แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - airrii

หน้า: [1] 2 3 4
1
ช่วงปิดเทอมเป็นเวลาที่เด็ก ๆ จะมีเวลาเล่นสนุกและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการป้องกันอุบัติเหตุเด็กในช่วงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นี่คือวิธีการที่ผู้ปกครองสามารถทำได้เพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัยในช่วงปิดเทอม



ในปัจจุบัน การประกันอุบัติเหตุเด็กถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกครอบครัวควรพิจารณา เนื่องจากเด็กๆ มักมีพฤติกรรมที่ไม่คุ้นเคยกับความเสี่ยงและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นการทำประกันอุบัติเหตุเด็ก
จะช่วยให้ผู้ปกครองอุ่นใจ และมีความมั่นคงทางการเงินในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน

ทำไมต้องทำประกันอุบัติเหตุเด็ก

    ความปลอดภัย: เด็กมีแนวโน้มที่จะสำรวจและเรียนรู้ผ่านการเล่น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น ล้ม โดนของมีคม หรือเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา การมีประกันจะช่วยให้คุณมีการดูแลเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้

    การเข้าถึงการรักษาพยาบาล: ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การรักษาพยาบาลอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ประกันอุบัติเหตุเด็กจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์

    ความสบายใจของผู้ปกครอง: เมื่อมีประกัน การไม่มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถมุ่งเน้นที่การดูแลและสนับสนุนเด็กได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อทำประกันอุบัติเหตุเด็ก

    การคุ้มครอง: ตรวจสอบว่าแผนประกันนั้นๆ ครอบคลุมการรักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟู และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ

    อายุที่รับประกัน: หลายบริษัทประกันมีการกำหนดอายุขั้นต่ำและสูงสุดที่สามารถทำประกันได้ โดยทั่วไปแล้วลูกน้อยสามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่วันจนถึงอายุ 18 ปี

    วงเงินคุ้มครอง: พิจารณาว่าวงเงินคุ้มครองที่เสนอเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย

    เงื่อนไขและข้อยกเว้น: อ่านเงื่อนไขการทำประกันให้ละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การป้องกันอุบัติเหตุเด็กในช่วงปิดเทอมนั้นสำคัญไม่น้อยเลย การสร้างความตระหนักรู้และจัดกิจกรรมที่ปลอดภัยช่วยทำให้เด็ก ๆ มีช่วงเวลาที่สนุกสนานและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การดูแลและสื่อสารกันในครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องพวกเขาจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

2
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน


3
Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คลินิกความงาม  เครื่องทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Ultrasound  ที่สามารถเจาะจงไปยังชั้นผิวหนังเฉพาะที่ต้องการการยกกระชับ  ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน  แต่ก็มีขั้นตอนการทำงานและกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม

ขั้นตอนการทำงานของ Ulthera
เครื่อง Ulthera ทำงานโดยใช้พลังงาน Ultrasound ที่มีความเข้มข้นสูง  ส่งผ่านหัวเจาะเลเซอร์เข้าสู่ผิวหนังชั้นต่างๆ  และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน  ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว 



โดยทั่วไปขั้นตอนการทำงานจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ:
    การสแกนผิว: แพทย์จะทำการสแกนผิวหน้าเพื่อประเมินความเหมาะสม และกำหนดระดับความเข้มของพลังงาน บริเวณที่ต้องการรักษา เช่น ร่องแก้ม รอยย่นบริเวณรอบดวงตา หรือคอ
    การรักษา: เครื่อง Ulthera จะปล่อยพลังงาน Ultrasound เข้าสู่ผิวหนังในระดับต่างๆ โดยระบบจะวัดความลึกและความเข้มของคลื่นเสียงอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การรักษาอาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา
    การฟื้นตัว: หลังการรักษา ผู้รับบริการอาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแดง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และดูแลรักษาผิวอย่างเหมาะสม อาการข้างเคียงเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปภายในไม่กี่วัน

กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับการใช้ Ulthera
Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าและคอ เช่น:

    ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย: ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยต่างๆ เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยรอบดวงตา และริ้วรอยบนคอ
    ผิวหย่อนคล้อย: ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย
    ต้องการผลลัพธ์แบบเป็นธรรมชาติ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเหมือนการฉีดหรือการผ่าตัดเสริมความงาม
    สุขภาพผิวที่ดี: ผู้ที่มีสุขภาพผิวที่ดี และสามารถตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
    อายุระหว่าง 30-60 ปี: อายุที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วย Ulthera เนื่องจากเป็นอายุที่เริ่มเห็นผลของการเสื่อมสภาพของผิว

