แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ำพ

หน้า: [1]
1

ขายถั่งเช่า ขึ้นชื่อว่าผักรวมทั้งผลไม้ ในทางโภชนาการแล้ว ย่อมเป็นประโยชน์tmyu,uu.lต่อร่างกายทั้งหมด แต่มะเฟือluiงมีคุณรวมทั้งโทษกับมนุษย์เท่าๆกัน ดังนั้นควรกิffffmnj niui.นจำหน่ายถั่งเช่าในปริมาณที่พอเหมาะพอควรจึงจะกำ lu uilo8lเนิดประโykยชน์กับร่างกายมะเฟืองio;i;หั่นตามแนวขวางเป็นชิ้นrthบางๆจะได้รูrปgmดาnว เพราะฉะนี้i;มันมีชื่อเสียงว่า Starrhn Frhruit มะเฟืองมีคุyrhkณประrhโยrhulilui luชน์ตั้งrhแต่76mrhk ul  ใบ ผล ราก ควรใช้ประโl;ou;ยชน์ใuliห้ตรงกับi;iสรรพคุณ แม้กระนั้i;นอย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าสิ่งใดมีrhคุณก็ย่อมกำเนิดโทษ ผู้ที่มีอาการโรคไตไม่สมควรบริโภค แต่อาจใช้ประโยชน์จากใบแล้วก็รากแทนมykะเฟืองมีสารออกซาrhลิกสารออกซาลิกเป็นสารที่มีrhฤทธิ์เป็นกรด เมื่อjytkเrhราบริโภคในจำtyนrhวนที่มากจะก่อให้จำหน่ายถั่งเช่าเกิดนิ่วในทางเดิrhนเยี่ยว รวมทั้งเมื่อสารนี้จับกุมตัวกับแคลเซียมจะเกิดการตกผลึก ผู้ที่บริโภคบ่อยๆจะrhมีอาการปวดท้องน้อย จากการเป็นนิ่rrhhวในไตขายถั่งเช่า ในเรื่องที่มีผลึกมาก จะกำเykนิดอาrhการอุykดทันท่อไตrhจนทำให้rhไตวายเฉียบพลัjyuนไrrhhด้ เพราะฉะนั้นuilผู้ป่วยโรคไrhไม่สมควรบริโภirhคมะเฟืองนอกเhkหนืkอจากนี้ มะเฟืrhองยัykงออกฤทธิ์ต้านยาสำหรับคนที่กำลังใช้ยาลykดไขมัน มะเฟืองจะทำlulให้ยาอulอกฤทธิ์ไม่ดีkyk ก่อให้เกิkykykดผลเสีylยกับการดูแลและรักษาขาดykสมรรถนะประโยชน์มะเฟืองทางยามะเฟืองkykช่วยความเครียดน้อยลง ออกฤทrhธิ์กล่อมประสาททำrhให้ykหลับสบาย ด้วยเหตุนั้นykklluผู้ที่rhนอนไม่หลับลองเrhลือกบริโภคมะเฟืองสดสักผลสองผลก่อนนrhอนจะหลับสykบายขึ้นขับเสลด ดัrhบหิวมะเฟืองฤทธิ์เป็นกรด แล้ykวก็ในผลมีน้ำมากrh เมื่อเกิดykอาการเจ็บคอด้วยเหykตุว่าอาการหio;oวัดก็บริโykภคผลสด จะดัjulบหิวแrhrละบรรเทาอากาkyukรดัuงที่กล่าวผ่านมาแล้วลงได้ประสิทธิภาพที่ดีhrhต่อเลือดให้เลือดแข็งได้ง่าย ใช้แrhทykนยาบำรุงขายถั่งเช่าโลหิต สำหรับผู้ที่yukมีลักษณะโลหิตจาง

