แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - posdfnew01257

หน้า: [1]
1
ไขมันส่วนเกิน ที่มาของพุงและความอ้วน
พฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายหลายประเภท จะต้องรีบสลายไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะเจอกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
ไขมันส่วนเกิน สิ่งที่ทำให้เกิดความอ้วน ต้องสลายไขมันออกไป
พุงที่เด่นกว่าบริเวณใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องใหญ่ของบุคลิกภาพภายนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงแค่ใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีชวนชมกลับมาอีกครั้ง
ความอ้วน ทำให้บุคลิกภาพเสีย ขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง
ปัญหาด้านสุขภาพนับสิบนับร้อย ถือเป็นความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างหนึ่งในชีวิต เนื่องจากเมื่อได้มีการเจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อการดำนงชีพหลายชนิด ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาสุขภาพในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังอย่างเดียว แม้กระนั้นยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของลักษณะท่าทางลักษณ์ที่ส่งผลต่อความไม่มั่นใจในตัวเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
ทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง อยากลดหุ่น คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มาก ไขมันในร่างกายสูง ซึ่งเกิดเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทยพวกเราตอนนี้ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และก็นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แต่ว่าก็พอมีแนวทางที่จะช่วยจัดการปัญหานี้ได้ ดังเช่นว่า
ลดอาหารจำพวกแป้งรวมทั้งน้ำตาล
ลดอาหารจำพวกที่เป็นอาหารทอด
ลดของกินที่มีไขมันสูง ยกตัวอย่างเช่น หมู่ เนื้อ ไก่
บริหารร่างกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
รับประทานน้ำให้มาก ขั้นต่ำวันละ 2 ลิตร
กินผัก ผลไม้ เป็นของกินหลัก เช่น สลัด
ลดข้าวเย็น กินให้ลดลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเรา
ด้วยเหตุว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะจับมาล้อเลียนกันได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่หลายท่านเคยทำกันมา คนที่ล้ออาจรู้สึกสนุกสนาน และไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหัวเราะพอใจ คิดแค่ขำๆหน่า แต่ว่าผู้ที่ถูกล้อนี่สิ คงไม่ขำด้วย ด้วยเหตุว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลกเอาเสียเลย แถมยังเป็นเรื่องที่รู้สึกขายหน้าขายตาในรูปภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี แปลกกว่าปกติทั่วไปด้วยซ้ำ บางคนที่ถูกล้อหนักๆบ่อยๆก็เก็บไปคิดมากจนเป็นความทุกข์ แล้วก็สูญเสียความแน่ใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นอยากอ้วนกระทั่งถูกล้อเลียนอย่างนี้หรอก แม้กระนั้นแบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันหลีกเลี่ยงความอ้วนได้ยาก และก็หลายคนก็อ้วนง่ายแต่ว่าลดยากเยอะไป จริงไหม ?

เส้นทางลัด ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาอาการท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ตรวจสอบและลองใช้

