แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - a123

หน้า: [1] 2
1

ขายตรีผลา ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ลำต้นมะชนเป็นไม้ยืนต้นrjuili;o ขนาดกึ่งกลางถึงใหญ่ ลำejyukuiต้นมีความสูง 6 – 15 เมตร หรือมากกว่า ลำต้นตั้งชัน ชะลูด แตกกิ่งบริเวณส่วนปลายของลำต้น ผิวเปลือกลำต้นขรุขระ แตกเป็นสะเก็ดเululล็กๆสีเปลืykอกลำต้นที่เล็กมีสีเทาน้ำตาลyk ส่วนเปลือกต้นโulตสุดกำลังจlulะมีykสีน้ำตาลอมเทาใบมะขวิดใบมะykขวิด|ชน}เป็นใบปulระtjulอykบแบบขนulจำพวกใบลำพัง (ใบสุดท้ulยมีใบเดียyluilว) ใบแyukykทงออกรอบๆตาใkykบที่กิ่ง มีจำหน่ายตรีผลาก้านใบหลักที่มีก้านใบย่อย 2ul5 ก้าน ukhyuแต่ละก้านแตtgfhhululigกออกชิดกันเป็นกululลุ่ม แต่ละก้านมีใบย่อยkjykuliออกเป็นคู่ๆ2-3 ;i;iคู่ ตรงกัlulนข้ามกัน {แลuii;lioliะ|และก็|แล้วก็|รวมทั้งi;ปลาyยก้านออกเป็นใบเดี่ยว รวมเป็นใบ 5ykuluulil หรือ 7 ใบ ใบykมีลักษณะเป็นรูjhtkjyปyklullไข่ขนาดเล็ก โคนใบเรียวเล็ก ใบกว้าง 0.5-1 ขายตรีผลาซม. ยาวโดยปรi;ะมาณ 1.5-4.5 เซloนติเม.;o;/kykตulร ใบอ่อนมีสีเขียวสด ใบแก่มีyสีเขียuioylเข้ม แผ่นtluiuiol;ใบ แ;io;ละขอบj,rkj.ของใบเรียบ ใบออกจะหนulา และก็เหykuนียว ykมีเส้นกลางใบแล;เห็นio;กระจ่างแจ้ง บริเวณขjh,อบใบมีต่อมน้ำมัulนกระจัดกระจาykยอยู่ทั่วykดอกมะขวิดจำหน่ายตรีผลาดอกมะชlulนulออกแบบเulป็;hj,uyนช่อ แio;ทงออกรอบๆปลายกิ่งที่ซอกใบ ดอกแบ่งเป็นดอกเพศผู้ ulดอกตัวเมีย และก็ดulอกขายตรีผลาบริบูykรณ์เพศ ulที่ซึ่งอยู่ในต้นเดียวกัน ดอykกประกอบด้วยกyuliulลีulบดอกไม้ด้านนอกที่มีสีเหลืองแกมเขียo;iว รวมทั้งก้านเกio;สรภายในที่มีเหลืองอมสีแดงiolol

Tags : ขายตรีผลา,จำหน่ายตรีผลา

2

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบ[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]และ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพร เสลดพังพอน (พญายอ)

3

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เติบโตในแถบอินเดีย แอฟริกา และเอเซียอาคเนย์ ใบรวมทั้งลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของอินเดียและก็จีนมาอย่างช้านาน ใช้รักษาหลายโรค ดังเช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน แล้วก็ยังนำมาเข้าครัวได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่หลายประเภท ได้แก่ ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียว่ากล่าววัวไซด์ (Asiaticoside) กรดเอเชียติก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) แล้วก็กรดมาดีค้างสสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีคุณประโยชน์หลายประเภท ดังเช่น บรรเทาอาการอักเสบ แม้ใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดระดับความดันโลหิตในเส้นเลือดดำ รวมทั้งนำมาใช้รักษาโรคหรืออาการที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆตัวอย่างเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ การตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเท้าปัสสาวะ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาตกโรค โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกนั้น ยังมีความคิดกันว่าถ้าเกิดใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการสมานบาดแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่มีเหตุที่เกิดจากการท้อง แต่ว่าสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากมายน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันความศรัทธา สรรพคุณ รวมทั้งความปลอดภัยของใบบัวบกในการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจได้ผล
เส้นโลหิตขอด มีการศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยทำนุบำรุงรวมทั้งสร้างสมดุลในการเติบโตของเนื้อเยื่อเกี่ยวเนื่อง (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด มีผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยรวมทั้งเส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิต นอกนั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวพัน 8 ชิ้นเกี่ยวกับการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าลักษณะของการปวดขา ขาหนัก และอาการบวมน้ำบรรเทาลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง ถึงแม้สารสกัดจากใบบัวบกบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการคนเจ็บเส้นเลือดขอดเรื้อรังลงได้ แม้กระนั้นจากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยระบุว่าผลสรุปข้างต้นต้องแปลความหมายด้วยความรอบคอบเพราะว่าข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัย และก็ยังจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องแล้วก็มีคุณภาพมากพอสำหรับการประเมินประสิทธิภาพการดูแลและรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แม้กระนั้นยังมีหลักฐานช่วยเหลือน้อยเกินไป
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกบางทีอาจช่วยในการลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดได้ จากการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกรุ๊ปหนึ่งรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกตรงเวลา 6 เดือน แล้วก็อีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้งยัง 2 กรุ๊ปไม่มีความต่างกัน แม้กระนั้นในกรุ๊ปที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดลดลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมทั้งรูปแบบของพลัคอีกทั้งความหนารวมทั้งความยาวก็ลดน้อยลงด้วยด้วยเหมือนกัน อีกทั้งยังไม่เจออาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการข้างเคียงได้ และก็มีการบันทึกผลการตรวจเลือดเป็นประจำ เนื่องจากหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่เพียงพอ ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
ป้องกันลิ่มเลือด การรับประทานใบบัวบกอาจช่วยคุ้มครองการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งมีสาเหตุจากการโดยสารเครื่องบินเป็นเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาแนะนำว่าใบบัวบกอาจช่วยลดของเหลวและก็เพิ่มการไหลเวียนเลือดในคนที่โดยสารเครื่องบินติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็แล้วแต่ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการศึกษาชิ้นนี้จะคือการลดการสะสมของลิ่มเลือด เพราะว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการคุ้มครองลิ่มเลือดยังไม่พอ จึงจำต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน งานวิจัยหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยจำนวน 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารตรีเทอร์พีนอยด์เป็นส่วนสำคัญ ขนาด 60 มก. 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก พบว่าสารไตรเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดฝอยของคนไข้โรคเบาหวาน แต่ว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนของโลหิตยังไม่พอ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการวิจัยเกี่ยวกับคุณภาพและผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งคนป่วยโรคเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกรุ๊ปหนึ่งรับประทานสารทวีปเอเชียติโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มก. แล้วก็อีกกรุ๊ปกินยาหลอกปริมาณ 2 แคปซูลหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง และมีการให้คะแนนทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้เจ็บป่วยที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีกว่าและไม่เจอผลข้างเคียง หรือพูดได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีความสามารถสำหรับในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และสามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลใกล้กัน แต่ว่าเนื่องจากว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลเบาหวานยังน้อยเกินไป ก็เลยจำต้องศึกษาต่อไป
แผลเป็น สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ดังเช่นว่า ทวีปเอเชียว่ากล่าวโคไซด์ กรดเอเชียติเตียนก มาเดแคสโซไซด์ และกรดมาดีคาสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายและอาจมีความสามารถในการรักษาแผลต่างๆอีกทั้งแผลขนาดเล็ก แผลไฟเผา แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมทั้งแผลเป็นแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งได้แนะนำว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกรอบๆผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องนาน 6-8 อาทิตย์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลได้ รวมทั้งรอยแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังไม่พอ ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการมีท้อง ได้มีงานศึกษาวิจัยชี้แนะให้ผู้ที่กำลังมีครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน บ่อยๆทุกวี่ทุกวันในตอน 6 เดือนสุดท้ายก่อนที่จะมีการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกนั้น ยังมีการทดสอบโดยให้หญิงตั้งครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจส่งผลให้เกิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก แต่เนื่องจากว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน ก็เลยจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ลดความรู้สึกหนักใจ การรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการเศร้าหมองและความกลุ้มอกกลุ้มใจ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ทดลองชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับสมรรถนะของใบบัวบกสำหรับการลดความกลุ้มอกกลุ้มใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือกินยาหลอก จากผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต่อต้านความวิตก ช่วยลดความเคร่งเครียด แต่ว่ายังคงจำต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกต่อไปถึงสมรรถนะของใบบัวบกในการรักษาโรควิตก
โรคแล้วก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การติดเชื้อทางเดินเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจำต้องทำการศึกษาหาความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยสำหรับในการรักษาถัดไป

ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ว่าการกินใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก คนที่กำลังมีครรภ์ หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะยังไม่มีหลักฐานด้านการแพทย์พอเพียงที่จะช่วยเหลือถึงเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งต่อเด็ก คุณแม่ หรือลูกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อตับ ด้วยเหตุนั้นผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่ควรรับประทานใบบัวบก เพราะอาจก่อให้อาการต่างๆห่วยแตกลงได้ รวมทั้งไม่ควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกรุ๊ปกลุ่มนี้ ได้แก่ พาราเซตามอล อะมิโอดาโรน คาร์บามาซีไต่ ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตตำหนิน ฯลฯ
การกินใบบัวบกในจำนวนมากอาจจะเป็นผลให้รู้สึกง่วงหงาวหาวนอนได้มากกว่าปกติ หรือถ้าหากรับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยาความไม่ค่อยสบายใจน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล รวมทั้งโซลพิเดม
ควรหยุดรับประทานใบบัวบกอย่างน้อย 2 สัปดาห์สำหรับคนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้เพื่อการผ่าตัดและอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรจะหารือแพทย์ก่อนรับประทานใบบัวบก หากอยู่ในช่วงการใช้ยาหรืออาหารเสริมชนิดอื่นๆอยู่เป็นประจำ เนื่องจากอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงปรารถนาแม้รับประทานใบบัวบกในระหว่างการดูแลรักษาของผู้ป่วยโรควิตกกังวล คนป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ รวมทั้งคนที่ใช้ยานอนหลับหรือยาวิตกกังวลลดลง และก็ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยเหตุว่าอาจทำให้กดประสาทมากขึ้น http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบัวบก

4

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่เป็น คุณประโยชน์ของใบบัวบกที่รู้แล้วต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้มากกว่าเดิม
          เชื่อว่าผู้คนจำนวนมากก็คงเคยได้ฟังกันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้กินน้ำใบบัวบก เพราะว่าจะช่วยทำให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แต่ว่าหารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่นำมาใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์ฯลฯ ช่วยทำนุบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้กระทั้งช่วยบำรุงรักษาความสวยงาม ใคร่รู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชิญให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าอย่างนั้นทดลองไปดูที่พวกเราหยิบมานำเสนอในวันนี้กันดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า ทราบดีแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่ๆ

  • ขจัดปัญหาเส้นเลือดขอด


          เมื่อหลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดเลือดดำเกิดการฉีกให้ขาดรวมทั้งทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่บริเวณขา เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั่นเอง โดยมีการศึกษาพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมรวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดียิ่งขึ้น โดยในการศึกษานั้นได้ทำทดลองกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะของเส้นโลหิตขอด รวมทั้งเมื่อกินใบบัวบกเข้าไปแล้วก็พบว่าอาการเส้นเลือดขอดนั้นดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่รับประทานยาหลอก และเมื่อทำการอัลตราซาวด์ก็พบว่าคนที่กินใบบัวบกมีการรั่วไหลของเส้นเลือดดำลดน้อยลงจ้ะ

  • สมานแผลและก็รักษาโรคผิวหนังบางประเภท


          หนึ่งในสารสำคัญที่นำมาซึ่งการทำให้ใบบัวบกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการศึกษากับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ โน่นก็เป็นเพราะสารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วจะทำหน้าที่สำหรับการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับบาดแผล และก็ช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังบริเวณบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รอยแผลค่อยๆหายในช่วงเวลาที่ลดลง อีกทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยคุ้มครองการเกิดรอยแผลได้อีกด้วย วิธีใช้ก็ไม่จำเป็นต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เพราะเหตุว่าในช่วงเวลานี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยยิ่งไปกว่านั้น แค่เพียงเลือกให้เหมาะสมกับจำพวกรอยแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนภายในร่างกายถ้าเกิดสูงมากเกินไปอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดลักษณะของการมีไข้ ตัวร้อน อยากกินน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ด้วยเหตุดังกล่าวการกินใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ ทั้งยังช่วยขับพิษร้อนออกมาจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน แล้วก็ความชุ่มชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น อาทิ โรคดีซ่าน นิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการกินใบบัวบก เพราะว่าใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชุ่มชื้นในร่างกายรวมทั้งขับความร้อนออกมาได้ แม้กระนั้นก็ควรจะกินในปริมาณที่สมควร เพราะถ้ารับประทานมากๆอาจจะส่งผลให้ร่างกายเย็นจนกระทั่งเกินความจำเป็นรวมทั้งทำให้เป็นอันตรายได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวนกระวายใจ ช่วยให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกจากจะช่วยสำหรับเพื่อการรักษาแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้แล้วหลังจากนั้นก็ยังมีฤทธิ์สำหรับการลดความกระวายกระวนแล้วก็ช่วยกระตุ้นกลไกรูปแบบการทำงานของสมอง โดยมีการเล่าเรียนหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานใบบัวบกมีทิศทางที่จะตกอกตกใจกับเสียงรบกวนน้อยกว่าคนที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นก็จะต้องใช้ในจำนวนที่สูงมากมาย จึงยังไม่มีการรับรองกระจ่างว่าควรที่จะใช้ปริมาณใดก็เลยจะได้ผลและไม่มีผลข้างๆต่อร่างกายตามมาค่ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เหตุเพราะใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย จึงสามารถใช้ทุเลาลักษณะของผู้เจ็บป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการเรียนรู้กับเพศหญิง 13 ผู้ที่มีอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การกางใบบัวบกสามารถลดอาการปวดตามข้อ และก็ลดการเกิดหนังแข็ง รวมทั้งทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ แม้กระนั้นทั้งนี้ก็จะต้องอยู่ในจำนวนที่หมอควบคุมเพียงแค่นั้น

  • ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ


          คนไหนกันที่มักจะนอนไม่หลับบ่อยๆลองหาใบบัวบกมารับประทานดีแล้วเช่นเดียวกันนะ เนื่องจากใบบัวบกไม่เพียงแต่ช่วยลดความกระวนกระวายเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานเสมอๆก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์เลย
คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความดันโลหิต


        กรมพัฒนาการหมอแผนไทยและก็การแพทย์ช่องทาง ได้ออกมาชี้แนะว่าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ เนื่องจากเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดโลหิตดำแล้วก็เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาวะความตึงเครียดอันเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความดันโลหิตสูง ทั้งนี้แนวทางการรับประทานก็ไม่ได้ยากอะไร แค่เพียงนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักน้อย หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นจ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำมีต้นเหตุจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดรอบๆดังที่กล่าวมาแล้วปฏิบัติงานแตกต่างจากปกตินำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการคั่งของเลือด การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณรอยแผลได้ และก็ยังลดอาการอักเสบที่นำไปสู่อาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกชนิดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยคุ้มครองป้องกันสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง และก็ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยของสมอง เพิ่มรูปแบบการทำงานของสมองและก็ความจำ แถมยังสามารถลดภาวะไม่มีชีวิตชีวา และสามารถช่วยยั้งอาการโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อโรค


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีคุณภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดโรคในทางเดินปัสสาวะ และก็อาการติดเชื้อแบคทีเรียและก็เชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเยอะแยะ กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้อโรคใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ดังนี้ก็จะต้องใช้ในปริมาณที่สมควร แล้วก็ภายใต้การดูแลของผู้ชำนาญนะ

  • ทุเลาอาการหมดแรง


          นอกเหนือจากรักษาอาการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนล้าได้ รวมทั้งหากกินในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายรวมทั้งดับหิวได้อย่างดีเยี่ยมเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความงามที่อยู่ใกล้ตัวมากมายๆที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจากใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนแล้วก็อิลาสตินภายในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ นอกนั้นสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยั้งการเกิดริ้วรอยที่วัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะหากคุณจะได้มองเห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในส่วนประกอบของเครื่องทำให้หมดจดผิว ดังนี้ยังสามารถนำใบบัวบกใหม่ๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีแนวทางดังนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
วิธีการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างชำระล้าง แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เอามาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • เอามาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำวันแล้ววันเล่าก่อนนอนจะช่วยทำให้ใบหน้ามองอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          สาวๆที่ลำบากใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยสดงดงามของคุณผู้หญิงอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้จ้ะ แค่เพียงกินใบบัวบกบ่อยๆก็สามารถที่จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีขึ้น และก็ลดการอักเสบอันมีสาเหตุมาจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมรวมทั้งหนังศีรษะ