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง
    การรักษาด้วย Ulthera อัลเทอร่า ไม่ได้เป็นการรักษาที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ทันที แต่ต้องการเวลาในการฟื้นตัวและแสดงผลลัพธ์
    ผู้รับบริการควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสม และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของตนเอง
    ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

4
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

5
มนุษย์เงินเดือนจะทำประกันชีวิตเพิ่มไปทำไม
พนักงานประจำ หรือ มนุษย์เงินเดือน  มีแค่ประกันกลุ่ม หรือ ประกันสังคมบางคนคิดว่าเพียงพอแล้ว จะทำประกันชีวิตเพิ่มทำไม สุขภาพยังแข็งแรงดีแค่ดูแลตัวเองดีๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเราลาออกหรือเกษียณอายุแล้ว สวัสดิการทั้งหมดที่มีก็จบลงไปด้วย แต่ในเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และความเจ็บป่วยก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งในอนาคตที่เราเริ่มมีอายุร่างกายก็อ่อนแอลงโรคร้ายต่างๆ ก็อาจจะเป็นได้ง่าย 
การทำประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีและเราควรรีบวางแผนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อการรับมือกับปัญหาสุขภาพตั้งแต่วันที่ยังมีโอกาส เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมาเราก็ยังมีตัวช่วยในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล



ประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ เพิ่มจากสวัสดิการที่มีอยู่
เหตุผลที่พนักงานประจำ หรือ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราควรทำประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพเพิ่มจากสวัสดิการ จะมีอะไรบ้างนั่น มาดูกันเลย
 1. ประกันชีวิต ประกันสุขภาพเป็นสวัสดิการที่เลือกเองได้
สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทให้อาจไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลบางอย่าง เช่น ถ้าเราเป็นโรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน ก็จะสามารถเบิกได้บางส่วน นอกนั้นเราต้องเป็นคนที่ออกส่วนเกินของค่ารักษาพยาบาลเอง ดังนั้นการซื้อประกันชีวิต เสียชีวิตทุกกรณี หรือประกันสุขภาพนั้น เราสามารถเลือกได้เลยว่า ต้องการครอบคุมโรคใดบ้าง และได้รับวงเงินค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุ กรณีที่เราต้องนอนรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานประกันก็จะมีค่าชดเชยต่างๆ ให้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระทางการเงินของครอบครัว
 
2. เพิ่มทางเลือกในการวางแผนช่วงวัยเกษียณ
สวัสดิการของบริษัทก็จะมีแค่ประกันกลุ่ม หรือประกันสังคม ถ้าเกษียณไปแล้วสวัสดิการเหล่านี้ก็จะจบลงไปด้วยเหมือนกัน และเมื่อเราเข้าสู่วัยเกษียณแล้วแน่นอนร่างกายคงไม่แข็งแรงเหมือนเก่า เจ็บป่วยแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายสูง การมีประกันชีวิตและสุขภาพไว้ช่วยดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ การมีประกันโรคร้าย จึงถือเป็นการวางแผนรับมือค่ารักษาพยาบาลในอนาคตไว้อีกทาง โดยเฉพาะการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคร้ายแรง อย่างเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ที่มีค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาโดยไม่กระทบเงินออมยามเกษียณที่เราออมมาตลอดชีวิตอีกด้วย
 
3. เพื่อการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตในระยะยาว
การออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต จะช่วยให้มีการออมในรูปแบบการประกันชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยและมีความต่อเนื่อง ได้รับความคุ้มครองชีวิตพร้อมการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตไปในตัว ช่วยให้เราอุ่นใจว่าในอนาคตว่าเราจะมีเงินเเละมีความคุ้มครองชีวิตของเราอยู่ อีกทั้งยังมีความแน่นอนของจำนวนเงินที่จะได้รับ ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินตามจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีในเรื่องของการกระจายความเสี่ยง

4. ลดหย่อนภาษีได้
การทำประกันชีวิตและสุขภาพไม่ใช่แค่ช่วยคุ้มครองแค่เรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย แต่ค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปนั้น สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย และการทำประกันนั้นสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 ส่วนคือ
สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนแรก
สำหรับเบี้ยประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ ที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และประกันสุขภาพ สามารถลดหย่อนรวมกันได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ซึ่งในกรณีใช้สิทธิส่วนนี้ไม่ถึง 100,000 บาท สามารถนำเบี้ยประกันแบบบำนาญมารวม เพื่อให้ครบ 100,000 บาทได้

สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนที่สอง
สำหรับเบี้ยประกันแบบบำนาญ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 15%ของรายได้ สูงสุด 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี

มนุษย์เงินเดือนควรจะเริ่มต้นการวางแผนการเงินกับการรักษาพยาบาลเพราะบางทีการมีประกันกลุ่ม หรือประกันสังคมอาจไม่เพียงพอ ทางที่ดีควรทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพควบคู่กันไปด้วย หากใครกำลังสนใจทำประกันเราขอแนะนำประกันดีๆ จาก ไทยประกันชีวิต ที่มีให้เลือกทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ที่สำคัญสามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว

เลือกความคุ้มครองของประกันได้ตามงบประมาณที่เราพอใจ สามารถปรับรูปแบบตามความต้องการของเราได้ และความคุ้มครองจะเริ่มต้นทันทีที่ซื้อหลังจากได้รับอีเมลยืนยันกรมธรรม์ เพียงแค่นี้ เราก็จะมีตัวช่วยในการใช้ชีวิตให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

6
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

7
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์

8
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้

9
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี 
สร้างเงินออม...พร้อมคุ้มครองชีวิต

         ปัจจุบันผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวางแผนภาษีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี  สร้างเงินออม พร้อมคุ้มครองชีวิต โดยประเภทของเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี  2 ประเภท  ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ  ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้



1. เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป  (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป)
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้  หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ประกันลดหย่อนภาษี


2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับลูกกตัญญู คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          บุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ในทุกปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี  โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะคำนวณจากเงินได้สุทธิประจำปี ซึ่งเกิดจากเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน   

วิธีการคำนวณภาษี
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = [(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) – เงินบริจาค] x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีแต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได

10
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่หน้าที่การทำงานในการจ่ายน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเพิ่มความงามและสไตล์ให้กับห้องน้ำได้อีกด้วย

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
    ก๊อกแบบโยก (Single Handle Faucet): ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเพียงแค่โยกขึ้นหรือลงเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำ
    ก๊อกแบบสองทาง (Double Handle Faucet): มีสองท่อสำหรับจัดการน้ำร้อนและน้ำเย็น สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ
    ก๊อกเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet): ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับมือ ทำให้น้ำไหลออกโดยไม่ต้องสัมผัส สะดวกและช่วยลดการใช้น้ำ
    ก๊อกแบบมีปีก (Wall-Mounted Faucet): ติดผนัง สามารถประหยัดพื้นที่และสร้างความทันสมัยให้กับห้องน้ำ



วิธีการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าให้เหมาะสม
1. เลือกดูจากขนาด และดีไซน์
ให้เลือกก๊อกที่มีขนาดเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าขนาดเล็กและพื้นที่ในห้องน้ำ โดยดีไซน์ควรเข้ากับสไตล์การตกแต่งของห้อง เช่น หากห้องน้ำมีสไตล์คลาสสิก ควรเลือกก๊อกที่มีรูปทรงที่สวยงามและมีลูกเล่น

2. เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ
  1. สแตนเลส (stainless steel)
    ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลสไม่เกิดสนิมและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสารเคมี
    ดูแลรักษาง่าย: สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ
    ดีไซน์ที่หรูหรา: ให้ลุคที่ทันสมัยและหรูหรา
2. ทองเหลือง (Brass)
    ความทนทาน: ทองเหลืองเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
    มีความสวยงาม: มีลุคคลาสสิกที่สามารถให้ความรู้สึกหรูหรากับห้องน้ำ
    ความสามารถในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย: ทองเหลืองมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ
3. พลาสติก (Plastic)
    น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
    ราคาไม่แพง: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
    ไม่เกิดสนิม: ไม่มีปัญหากับการกัดกร่อนจากน้ำ

3. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกอ่างล้างหน้า
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในห้องน้ำ เพราะไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการควบคุมการไหลของน้ำเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความพึงพอใจในการใช้งาน
1. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ
ก๊อกอ่างล้างหน้าสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยทั่วไปก๊อกแบบโยก (Single Handle) จะเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับอุณหภูมิได้ง่าย แค่โยกไปทางขวาหรือตรงกลางเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการ
2. การประหยัดน้ำ
รุ่นใหม่ๆ ของก๊อกอ่างล้างหน้ามักมีฟังก์ชันการประหยัดน้ำ เช่น ระบบลดการไหลของน้ำ (Flow Restrictor) ซึ่งช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับน้ำที่พอเพียงในการใช้งานโดยไม่สิ้นเปลือง
3. เซ็นเซอร์อัตโนมัติ
ก๊อกอ่างล้างหน้าแบบเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet) ทำงานโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้น้ำไหลออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีมือเข้ามาใกล้ และหยุดเมื่อมือออกไป ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้อีกด้วย
4. สวิตช์น้ำร้อนน้ำเย็น
ก๊อกที่มีฟังก์ชันสองทาง (Double Handle Faucet) จะมีสวิตช์สำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น เช่น การล้างมือหรือหน้าที่ต้องการอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
5. สายยาง (Pull-out Spray)
บางรุ่นมีฟังก์ชันสายยางที่สามารถดึงออกมาได้ (Pull-out Faucet) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำหรับการล้างสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในอ่างได้สะดวกยิ่งขึ้น
6. ระบบควบคุมการไหลของน้ำ
ก๊อกบางรุ่นมีระบบควบคุมการไหลของน้ำ (Flow Control) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับความแรงของน้ำได้ตามต้องการ ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์
7. ฟังก์ชันการป้องกันการรั่วซึม
ก๊อกที่มีฟังก์ชันป้องกันการรั่วซึมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำรั่วที่อาจทำให้เกิดปัญหาความเสียหายต่อพื้นและโครงสร้างของบ้าน

การดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้า
    ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้านุ่มและน้ำสบู่อ่อน ๆ ในการทำความสะอาดก๊อกเพื่อป้องกันการเกิดคราบสะสม
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง: การใช้สารเคมีที่รุนแรงอาจทำให้ผิวของก๊อกเกิดการกัดกร่อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
    ตรวจสอบรั่วซึม: ควรตรวจเช็คการรั่วซึมเป็นระยะ ๆ หากพบปัญหาควรซ่อมแซมทันที เพราะการรั่วซึมสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้
การเลือกและดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้าอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำ แต่ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายและยืนยาวไปด้วย


11
new doublo 2.0 เป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการความงามที่เน้นการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย ด้วยการผสานการทำงานของเทคโนโลยี
HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีนี้สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านการฟื้นฟูผิว



    HIFU (High Intensity Focused Ultrasound):
        HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวในระดับลึก โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความร้อนในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ซึ่งมีผลช่วยในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย บ่อยครั้ง HIFU ใช้ในบริเวณใบหน้า คอ และลำคอ

    Multipolar RF (Radio Frequency):
        Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นระเบียบการไหลเวียนโลหิตในผิวหนังและการสลายไขมันในชั้นใต้ผิวคล้ายกับการให้ความร้อน ซึ่งทำให้เกิดการกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ Multipolar RF ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยทำให้ผิวของผู้ใช้มีความสดใสและเรียบเนียน

การทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF

1. ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับ:
เมื่อ HIFU ทำการกระตุ้นชั้นผิวลึก ทำให้เกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ความเข้มข้นจากคลื่น RF ช่วยให้กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น
การทำงานร่วมกันนี้ยังช่วยให้มีการยกกระชับที่เด่นชัดยิ่งขึ้น

2. การทำงานร่วมกัน เพิ่มความอบอุ่นที่เหมาะสม:
การใช้ Multipolar RF ร่วมกับ HIFU ทำให้การกระจายความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสบายขณะทำหัตการได้
ผู้ใช้จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้นในระหว่างและหลังการทำหัตถการ

3. ปรับปรุงผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว:
การผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อรูปลักษณ์โพสต์การทำหัตถการ แต่ยังสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว โดยช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีได้นานขึ้น

4. ขจัดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว:
การทำงานร่วมกันของทั้งสองเทคโนโลยีช่วยให้สามารถเข้าถึงปัญหาผิวที่หลากหลายได้พร้อมกัน เช่น การลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน
ข้อดีของ New Doublo 2.0

    ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้: เทคโนโลยี HIFU และ Multipolar RF ร่วมกันช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
    ปลอดภัยและไม่รุกราน: นวัตกรรมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและใช้กับผิวหนังได้อย่างปลอดภัย
    การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: โดยไม่ต้องพักฟื้นจากการทำหัตถการ ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

