สำหรับวัยทำงานที่อยากออมเงินให้มีเงินก้อน การมี "ตารางเก็บเงิน" จะช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินได้อย่างมีระบบและไม่เผลอใช้เงินเกินตัว มาดูกันว่าควรเริ่มต้นวิธีการออมเงินอย่างไร!

ขั้นตอนการสร้างตารางการเก็บเงิน
1. ตั้งเป้าหมายการเก็บเงินให้ชัดเจน
 กำหนดว่าต้องการเก็บเงินเพื่ออะไร เช่น
 💰 เก็บเงินดาวน์บ้าน
 🎓 เก็บเงินเรียนต่อ
 🚗 เก็บเงินซื้อรถ
 2. คำนวณรายได้และค่าใช้จ่าย
 จดบันทึกรายรับและรายจ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน เพื่อตรวจสอบว่าคุณสามารถเก็บเงินได้เดือนละเท่าไหร่
 3. เลือกวิธีเก็บเงินที่เหมาะสม
 📌 วิธี 52 สัปดาห์: ออมเงินเพิ่มขึ้นทีละนิดทุกสัปดาห์ เช่น สัปดาห์แรก 10 บาท สัปดาห์ที่สอง 20 บาท จนครบปีจะมีเงินเก็บกว่า 13,000 บาท
 📌 วิธี 10% จากรายได้: หัก 10% ของเงินเดือนเก็บทุกเดือนไว้เป็นเงินออม
 📌 เก็บแบงก์ 50: ทุกครั้งที่ได้เงินแบงก์ 50 ให้เก็บไว้ ไม่ใช้
 4. ใช้แอปพลิเคชันช่วยติดตามการออม
 ปัจจุบันมีแอปช่วยจัดการเงิน เช่น Money Lover, YNAB หรือ Google Sheet ที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเงินและติดตามความคืบหน้าของเงินออมได้ง่ายขึ้น
5. เปิดบัญชีออมทรัพย์พิเศษ
 เพื่อให้การออมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรเลือกเปิดบัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูง เช่น บัญชีเงินฝากประจำ หรือกองทุนรวมตลาดเงิน ซึ่งช่วยให้เงินเติบโตเร็วขึ้น
 6. ติดตามผลและปรับแผนการออมเป็นระยะ
 เมื่อเริ่มเก็บเงินไปสักระยะ ควรตรวจสอบว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากพบว่ามีการใช้จ่ายเกินกว่าที่ตั้งไว้ ควรปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนเพื่อให้ยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายได้

 การเก็บเงินให้ได้ผลต้องอาศัยวินัยและการวางแผนที่ดี ลองเลือกวิธีการเก็บเงินให้อยู่ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ และที่สำคัญ อย่าลืมทำให้การออมเป็นเรื่องสนุก เช่น ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตัวเอง หรือชวนเพื่อนมาออมไปด้วยกัน!

การออมเงินไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังช่วยให้เราสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีระเบียบ และหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการออมเงินก็คือ “ตารางออมเงิน” วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่สามารถนำตารางออมเงินไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

1. การกำหนดเป้าหมายการออมเงินที่ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายการออมที่ชัดเจนจะทำให้เรามีความมุ่งมั่นในการออมและสามารถติดตามผลได้ง่าย เช่น การออมเพื่อการเดินทางหรือการลงทุน

2. สร้างตารางออมเงินที่เหมาะสม

การสร้างตารางออมเงินในแต่ละเดือนจะช่วยให้เราติดตามและประเมินความก้าวหน้าของการออมได้ โดยอาจใช้แอปพลิเคชันที่สามารถช่วยในการคำนวณและแจ้งเตือนการออมเงิน

3. ปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์

หากมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง การปรับเปลี่ยนแผนการออมให้เข้ากับสถานการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การลดจำนวนเงินที่ออมในบางเดือน แต่ยังคงรักษาเป้าหมายการออมให้สอดคล้องกับแผนเดิม

4. การใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการเงิน

แอปพลิเคชันวิธีเก็บเงินต่าง ๆ ที่ช่วยในการติดตามการใช้จ่ายและการออม เช่น แอปพลิเคชันที่คำนวณรายได้-รายจ่าย จะช่วยให้การออมเงินเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของการใช้ตารางออมเงิน

ช่วยให้มีวินัยในการออม
สร้างความมั่นคงทางการเงิน
ลดความเครียดจากปัญหาทางการเงิน

การออมเงินด้วยตารางช่วยให้เราไม่ลืมเป้าหมาย วิธีการเก็บเงินให้อยู่และทำให้เราประสบความสำเร็จทางการเงิน

การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเราก้าวเข้าสู่ช่วงวัยทำงานที่ต้องรับผิดชอบทั้งการใช้จ่ายและการเก็บเงินเพื่ออนาคต วันนี้เรามี 10 วิธีออมเงิน ที่ง่ายและสามารถทำได้ทุกคน มาแนะนำ เพื่อช่วยให้คุณมีเงินเก็บอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ

เก็บ 10% ของเงินเดือนก่อนใช้
เริ่มต้นง่ายๆ โดยการกันเงิน 10% ของเงินเดือนเก็บก่อนนำไปใช้ สำหรับคนที่กลัวจะเผลอใช้เงินนั้น แนะนำให้เปิดบัญชีเงินฝากแยกต่างหาก เช่น Krungthai Next Saving ซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี
กำหนดเป้าหมายการออมรายเดือน
การกำหนดเป้าหมายเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณมีวินัยในการออม เช่น ตั้งเป้าเก็บ 5,000 บาทต่อเดือน แบ่งออกเป็นการเก็บวันละ 166 บาท หรือเก็บสัปดาห์ละ 1,250 บาท เพียงแค่ทำตามแผนก็จะสามารถเก็บได้ครบตามที่ตั้งเป้า
เก็บเงินจากส่วนลดสินค้า
เมื่อไปซื้อสินค้าลดราคา เช่น ใช้คูปองส่วนลด 100 บาท ให้นำเงินส่วนนี้ไปเก็บไว้ในการหยอดกระปุก เพียงแค่ช้อปปิ้งอย่างมีสติ เงินที่ได้จากส่วนลดก็สามารถช่วยเพิ่มยอดเงินเก็บของคุณได้
เก็บเงินตามลำดับวัน
วิธีนี้ช่วยให้คุณมีการออมที่เป็นระบบ โดยเก็บเงินตามจำนวนวัน เช่น วันที่ 1 ม.ค. เก็บ 1 บาท วันที่ 10 ม.ค. เก็บ 10 บาท จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. โดยใน 1 ปีจะมีเงินเก็บถึง 66,795 บาท
เก็บเงินแบงก์ 50 ทุกใบ
การเก็บแบงก์ 50 บาททุกใบที่ได้รับจากการหารายได้หรือเงินทอนจากการซื้อของ เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มเงินเก็บได้โดยไม่รู้ตัว
ตั้งเงื่อนไขการเก็บเงิน
เช่น ถ้าวันไหนตื่นสายต้องหยอดกระปุก 100 บาท หรือถ้าไม่ได้ออกกำลังกายต้องหยอด 200 บาท นอกจากจะช่วยให้มีเงินเก็บแล้ว ยังช่วยสร้างระเบียบวินัยในชีวิตประจำวัน
ใช้กระปุกที่เปิดยาก
การใช้กระปุกที่เปิดยากช่วยลดการนำเงินเก็บออกมาใช้ก่อนเวลา ทำให้สามารถเก็บเงินได้ยาวนานขึ้น
สร้างกิจกรรมการเก็บเงินในครอบครัว
การเก็บเงินร่วมกันภายในครอบครัว ไม่เพียงแต่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี แต่ยังช่วยฝึกให้เด็กๆ รู้จักการเก็บเงินตั้งแต่ยังเด็ก
เก็บเงินตามผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
คุณสามารถเก็บเงินตามเลขท้าย 3 ตัวของสลากกินแบ่งรัฐบาล เช่น หากเลขท้าย 3 ตัวออกหมายเลข 365 ในวันที่ 1 มกราคม ก็ให้เก็บเงินตามนั้น
เปิดบัญชีเงินฝากประจำ
การเปิดบัญชี Krungthai ZERO TAX MAX จะช่วยสร้างวินัยในการออมเงิน เนื่องจากเป็นบัญชีเงินฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยสูงและปลอดภาษี

หากคุณอยากเริ่มต้นการออมเงิน แนะนำวิธีเก็บเงินให้เปิดบัญชีออมเงินกับ ธนาคารกรุงไทย ที่มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Krungthai Next Saving และ Krungthai Kids Savings ที่เหมาะสมกับทุกวัย

เมื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าเทอม ค่าหนังสือ และค่าครองชีพ อาจเป็นภาระหนักสำหรับนักศึกษาและครอบครัว สินเชื่อเพื่อการศึกษาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถเรียนต่อได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

กู้เงินเรียนคืออะไร?

สินเชื่อเงินกู้เพื่อการศึกษาคือเงินกู้ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักศึกษาในการจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยมักมีอัตราดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น เช่น การเริ่มผ่อนชำระหลังจากสำเร็จการศึกษา

ขอกู้เงินเรียนที่ไหนได้บ้าง?

