวสองพันปีที่ยังสาวเสมอนั่นเอง และเป็นที่น่าประหลาดใจว่าในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตวารี (Shtavari) หมายความว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางแบบเรียนบอกว่าคือผู้หญิงที่มีร้อยสามี "Satavari" http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

2


ราชพฤกษ์

คูน ผลดีรวมทั้งสรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย เมียนมาร์ และศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีใน รวมทั้งมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปชัดแจ้ง จนถึงมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ต.ค. พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" และมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม และก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับจารีตประเพณีสำคัญๆในไทยและเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายที่ศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน แล้วก็ทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรชนิดยืนต้นขนาดกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆตัวอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, คูน หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ไปจนถึงประเทศอินเดีย ศรีลังกา แล้วก็พม่า รวมถึงคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลรักษา
           แสง : ต้องการแสงอาทิตย์จัด หรือกลางแจ้ง แล้วก็เจริญวัยก้าวหน้าในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตเจริญในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกหน่อ แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความศรัทธาเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็หากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติตำแหน่ง เกียรติยศ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เหตุเพราะเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถระบายน้ำได้ดิบได้ดี ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นมัน วัวนมน เนื้อใบสะอาดและบาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรูปทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ และก็มองเห็นเส้นกลีบกระจ่าง ฝักอ่อนมีสีเขียวแล้วก็จะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด แล้วก็ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และก็ข้างในช่องเหล่านี้จะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประโยชน์แล้วก็สรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ รวมทั้งช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ แล้วก็โรคเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) และโรคกระเพาะอาหาร และก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อโรคคุดทะราด ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณศีรษะ รวมทั้งช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้สดชื่นหน้าอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีตั้งครรภ์ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ตานขโมย แก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง รวมทั้งถ่ายเสมะแล้วก็แก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนถึงระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีตั้งท้อง ไปจนถึงเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเหม็นเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อ้วก แล้วก็ขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เมล็ด – ทำให้คลื่นไส้ ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเสีย ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล รับประทานเพื่อให้กำเนิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย และก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนแล้วก็ครึ่งเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญใน แล้วก็ปลูกได้ง่ายในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินร่วนซุยเหนียว และยังทนต่อสภาพภูมิอากาศแห้งแล้งรวมทั้งดินเค็มเจริญ แต่ว่าแม้อากาศหนาวจัดอาจจะทำให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

3

เห็ดหลินจือ
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
ยายคนหนึ่ง อายุราวๆ 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด ลักษณะการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.เห็ดหลินจือ สามารถรักษาเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาราว 1x ปี
2.โรคความดันโลหิต เป็นมาพร้อมๆกับเบาหวาน จำต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด มีลักษณะอาการมึนหัว
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับเบาหวาน จะต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม ภายหลังจากเป็นโรคโรคเบาหวานมาโดยประมาณ 10 ปี หมอตรวจเจอว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีลักษณะขาบวม หมดแรงเดิน
5.โรคกระเพาะเยี่ยว อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม กระตุ้นให้เกิดอาการฉี่ขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจเจอทีหลัง ว่าค่ายูริก เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
======================
ความประพฤติของผู้เจ็บป่วยและประวัติความเป็นมาก่อนรับประทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ตอนเจ็บป่วยตอนเริ่ม จะมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง แทบ 200 มก. แม้กระนั้นพอผ่านมาเกือบ 10 ปี มีความคิดว่าดูแลตนเองเจริญ ผลที่ได้กลายเป็นแบบนี้ ประเดี๋ยวน้ำตาลสูง ประเดี๋ยวน้ำตาลต่ำ ก่อให้เกิดอาการงุนงงได้ตลอดวัน หน้าที่ไม่ต้องทำแล้ว นอนดียิ่งกว่า
2.เพียงพอมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย กระตุ้นให้เกิดอาการโลกหมุน ตาลาย จำต้องนอนอีกตามเดิม
3.พอตอนหลังเริ่มรับประทานของมันลดลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แต่ว่าพอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แม้กระนั้นเจอตรีกีซาลายสูงซะงั้น
4.ภายหลังจากเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พักผ่อน กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดตอนอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 ที ในรอบ 1 ปีให้หลัง จำต้องเข้า โรงพยาบาล เพื่อกลูโคส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.พอเพียงผ่านมาอีก 6 เดือน หมอตรวจเจอเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะฉี่อักเสบ เนื่องจากว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางปัสสาวะเยอะแยะ ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับการเดินไม่มี (แทบจะเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมเจอโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.พักหลังจากที่ทราบดีว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนอย่างยิ่ง ทำให้เบื่อข้าว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น เจ้าอารมณ์
7.เพียงพอถึงเวลานี้ คุณยายคนนี้ ความประพฤติเปลี่ยนไป จากที่เคยจำต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดทุกวี่ทุกวัน ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่ได้อยากต้องการขายของ ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน ประพฤติตัวเหมือนไร้ค่า จำต้องให้ลูกๆมาคอยดู ทำให้เป็นภาระของลูก
======================
ปัญหา สำหรับลูกที่ดูแล และจุดเปลี่ยนแปลงแนวคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งหมดทั้งปวงนี้
2.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่กลับมาดำเนินการได้เหมือนเดิม
3.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่กินข้าวได้เสมือนสมัยก่อนเป็นเบาหวาน
4.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่นอนหลับก้าวหน้า
=======================
ท้ายที่สุดลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยชี้แนะเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้ม รวมทั้งลูกคนนั้นได้เอาไปให้คุณแม่ทาน
เริ่มต้นที่ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เนื่องจากว่าคุณแม่ทานสมุนไพร อาหารเสริมมามากแล้ว
=======================

