1
ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี / พญายอเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 09:36:24 am »สมุนไพรพญายอ
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อตระกูล ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อเขตแดนผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด พญาข้อคำ พญาปล้องดำ พญายอ โพะโซ่จาง เสลดพังพอนตัวเมีย
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มรอเลื้อย ลำต้นและกิ่งก้านสะอาดวาว สูงได้ถึง 3 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-9 เซ็นติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด กลีบสีส้มแดงเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 เซนติเมตร ไม่ติดฝัก
ส่วนที่ใช้เป็นยาแล้วก็สรรพคุณ
-ส่วนใบ รักษาอาการเนื่องจากแมลงกัดต่อยและโรคเริม
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์
สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และสารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ
เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าท้องของหนูแรท จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้ ตำรับยาที่มีพญายอจำนวนร้อยละ 5 ใน cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อนำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล
ฤทธิ์ลดลักษณะของการปวด
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนค ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัม/โล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโล (5) ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2) สารสกัดด้วยน้ำ รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่เป็นผลลดความเจ็บ
ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ไวรัสเริม
พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล รวมทั้งเอทิลอะซิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 และก็เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่า มีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์
จากรายงานการรักษาคนป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้ผู้ป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้มีความแตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอรวมทั้งยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน และก็หายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง ในขณะที่ acyclovir ทำให้แสบ ยิ่งกว่านั้นมีการใช้ยาที่ทำจากพญายอ ในคนไข้โรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบได้ดี
ไวรัส Varicella zoster
สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายเชื้อไวรัส Varicella zoster ที่เป็นสาเหตุโรคงูสวัดแล้วก็อีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่จะไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้หวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีจำนวนมากกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับความเจ็บปวดต่ำลงเร็วกว่ากรุ๊ปยาหลอก และไม่พบผลกระทบอะไรก็ตาม
อาการข้างๆ
ความเป็นพิษทั่วไปและต่อระบบแพร่พันธุ์
การทดลองความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่เป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/โล (หรือเสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัม/กก.) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ ไม่กระตุ้นให้เกิดอาการพิษใดๆ
การศึกษาเล่าเรียนพิษ
พญายอครึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รวมทั้ง 540 มิลลิกรัม/กิโล ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่พบความเปลี่ยนไปจากปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่ประสงค์ใดๆก็ตาม หนูแรทที่รับประทานสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/กิโล ทุกเมื่อเชื่อวันนาน 90 วัน พบว่าการกินอาหารของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดรวมทั้งกรุ๊ปควบคุมไม่ได้แตกต่างกัน แต่น้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กก. ต่ำลงมากยิ่งกว่าพญายอกลุ่มควบคุม เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงกว่า แล้วก็ครีอาตินินต่ำยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม แต่ไม่เจอความแตกต่างจากปกติด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน และก็พยาธิสภาพด้านนอกhttp://www.disthai.com/