Tags : ขายถั่งเช่า,จำหน่ายถั่งเช่า,ขายถั่งเช่า

2

สมุนไพรตาตุ่มทะเล
ตาตุ่มทะเลExcoecaria agallocha Linn.
บางถิ่นเรียก ตาตุ่มทะเล} ตาตุ่ม (กึ่งกลาง); บูตอ (มลายู-จังหวัดปัตตานี).
ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 8-15 ม. เปลือกสีเทาวาว. ใบ เดี่ยว เรียงสลับกัน รูปไข่ หรือ รี กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 3-9 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอบ หรือ มน; ขอบใบเรียบ หรือ หยักน้อย; ก้านใบยาว 1-2 ซม. ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้ และก็ดอกเพศภรรยาอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ ออกเป็นช่อยาว 3-7 เซนติเมตร; กลีบรองกลีบ 3 กลีบ; เกสรผู้ 3 อัน ไม่ติดกัน อับเรณูมี 2 ช่อง กลม. [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/i][/b][/url] ดอกเพศเมีย ออกเป็นช่อยาว 1.5-3.5 ซม. กลีบรองกลีบโคนเชื่อมชิดกัน ปลายแยกเป็น 3 แฉก; รังไข่มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีไข่อ่อน 1 หน่วย. ผล รูปกลมแป้น มี 3 พู กว้างโดยประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวราวๆ 4 มิลลิเมตร เมล็ด ค่อนข้างจะกลม.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามป่าชายเลน.
สรรพคุณ : ราก ตำ หรือ ฝน ประสมกับขิง เป็นยาพอก หรือ ทา แก้อาการบวมตามมือและก็เท้า ต้น ยางมีฤทธิ์กัดทำลาย ทำให้เกิดอาการอักเสบ ถ้าหากเข้าตาจะมีผลให้ปวดอักเสบมากมาย ถึงทำให้ตาบอดได้ แก่นเรียกว่ากระลำพัก (ตาตุ่มทะเล) เมื่อเผาไฟจะมีกลิ่นหอมาก ใช้เข้าเครื่องยา เป็นยาขับลม ฟอกโลหิต ขับเมนส์ ระบาย และขับเสมหะ ถ้าหากเอาไม้จำพวกนี้ไปปักเลี้ยงหอยแมลงภู่ ผู้ที่รับประทานหอยที่เกาะไม้นี้ จะก่อให้ท้องเดินได้  ควันที่เกิดขึ้นจากการเผาต้น ใช้รมแก้โรคเรื้อน  ยางต้นต้มรวมกับน้ำมัน ใช้ทาแก้โรคเรื้อน กัดแผลอักเสบเรื้อรัง ทาเช็ดนวดแก้ปวดตามข้อ แล้วก็อัมพาต ถ้าเกิดกินยางต้นในขนาดต่ำๆเป็นยาถ่าย แต่หากกินมากอาจจะก่อให้สตรีแท้งลูกได้ ใบ เป็นพิษ น้ำสุกเปลือก รับประทานเป็นยาทำให้อาเจียน เป็นยาถ่าย แก้โรคลมชัก และก็เป็นยาฝาดสมาน

3

งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหมอ ถั่งเช่าเพิ่มพลังทางเพศ ถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆ
 เดือนพฤษภาคม 12, 2016  kungtep
งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแพทย์ สตรีฮอร์โมนเพศเสื่อม เพิ่มฮอร์โมนเพศ ใช้ถั่งเช่าประเทศทิเบต เพิ่มพลังทางเพศ เพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด ถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆความกำหนัดและก็สิ่งที่ต้องการทางเพศมากขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นสตรีสาววัยทอง
ถั่งเช่าเพิ่มฮอร์โมนเพศ มีการตรวจสอบพบว่า ในบรรดาหญิงร้อยร้อย จะมีเพียงแค่30% เท่านั้นที่ถึงจุดสุดยอดในการมีเซ็กส์ ส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นเพราะเหตุว่า ความรู้สึกทางเพศน้อย ฮอร์โมนเพศลด ยกตัวอย่างเช่นเพศหญิงที่ใกล้หมดเมนส์ อีกส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นเพราะไม่กล้าวิ่งเข้าชน แต่ว่าจะคอยให้คู่ของคุณเป็นฝ่ายรุกสิ่งเดียว เรื่องจริงแล้ว เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องที่เหนียมอาย การมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นที่ต้องให้ชายเป็นข้างควบคุม สตรีควรมีเซ็กส์อย่างมีความสุขแบบถึงจุดสูงสุด เนื่องจากมันให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ
การถึงจุดสุดยอด ช่วยให้หายเครียด ลดลักษณะของการปวดหัวได้ และเชื่อมั๊ยค่ะว่าเพศหญิงก็หลั่งได้ สำหรับในการถึงจุดไคลแมกซ์ของผู้หญิงมีสองแบบ ถ้าปกติหน่อยก็จะเหมือนปกติ คือกล้ามเกร็ง ตอดรัด ช่องคลอดกระตุก แต่ถ้าหากได้รับการกระตุ้นอารมณ์ หรือมีอารมณ์ทางเพศมากมาย ก็จะเป็นแบบที่สอง คือหลั่งน้ำออกมาจากช่องคลอด ซึ่งไม่ใช่น้ำหล่อลื่นธรรมดาครับผม ภาษาบ้านๆเรียกว่าน้ำรัก แบบงี้ล่ะที่เรียกว่าจุดสุดยอดแบบสุดๆหายไข้หายปวดหัวกันอย่างยิ่งจริงๆ