กองทุนเงินให้กู้เพื่อการศึกษา (กยศ.)
ให้กู้ยืมตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนถึงปริญญาตรี
เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี
เริ่มผ่อนชำระหลังจบการศึกษา 2 ปี และมีระยะเวลาผ่อนสูงสุด 15 ปี

สินเชื่อเพื่อการศึกษาจากธนาคารพาณิชย์
ธนาคารกสิกรไทย: วงเงินกู้สูงสุด 750,000 บาท หรือ 80% ของค่าเล่าเรียน
ธนาคารธนชาต: วงเงินกู้สูงสุด 1,000,000 บาท ครอบคลุมค่าเล่าเรียน 100%

สินเชื่อเพื่อการศึกษา เหมาะกับใคร?
นักศึกษาที่ต้องการเงินสนับสนุนค่าเล่าเรียน
ผู้ที่ต้องการเรียนต่อระดับสูง เช่น ปริญญาโท ปริญญาเอก หรือเรียนต่อต่างประเทศ
บุคคลที่สามารถรับภาระการผ่อนชำระคืนได้ภายหลัง

การกู้สินเชื่อเรียนอาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่มีความจำเป็น แต่ควรพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระก่อนตัดสินใจ

1. การตรวจสอบสิทธิรักษาทำได้ที่ไหน?
คุณสามารถตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาล เช็คสิทธิการรักษาพยาบาลได้ที่:
เว็บไซต์หน่วยงาน เช่น เว็บไซต์ประกันสังคมหรือ สปสช.
แอปพลิเคชัน เช่น SSO Connect
โทรสายด่วน: เบอร์ 1330 (สิทธิบัตรทอง) หรือ 1506 (สิทธิประกันสังคม)

2. สิทธิการรักษาพยาบาลมีอะไรบ้าง?
สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง): รักษาฟรีในโรงพยาบาลที่ลงทะเบียน
สิทธิประกันสังคม: ครอบคลุมค่ารักษาในโรงพยาบาลที่เลือกไว้
สิทธิข้าราชการ: รักษาในสถานพยาบาลรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

3. หากตรวจสอบแล้วไม่พบสิทธิควรทำอย่างไร?
ติดต่อหน่วยงานโดยตรง เช่น สำนักงานประกันสังคม
เตรียมเอกสาร เช่น บัตรประชาชน และเอกสารยืนยันการจ่ายเงินสมทบ

4. สามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ไหม?
ได้ แต่มีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น
แจ้งเปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนด
ใช้สิทธิกับโรงพยาบาลใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงเสร็จสมบูรณ์

5. สิทธิการรักษาจะหมดอายุหรือไม่?
สิทธิอาจหมดอายุเมื่อ:
หยุดทำงานหรือลาออก (สำหรับผู้ประกันตนประกันสังคม)
ไม่ชำระเงินสมทบตามกำหนด

การตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ และหากพบปัญหา ให้ติดต่อหน่วยงานเพื่อแก้ไขทันที เช็คเครดิตรักษา ความเข้าใจในสิทธิที่คุณมีจะช่วยให้การรักษาพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่า

พร้อมเพย์ (PromptPay) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ชำระสินค้า หรือบริการอื่น ๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในหลายกรณี

ทำไมต้องใช้โอนพร้อมเพย์?
ความสะดวก
ไม่ต้องพกเงินสด หรือจดจำเลขบัญชีธนาคาร
ประหยัดค่าใช้จ่าย
ลดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินข้ามธนาคาร
ปลอดภัย
ใช้รหัส OTP และข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับการปกป้อง
วิธีสมัครพร้อมเพย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ
ผ่านเว็บไซต์ธนาคาร
เข้าสู่เว็บไซต์ธนาคารที่คุณมีบัญชี กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขโทรศัพท์และเลขบัตรประชาชน

ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
ทำตามขั้นตอนที่ธนาคารกำหนด เช่น

ดาวน์โหลดแอป
เลือกเมนูสมัครพร้อมเพย์
กรอกข้อมูลและยืนยันตัวตน
ติดต่อธนาคารโดยตรง
หากคุณไม่สะดวกใช้งานระบบออนไลน์ สามารถเดินทางไปยังสาขาของธนาคารเพื่อลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้

คำแนะนำสำหรับมือใหม่
ตรวจสอบข้อมูลบัญชีและเลขบัตรประชาชนให้ถูกต้อง
หากเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ อย่าลืมอัปเดตข้อมูลในระบบพร้อมเพย์
ตรวจสอบโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษที่ธนาคารอาจมอบให้ผู้ใช้พร้อมเพย์

พร้อมเพย์คือเครื่องมือสำคัญในยุคดิจิทัลที่ช่วยให้การโอนเงินและการชำระเงินง่ายขึ้น ทุกคนสามารถสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านแอปหรือสาขาธนาคาร มาเริ่มใช้พร้อมเพย์วันนี้เพื่อความสะดวกในทุกธุรกรรมของคุณ!