เริ่มต้นกับการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น (ผลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
1.ผมแนะนำให้ทาน 24 ชั่วโมง 2 เวลาหมายถึงเช้า-เย็น ในกรณีของม่าม้าคนนี้ มีโรคประจำตัวมากมาย จะให้ทานแบบนี้ ภายหลังจากกินอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน และก็รอ 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.เพียงพอภายหลังทานได้ระยะแรก อาการมึนๆมึนงงๆเริ่ม นอนหลับเจริญขึ้นมาก ธรรมดาจะมองจนกระทั่งเที่ยงคืนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 โมงเช้า มาจัดร้านขายของ เปลี่ยนเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้าตรู่
3.ภายหลังนอนได้ดิบได้ดี  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น เยี่ยวมาก ไม่ขัดแล้วก็ปัสสาวะได้สุด ค่าน้ำตาลดีขึ้น ไม่สวิงต่ำ-สูง และก็ผลไตด้วย
4.ผู้ป่วยเริ่มทานข้าวได้ปกติ (ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดลองด้วย รับประทานทุเรียน2เม็ด แล้วพรุ่งนี้ไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาแม่ตระหนกตกใจ ว่าเพราะเหตุไรน้ำตาลธรรมดา ^_^)
5.พอเพียงร่างกายได้ นอนหลับได้เต็มที่ หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถชูของหนักๆได้ ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เพียงแค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
สรรพคุณเห็ดหลินจือที่มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยรับรอง....มีอะไรบ้าง
มีความคิดกันมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้แก่ช้าลง ความจำดียิ่งขึ้น และก็ช่วยอายุยืนนาน
ส่วนสรรพคุณในทางการดูแลรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างแพร่หลายเช่นเดียวกัน ดังเช่น แก้ตับแข็ง รักษามะเร็ง รักษาโรคความดัน และภูมิแพ้เป็นต้น
แต่ทีเด็ดเป็น......
มีงานค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำหรับในการทดสอบเรียนรู้ทางคลีนิคและรับรองว่าเห็ดหลินจือมีสรรพคุณดังนี้จริง ไม่ใช่แค่ความศรัทธาอีกต่อไป อันดังเช่น
-กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
-ต้านเนื้องอกและก็มะเร็ง
-รักษาโรคทางเดินเยี่ยว
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยให้การนอนหลับ
-ลดไขมันในเลือด
-ต้านอนุมูลอิสระ
-ต้านทานการอักเสบ