2
ไขมันส่วนเกิน ที่มาของท้องแล้วก็ความอ้วน
เดือนพฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงต่อโรคร้ายหลากหลายประเภท ต้องรีบสลายไขมัน ขจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะเจอกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
[url=https://kungtep.com/]ไขมันส่วนเกิน[/url] ที่มาของความอ้วน ต้องเผาผลาญไขมันออกไป[/size][/b]
พุงที่เด่นกว่าใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องสำคัญของลักษณะท่าทางภายนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงแต่ใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีน่ามองกลับมาอีกรอบ
ความอ้วน ทำให้บุคลิกเสีย ขาดความเชื่อมั่น
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนับสิบนับร้อย ถือเป็นความรู้สึกหนักใจอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะว่าเมื่อได้เกิดการป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียตามมาต่อการดำนงชีพหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบงานกิจวัตรต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาสุขภาพในขณะนี้นั้นมิได้มีเพียงแค่เรื่องโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังสิ่งเดียว แต่ว่ายังมีปัญหาสุขภาพในด้านของบุคลิกลักษณะลักษณ์ที่มีผลต่อความไม่มั่นใจในตนเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
แนวทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง ต้องการลดความอ้วน คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มากมาย ไขมันในร่างกายสูง ซึ่งเกิดเรื่องที่พบบ่อยในสังคมไทยเราปัจจุบันนี้ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั้งโลกเลยก็ว่าได้ แล้วก็นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แม้กระนั้นก็เพียงพอมีแนวทางที่จะช่วยจัดการปัญหานี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น
ลดของกินจำพวกแป้งและก็น้ำตาล
ลดอาหารประเภททอด
ลดอาหารที่มีไขมันสูง เป็นต้นว่า หมู่ เนื้อ ไก่
บริหารร่างกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
กินน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลัก เป็นต้นว่า สลัด
ลดข้าวเย็น รับประทานให้ลดน้อยลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชีวิตพวกเรา
เพราะเหตุว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะจับมาล้อเลียนกันได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่คนจำนวนไม่น้อยเคยทำกันมา ล้ออาจรู้สึกสนุกสนาน และไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าการหัวเราะชอบใจ คิดแค่ขำๆหน่า แม้กระนั้นคนที่ถูกล้อนี่สิ คงไม่ขำด้วย เพราะเหตุว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลกเอาเสียเลย แถมยังเกิดเรื่องที่รู้สึกอับอายในรูปภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี แปลกกว่าธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ บางคนที่ถูกล้อหนักๆเสมอๆก็เก็บไปคิดมากกระทั่งเป็นความทุกข์ และก็สูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นต้องการอ้วนจนถูกล้อเลียนอย่างงี้หรอก แม้กระนั้นแบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันเลี่ยงความอ้วนได้ยาก รวมทั้งหลายคนก็อ้วนง่ายแต่ลดยากเยอะแยะไป จริงไหม ?

ทางลัด ลดหุ่น ลดความอ้วน ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาอาการท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ตรวจสอบและลองใช้

3

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาปล้องคำ (จังหวัดลำปาง), เสลดพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาข้อทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้ปนเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เติบโตได้ดีในดินทุกประเภท ถูกใจดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายชนิดในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมทั้งไทย ในประเทศไทยพบบ่อยขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 เซนติเมตร และก็ยาวโดยประมาณ 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากด้านล่างแล้วก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในตอนราวตุลาคมถึงมกราคม (แต่ว่ามักจะไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลสำเร็จแห้งรวมทั้งแตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราวๆ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภท คือ เสมหะพังพอนตัวผู้ และก็เสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการสับสนหลายๆตำราเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาปล้องทองคำ” โดยเสมหะพังพอนตัวผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และก็ตำรายาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
อีกทั้งต้นรวมทั้งใบใช้กินเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างถี่ถ้วน ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะคนป่วยประมาณ 30 นาที อาการไข้รวมทั้งอาการปวดหัวจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มรับประทานทีละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราว 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และลักษณะของการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นและใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับประจำเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ (ทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (อีกทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดประมาณ 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกราวๆ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการ (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดราว 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างระมัดระวังผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกตำราระบุว่า นอกจากจะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยด้วยเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราวๆ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบนำมาตำผสมกับเกลือแล้วก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกยามเช้ารวมทั้งเย็น (ใบ)
ทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวราวๆ 1 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำเล็กน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข รวมทั้งใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการกางใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราวๆ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนกระทั่งเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้เตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. นำมาปั่นอย่างรอบคอบ เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดลดลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และเพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และก็ใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้พอแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลี้ลุกลนไฟให้ร้อน แล้วนำมาคลึงเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับสุรา นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกฝน เหือด ด้วยการกางใบสดราวๆ 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้รับประทานแล้วก็ทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นภายในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเพราะเย็นเปียกชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าบั้นเอว (ราก)
ขนาดและวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลข้างนอก
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังพญายอ
: ถึงแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ในขณะนี้วิธีการแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว ด้วยเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจจะส่งผลให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ได้แก่ 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กก. มีประสิทธิภาพต้านการอักเสบเจริญ
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่มีผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ขณะที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ รวมทั้งจากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir แล้วก็ยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ต่างอะไรในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายสนิทภายใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบรวมทั้งเคือง เวลาที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสลดพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่นำไปสู่เริมแล้วก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้ป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากลุ่มสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และก็ระดับความเจ็บจะต่ำลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลกระทบอะไรก็ตาม9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษน้อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำไปสู่อาการเป็นพิษอะไรก็ตาม
จากการเล่าเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มก.ต่อกิโล ให้หนูแรททุกวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัสลดลง เวลาที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แม้กระนั้นอ http://www.disthai.com/