          หลายท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมตกก็อาจจะแสวงหาทุกวิธีทางเพื่อบำรุงให้เส้นผมและก็หนังศีรษะแข็งแรงเพื่อจะได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณสะดุดตาในด้านนี้ โดยปัญหาผมหล่นส่วนมากก็มีสาเหตุจากรากผมที่อ่อนแอรวมทั้งการไหลเวียนของเลือดบนหนังหัวไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดรอบๆหนังศีรษะ รวมทั้งยังช่วยทำนุบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองปกป้องผมหล่นทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงรวมทั้งดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอะไร
          ได้มองเห็นผลดีดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบนี้ คนไหนที่ยังสั่นหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะทดลองหันกลับมามองเสียใหม่ ถึงอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลิ่นแรงไปเสียหน่อย แต่คุณประโยชน์ที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าหากไม่ทดลองเสียดายห่วยแตกเลยนะ http://www.disthai.com/

5

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่พวกเราต่างรู้จักกันดีในฐานะของผักประจำถิ่น นิยมนำมารับประทานกับน้ำพริกหรือเมนูอาหารต่างๆแบบใหม่ๆและยังนิยมเอามาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำใบบัวบกเพื่อดับกระหาย แก้ช้ำใน และเพื่อช่วยบำรุงรักษาร่างกาย ซึ่งจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบเอเชียเรานี้เอง ด้วยคุณประโยชน์ที่นานาประการ ก็เลยทำให้มันเป็นทั้งยารักษาโรคแล้วก็ตัวดูแลสุขภาพ ในขณะนี้เริ่มมีการทำวิจัย สกัดสารสำคัญในใบบัวบกนำมาใช้สำหรับในการรักษาในรูปของยาแคปซูล รวมทั้งบัวบกผงสำหรับชงดื่มอีกด้วย
ลักษณะของใบบัวบก
บัวบก มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica อยู่ในตระกูล Umbelliferae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับผักชี ส่วนชื่อเขตแดนถูกเรียกในชื่อที่นานาประการ อาทิเช่น ผักแว่น ผักหนอก และกะโต่ เป็นต้น  ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ล้มลุก มีกอติดอยู่กับพื้นดิน ลำต้นจะเลื้อยแพร่กิ่งไม้ไปตามพื้นดินในแนวขนาน มีอายุยืนยาวได้นานยาวนานหลายปี การแตกรากรวมทั้งใบจะเกิดขึ้นตามข้อ ลักษณะเป็นใบเดี่ยว มีรูปร่างเหมือนไต จะออกเป็นกรุ๊ปตามข้อ ขอบใบหยัก มีก้านใบยื่นยาวออกมา ดอกเป็นสีม่วงคละเคล้าแดง ผลแบน ออกเป็นดอกเดี่ยวหรือช่อขนาดเล็กประมาณ 3-4 ดอก มีเอกลักษณะเฉพาะในเรื่องของกลิ่น แล้วก็รสที่ขมปนหวาน
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบักที่นิยมนำมารับประทาน
พวกเราอาจเคยชินว่าบัวบกเป็นพืชสมุนไพรแก้ช้ำในเป็นหลัก แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วสมุนไพรชนิดนี้เป็นประโยชน์สำหรับการรักษาอีกนานาประการ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลและรักษาโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน รักษาโรคในกระเพาะ ช่วยบำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความจำ เป็นต้น การรับประทานใบบัวบกแบบใหม่ๆจะมีผลให้ร่างกายได้สารสำคัญหลากหลายประเภท ที่พบได้บ่อยคือ "สารไกลโคไซด์" (Glycosides) ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่ผลเข้าไปขัดขวางการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมโทรมสภาพของเซลล์รวมทั้งเนื้อเยื่อต่างๆภายในร่างกาย มีส่วนช่วยรีบการสร้างคอลลาเจนที่ผิว กระดูก แล้วก็เส้นเอ็น ทำให้แผลสมานตัวเข้าพบกันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
คุณประโยชน์ของใบบัวบก ไม่ว่าจะเป็นการทานเป็นต้นดิบๆหรือเอามาคั้นเป็นน้ำดื่ม ล้วนมีคุณประโยชน์ทางยาที่ไม่มีความแตกต่างกัน
เนื่องด้วยมีฤทธิ์เป็นยาเย็น จะช่วยลดการเกิดอาการร้อนใน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม ในกลุ่มสตรีที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน ผู้ที่จำต้องใช้สมองสำหรับในการทำงานมากๆใบบัวบกจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความจำก้าวหน้า ช่วยลดความตึงเครียด ลดการอักเสบที่ผิวหนัง อาการฟกช้ำและร่องรอยเปลี่ยนไปจากปกติที่เกิดบนผิวหนัง ยิ่งกว่านั้นผู้ที่บริโภคใบบัวบกข้างหลังการผ่าตัด จะช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น รวมทั้งลดการตำหนิดเชื้อได้
คุณประโยชน์ของบัวบกกับผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัย
งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยได้เอ๋ยถึงบัวบกเอาไว้ว่า เป็นพืชที่มีสรรพคุณเด่นในด้านการบำรุงสมองเช่นเดียวกันกับแปะก๊วย ช่วยกระตุ้นสมองในการจดจำสิ่งต่างๆก้าวหน้าขึ้น และก็ช่วยความเจริญเรียนรู้ทางสมอง รวมทั้งด้วยคุณสมบัติพิเศษพวกนี้ทำให้มันกลายเป็นพืชที่ถูกจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกที่มีหน้าที่่ช่วยเพิ่มความจำ
จากการทดสอบในลูกหนู พบว่ามีความจำและการเล่าเรียนที่ดีขึ้น ส่วนในคน มีการทดลองในเด็กพิเศษ ด้วยการกินบัวบกวันละ 500 มก. ต่อเนื่องกัน 3 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่ามีความสามารถสำหรับเพื่อการศึกษาที่ดียิ่งกว่า ส่วนในคนวัยแก่ให้ทดลองรับประทานสารสกัดบัวบก 750 มก. ต่อเนื่องกัน 2 เดือน พบว่า ทั้งยังความจำแล้วก็การเรียน ทั้งยังช่วยลดอารมณ์ผันแปร ทำให้คนวัยแก่มีอารมณ์ดีมากขึ้นด้วย ในรายที่เป็นวัยทำงาน ได้กระทำการทดสอบกับหญิงอายุประมาณ 33 ปี กินสารสกัดบัวบก 500 มก. วันละ 2 ครั้ง พบว่าช่วยลดความตึงเครียด ความกลุ้มอกกลุ้มใจ รวมทั้งภาวการณ์กลัดกลุ้มลงได้
เมื่อเจาะลึกลงไปถึงระดับเซลล์ พบหลักการทำงานของสารสกัดบัวบกที่ตรงเข้าออกฤทธิ์กับสมอง ช่วยให้การหายใจระดับเซลล์ข้างในสมองทำงานได้ดีขึ้น มีสารต้านอนุมลอิสระ ช่วยสร้างสมดุลสารสื่อประสาท รวมทั้งต่อต้านการย่อยสลายของเซลล์สมองได้
การนำใบบัวบกมาใช้บริโภคเพื่อเป็นยา
บัวบกสามารถนำมาใช้เป็นยาได้นานัปการ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของต้นสด เมล็ด หรือใบ ซึ่งได้รับความนิยมประยุกต์ใช้เยอะที่สุด การเลือกใบบัวบกที่ดี ควรเลือกใบที่โตเต็มที่รวมทั้งบริบูรณ์ นำมาใช้ตากแห้งป่นเป็นผงบรรจุลงในแคปซูลประมาณ 500 มก. กินเป็นยาบำรุงร่างกาย
นำเอาใบบัวบกสด 1 กำมือ มาคั้นให้ได้น้ำ หรือตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำ 1 แก้ว คนจะกว่าจะเข้ากันแล้วต่อจากนั้นกรองให้เหลือแค่น้ำ ผสมน้ำตาลหรือเกลือก็ได้ตามชอบ ดื่มทีละ 1 แก้ว ก่อนอาหารทั้งยัง 3 มื้อ โดยประมาณ 5-7 วัน จะช่วยลดอาการร้อนในและก็แก้ช้ำในได้
ในกรณีที่เป็นคนป่วยโรคความดันโลหิตสูง ให้สามารถกินน้ำใบบัวบกทุกๆวัน ติดต่อกันประมาณ 7 วัน จะช่วยลดความดันให้อยู่ในระดับธรรมดา
เมล็ดของบัวบกที่มีรสขมแล้วก็เย็น นิยมนำมาใช้แก้ไข้ ลดลักษณะของการปวดศีรษะ และก็แก้บิด

สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการใช้ใบบัวบก
ก่อนรับประทานใบบัวบกเพื่อเป็นยา ต้องตรวจทานสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางร่างกายของตนเองก่อนว่าพื้นฐานแล้วมีโรคประจำตัวอะไรที่มีความเสี่ยงหรือเปล่า เนื่องจากว่าสารบางจำพวกในใบบัวบก จะเข้าไปทำให้อาการโรคกำเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้นได้
เนื่องจากว่าบัวบกเป็นยาที่มีฤทธิ์เย็น การรับประทานมากจนเกินความจำเป็นจะทำให้สะสมในร่างกายกระทั่งรู้สึกหนาวมากเพิ่มขึ้นได้
เลี่ยงการกินใบบัวบกต่อเนื่องกันทุกๆวัน หรือรับประทานทีละมากมายๆเมื่อกินติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ก็ควรจะพักผ่อน 1 อาทิตย์ แล้วค่อยกลับมากินใหม่
สำหรับผู้ที่กินใบบัวบกใหม่ๆต่อเนื่องกันทุกวี่วัน ควรจะกินในรูปร่างราววันละ 3-6 ใบ ไม่ควรเกินความจำเป็นกว่านี้
ถ้าร่างกายมีลักษณะอาการเหน็ดเหนื่อย มึนหัว ใจสั่น หรือหัวใจเต้นไม่ดีเหมือนปกติ รู้สึกคันตามผิวหนัง ท้องร่วง หลังจากการกิน ควรหยุดกินในทันทีรวมทั้งรีบเข้าหาแพทย์อย่างเร่งด่วน
ในกลุ่มของผู้คนที่ต้องกินยาแก้แพ้ ยานอนหลับ หรือยากันชัก ไม่ควรรับประทานใบบัวบก เพราะเหตุว่าจะยิ่งไปเพิ่มฤทธิ์ให้รู้สึกง่วงซึมมากขึ้น
ใบบัวบกเป็นพืชสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายทั่วไปตามท้องตลาด มีราคาถูก แต่จำนวนมากด้วยคุณประโยชน์ทางยา ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาโรคต่างๆแล้วก็ใช้สำหรับบำรุงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบัวบก

6

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
เมื่อกล่าวถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร หลายท่านอาจนึกไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่จริงๆแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณมากมาย เพราะว่าได้รับการเล่าขานเกี่ยวการรักษาโรคได้หลายชนิด อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน อาการท้องอืด แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนเพลียของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลากหลายประเภท เป็นต้นว่า บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ตรีเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม แล้วก็กรดอะมิโน ดังเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสหนดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะกับผู้ที่ขี้ร้อน มีสภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนชื้น เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบกคุณประโยช์จากใบบัวบก
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แม้กระนั้นหรูหราสารออกซาเลตที่เป็นโทษต่อสภาพร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนวัย ย้อนอายุและก็วัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมแล้วก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสติน
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบก ช่วยทำนุบำรุงแล้วก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา ด้วยเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นมัวแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทและสมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำดียิ่งขึ้นแล้วก็ทำให้มีปฏิภาณความฉลาดเพิ่มมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในคนชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด แล้วก็ความสามารถสำหรับการศึกษา
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลอลักษณะโรคสมองเสื่อมในคนแก่ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการตัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว ปวดหัวข้างเดียว
ช่วยแก้อาการหน้ามืดหัว
ช่วยเครียดน้อยลง
ช่วยเสริมหลักการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยบรรเทารวมทั้งทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงเลือดภายในร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้เค้าหน้าแจ่มใสเหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาลักษณะการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดราวๆ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้หิวน้ำสรรพคุณใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง ช่วยต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานเจริญ
ช่วยรักษาโรคโรคตับเหลืองจากภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยถนอมอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกใหม่ๆต้นโดยประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะต้น ด้วยการใช้บัวบกรวมทั้งเปลือกของลูกหมาก 1 ผล เอามาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นเลือด แล้วก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการหมดแรง อ่อนแรง
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา ด้วยเหตุว่าทำให้เลือดเดิน แต่เลือดจะไม่ออกจากเส้นโลหิตและก็ยังเป็นเหตุให้เหี้ยมโหดอีกด้วย
ช่วยแก้อาการบอบช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยให้เจริญอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเสีย
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองป้องกันและยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับเยี่ยว
แก้อาการฉี่ติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อปัสสาวะคล่องดีแล้วค่อยเอาออก
ช่วยขับความร้อนชื้นทางเท้าฉี่ ปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากจนเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดโรคของไวรัสตับอักเสบ
แก้ลักษณะของการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดราว 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยรีบการผลิตเนื้อเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการกางใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่ฟกช้ำดำเขียว หรือจะใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 40 กรัม ต้มกับสุราแดงราวๆ 250 cc. ราว 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำเอามาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆอาทิเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น
ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุส่งผลให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดลักษณะของการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งยังต้นสดของบัวบกราวๆ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟเผา
บัวบกมีการนำมาสร้างเป็นแคปซูลวางขาย มีคุณประโยชน์ในการช่วยทำนุบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในชนิดผงใช้โรยแผล และก็ในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ รวมทั้งยังช่วยปกป้องการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ ฯลฯ
น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีคุณประโยชน์ช่วยทำนุบำรุงหนังศีรษะรวมทั้งเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ จัดการกับปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับหน้าร้อนมากมายก่ายกอง เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณลักษณะช่วยลดการระคายเคืองผิวและปลอดภัยต่อร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องแต่งตัว
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นสิ่งของปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกๆวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้สร้างอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างขาวใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

ขั้นตอนการทำน้ำบัวบก
แนวทางการทำน้ำบัวบกแนวทางการทำน้ำบัวบก ควรที่จะเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้ทั้งยังรากนำมาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้ได้ตัวยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำสะอาด และห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองมิได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรจะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมหากทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะก่อให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
คุณประโยชน์ของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมอย่างเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนกระทั่งสะอาดแล้วหั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอกซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนกระทั่งไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาอาการปวดศีรษะ รวมทั้งวิงเวียนหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดแจงวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบ / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างชำระล้าง แล้วหั่นหยาบๆให้พอดีคำ
นำแป้งที่ใช้ในการทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย รวมทั้งเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นจัดเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว เอามาทอดให้พอเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เอามาจิ้มกินกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้จัดแจงวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งสารพัดประโยชน์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาล 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างชำระล้างแล้วหั่นอย่างละเอียด โดยตัดก้านรวมทั้งใบออกมาจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบเอามาเรียงทับกันแล้วหั่นตามทางขวางและก็กลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งรวมทั้งผงฟูมาร่อนผ่านตะแกรง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้เข้ากับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนถึงขึ้นฟู โดยประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่และก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้เหมาะ
เบาๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนผสมทั้งสิ้น
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมให้เข้ากันอีกรอบ
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่อยากได้
ใช้เวลาอบราวๆ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราว 250 องศา หรือดูว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
แนวทางการทำน้ำมันบัวบก
เตรียมส่วนผสมดังนี้ บัวบก 4 กิโลกรัม / น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำที่สะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มน้ำลงไปในบัวบก และจากนั้นจึงนำไปปั่นจนถึงละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆโดยประมาณ 80 องศาเซลเซียส
เคี่ยวไปเรื่อยจนถึงเหลือแต่น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว โดยให้ดูลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบทราย ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ยกลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
วิธีใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาทาเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งเอาไว้ราวๆ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมยาสระผมตามธรรมดา เป็นอันเสร็จ
น้ำมันบัวบก คุณประโยชน์ช่วยทำนุบำรุงหนังหัวและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
การตักเตือนและก็ข้อเสนอ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการกินใบบัวบกคุณควรพิจารณาพื้นฐานของร่างกาย อย่าดูแต่ว่าสรรพคุณเพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะสมกับคนที่มีภาวการณ์เย็นพร่อง หรือขี้หนาว อาการท้องอืดบ่อยๆ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเกินไป จะก่อให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