ถั่งเช่าธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตปั๋ง ถั่งเช่าทิเบตธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตเปรี๊ยะ
ถ้าหากอยากร่วมเพศ อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน จะต้องบำรุงฮอร์โมนเพศ สำหรับคนที่มีปัญหาเสื่อมความสามารถทางเพศ ยิ่งควรจะกินถั่งเช่าหญ้าหนอนสีทองคำทิเบต มีสารช่วยปรับให้ฮอร์โมนเพศ บำรุงเลือด เสริมสร้างระบบการไหลเวียนของโลหิต
งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยถั่งเช่าทิเบตทิเบต ถั่งเช่าสีทอง มีสรรพคุณเรื่องเพิ่มฮอร์โมนเพศ เพิ่มพลังทางเพศสตรีรวมทั้งเพศชาย กระทั่งฝรั่งต่างประเทศจำต้องสารภาพ อาทิเช่น
ข้อควรปฏิบัติตามการกินถั่งเช่า ของ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ที่ขาดฮอร์โมน ควรกิน แม้กระนั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขนาดไหน ขอแนะนำว่า สมุนไพรทุกประเภทจะได้ผลดีเมื่อคนรับประทาน มีการปฏิบัติตนอย่างเหมาะควร ไม่ใช่ว่าพอใช้ถั่งเช่าทิเบตแล้วทานอาหารไม่เลือก ทานแม้กระนั้นของมันๆขนมหวาน นั่งๆนอนๆหรือท่องเที่ยวจนกระทั่งตลอดวันตลอดคืน แบบงี้เสียเวลาเปล่าๆ
เพิ่มพลังทางเพศ จำต้องเลือกของกินดีมีประโยชน์ ย้ำผักผลไม้ ยืนขึ้นมาบริหารร่างกาย ออกกำลังให้ได้เหงื่อ เลือดลมจะไหลเวียนสะดวก ขับพิษออกจากร่างกาย นอนให้ทันเวลา พักผ่อนให้เต็มที่ ทำเป็นแบบนี้ได้ผลในเวลาไม่ถึงเดือน สามีจะแปลกใจว่า ท่าทางของเมียแปรไป แถมยังเปล่งปลั่งผุดผ่อง บอกเขาไม่ต้องมึนงง ซื้อถั่งเช่าให้ผัวทานด้วย แจ้งชัดเลย
ถั่งเช่าบำรุงฮอร์โมน บำรุงร่างกาย
ถั่งเช่าคุณประโยชน์ดีต้องบอกต่อ ข้อสำคัญเป็นเวลาซื้อ อย่าไปเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่ออย่างเดียว ไอ้ที่ไม่ไม่ได้เรื่องก็มีค่ะ ด้วยเหตุว่าเป็นถั่งเช่าสังเคราะห์ แต่ถ้าถามว่า “รับประทานถั่งเช่าแบรนด์ไหนดีล่ะ” ฉันว่าทุกยี่ห้อดีหมดล่ะค๊ะ ขอให้เป็นถั่งเช่าทิเบตจากธรรมชาติหรือถั่งเช่าเพาะเลี้ยง ใช้ได้หมดนะครับ มีให้เลือกมากไม่น้อยเลยทีเดียวหลายแบรนด์ ศึกษาเล่าเรียนรายละเอียดอื่นๆของแต่ละยี่ห้อสินค้าเอาเองค๊า..
ถ้าไม่สบายสำหรับการค้นหาซื้อถั่งเช่า สำหรับรับประทาน ดิฉันแนะนำถั่งเช่าโรงงานแม่คำป้อ ซึ่งผลิตสดใหม่ ถูกหลักอนามัยตามมาตรฐานGMPและ (อย.)หรือขอความเห็นทางพวกเราได้ คณะทำงานเชียงดาว เนพบร์ฟูด มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสุขภาพพร้อมให้คำแนะนำ รายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้ถั่งเช่า

