แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - loidsfsa6519

หน้า: [1]
1

เหงือกปลาหมอ
ถิ่นเกิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยพวกเราเนื่องจากมีประวัติสำหรับการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและก็ชอบพบมากในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตเจริญในที่ร่มรวมทั้งมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ชอบที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นกัน เหงือกปลาหมอ พบอยู่ 2 จำพวก คือ ชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้มากในภาคกึ่งกลางแล้วก็ภาคทิศตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ อีกทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นชนิดไม่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบผู้เดียว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบของใบแล้วก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อเรือใบแข็งรวมทั้งเหนียว ใบกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร และยาวโดยประมาณ 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราว 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับจำพวกของต้นเหงือกปลาหมอคือ ดอกมีทั้งยังประเภทดอกสีม่วง หรือสีฟ้า แล้วก็ประเภทดอกสีขาว แต่ลักษณะอื่นๆเหมือกันเป็น  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวราวๆ 2-4 เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเม็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นยารับประทานแล้วก็ต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและก็วิธีใช้ยาก็มีหลายวิธี คือ
วิธีต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง รุ่งเช้า-เย็นทีละ 3-4 ขัน แต่ถ้ามีเหงือกปลาหมอจำนวนไม่ใช่น้อย บางทีอาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ตลอดตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอ 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งก็อาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและน้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร รุ่งเช้า-เย็น กินไปเรื่อยจวบจนกระทั่งจะหาย แม้กระนั้นถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็ต้องรับประทานตลอดกาล

ขั้นตอนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผุยผงละเอียดเหมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม คนแก่กินทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว อาทิเช่น
-ราก มีสรรพคุณสำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายอย่าง โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการผ่ายผอม ถ้าเกิดใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาต่างกันออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มรับประทานแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งปวง ผลกินเป็นยาขับเลือดรอบเดือน นอกนั้น ถ้าเกิดตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ทั้งยังต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมเกร็งเหลืองทั้งตัว กินทุกวี่วัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือหน่อยเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดให้งวดจึงยกลง กลั้นหายใจกินขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนตลอดตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ ปริมาณเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา ตอนเช้า กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินวันแล้ววันเล่า
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยทราบอ่อนแรง
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงน่าฟัง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกหมดทั้งตัวหายได้ ทั้งหมดทั้งปวงที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

2


ราชพฤกษ์

คูน ประโยชน์และสรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นบ้านของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้ง แล้วก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้บทสรุปแจ่มกระจ่าง จนกว่ามีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ตอนวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" แล้วก็มีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เพราะเหตุว่าเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับประเพณีหลักๆในไทยและฯลฯไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ได้แก่ ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มไม้สวยเต็มต้น เปรียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และก็ทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงกับขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามแคว้นต่างๆอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ลมแล้ง หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ รวมทั้งกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย ศรีลังกา แล้วก็ประเทศพม่า รวมถึงคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การรักษา
           แสงสว่าง : ต้องการแสงแดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และเจริญวัยก้าวหน้าในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมหมายถึงการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ถ้าเกิดปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติขั้น เกียรติยศ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องด้วยเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถถ่ายเทน้ำเจริญ ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นมัน วัวนมน เนื้อใบสะอาดและก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ แล้วก็มองเห็นเส้นกลีบแจ่มแจ้ง ฝักอ่อนมีสีเขียวและจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด แล้วก็ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก แล้วก็ภายในช่องเหล่านี้จะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ผลดีแล้วก็สรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ และช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนบริเวณใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ รวมทั้งโรคเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) และก็โรคกระเพาะของกิน และแผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับการฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักแถวๆหัว รวมทั้งช่วยถ่ายสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้กระชุ่มกระชวยอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนกระทั่งรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีท้อง ไม่มีผลข้างๆอะไรก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้อาการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับปรุงไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง และถ่ายเสมะและแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กรวมทั้งสตรีมีครรภ์ ไปจนถึงเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน และก็ขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสขื่นเมา
เมล็ด – ทำให้อาเจียน ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล รับประทานเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้ไข้จับสั่น แล้วก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและก็ครึ่งเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในที่โล่ง และปลูกได้ง่ายทั้งในดินร่วนซุย ดินร่วนซุยปนทราย หรือดินร่วนเหนียว แล้วก็ยังทนต่อลักษณะอากาศแห้งและก็ดินเค็มก้าวหน้า แม้กระนั้นแม้อากาศหนาวจัดอาจจะก่อให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