7


ราชพฤกษ์

คูน ผลดีรวมทั้งสรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยเจริญในที่โล่งแจ้ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ผลสรุปเด่นชัด จวบจนกระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           ด้วยเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าอยู่หัว" และมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เพราะเหตุว่าฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับขนบธรรมเนียมสำคัญๆในไทยและก็เป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ อย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มไม้งามเต็มต้น เปรียบเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ
  • มีอายุยืนนาน รวมทั้งคงทน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรพวกยืนต้นขนาดกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์ หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย ศรีลังกา แล้วก็พม่า รวมทั้งคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การรักษา
           แสง : อยากแดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และก็เจริญวัยเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีแพร่พันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจะต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วหลังจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติยศ เกียรติยศ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องจากว่าเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถถ่ายเทน้ำเจริญ ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นมัน โคนมน เนื้อใบหมดจดและก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ แล้วก็เห็นเส้นกลีบแจ้งชัด ฝักอ่อนมีสีเขียวรวมทั้งจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด รวมทั้งในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกันเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก รวมทั้งข้างในช่องเหล่านี้จะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ แล้วก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนบริเวณใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ รวมทั้งโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) รวมทั้งโรคกระเพาะของกิน และก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับเพื่อการทำลายเชื้อคุดทะราด ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักแถวๆศีรษะ แล้วก็ช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้สดชื่นทรวงอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนกระทั่งรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีตั้งครรภ์ ไม่เป็นผลใกล้กันใดๆก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้อาการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับปรุงแก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง รวมถึงถ่ายเสมะรวมทั้งแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กแล้วก็สตรีตั้งท้อง ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเหม็นเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน และขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสฝาดเมา
เม็ด – ทำให้คลื่นไส้ ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเดิน ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล รับประทานเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย และระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและก็ครึ่งหนึ่งเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตเจริญในที่โล่งแจ้ง และปลูกได้ง่ายอีกทั้งในดินร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินร่วนเหนียว รวมทั้งยังทนต่อสภาพอากาศแห้งและดินเค็มได้ดิบได้ดี แม้กระนั้นถ้าเกิดอากาศหนาวจัดอาจทำให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

8

ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อประจำถิ่นอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color] (ภาคกึ่งกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ประเภทนี้ตำราเรียนข้างหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงระดับจำพวกย่อยหมายถึงCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชชนิดนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่เมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ตะปุ่มตะป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร แกนกลางใบยาว ๒๐-๓๐ ซม. ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ ซม. ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่แล้วก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตรราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวไม่เท่ากัน รังไข่เรียว ขนคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ ซม. แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ เกลี้ยง ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดจำนวนมาก รวมทั้งรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลเป็นเงา
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้ใหญ่ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ สะอาด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราวๆ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อแขวนระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้ข้างบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมหวนอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และก็มีเปลือกแข็ง ภายในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องรวมทั้งมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เม็ด มีเนื้อหุ้มนุ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนแล้วก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกข้างถนนเพื่อความสวย
การปลูกรวมทั้งแพร่พันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากรวมทั้งเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกจำพวก แต่ว่าจะชอบดินร่วนซุยปนทราย เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ดแล้วก็ตอนกิ่ง

ประโยชน์ทางยา
รสและสรรพคุณในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาอาการไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งโสโครกออกมาจากร่างกาย ทำลายเชื้อคุดทะราด แก้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้จับสั่นแล้วก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้มาลาเรียรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง รวมทั้งช่วยเร่งคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องเสีย
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเอียน ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ถูหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อแล้วก็ขัดข้อ
เปลือกฝัก รสฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง และก็ทำให้อ้วก
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งผอง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำกินแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้อาเจียน เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและปริมาณที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักราว 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือเวลาเช้าก่อนอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับท้องผูกบ่อยๆ รวมทั้งสตรีตั้งครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักราว 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดและเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

9

กระเทียม
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับคนเจ็บเบาหวาน
บำรุงเลือด ป้องกันอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
คุ้มครองปกป้องโรคหัวใจ
ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ปกป้องไข้หวัด ยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ แล้วก็ลดความเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 คุณประโยชน์ดีๆที่เราต้องการให้คุณทานทุกวัน
วิธีทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ตี หรือบด จำเป็นจะต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนนำมาประกอบอาหาร 5-10 นาที ขึ้นรถอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะทานสด หรือจะปรุงอาหารในน้ำมันก็ช่างเถอะ
ปริมาณกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราว4 กรัมต่อวัน แต่ไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงสภาวะเลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดรอยแผล
วิธีเลือกซื้อกระเทียมมาทำกับข้าว
ควรเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น และก็ถ้าเกิดอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะทำการเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้กุ๊กพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แต่ระวังสักนิด แม้ทานกระเทียมมากๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด อาจมีลักษณะการเจ็บคอภายหลัง และอย่าลืมระแวดระวังกลิ่นปากกันด้วยค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่ออยู่หลายชั้น ข้างในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ข้างนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและก็ใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นและหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกภาคของเมืองไทย แต่นิยมปลูกกันมากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเหตุว่ามีสภาพดินแล้วก็สถานการณ์อากาศที่เหมาะมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเติบโตได้ดิบได้ดี เห็นผลผลิตสูงและมีรสชาติที่ดียิ่งกว่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 ซม. มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่ออยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีต้นเหตุจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบลำพัง (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบรวมทั้งพับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นและเชื่อมชิดกันเป็นวงหุ้มรอบใบที่อ่อนกว่าและก็ก้านช่อดอกก่อให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวและสีจะเบาๆจางลงจนตราบเท่าถึงโคนใบ ส่วนที่ห่อหุ้มหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆจำนวนมากอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบตกแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมห่อหุ้มช่อดอกในเวลาที่ยังตูมอยู่ แม้กระนั้นเมื่อช่อดอกบานใบประดับจะเปิดอ้าออกและก็ห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือติดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราว 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูรวมทั้งก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างจะกลม มี 3 พู เม็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วก็ภาคเหนือ แต่ว่ากระเทียมที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ตัวอย่างเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
แนวทางเลือกซื้อกระเทียม
วิธีการสำหรับเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองณง่ายๆเป็น เลือกกระเทียมที่หัวแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าหากจะต้องปรุงอาหารที่อยากได้กลิ่นแรงๆจำเป็นต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะเห็นว่ากระเทียมเป็นประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ล้นหลาม ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แต่ก้ไม่ยากเหลือเกินที่จะรับประทานนะครับ ด้วยเหตุดังกล่าวอย่าลืมเพิ่ข้อควรปฏิบัติตามสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังตั้งท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร การรับประทานกระเทียมในช่วงการตั้งท้องค่อนข้างไม่เป็นอันตรายถ้าหากกินเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แต่ว่าบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้าหากรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในช่วงการตั้งท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมและก็ในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะก่อให้มีการระคายเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
คนที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจจะก่อให้ระดับความดันเลือดลดต่ำลงมากกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดรับประทานกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดออกมากรวมทั้งส่งผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด แล้วก็ผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกไม่ปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เพราะว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น ไอโซไนอะซิด เนื่องจากกระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งส่งผลต่อคุณภาพการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดโรคเอชไอวีหรือโรคเอดส์
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านครับ คุณประโยชน์และก็ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ http://www.disthai.com/