Tags : ถั่งเช่าทิเบต

4
น้ำอสุจิอ่อน อสุจิน้อย มีบุตรยาก ถั่งเช่าสมุนไพรเพิ่มน้ำกาม
 พ.ค. 12, 2016  kungtep
น้ำเสปิร์มเชื้ออ่อน น้ำเชื้อน้อย มีลูกยาก ถั่งเช่าสมุนไพรเพิ่มน้ำอสุจิ ช่วยให้สเปิร์มแข็งแรง ของลับแข็งดี แม้กระนั้นจะต้องเป็น ถังเฉ่าแท้บริสุทธิ์100% ชาวจีนนับได้ว่าเป็นยาโด๊ป
สำหรับบางครอบครัว การมีลูกดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก มูลเหตุหนึ่งพบว่ามีเหตุที่เกิดจากน้ำกามของฝ่ายชาย สเปิร์มไม่แข็งแรง สูตินรีแพทย์ โรงหมอวิภาวดีกล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า เพศชายที่หลั่งน้ำกามจำนวนน้อย ความเข้มข้นของน้ำอสุจิที่น้อยลงจะทำให้ความสามารถสำหรับการมีบุตรลดลงไปด้วย ความแข็งแรงบริบูรณ์ของน้ำอสุจิก็มีผลด้วยเหมือนกัน

ถั่งเช่าบำรุงฮอร์โมน บำรุงร่างกาย
อะไรทำให้น้ำอสุจิน้อย สเปิร์มไม่แข็งแรง ถ้าเป็นภาษาโบราณเขาก็จะกล่าวกันว่า ไม่มีน้ำยา คำกล่าวนี้จะไม่เกิดกับท่านถ้าเกิดได้มีการปรับกรรมวิธีดำเนินชีวิตใหม่ ทดลองดูนะครับ
จากการเรียนรู้ของสูติแพทย์พบว่า การดื่ม การสูบยาสูบส่งผลต่ออสุจิ การใช้ชีวิตประจำวันที่จำเป็นต้องนั่งนานๆอัณฑะไม่มีอิสรภาพ หรือถูกกระฟัดกระเฟียดมากมายๆก็ทำให้สมรรถนะการผลิตน้ำอสุจิน้อยลงได้ สภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงยิ่งส่งผลโดยตรง รวมไปถึงคนที่เป็นโรคอ้วน โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิต
 ด้วยเหตุผลดังกล่าวควร เลิกเหล้า เลิกยาสูบ หรือดื่มให้น้อยลง ค่อยปรับพฤติกรรมไป เปลี่ยนแปลงจากดื่มมาเป็นออกกำลังกายแทน หันมาเล่นกีฬาเพื่อให้ร่างกายได้ออกแรงดีมากกว่า
นอกเหนือจากนี้ยังมีการเรียนพบว่า สมุนไพรที่บำรุงร่างกาย บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้น้ำอสุจิแข็งแรง ก็คือถั่งเช่า ต้นหญ้าหนอนสีทอง สมุนไพรประเภทนี้มีคุณประโยชน์บำรุงร่างกายที่อ่อนแอ เลือดลมที่ไม่ค่อยไหลเวียนให้สูบฉีดดีขึ้น ผู้ที่มีอาการหย่อนยานความสามารถทางเพศ องชาติไม่แข็ง หลั่งน้ำกามผิดปกติ นํ้าสเปิร์มน้อย หลั่งเร็วเหลือเกิน กินถั่งเช่า หญ้าหนอนสีทองคำช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น
ลองกินถั่งเช่าดูครับผม รับประทานเสมอๆ พร้อมด้วยปรับวิถีชีวิตประจำวัน หันมาใช้ชีวิตแนวธรรมชาติเพื่อสุขภาพดู ออกกำลังกายทุกๆวัน แล้วก็จะต้องให้สุขภาพของพวกเราได้พักพร้อมด้วยกายและก็จิตใจ พักกายก็คือการนอนหลับให้พอเพียง ส่วนการพักผ่อนหย่อนใจใจก็คือ จำต้องไม่คิดมากมาย ไม่ตกอยู่ในสภาวะหนักใจ หรือเครียด ความเครียดก็เป็นตัวการทำให้หย่อนยานสมรรถภาพทางเพศ และก็มีลูกยาก
ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ต้องหาถั่งเช่ามากิน บำรุงได้อีกทั้งหญิงและชายไม่มีอันตราย คนแข็งแรงจะติดลูกง่าย แต่มีข้อควรปฏิบัติตามเป็น ถั่งเช่าเลียนแบบมีขายมากไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนซื้อวิเคราะห์ฉลากผลิตภัณฑ์ให้ดี รวมทั้งอาจหาเนื้อหาเกี่ยวกับผู้สร้างเพื่อประกอบการไตร่ตรอง
ถ้าอยากได้สินค้าที่มั่นจิตใจได้ 100% ขอชี้แนะถั่งเช่าทิเบต เชียงดาว เนเจอร์ฟูด ผลิตโดยโรงงานแม่คำป้อยารักษาโรค ความโด่งดังเป็นที่วางใจมานานยาวนานหลายปี รวมทั้งด้วยประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับ ปัจจุบันเชียงดาว เนพบร์ฟูดได้ขยายการผลิตถั่งเช่า ต้นหญ้าหนอนสีทองไปต่างประเทศ ท่านสามารถถามรายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้ได้จากฝ่ายขายของโรงงานเชียงดาว เนเจอร์ฟูด