New Doublo 2.0 เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในวงการความงามมาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยการทำงานร่วมกันระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวสวยงามและอ่อนเยาว์

12
ปัญหาฝักบัวเสียจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป หากทุกคนรู้วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้จะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วทำตามได้เลย ติดตามที่นี่

เชื่อว่า “ฝักบัวเสีย” น่าจะเป็นปัญหาที่กวนใจหลายคนไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้น้ำ แต่ฝักบัวเจ้ากรรมกลับไม่มีน้ำไหลออกมาเสียดื้อ ๆ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงขออาสามาแนะนำวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง อธิบายแบบเข้าใจง่ายสุด ๆ ไล่เลียงทีละขั้นตอน ไม่ว่าใครก็ทำตามได้ ติดตามในบทความนี้ได้เลย



สาเหตุของฝักบัวเสีย
    เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน: หัวฝักบัวอาบน้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี ดังนั้น เมื่อใช้งานไปครบระยะเวลาดังกล่าว วัสดุต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของฝักบัว เช่น วาล์วฝักบัว พลาสติก ยาง โลหะ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
    หัวฝักบัวอุดตัน: น้ำประปาที่ไหลผ่านหัวฝักบัวมักมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น หินปูน ตะกรัน ฝุ่นละออง ปะปนมาด้วย โดยสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจไปอุดตันตามรูพรุนของหัวฝักบัว ทำให้น้ำไหลออกมาไม่สะดวก ส่งผลให้ฝักบัวเสียได้ในที่สุด
    สายฝักบัวรั่ว: สายฝักบัวเป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างฝักบัวกับท่อน้ำ หากสายฝักบัวชำรุดเสียหาย เช่น รอยแตกร้าว รอยรั่วซึม ก็จะทำให้น้ำรั่วออกจากสายฝักบัวได้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเอง

จากเหตุผลในหัวข้อที่แล้ว การที่ฝักบัวเสียจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คอยกวนใจอีกต่อไป โดยก่อนที่จะไปถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ก็ต้องรู้ก่อนว่าอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้

    - หัวฝักบัวใหม่
    - ประแจเลื่อน
    - เทปพันเกลียว
    - ผ้าสะอาด
    - ไขควง
    - ถุงมือยาง
    - แว่นตานิรภัย



ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวฝักบัวอาบน้ำ
    ขั้นตอนที่ 1: ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับฝักบัว เพื่อให้น้ำไหลออกจากหัวฝักบัวได้หมดก่อนถอดออก
    ขั้นตอนที่ 2: ถอดหัวฝักบัวตัวเก่าออก โดยใช้ผ้าพันรอบหัวฝักบัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวเสียหายจากการหมุน จากนั้นใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออก
    ขั้นตอนที่ 3: วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเองขั้นตอนต่อมา คือการทำความสะอาดบริเวณท่อน้ำ โดยใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด เพื่อขจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก
    ขั้นตอนที่ 4: พันเทปพันเกลียวบนเกลียวของหัวฝักบัวใหม่ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม โดยให้พันเทปตามเข็มนาฬิกาประมาณ 6 รอบ ควรเปลี่ยนแหวนยางกันซึมชิ้นใหม่ เพื่อกันการรั่วซึมเพิ่มขึ้นอีกชั้น
    ขั้นตอนที่ 5: จากนั้นให้นำหัวฝักบัวใหม่ใส่เข้ากับท่อน้ำ แล้วใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
    ขั้นตอนที่ 6: ปิดท้ายวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยการเปิดวาล์วน้ำเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากไม่มีน้ำรั่วซึม แสดงว่าเปลี่ยนหัวฝักบัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

13
ประกันลดหย่อนภาษีรู้ไหมว่าเราสามารถซื้อประกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ใครที่สงสัยว่าต้องซื้อประกันแบบไหนถึงลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ถ้าได้เข้ามาอ่านบทความนี้คลายความสงสัยกัน



วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 1
หลายคนคงทราบกันดีว่าคุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจาก "เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป" ได้ 100,000 บาท ในส่วนนี้สามารถรวมกับ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ได้สูงสุดอีก 25,000 บาท และเมื่อรวมกับ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" (ที่ลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาทหลัง) ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
**ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 2
ถ้าหากคุณมีประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันชีวิต+เบี้ยประกันสุขภาพ" แล้ว แต่ยังไม่เต็มสิทธิ์ 100,000 บาท คุณสามารถนำ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" ที่ลดหย่อนภาษีในส่วนของ 200,000 บาทหลัง มาเติมเต็มในส่วนแรกได้ (ก่อนซื้อประกันบำนาญควรสอบถามตัวแทนหรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อนทำประกัน) **ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 3
ถ้าหากคุณยังไม่มี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ใดๆเลย คุณสามารถซื้อ