4

เหงือกปลาหมอ
บ้านเกิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยพวกเราเพราะว่ามีประวัติสำหรับในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งแล้วก็ชอบมักพบในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญวัยได้ดีในที่ร่มแล้วก็มีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ พบอยู่ 2 ประเภทหมายถึงชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้มากในภาคกลางแล้วก็ภาคตะวันออก ประเภทดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นพันธุ์ไม่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบและก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 ซม. รวมทั้งยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับชนิดของต้นเหงือกปลาหมอเป็น ดอกมีชนิดดอกสีม่วง หรือสีฟ้า รวมทั้งประเภทดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันเป็น  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ด้านในฝักมีเมล็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่ว่าเมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นทั้งยากินและต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและก็วิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี คือ
แนวทางต้มยารับประทานและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง รุ่งเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้ามีเหงือกปลาหมอเยอะมากๆ อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ตลอดตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอ 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางทีอาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ยามเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยๆกระทั่งจะหาย แต่ว่าถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานบกพร่องก็จำต้องรับประทานตลอดไป

วิธีทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการร่อนเป็นผุยผงละเอียดราวกับแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กน้อยลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณมาก ยกตัวอย่างเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสลด
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการผ่ายผอม ถ้าหากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มรับประทานแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งสิ้น ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตระดู นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดีขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด เป็นไข้จับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมโซเหลืองตลอดตัว รับประทานทุกวี่ทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงชูลง กลั้นหายใจกินขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ"  5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ ปริมาณเท่ากัน กะตามอยากได้ ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา ยามเช้า ช่วงกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานวันแล้ววันเล่า
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกประเภทหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 จำพวก หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยทราบอิดโรย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นหนังสือเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรลบหลู่ดูหมิ่น รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

5

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนอยากมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ สรรพคุณเด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อลือนามเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งหลายท่านอาจเคยเห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วทราบไหมคะว่า ประโยช์จากรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่ช่วยคนต้องการมีลูกเพียงแค่นั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบโดยความเป็นจริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากมายๆดังเช่นว่า สาวร้อยผัว จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้ารวมทั้งรากใต้ดินคล้ายรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอม ฯลฯที่ส่งผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน แล้วก็มีเมล็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
สรรพคุณรากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเปรียบให้เป็นพลังที่การบูรณะความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณรวมทั้งแพทย์สมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่อดีต ซึ่งก็นับเป็นสาเหตุของชื่อสาวร้อยผัว ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนรุ่นเก่าชอบนำรากมาต้มรับประทานหรือปั้นเป็นลูกกลอนรับประทานกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยบำรุงรักษาสตรีให้ไมว่าจะอายุเยอะแค่ไหนก็มีลูกได้ง่าย
          ยิ่งไปกว่านี้สมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการศึกษาเรียนรู้คุณประโยชน์มาจำนวนมาก โดยพบว่า รากสามสิบมีคุณประโยชน์ทางเภสัชวิทยาตามนี้ประจำตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เชื้อรา
          - คลายกล้ามเนื้อมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยั้งเบาหวาน
          - ปราบเซลล์มะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
รากสามสิบ
          - ต่อต้านสภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันเลือดสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนผู้หญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง
          - ขับนม
          - ช่วยให้การตกไข่สมบูรณ์
          - ช่วยบำรุงกำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำอสุจิสเปิร์ม
          - ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะ
          - ยับยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับฉี่
          - ขับเสลด
          - บำรุงเด็กในครรภ์
          - แก้ตกเลือด
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้เมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          รวมทั้งด้วยคุณประโยชน์ของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจังหวัดพะเยาจีงได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการปกป้องการสลายเนื้อกระดูกและก็อวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ ด้วยเหตุว่ามองเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งมักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนั้น มีมูลเหตุหลักจากการน้อยลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนวันหลังหมดระดู โดยเห็นผลการทดสอบมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบหลังจากถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากรุ๊ปหนูถูกตัดรังไข่แต่ว่าไม่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          นอกจากนั้นสารสกัดรากสามสิบยังไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเยื่อบุโพรงมดลูก เพราะฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีสมรรถนะสำหรับในการคุ้มครองป้องกันการสลายของเนื้อกระดูกในตัวทดลองได้ โดยไม่มีผลเสียอะไรก็แล้วแต่ต่ออวัยวะสืบพันธุ์ แต่ยังคงต้องทดสอบเพิ่มเติมเพื่อศึกษาเรียนรู้ว่า สารสกัดรากสามสิบจะส่งผลกระทบอะไรก็แล้วแต่กับอวัยวะอื่นหรือเปล่า
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          หากแม้ต้นรากสามสิบจะยังมีให้มองเห็นอยู่ในประเทศไทย แต่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มรับประทานให้เหน็ดเหนื่อย เพราะเหตุว่าตอนนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อมากมาย แต่ดังนี้ควรจะตรวจทานให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมีเครื่องหมายการค้าและก็ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของกินและก็ยาหรือไม่
          แต่แม้คนใดกันสามารถหาต้นรากสามสิบใหม่ๆได้ จะเอามาต้มยารับประทานเองเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยจ้ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรดั้งเดิม)
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโลกรัม
  • น้ำ 10 ลิตร


     แนวทางการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกและดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส แล้วก็สามารถเติมน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 โล
  • น้ำตาล 1.5 กิโลกรัม
  • น้ำ 5 ลิตร
    วิธีทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกแล้วก็ดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เพิ่มน้ำตาลทราย ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวจนกระทั่งน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • ต้มต่อจนเป็นสีเหลืองทองคำ
รากสามสิบ
ข้อควรไตร่ตรองสำหรับเพื่อการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องจากว่าสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นจึงจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อผู้หญิงที่มีการเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว ได้แก่ คนที่ป่วยด้วยโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) ฯลฯ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรขอคำแนะนำแพทย์ก่อนจะดีที่สุดนะคะ       
          เห็นคุณประโยชน์รากสามสิบกันไปแล้วผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเริ่มสนใจอยากหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แม้กระนั้นก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรวิเคราะห์มูลเหตุแล้วก็สัญลักษณ์ รวมถึงการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือด้วย http://www.disthai.com/

6

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

7

ขิง
ถึงแม้ว่าขิงจะเป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ทำครัวและก็มีสรรพคุณในการรักษาโรค หากว่าขิงจะมีกลิ่นฉุนและก็มีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากคนไม่ใช่น้อยนั้น แม้กระนั้นขิงก็เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ปรุงอาหารและก็มีคุณประโยชน์รักษาโรค เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นมีสาระรวมทั้งโทษอะไรที่พวกเราไม่คาดฝันบ้าง
ประโยช์จากขิง
+ ลดอาการท้องอืดหากคุณรู้สึกอาการท้องอืดหรือของกินไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือรับประทานขิงสดจะทำให้คุณทราบกันอยู่แล้วขึ้น หรือถ้าคุณกำเนิดอาการท้องอืดจากการกินถั่วละก็ ทีหน้าลองฝานถั่วบางๆลงไปในของกินที่มีถั่ว นั่นก็จะช่วยลดอาหารท้องอืดได้ด้วยเหมือนกันจ้ะ เนื่องจากว่าขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม และก็กระตุ้นรูปแบบการทำงานของไส้ทำให้ อาการท้องอืดทุเลาลงได้
+ ช่วยทุเลาอาการไมเกรน
จากการเรียนรู้
พบว่า การรับประทานขิงตอนที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดจากอาการไมเกรนน้อยลงได้ ด้วยเหตุว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการเล่าเรียนอื่น บอกให้เห็นอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีลักษณะอาการของโรคข้อหัวเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีลักษณะต่ำลงเมื่อบริโภคขิงผงบ่อยๆทุกวัน
ประโยชน์ของขิง และโทษที่คุณอาจคิดไม่ถึง
+ ช่วยป้องกันมะเร็ง
 ขิงมีคุณลักษณะในการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเล่าเรียนพบว่าขิงช่วยทำให้เซลล์ของมะเร็งด้านในรังไข่ตาย เพราะเหตุว่าในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องมะเร็งได้ นอกจากนั้นยังพบอีกว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีขิงเป็นองค์ประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยทุเลาอาการอ้วก
 ขิงสามารถทุเลาอาการคลื่นไส้ได้ โดยชาวเอเชียนั้นชอบใช้ขิงสำหรับในการช่วยทุเลาอาการเมารถ หรือเมาเรือ นอกจากนั้นยังมีหลายการเรียนพบว่าขิงสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันและทุเลาอาการอาเจียนภายหลังจากการผ่าตัดและยังช่วยทุเลาอาการอาเจียนและก็อ้วกในคนป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดรักษาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการศึกษาเล่าเรียนใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ว่าก็ควรจะที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา เพราะขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ และก็ควรจะติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุว่าหากรับประทานขิงมากจนเกินไปก็อาจจะก่อให้ระดับอินซูลินลดลงมากเกินความจำเป็นจนถึงอยู่ในขั้นอันตรายได้
ประโยชน์ซึ่งมาจากขิง และก็โทษที่คุณอาจคิดไม่ถึง
ขิงดอง สรรพคุณดีก็มีนะ ทราบยัง?
 พวกเราบางทีก็อาจจะเคยทราบกันมาว่าการกินของหมักดองไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ว่าต้องขอเว้นเสียแต่ไว้สำหรับขิงดองจ้ะ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ขิงดองจะเป็นอาหารที่ผ่านการหมักด้วยน้ำส้มสายชู แต่ว่าเรื่องคุณประโยชน์ และผลดีเพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขิงใหม่ๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ และก็อาการแพ้ท้อง

เพราะขิงดองเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงทั้งยังยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้เปลี่ยนเป็นของกินที่เหมาะกับคนที่มีลักษณะอาการเมาเรือ เมารถ และสตรีที่กำลังตั้งท้อง ซึ่งชอบมีลักษณะอาการแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานเวลาที่รู้สึกอาเจียน เนื่องจากจะช่วยทุเลาอาการได้จ้ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ลองใช้ขิงดองดูนี่ล่ะจ้ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลากินอาหาร
 สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าเพราะเหตุไรเวลาไปรับประทานอาหารประเทศญี่ปุ่นแล้วบนจานอาหารญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองพวกนั้นมีไว้รับประทานล้างปากจ้ะ โดยส่วนมากสำหรับในการทานอาหารประเทศญี่ปุ่น จะรับประทานขิงดองตามเข้าไปหลังจากทานอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสของกินจานเดิมติดอยู่ในปากจนทำให้มีความรู้สึกมันรวมทั้งกินจานถัดไปไม่ไหว ทั้งยังยังเป็นเหตุให้ลิ้มรสของกินจานต่อไปได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 แม้ขิงดองจะมีรสจัด แม้กระนั้นน่าแปลกที่ขิงดองเป็นของกินที่มีโซเดียมต่ำมากเมื่อเทียบกับของกินดองประเภทอื่นๆเมื่อเอามากินและทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับจำนวนโซเดียม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกเยอะแยะเลย
คุณประโยชน์ของขิง แล้วก็โทษที่คุณอาจไม่คาดฝัน
ข้อควรไตร่ตรองสำหรับในการทานขิง
- อาจจะทำให้เกิดภาวะเข้าแทรกสำหรับการมีท้องได้
 มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับการตั้งท้องและก็การแท้ง แต่ว่าสำหรับเพื่อการมีท้องรายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการกินขิงจะมีผลให้เกิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย โดยเหตุนั้นคุณควรจะไปปรึกษาแพทย์ก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเองค่ะ
- ก่อให้เกิดแผลร้อนในข้างในปากได้
 ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้ารับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบจนถึงเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนี้ไม่ควรกินขิงมากจนเกินความจำเป็นค่ะ
- ยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การเรียนรู้หนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณสำหรับการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของประเทศออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงในตอนที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเพราะจะก่อให้กำเนิดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ เพราะฉะนั้นหากว่าคุณมีลักษณะเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด น่าจะหลีกเลี่ยงการรับประทานขิงจ้ะฃ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]