แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - insvii054er3

หน้า: [1]
1

รากสามสิบ
[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url] สรรพคุณ ว่านสามสิบ ตำราเรียนยาพื้นบ้าน ใช้ อีกทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้ตกเลือด และก็โรคคอพอก ราก มีรสเฝื่อนฝาดเย็น กินเป็นยาแก้พิษร้อนในกระหายน้ำ แก้ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยทำนุบำรุงทารกในท้อง บำรุงตับ ปอด บำรุงกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า รวมทั้งต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้ตกเลือด และก็โรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก แล้วก็ กระชับความเกี่ยวเนื่องให้ชีวิตการครองเรือน คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดเมนส์ เมนส์มาไม่ดีเหมือนปกติ ลดภาวะมีลูกยาก เสริมฮอร์โมนเพศหญิง กระชับช่องคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
วงศ์ : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยสามี รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย) ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา) สามร้อยราก (กาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินออกเป็นกลุ่มคล้ายกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามาก ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบลำพัง แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มม. ยาว 3-6 ซม. แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 ซม. ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 ซม. ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอม มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวโดยประมาณ 2 มม. กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้บางแล้วก็ย่นย่อ เกสรเพศผู้ เชื่อมและอยู่ตรงกันข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ค่อนข้างจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 มม. ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เม็ด ออกดอกตอนเมษายนถึงมิถุนายน พบตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยผัวหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสหวานเย็น ที่ซ่อนเร้นไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี รวมทั้งยังเสริมความสามารถทางเพศให้แก่ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมเหมือนผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก และก็นำส่วนของรากที่มีลักษณะเหมือนกระชาย แต่มีขนาดใหญ่รวมทั้งยาวกว่าอีกทั้งมีกลิ่นหอมยวนใจ มาใช้ดองยาสมุนไพร บำรุงกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกชื่อกันว่า สาวร้อยผัว ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุมากแค่ไหน อยู่ในวัยมีรอบเดือนหรือหมดเมนส์ก็ตาม แม้ได้ทานหัวพืชประเภทนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ และก็ยังช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอก ด้วยวิธีการนำรากสดมาต้มกินหรือไม่ก็อาจจะนำรากไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งรับประทานก็ได้ด้วยเหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง ช่วยทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกที
ในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางแบบเรียนบอกว่าซึ่งก็คือ ผู้หญิงที่มีร้อยผัว “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงในหนังสือ พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ ก็เลยคงจะนับว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในประเทศอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นขนมเช่นเดียวกับประเทศไทย
ในตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง สำหรับการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกจากนั้นยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของสตรีตัวอย่างเช่น ภาวะเมนส์ผิดปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศถดถอย ภาวะหมดปะจำเดือน(menopause) และก็ใช้บำรุงน้ำนมบำรุงท้อง คุ้มครองป้องกันการแท้ง (habitual abortion) และก็อาการที่ไม่ประสงค์อื่นๆของเพศหญิง
แม้สมุนไพรชนิดนี้จะสะดุดตาต่อสตรีเพศแล้ว ในประเทศอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับเพศชายอีกด้วย ซึ่งก็คงจะคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยสามี หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย และก็ยังคงใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมากมาย ดังเช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้สูงที่สุดในประเทศอินเดีย ตอนนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากประเทศอินเดียไปขายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วๆไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

สรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง
แก้ปวดรอบเดือน
แก้เมนส์มาเปลี่ยนไปจากปกติ
แก้อาการตกขาว
ขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยดับกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยให้ช่องคลอดกระชับ
จัดการกับปัญหาการมีลูกยาก คุ้มครองการแท้งบุตร
บำรุงน้ำนม
ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับฉี่
ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก และสะโพก
กระชับรูปทรง
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด และก็บำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความเฒ่า
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
บำรุงกำลัง แก้กระษัย
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะฉะนั้นจึงห้ามนำมาใช้ในสตรีที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เช่น คนไข้โรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลที่ได้รับจากการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การศึกษาในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ตอนหมายถึงตอนเฉียบพลัน แล้วก็ตอนยาวสม่ำเสมอ
โดยการเล่าเรียนในระยะทันควันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กก. ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งหนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 แล้วก็ ประเภทที่ 2 พบว่าไม่เป็นผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น แล้วก็การเล่าเรียนช่วงยาวต่อเนื่องโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 2 ในช่วงเวลาที่หนูเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เท่ากัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม นอกนั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และก็เพิ่มกลัยโคเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม จากการเรียนรู้ในครั้งนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการยับยั้งการย่อยรวมทั้งการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต และก็การเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการเอามารักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

2

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมเอามาปรุงอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว รวมทั้งช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในหลากหลายรายการอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารพวกที่ทำมาจากการต้มยำ รวมทั้งแกงต่างๆรวมทั้งการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ เป็นต้น
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกวงศ์เดียวกันกับหญ้า มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีถิ่นเกิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ เป็นต้นว่า เมียนมาร์ ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย เป็นต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
ตระกูล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อท้องถิ่น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– คาหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมถึงใบ)ส่วนของลำต้นที่เราแลเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบหุ้มห่อดก ผิวเรียบ และก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนนิดหน่อย รวมทั้งค่อยๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นข้อแข็ง ส่วนนี้สูงราว 20-30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และประเภท และเป็นส่วนที่นำมาใช้สำหรับเข้าครัว
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้มี 3 ส่วนหมายถึงก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ แล้วก็ใบ) และก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบเดี่ยว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งทางลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ แล้วก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แต่คม กึ่งกลางใบมีเส้นกลางใบแข็ง สีขาวอมเทา เห็นต่างกับแผ่นใบกระจ่างแจ้ง ใบกว้างโดยประมาณ 2 ซม. ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก ก็เลยไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบแต่งแต้มรองรับ มีกลิ่นหอม ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
ประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศเข้าครัวสำหรับดับกลิ่นคาว ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม และปรับปรุงแก้ไขรสให้น่าอร่อยมากยิ่งขึ้น
– ใช้เป็นส่วนผสมของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง แล้วก็ยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง
    – ใช้ทานวด แก้ปวดเมื่อย
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อปกป้อง รวมทั้งไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนผสมของสารคุ้มครองป้องกัน และก็กำจัดแมลง
    ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
  • ไนอาสิน 2.2 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
  • เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น แล้วก็ใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายอย่าง เช่น
– ซิทราล (Citral) พบได้ทั่วไปที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิทุ่งนาลูล (Linalool)
– พบรานิออล (Geraniol)
– ค้างริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– เจอรานิล อะสิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนที่นาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– ซิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
รวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), หัวใจวรรณ น่าอัศจรรย์ชัยสกุล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยบรรเทา และรักษาอาการไข้หวัด
– แ้ก้ไอ และช่วยขับเสมหะ
– ทุเลาอาการของโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับเพื่อการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน โลหิตสูง
– ลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
– แก้เมนส์มาแตกต่างจากปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาปรับปรุงเจ็บท้อง และก็ท้องร่วง
– ช่วยขับปัสสาวะ
– บรรเทาอาการไอ และก็ขับเสมหะ

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับเพื่อการถ่าย
– บรรเทาอาการท้องเสีย
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ แล้วก็ลดการตำหนิดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการเศร้าหมอง
– ต้านอนุมูลอิสระ
เก็บรวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), กมลวรรณะ ตระการชัยวงศ์ (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ดังเช่น Cineole และ Linalool

  • ฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียต้นสายปลายเหตุลักษณะของอาการท้องร่วง


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเดิน คือ E. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ ตัวอย่างเช่น Citral, Citronellol, Geraneol แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น Borneol, Fenchone แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor แล้วก็ Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

หน้า: [1]