"ประกันชีวิตแบบบำนาญ" เพื่อนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เพราะแบบประกันบำนาญบางแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 100,000 บาทแรก จนถึง 200,000 บาทหลัง ทั้งนี้การใช้สิทธิ์จากเบี้ยประกันบำนาญต้องไม่เกิน 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี


14
ไขมันหน้าท้อง ถือเป็นส่วนเกินของร่างกาย ที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจในรูปร่างและบุคลิกภาพ แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ ยิ่งมีไขมันหน้าท้องมากเท่าไหร่ โอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ก็ยิ่งมีมากขึ้น หลายคนจึงพยายามหาวิธีลดไขมันหน้าท้องหรือไขมันส่วนเกิน โดยการลองผิดลองถูก ทั้งอดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อลดสัดส่วน



ไขมันหน้าท้องสาเหตุ?

   เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายมีการรับและสะสมสารอาหารประเภทไขมันเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่สามารถเผาผลาญได้หมดในแต่ละวัน ได้แก่ อาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต น้ำตาลที่ได้รับมากเกินก็จะเปลี่ยนรูปเป็นไขมัน ไม่ใช่เฉพาะไขมัน และเข้าไปเกาะติดอยู่ภายในอวัยวะต่างๆ รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย เมื่อนานวันมากขึ้น ไขมันชนิดนี้ก็จะมีความแข็งตัวมากยิ่งขึ้น และจะดันให้หน้าท้องของเราให้ยื่นออกมาจนเห็นได้ชัดเจน

          ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะไขมันในช่องท้อง นอกจากการรับประทานอาหารที่มากเกินไปแล้วอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการไม่ชอบออกกำลังกายไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย และยังพบว่าบางครั้งคนที่ทานน้อยแล้วก็ยังมีโอกาสพบภาวะไขมันในช่องท้องได้

 
วิธีลดไขมันส่วนเกิน

   1. เพิ่มการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 3-5วัน/สัปดาห์ เช่น การวิ่งจ็อกกิ่ง(jogging) เดินเร็วโดยให้มีเหงื่อออกหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือง่ายๆคือขณะออกกำลังกายพูดเป็นประโยคได้ยากขึ้น

   2. ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ โดยฝึกกล้ามเนื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งน้ำหนักที่ใช้ควรให้สามารถยกได้ประมาณ 12-15 ครั้ง

   3.ควบคุมอาหาร เพื่อเป็นการจำกัดพลังงานไม่ให้มีการสะสมเพิ่มเติมและในผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องควรจำกัดการบริโภคไขมันและอาหารที่ให้พลังงานสูง

ในยุคและช่วงเวลาที่เร่งด่วน การดูแลอาหารการกิน การออกกำลังกายหรือแม้แต่การดูแลตัวเอง อาจเป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์คนทั่วไปในยุคนี้ เมื่อช่วงเวลาในการดูแลตัวเองมีน้อยลง การหาตัวช่วยที่ดีคือคลินิก ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า

โปรแกรม EXILIS ULTRA 360  ควบคู่ Emsculpt การสลายไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ ของคนยุคใหม่
EXILIS ULTRA 360 คืออะไร?

   ด้วยเทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุเข้มข้น (Volumetric Monopolar Radio Frequency) ร่วมกับ Ultrasound คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ลงใต้ชั้นผิว ไปสลายไขมันพร้อมยกกระชับ และกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ผ่านมาตรฐาน USFDA (อย.ประเทศสหรัฐอเมริกา)  EXILIS ULTRA 360 ตอบโจทย์คนมีปัญหาไขมันส่วนเกิน คุณแม่หลังคลอด มีปัญหาต้นแขน ต้นขาหย่อนคล้อย มีเซลลูไลท์

Emsculpt คืออะไร?