10

ทับทิม
มารู้จัก “ทับทิม” ผลไม้เพื่อสุขภาพ
นักระบุอาหารขึ้นบัญชีวิชาชีพประเทศสหรัฐอเมริกา
ในยุคที่ใครก็ห่วงสุขภาพ รักการบริหารร่างกาย หมั่นกินผัก ผลไม้ต่างๆเมื่อกล่าวถึง “ทับทิม” หลายท่านคงรู้จักดีกันดีกับผลไม้ที่มีกลิ่นหอมสดชื่น รสชาติอร่อยเชิญชวนชอบใจ ทับทิมนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียและอิหร่าน โดยในบันทึกโบราณทางการแพทย์ระบุว่า ทับทิมถูกใช้เป็นยารักษาโรคและก็ใช้สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายมานานนับพันๆปี
ปัจจุบันนี้ทับทิมจัดคือผลไม้ในกรุ๊ป ซุปเปอร์ฟรุ๊ต ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่สารพฤกษเคมีและสารแอนติออกซิแดนท์ซึ่งมีจำนวนสูงยอดเยี่ยมในทับทิมโดยสูงเป็น 3 เท่าของของกินอื่นที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง ทั้งมีใยอาหารสูงมากมาย นอกเหนือจากนั้นยังมีวิตามินซีสูง มีวิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิค) วิตามินเอ วิตามินอี ส่วนธาตุที่มีมากมายคือ แคลเซียม โพแตสเซียม และก็ธาตุเหล็ก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่าทับทิมมีสารที่มีฤทธิ์สำหรับในการต้านทานขบวนการออกซิเดชันที่เกี่ยวกับการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมทั้งโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระในทับทิมสูงยิ่งกว่า เหล้าองุ่นรวมทั้งใบชาเขียวถึง 3 เท่า แล้วก็ยังมีจำนวนสารโพลีฟีนอลในทับทิมสูงยิ่งกว่าน้ำผลไม้อื่นๆอย่างเช่น ส้ม องุ่น แคนเบอร์รี่ ลูกแพร แอปเปิ้ล อีกด้วย
ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกลุ่มสารโพลีฟีนอล ที่สำคัญคือ สารพูนิค้างลาจิน พูนิค้างลิน และกรดกัลลาจิก ทั้งปวงนี้อาจมีผลต่อการคุ้มครองป้องกันอันตรายต่อเยื่อในร่างกายที่จะส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรังต่างๆการค้นคว้าวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมบางทีอาจช่วยยั้งการเจริญก้าวหน้าของเซลล์มะเร็ง ทับทิมยังมีสารอโรมาเทสอินฮิบิเตอร์ธรรมชาติ ซึ่งช่วยยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเอสโทรเจนที่บางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม ยิ่งไปกว่านี้สารอาหารและก็สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมสกัดยังเป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ บางทีอาจต่อต้านการเกิดริ้วรอย ช่วยให้มีผิวพรรณอ่อนกว่าวัยแล้วก็มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นอกเหนือจากนั้นทับทิมยังจัดเป็นผลไม้ที่มีพลังงานต่ำ จึงอาจให้ผลดีต่อการลดพลังงานสำหรับในการควบคุมน้ำหนัก โดยการกินทับทิมแทนขนมหวาน
ด้วยสารสำคัญต่างๆในทับทิม นักค้นคว้าจึงพึงพอใจทำการศึกษาถึงประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีรายงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า สารสกัดจากทับทิมช่วยชะลอการเจริญก้าวหน้าของเซลล์มะเร็ง และสามารถฆ่าเซลล์ของโรคมะเร็งในห้องแลปได้ ยิ่งกว่านั้นยังมีการศึกษาค้นคว้าชี้ว่า น้ำทับทิมสกัดยังสามารถช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเทอรอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอคอยลไม่ดี ทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัน และก็ยังช่วยลดความดันโลหิต ส่งผลสำหรับในการช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมองตีบและก็หัวใจวาย
ด้วยประโยชน์ของทับทิมที่มีต่อสุขภาพและก็มาจากธรรมชาติ ทำให้ทับทิมได้รับความนิยมอย่างมากมายทั่วทั้งโลก ตอนนี้มีการนำทับทิมมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์น้ำทับทิมสกัดแบบพร้อมดื่ม เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ใช้หวานใจและก็หวังดีสำหรับเพื่อการดูแลสุขภาพ
งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยของ Sharma, Mc Clees and Afaq ปัจจุบันในปี 2017 ระบุว่า สารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ยั้งการเกิดเซลล์กลายพันธุ์ที่นำมาซึ่งเซลล์ของโรคมะเร็ง
ด้วยสรรพคุณจำนวนมากดังกล่าว ทำให้ทับทิมได้รับการตั้งชื่อว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต” (Super fruit) ยอดนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เนื่องจากมีวิตามินและก็แร่
ความเลื่อมใสรวมทั้งตำนาน
ชาวกรีกโบราณมั่นใจว่า ต้นทับทิมมีต้นเหตุที่เกิดจากโลหิตของไดโอนีซุส (Di-onysus) ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งเทวดาทั้งปวงและก็เทวีนาน่า(Nana) ซึ่งเป็นพรหมจารีย์ ตั้งครรภ์ขึ้นโดยการใส่ผลทับทิม และให้กำเนิดเทพเทวดาแอตติส (Attis) ขึ้น ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เคารพนับถือเทวดาแอตตำหนิสก็เลยไม่กินผลทับทิม ชาวยิวในยุคพระผู้เป็นเจ้าโซโลมอนก็ถือว่า ทับทิมคือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏอยู่บนยอดเสาของวิหารกษัตริย์โซโลมอน แขกฮินดู ในอินเดียมั่นใจว่า พระวิฆเนศวรทรงโปรดทับทิม คนที่เคารพนับถือพระพิฆเนศก็เลยนิยมนำผลทับทิมไปถวาย นอกจากนั้น ยังคงใช้ดอกทับทิมบวงสรวงบูชาดวงตะวัน พระนารายณ์ และก็เทวีลักษมี อีกด้วย
คนจีนนับว่า ต้นทับทิมเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งทับทิมชนิดดอกสีขาว) รวมทั้งจัดว่าทับทิมเป็นเครื่องหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความมีลูกหลานจำนวนมาก (เนื่องด้วยผลทับทิมมีเมล็ดมากมาย) ก็เลยนิยมได้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่คู่สมรสในพิธีแต่งงาน (เพื่อให้มีลูกหลานมากๆ) ในพิธีแต่งงานนิยมปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว และก็ปักยอดทับทิมไว้ที่ข้าวของเซ่นไหว้เจ้า ชาวจีนยังเชื่อว่า ใบหรือกิ่งทับทิมมีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยนิยมปลูกทับทิมไว้ในรอบๆบ้าน แล้วก็ใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้าล้างตา ล้างมือ หลังกลับจากงานศพ (เพื่อมิให้ปีศาจติดตามมา)
ในญี่ปุ่นคงจะรับความเชื่อเกี่ยวกับทับทิมไปจากจีน เปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าแม่ที่คอยคุ้มครองปกป้องรักษาเด็กๆให้ไม่เป็นอันตราย รวมทั้งมั่นใจว่าเมื่อเด็กๆได้กินผลทับทิมแล้วจะปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งผอง คนประเทศไทยก็คงได้รับถ่ายทอดความศรัทธาเกี่ยวกับทับทิมมาจากชาวจีนบ้าง ดังปรากฏว่า มีศาลเจ้าหลายแห่งในประเทศไทย ชื่อเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งคงเป็นเจ้าแม่ที่มีเกิดจากเมืองจีนแล้วกลายเป็นชื่อไทยคราวหน้า