4

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่พวกเราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชสกุลเดียวกันกับบุกประเภทที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ว่าต่างชนิดกัน ซึ่งมีคุณสมบัติแล้วก็สรรพคุณทางยาที่ใกล้เคียงกัน แล้วก็สามารถประยุกต์ใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในสกุลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), หมอยื่อ (จีนกลาง) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีอายุหลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราว 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปออกจะกลมแบนเล็กน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและก็กิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวประมาณ 15-20 ซม.
ใบบุก
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกลำพัง ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราวๆ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกแล้วก็ผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในตระกูลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (จ.สกลนคร), กระบุก (บุรีรัมย์), บุกคางคก บุกปะทุงคก (จังหวัดชลบุรี), หัวบุก (ปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกลาง), บุก (ทั่วๆไป), กระแท่ง บุกรอ หัววุ้น (ไทย), บุกอีรอกเขา เป็นต้น
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกชนิดกะแท่งหรือเท้ายายม่อมหัว แก่ได้นานยาวนานหลายปี มีความสูงของต้นประมาณ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอ้วนแล้วก็อวบน้ำไม่มีแก่น ผิวตะปุ่มตะป่ำ ลำต้นกลมรวมทั้งมีลายเขียวๆแดงๆลักษณะที่คล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นเพาะพันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้ประเภทนี้จะงอกงามในฤดูฝน แล้วก็จะเหี่ยวเฉาไปในช่วงต้นฤดูหนาว ในประเทศไทยพบมากขึ้นเองตามป่าราบริมทะเลและก็ที่อำเภอศรีราชา ส่วนในต่างถิ่นบุกคางคกนั้นเป็นพืชท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก เป็นส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะค่อนข้างจะกลมและมีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 เซนติเมตรขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดรวมทั้งเป็นมูกลื่น มียาง โดยยิ่งไปกว่านั้นหัวสด หากสัมผัสเข้าจะก่อให้กำเนิดอาการคันได้ ก่อนนำมาปรุงเป็นของกินนั้นก็เลยต้องทำให้เป็นมูกโดยการต้มในน้ำเดือดซะก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนกระทั่ง 35 กิโลกรัม
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบลำพัง ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแบออกคล้ายกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบใบจะเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำแล้วก็ยาวได้ราว 150-180 เซนติเมตร
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก ออกดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินรอบๆของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงแกมสีน้ำตาล (ขึ้นกับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบประดับเป็นรูปห่อหุ้มช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นแล้วก็บานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศภรรยาอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นเหมือนซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางตาราง
ผลบุกคางคก ผลเป็นผลสด เนื้อนุ่ม ลักษณะของผลเป็นทรงรียาว ปริมาณยาวราว 1.2 ซม. ผลมีหลายชิ้นชิดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนถึงสีแดง ด้านในผลมีเม็ดราวๆ 1-3 เม็ด โดยมีสันขั้วเมล็ดของแม้กระนั้นเม็ดแยกออกมาจากกัน เม็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
สรรพคุณของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด (หัว)
ใช้เป็นของกินสำหรับคนป่วยโรคเบาหวานแล้วก็คนเจ็บโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำกิน โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เอามาชงกับน้ำดื่มก่อนรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสมหะ ละลายเสลด ช่วยกระจัดกระจายเสลดที่ตันบริเวณหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน และเลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้เมนส์ไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับระดูของสตรี (ราก)
หัวนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่บาดแผล กัดฝ้ารวมทั้งกัดหนองก้าวหน้า (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลบอกว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาพาราบวม แก้ฟกช้ำดำเขียว (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยคุณนิล สกุณา (บ้านหนองพลวง ต.โคกกลาง อำเภอลำปลายกาญจน์ จ.จังหวัดบุรีรัมย์) แนะนำให้ทดลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พาดปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเมล็ดนำมาย่างไฟให้หอมก่อน แล้วก็ใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำเพียงพอท่วมเมล็ดบุก ต้มจนถึงเมล็ดบุกร่วงลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดและให้เพิ่มเติมน้ำตาลทรายแดงพอสมควรลงไปต้มให้เพียงพอหวาน ต่อไปทดลองชิมมอง หากยังมีลักษณะอาการคันคออยู่ก็ให้เพิ่มน้ำตาลเพิ่มแล้วค่อยลองใหม่ ถ้าหากไม่มีอาการคันคอก็เป็นพิษว่าใช้ได้ และให้นำสมุนไพรโด่ไม่เคยทราบล้มใส่เข้าไปด้วยราว 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปลดปล่อยให้เย็นรวมทั้งเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก ประมาณ 30 นาที จะปวดท้องฉี่โดยธรรมชาติ หลังจากอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วเอามาชงกับน้ำดื่ม ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำดื่มก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม (เข้าใจว่าคือส่วนของหัว) เอามาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง ก็เลยสามารถเอามารับประทานได้ ถ้าเกิดเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือนำมาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ล้างรอบๆที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะๆ ที่ส่งผลให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้าแล้วก็ก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะมีผลให้ลิ้นพองและก็คันปากได้8ก่อนเอามากินจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
กรรมวิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นครั้งแรก แล้วก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับตัวกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังกล่าวข้างต้นสำหรับเพื่อการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6หากอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เนื่องจากวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) ก็เลยไม่ควรบริโภควุ้นบกภายหลังการรับประทาน แม้กระนั้นให้กินก่อนที่จะรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตมาจากวุ้น เป็นต้นว่า วุ้นก้อนและก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังรับประทานอาหารได้ เนื่องจากว่าวุ้นดังกล่าวข้างต้นได้ผ่านวิธีการรวมทั้งได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว รวมทั้งการการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องด้วยไม่มีการสลายตัวเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็ธาตุ หรือสารอาหารใดๆก็ตามที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง (อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และก็วิตามินเค) ซึ่งจะไม่ไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (ตัวอย่างเช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะเป็นผลให้มีลักษณะท้องเดินหรือท้องเฟ้อ มีลักษณะอยากกินน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการเหน็ดเหนื่อยด้วยเหตุว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่พบ อย่างเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี แล้วก็ยังพบสารที่เป็นพิษเป็นConiine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกเจอสาร Uniine รวมทั้งวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 รวมทั้งหัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ร้อยละ 5-6 และก็มีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงปริมาณร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญเป็นกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ซึ่งประกอบด้วยเดกซ์โทรส แมนโนส และฟรุคโตส สารกลูวัวแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะมีความเหนียว ช่วยยั้งการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมากมายก็ยิ่งส่งผลการดูดซึมเดกซ์โทรส ด้วยเหตุนั้น กลูโคแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum ก็เลยสามารถลดน้ำตาลได้ดียิ่งไปกว่า จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและก็สำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูโคแมนแนน (Glucomannan) จะมีปริมาณแตกต่างออกไปตามจำพวกของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนราวๆ 90% และก็สิ่งปลอมปนอื่นๆอย่างเช่น alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, และก็สารพิษอื่น โมเลกุลของกลูวัวแมนแนนนั้นสำคัญๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองจำพวกเป็นเดกซ์โทรส 2 ส่วน และแมนโนส 3 ส่วน โดยประมาณ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลชนิดลำดับที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลชนิดแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งต่างจากแป้งที่พบในพืชทั่วๆไป ก็เลยผิดย่อยโดยกรดรวมทั้งน้ำย่อยในกระเพาะ เพื่อให้น้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 เว้นแต่กลูโคแมนแนนจะเจอได้ในบุกแล้ว ยังพบได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูวัวแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำและก็ขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ของปริมาณเดิม เมื่อพวกเรากินกลูโคแมนแนนก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงทีละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะของเรา แล้วเกิดการขยายตัวจนกระทั่งทำให้พวกเรารู้สึกอิ่มของกินได้เร็วและก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรากินได้ลดน้อยลงกว่าปกติด้วย ทั้งกลูวัวแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมาก กลูโคแมนแนนจึงช่วยสำหรับการควบคุมน้ำหนักรวมทั้งเป็นอาหารของคนที่อยากลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูลดน้อยลงคิดเป็น 44% แล้วก็ Triglyceride ลดลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ดูดซับน้ำในกระเพาะและไส้ได้ดิบได้ดีมาก และยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในลำไส้ให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการขับของที่ค้างในไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยั้งการเจริญของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีลักษณะบวมที่ขากินทีละ 15 กรัม ต่อ 1 โล พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูต่ำลง6
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากบุกคนไทยเรานิ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]