3

ชื่อตระกูล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อประจำถิ่นอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
ชนิดนี้ตำราหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแค่ระดับชนิดย่อย คือ Cassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชชนิดนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงขั้นกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่เมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร แกนกลางใบยาว ๒๐-๓๐ ซม. ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่และก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตรราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนหุ้มบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ ซม. ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดจำนวนมาก และรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ สะอาด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยโดยประมาณ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อแขวนระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกเหนือสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมยวนใจอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ รวมทั้งมีเปลือกแข็ง ด้านในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องและมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มนุ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนรวมทั้งแบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับรวมทั้งปลูกข้างถนนเพื่อความงดงาม
การปลูกและก็ขยายพันธุ์
ปลูกง่ายแล้วก็เติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ว่าจะถูกใจดินร่วนคละเคล้าทราย เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง

ประโยชน์ทางยา
รสและก็สรรพคุณในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย ฆ่าเชื้อคุดทะราด แก้ขี้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียและระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้มาลาเรียและก็เป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเดิน แล้วก็ช่วยรีบคลอด
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url]เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องเสีย
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเบื่อ ใช้กินเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและก็ขัดข้อ
เปลือกฝัก รสเฝื่อนเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง รวมทั้งทำให้อาเจียน
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งสิ้น ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เมล็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและจำนวนที่ใช้
แก้ท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือนิดหน่อย ดื่มก่อนนอนหรือตอนเวลาเช้าก่อนรับประทานอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับผู้ที่ท้องผูกบ่อยๆ แล้วก็สตรีตั้งครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักราวๆ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดและเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์ราชพฤกษ์

4

กระเทียม
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็เลยเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองป้องกันอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
คุ้มครองป้องกันโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ป้องกันหวัด ยับยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ผลดีดีๆที่เราอยากให้คุณทานทุกวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของพวกเรา ต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จะต้องหั่น สับ ตี หรือบดกระเทียมก่อนนำมาทำกับข้าว 5-10 นาที ขึ้นรถอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุนั้นจะทานสด หรือจะทำกับข้าวในน้ำมันก็ช่างเถอะ
ปริมาณกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ประมาณ4 กรัมต่อวัน แต่ไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เพราะว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดรอยแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาประกอบอาหาร
ควรที่จะทำการเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น และก็แม้อยากได้รสของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะทำการเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วของกินมื้อต่อไปก็บอกให้คนทำอาหารพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แม้กระนั้นระวังสักนิด แม้ทานกระเทียมมากมายๆโดยเฉพาะกระเทียมสด อาจมีลักษณะของการเจ็บคอภายหลัง และก็อย่าลืมระแวดระวังกลิ่นปากกันด้วยค่ะ ประเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่อหุ้มอยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนรวมทั้งใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นและหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของประเทศไทย แต่นิยมนำมาปลูกกันมากมายทางภาคเหนือรวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเหตุว่ามีภาวะดินรวมทั้งสภาพการณ์อากาศที่เหมาะมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญวัยได้ดี ได้ผลผลิตสูงรวมทั้งมีรสชาติที่ดียิ่งกว่า

ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกแล้วก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 ซม. มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่ออยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบเดี่ยว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 30-60 ซม. ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบและพับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นรวมทั้งเชื่อมชิดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่าและก็ก้านช่อดอกกระตุ้นให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวรวมทั้งสีจะค่อยๆจางลงจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆจำนวนมากอยู่ปนเปกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนน้อย มีใบตกแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 ซม. ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมห่อหุ้มช่อดอกเวลาที่ยังตูมอยู่ แต่ว่าเมื่อช่อดอกบานใบเสริมแต่งจะเปิดอ้าออกรวมทั้งแขวนลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ ทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกบริบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราว 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูแล้วก็ก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างจะกลม มี 3 พู เม็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากทางภาคอีสานและก็ภาคเหนือ แต่ว่ากระเทียมที่มีชื่อเสียงว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นฉุน ดังเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
แนวทางเลือกซื้อกระเทียม
วิธีการสำหรับเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองณง่ายๆคือ เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญหากจะต้องประกอบอาหารที่อยากกลิ่นฉุนๆจำต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเท่านั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะเห็นว่ากระเทียมมีสาระและสรรพคุณเยอะมาก ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นฉุน แต่ก้ไม่ยากเกินไปที่จะรับประทานครับผม ด้วยเหตุผลดังกล่าวอย่าลืมเพิ่ข้อควรปฏิบัติตามในการรับประทานกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมบุตร การรับประทานกระเทียมในตอนการมีท้องออกจะไม่มีอันตรายถ้าหากกินเป็นของกินหรือในจำนวนที่เหมาะสม แต่ว่าบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้าเกิดกินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรแล้วก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจก่อให้มีการระคายเคืองที่ทางเดินของกินได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจก่อให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 สัปดาห์เพราะอาจก่อให้เลือดออกมากรวมทั้งส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีภาวะเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น ไอโซไนอะซิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคเอดส์
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านนะครับ สรรพคุณและก็ประโยชน์ที่ได้รับมาจากกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

หน้า: [1]