   เครื่อง Emsculpt ใช้เทคโนโลยี HIFEM หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันของคนยุคใหม่ Emsculpt  มีลักษณะพิเศษสามารถส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ ผ่านไขมันใต้ชั้นผิวหนังไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้อย่างกว้างและลึกพร้อมกับเผาผลาญไขมัน ลดไขมันได้ในเวลาเดียวกัน

   Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก โดยองค์การอาหารและยา (FDA) ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรปและทั่วโลก

โปรแกรม EXILIS ULTRA 360  ควบคู่ Emsculptเป็นโปรแกรมพิเศษที่คุณหมอต้องแนะนำหนึ่งในตัวช่วยที่กำลังเป็นที่นิยมสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันในทางกลับกันคือไม่ต้องออกกำลังกายเหมาะสำหรับวิถีชีวิตที่แสนยุ่งวุ่นวายในปัจจุบันมากอีกทั้งยังมีประโยชน์ ในคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกายหรือต้องการแก้ไขสัดส่วนเฉพาะจุด

15
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายหลายครั้งที่เราทนเห็นเด็กเล็ก หรือลูกน้อยกินไม่ได้ เบื่อนม น้ำหนักลด นอนซมทั้งวัน ไปโรงเรียนกี่ครั้งควบคุมไม่ได้สักอย่าง ดูแลอย่างดีติดโรคจากสังคมของเด็กเล็กและสถานศึกษา อดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าแม้สถานศึกษาจะดูแลอนามัยดีแค่ไหน ยังมีโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก และประถมศึกษา ปิดพักการเรียนเพื่อคลีนนิ่งระบบทุกตารางนิ้ว จากปัญหาเด็กเล็กติดเชื้อต่างๆ จากการอยู่ร่วมกัน อาทิ โรคมือเท้าปาก โรคไข้หวัดนานาชนิด โรคท้องร่วงโรต้า แม้ฉีดวัคซีนดีเพียงใด บทโรคจะสกิดเด็กน้อย พ่อแม่ยังไม่มีทันรู้ตัว บางครอบครัวยังติดกันไปมาพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่า ให้เห็นมากมาย



ประกันสุขภาพเด็กเล็กเหมาะกับใคร : เด็กแรกเกิด เด็กต่ำกว่าวัยเรียน และเข้าสู่วัยเรียน ทั้งเพศหญิงและชาย เนื่องจากความเสี่ยงภัยเรื่องค่ารักษาพยาบาลเด็กเล็กต่อครั้งมักใช้เวลารักษาประมาณ 5-7 วัน (Ex. เจ็บป่วยนอนรพ. 5 วัน : ค่าห้องวันละ 4,000, ค่าแพทย์ทั่วไปเริ่มต้นวันละ 1,000 บาท, ค่าพยาบาลวันละ 800, ค่ารักษา ค่าโลหิต น้ำเกลือ ค่ายา ค่าวินิฉัย เอ็กซเรย์ปอดและอวัยวะ 50,000 = รวมค่าใช้จ่ายรักษาครั้งนี้ 79,000 บาท ยังไม่รวมเบ็ดเตล็ด และภาษีมูลค่าเพิ่มอื่นๆ)

หากค่ารักษาครั้งนี้ 79,000 บาท - เบี้ยประกัน 60,000 = XXXX มูลค่าที่คุณไม่ต้องชำระเพิ่มใดๆ - (1,000X5+1,000=6,000 บาท) เพราะยังได้รับค่าชดเชยเฝ้าไข้ลูกน้อยจากการต้องขาดงานของพ่อแม่อีก

ท้ายสุด : โรคในเด็กเล็กส่วนใหญ่ มักเป็นโรคที่คาดไม่ถึง อาทิ โรคไข้หวัด โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ A B C โรคไข้เลือดออก โรค RSV โรคปอด โรคเลือด โรคพร่องเอนไซม์ G6PD โรคลำไส้อักเสบ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ และอุบัติเหตุอื่นๆ ส่วนใหญ่รุมเร้าปอดและระบบทางเดินหายใจ และกระเพาะอาหารเสมอ เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าอวัยวะภายในของลูกน้อยจะเติบโตแข็งแรงทนทานกับความเจ็บป่วยได้เพียงใด จึงมีหลายครอบครัวที่รักลูกน้อยสุดดวงใจ ทำประกันสุขภาพเด็กไว้ตั้งแต่แรกเกิดให้เพียงพอ การทนจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพเด็ก ในราคาประหยัด เสมือนการทนรับความเสี่ยงบางส่วนของลูกน้อยไว้เอง เพราะชีวิตจริงค่ารักษาเด็กต่อครั้งแพงกว่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุเด็กเด็กเล็กเสมอ



หน้า: [1] 2 3 4