11

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่เป็นผลสดสูงที่สุดรวมทั้งยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม ทั้งยังยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีประโยชน์ในการปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในต้นแบบแตกต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะกำหนดความสามารถของทับทิมต่อการรักษาโรคได้กระจ่างแจ้ง ซึ่งตัวอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต ก็เลยอาจช่วยลดความเสี่ยงสำหรับในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดมึงลลิค 610 มิลลิกรัม) และก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่กล่าวมาแล้วลดลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปและก็ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ลดลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ก็เลยแสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงจะต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดลองขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับการรักษาโรคเหงือก เนื่องด้วยการดูแลรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอในการบรรเทาอาการจากโรคมากมายซักเท่าไหร่รวมทั้งลดการเสี่ยงด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อดูความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยแนวทางการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลสำหรับในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนประกอบในสินค้าสำหรับการบำรุงช่องปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน และก็อาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลินทรีย์ต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่มีประสิทธิภาพไม่มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดช่องทางสำหรับเพื่อการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพด้านในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ ซึ่งสำหรับเพื่อการทดสอบได้เก็บคราบเปื้อนจุลชีวันจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและก็ข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกไม่เหมือนกันในแต่ละกรุ๊ป ยกตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแค่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับในการใช้ขจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เนื่องมาจากช่วงเวลาในการทดลองค่อนข้างสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แล้วก็มีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่รับประทานอาหารด้านใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บมีระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี รวมทั้งอัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกมิได้แน่ชัด เพราะว่าอาหารชนิดอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน รวมทั้งกลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก จำเป็นต้องขยายผลการเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกเหนือจากนี้ การดูแลและรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องมีการควบคุมของกินและการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารพวกนี้มีส่วนสำคัญสำหรับการทุเลาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลในเลือดรวมทั้งเยี่ยวของคนไข้ อีกทั้งยังไม่พบไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมรวมทั้งตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากการสลายตัวสารกลุ่มนี้โดยจุลชีวันในระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร จึงควรทำความเข้าใจแนวทางการซับสารอาหารที่ไม่เหมือนกันก่อนจะกล่าวอ้างถึงผลดีด้านสุขภาพจากการรับประทาน เนื่องจากว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่กินอาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งสิ้น
โรคและก็อาการอื่นๆอาทิเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การตำหนิดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับเพื่อการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลข้างๆจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายสำหรับในการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย เป็นต้นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมบุตร แต่ว่ายังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในแบบอย่างอื่น ดังเช่น สารสกัดจากทับทิม จึงควรขอคำแนะนำหมอก่อนจะมีการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงน้อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนไข้ที่มีภาวะความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เนื่องจากทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน ผู้ที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นหมอก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อความปลอดภัย

12

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 สรรพคุณดีๆของ’’ผลดีสำหรับในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บตามข้อ ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสบาย
5.ขิงช่วยแก้อาการเวียนหัว หน้ามืด อาเจียน เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยสลายไขมัน แล้วก็เป็นยาระบายอ่อนๆก็เลยแป็นสาเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยบำรุงรักษาหัวใจ เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ และก็อาหารทะเลได้
9.คุณประโยชน์ซึ่งมาจากเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลัวปากเสมอๆ แล้วลองสังเกตว่าอาการปวดจะค่อยๆต่ำลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงเสมอๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะค่อยๆน้อยลง
15.ขิงบรรเทาโรคประสาทอาการของโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมมารดาให้ดียิ่งขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับเพศหญิงให้นมลูกอย่างดีเยี่ยม
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพสิ่งเสพติด
18.คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์ของมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และก็ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเป็นประจำ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.สรรพคุณของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยทำให้นอนหลับสบาย จึงเหมาะเป็นของกินสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดฉี่ คุ้มครองป้องกันโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ ด้วยเหตุว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยทำให้ปรับสมดุลภายในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองการเกิดแผลในกระเพราะว่าของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจนเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การปรับใช้ทางสถานพยาบาล
1.บรรรเทาอาการเจียนร้ายแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.บรรเทาอาการแผลในกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้ละเอียดกับน้ำ 300 มล. นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร รวมทั้งลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเพราะว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดียิ่งขึ้น มากท้องผูก หรือขี้สีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความอยากของกิน (พบว่าคนไข้เหล่านั้นโดยมากกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง หรือควบคุมต้นสายปลายเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่พักผ่อนในคนเจ็บที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาบริวารนไพรฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกจนเข้ากันขัดในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือค่อยๆรับประทานหมดข้างในครึ่งชั่วโมง การทดลองในผู้เจ็บป่วย 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับพยาธิปริมาณร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเจ็บป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ตัวอย่างเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาล หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายคราวหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยยิ่งไปกว่านั้นไก่ดำเพศผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียพลังหยางและเลือด มีน้ำในร่างกายหลงเหลืออยู่มากการกินไก่ผัดขิงจะเสริมอีกทั้งเลือดหยางช่วยให้การสรุปยดูดซับอาหารดียิ่งขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำเจริญขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการทานขิง
-อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับการท้องได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับเพื่อการท้อง และก็การแท้ง แต่ว่าในการท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการรับประทานขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอ้วกจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้นคุณควรไปปรึกษาหมอก่อ่นจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในช่องปากมีการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่ควรรับประทานขุงมากจนถึงเกินไป
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนรู้หนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกการตักเตือนเตือนให้งดเว้นการรับประทานขิงในตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเนื่องจากว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าหากว่าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกแตกต่างจากปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก เลียงการกินขิง
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หวังคนไม่ใช่น้อยที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาลักษณะของโรคต่างๆก็น่าจะต้องระมัดระวังตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเหตุว่าบางคราวถ้าเกิดราใช้ [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง[/url]สำหรับการรักษาโรคหนึ่งแต่ว่าก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการแย่ลงได้ โดยเหตุนั้นน่าจะกินขิงอย่างละเอียด แต่ว่าหากว่ายังไม่มั่นใจล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ

13

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในสกุลขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆด้าน ด้วยเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินและก็แร่ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพทางด้านร่างกายของพวกเรา ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยเยอะมากอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ของขิงนั้น พวกเราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และก็ผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยชน์ของขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเยี่ยม
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการคุ้มครอง ต้านทานการเกิดโรคมะเร็ง ต้านการเติบโตของเซลล์ของมะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวควรจะรับประทานขิงพร้อมกันไปกับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งจะมีผลดี
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น และก็ช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆนำมาตีให้แหลกราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดหุ่น ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามากิน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นมัว (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาข้างหลังคลอดลูก ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดโดยประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของคุณแม่ (ผล)
ช่วยให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหนึ่ง
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนไข้ที่มีอาการติดยาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำกิน (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
ช่วยจัดการกับปัญหาผมร่วง หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟกระทั่งอุ่น แล้วนำมาตำให้แหลก เอามาพอกบริเวณที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการดีขึ้น หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วหัวราวๆ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมหล่นได้เหมือนกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา แล้วก็ใช้แก้อาการตาพร่า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีอย่างระมัดระวังคั่วกับน้ำสารส้มจนถึงไหม้เกรียม แล้วบดจนถึงเป็นผุยผง ต่อจากนั้นเอามาพอกรอบๆฟันที่ปวดแก้เสมหะ เสลดขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวะน้ำลายมาก คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นรวมทั้งเกลือนิดหน่อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันรวมทั้งคุ้มครองการเกิดฟันผุ
ช่วยกำจัดกลิ่นรักแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เสมอๆ จะช่วยในการกำจัดกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง เอามาตำจนกระทั่งเหมาะ แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ นำมาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดการคลื่นไส้อ้วกจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งท้องไม่สมควรรับประทานบ่อยมากกระทั่งเกินไป)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลำไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาทุบพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งไว้ราวๆ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้ออาหาร
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในตอนก่อนหรือหลังประจำเดือน ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วโดยประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำเป็นประจำ
ช่วยสำหรับการย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการถ่าย และก็ช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาเยี่ยวรดที่นอนในผู้ป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดบ่อยๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นเกล็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่สุรา 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดบริเวณดังที่กล่าวถึงแล้ววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมรอบๆข้างหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว นำมาเผาผิวนอกจนเป็นถ่าน รอปาดถ่านที่เปลือกนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลหากถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับรอบๆที่ถูกกัดจะช่วยบรรเทาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง ฯลฯ ช่วยคุ้มครองป้องกันการแพ้อาหารทะเลจนกระทั่งเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรือของกินช็อกประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อคุ้มครองป้องกันการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการทำอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติของกินได้อย่างดีเยี่ยม และก็สามารถช่วยขจัดกลิ่นคาวของอาหารก้าวหน้าอีกด้วย
ในด้านความงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ก้น หรือบริเวณที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความตะปุ่มตะป่ำของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นเอามาแปรรูปได้หลายประเภท อย่างเช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

วิธีการทำน้ำขิง
กระบวนการทำน้ำขิงขั้นตอนการทำน้ำขิงลำดับแรกให้ตระเตรียมส่วนประกอบดังนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาตีให้แตก แล้วนำมาใส่ไว้ภายในหม้อต้ม เพิ่มน้ำสะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนถึงน้ำเดือดและก็หลังจากนั้นจึงค่อยเบาไฟลง ต้มโดยประมาณ 20 นาทีจนน้ำขิงละลายออกมาจนหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วยกลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มเติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความอยาก) แล้วคนจนเข้ากัน
เรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นก็สามารถเอามากินได้ โดยเอามาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าควรเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินไป เนื่องจากมีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นจนกระทั่งเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ เนื่องจากจะไปหยุดการบีบตัวของลำไส้ จนทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรจะคั้นในจำนวนน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
เราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับการทำครัวและทำเครื่องดื่ม ซึ่งอันที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดโรคต่างๆได้สารพัดสารพัน ถือว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นดังนี้พวกเราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งคุณประโยชน์ของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับเพื่อการรักษาโรค ควรจะทำอย่างอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และก็ยังมีใยอาหารมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แต่เหตุเพราะขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความร้อนในร่างกายอยู่แล้ว เป็นต้นว่าผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากยิ่งกว่าปกติ แม้กระนั้นถ้าหากจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

14

น้ำมันเหลือง เป็นยังไง?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรจำพวกต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
บริการนวดน้ำมันเหลืองรวมทั้งส่วนใหญ่สร้างความเข้มแข็ง ระบบภูมิต้านทานและก็ช่วยย่อยอาหารดียิ่งขึ้น.
ศิลปะที่สวยของการนวดได้ทวีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ยอดเยี่ยมสำหรับความปรารถนาส่วนตัวของคุณและก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดผ่อนคลายและก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลทางจิตวิญญาณของคุณและก็สุขภาพที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงเป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อส่งเสริมสุขภาพและฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งผอง. น้ำมันนวดถูกออกแบบมาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายขึ้นในระหว่างนวด และก็ในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้รู้สึกดีและผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งกายและใจ. อ่านถัดไปเพื่อหาข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับประโยชน์ของการนวดน้ำมันเหลืองแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดแจ่มใส.
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีในการดูแลสภาพผิวแล้วก็สุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรรวมทั้งพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นและเนื้อน้ำมันพวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมยวนใจ และสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้เราบรรเทา น้ำมันเหลือง รวมถึงช่วยในเรื่องของความชื้นและก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันว่ามีสาระในด้านใดบ้าง
          สินค้าตัวนี้ ผลิตจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีสิ่งที่ห้ามจำกัดอยู่เหมือนกันสำหรับเพื่อการใช้ ซึ่งในเรื่องที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากน้ำมันนวดกันจ้ะ

  • ปวดก้านคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome เป็นต้น
  • คนทํางานที่จำเป็นต้องใช้กล้าม ตัวอย่างเช่น ชูของหนัก
  • นักกีฬา หรือคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักเที่ยว นักเดินทาง
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ ดังเช่น ข้อเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท ฯลฯ


        น้ำมันเหลือง ซึ่งพวกเรามาดูผลกระทบจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อกันนะคะ เพราะอะไรถึงจำเป็นต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะเหตุว่า ยาคลายกล้ามธรรมดาที่เราทาน ทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกหายเป็นปกติจริง เราจะมีความคิดว่ามันหายเป็นปกติ และบริหารร่างกายได้ธรรมดาไม่เจ็บ แต่ว่าที่จริงแล้วกล้ามเนื้อยังอักเสบอยู่ ถ้าหากพวกเรายังคงใช้งานกล้ามเหมือนเดิมจะก่อให้กล้ามอักเสบเยอะขึ้นเรื่อยๆ การที่รับประทานยาแล้วบริหารร่างกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางทีก็อาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อน้ำมันเหลือง ซึ่งคนส่วนมากและก็จะใช้กล้ามหรือปฏิบัติงานธรรมดาทุกอย่างเพราะเราไม่รู้เรื่องสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผิดเพราะการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะกับผู้ใดกันบ้าง?

  • คนบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ผู้ที่ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • คนที่ปวดมือและก็คอจากการเล่นมือถือ
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • คนที่ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ปวดเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • คนที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • เจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท กระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นมือถือ
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก จนปวดขา


          สำหรับคนใดกันที่  มีติดบ้านกันไว้ก็ดีแล้วนะคะ เนื้อหานี้เป็นเพียงรีวิวการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นความความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะไม่ได้ขายคอแต่อย่างใด พวกเราใช้แล้วได้ผลจริงจึงมาบอกต่อซึ่ง เนื้อหานี้เราได้หารายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บต่างๆนะคะ น้ำมันเหลืองเพื่อมาประกอบสำหรับเพื่อการรีวิว ซึ่งถ้าเกิดมีจุดบกพร่องประการใด สามารถติชมและก็ชี้แนะกันเข้ามาได้ แล้วก็สามารถติดตามบทความรีวิว ของเราได้เรื่อยเลย และก็เราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาเสนอแนะอีกห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ เจอกันในบทความหน้า
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองนวดขึ้นอยู่กับการใช้แรงงาน และสรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละจำพวก โดยส่วนใหญ่น้ำมันฐานรากที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันนวด ได้แก่ น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงยิ่งกว่าน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง น้ำมันเหลือง นอกเหนือจากนี้น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ต้องต่อสถาพทางร่างกาย ทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่น

Tags : น้ำมันเหลือง

15

น้ำมันเหลือง คืออะไร ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพเยี่ยม ทำจากพืชสมุนไพรจำพวกต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับดูแลภาวะผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและก็พืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นและก็เนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมยวนใจ รวมทั้งสัมผัสของของน้ำมันเหลืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา รวมถึงช่วยในเรื่องของความชื้นและผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูคุณประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมันว่ามีประโยชน์ในด้านใดบ้าง
บริการนวดน้ำมันนวดและจำนวนมากสร้างความเข้มแข็ง ระบบภูมิต้านทานแล้วก็ช่วยสำหรับในการย่อยของกินดียิ่งขึ้น.
ศิลปะที่สวยของการนวดได้ทวีความร้ายแรงเพิ่มมากขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับเพื่อการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันเหลืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่ต้องการเฉพาะบุคคลของคุณรวมทั้งผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดน้ำมันเหลืองผ่อนคลายแล้วก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลทางจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?
สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีเยอะแยะทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง
แก้กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดฝ่าเท้า ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดเข่า ปวดขา ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้ามเนื้อ สูดแก้อ้วก วิงเวียน อาการหอบหืด และไซนัส
- ทุเลาอาการตาลายหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง
- แก้กลยุทธ์ขัดยอก ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น
- น้ำมันเหลืองบรรเทาอาการคัดจมูก เพราะหวัด
ผู้ใดกันที่ชอบใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด เนื่องจากว่าวันนี้พวกเรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมาก แล้วแต่ว่าคนไหนกันถูกใจสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งนั้นมักใช้แก้ปวด แก้เวียนหัว แก้ตะคริว รักษาอาการหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้อาการท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรการทำกันเลย
วัสดุ เครื่องใช้ไม้สอย
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่น ขวดบรรจุกาแฟ ขวดแก้ว
วิธีการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรทีละตัวทอดถึงแม้ว่าจะหมดฟองยกลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบทั้งยัง 3 ชนิด ในอัตราส่วนที่กำหนดเป็น(เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งผองละลายเป็นของเหลว (หากไม่ใช่ไม้คนอาจใช้กรรมวิธีเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงคือการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อส่งเสริมสุขภาพรวมทั้งฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งปวง. น้ำมันนวดถูกวางแบบมาเพื่อให้มือเลื่อนได้ง่ายขึ้นในระหว่างนวด และก็ในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายเยอะที่สุดสำหรับทั้งกายใจ. อ่านต่อไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันและก็บรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดชื่นบาน.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเป็นจำนวนมากน้ำหอมและสีที่แตกต่างกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบำบัดรักษา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถเจอได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดน้ำมันเหลืองเพื่อคุณสามารถเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่มีความต้องการรวมทั้งความมุ่งมาดปรารถนาของคุณ.
ลดการ ความเคร่งเครียด
นวดเป็นวิธีที่วิเศษมากมาย ลดความตึงเครียด แล้วก็ความเครียดที่มีการสะสมภายในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่เหมื่อยล้า.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยให้คุณบรรเทารวมทั้งกำจัดความนึกคิดแง่ลบที่สะกิดความเคร่งเครียด.
อ่อนโยน, , ช่วยให้คุณ รักษา แล้วก็คืนจิตวิญญาณแล้วก็ความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของโลหิต
หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของน้ำมัน นวด ซึ่งมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตแล้วก็ในเวลาเดียวกันจะช่วยลดระดับความดันเลือดซึ่งเป็น น.

Tags : น้ำมันเหลือง

หน้า: [1] 2