5
มหันตภัย ! ความดันและโรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้
เดือนพฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันและก็โรคเบาหวาน เป็นโรคที่คนเป็นจำนวนมากมายไม่ดูถึงความร้ายแรงสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นหารู้ไม่ว่า สร้างความหายนะต่อสุขภาพและก็ชีวิตอย่างคาดไม่ถึง รีบคุ้มครองปกป้องให้ถูกจุดด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน

โรคความดันสูง-โรคเบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกละเลยเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่เรามักไม่ใส่ใจไม่เห็นถึงความสำคัญ เป็นต้นว่า คนรัก เพื่อนพ้อง คนภายในครอบครัว ที่ถูกไม่ให้ความสนใจจากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีอาจจะด้วยการเอาจริงเอาจังดำเนินงานหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามที รวมทั้งก็มีหลายสิ่งรอบข้างที่พวกเรามักไม่มองเห็นถึงความอันตราย ที่จะเอามาสู่ตัวหรือคนที่อยู่รอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆทั้งที่ไม่รุนแรงแล้วก็ที่มีความรู้สึกว่าไม่ร้ายแรง แม้กระนั้นแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่รอคอยจังหวะเวลาอยู่เสมอ อาทิเช่น โรคของความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่ง 2 ต่างก็เป็นโรคที่คุ้นหูเราอย่างดีเยี่ยม ภัยร้ายก็มีแม้กระนั้นก็ดีขึ้นรวมทั้งปลอดภัยได้เพียงใช้ “เจียวกู่หลาน
ลดการอุดตันเส้นโลหิต เจียวกู่หลาน
โรคความดันเลือดสูง มีอาการเช่นไร?
อาการป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวนมากเราจะเจอคนเจ็บ เป็นความดันเลือดสูงมากไปกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นอาการของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงกดดันในกระแสโลหิตที่สูง เร็ว ถี่ มากยิ่งกว่าปกติทั่วๆไป
ความดัน เบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระมัดระวัง!
โรคความดันสูง มีสาเหตุมาจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะที่ทำงานอยู่ตลอดระยะเวลา  อีกทั้งแรงดันในเลือดที่ต้องทำงานเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ที่จะเป็นไปได้ง่ายดายที่สุดกับผู้ที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป จึงสังเกตได้ว่าบิดามารดาต้นตระกูลของพวกเรามักเป็นโรคนี้กันมาก

คุณประโยชน์เจียวกู่หลาน
คุณประโยชน์และก็ผลดีใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองป้องกันโรคความดันสูงรวมทั้งเบาหวานได้ไหม
การรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยป้องกันได้ ความเหลวแหลกร้ายของโรคความดันสูงที่ควรรักษาด้วยการใช้ เจียวกู่หลาน คือ เมื่อความดันสูงมากมายๆจะมีผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆหลายส่วนไม่เพียงพอ กระทั่งเสียหายส่งผลต่อชีวิตได้ เป็นต้นว่า ไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดแดงส่วนปลายแข็งดำเนินการไม่เต็มที่ สมองเสื่อม รวมทั้งเส้นโลหิตสมองแตกได้ในที่สุด ซึ่งถ้าเกิดไม่ตายก็อาจเป็นอัมพาต
โรความดันรวมทั้งเบาหวาน ป้องกันได้ด้วย”เจียวกู่หลาน”
สมุนไพรรักษาโรความดัน-โรคเบาหวาน เจียวกู่หลาน ผู้ป่วยหรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครอง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยารวมทั้งทะเบียน(อย) สร้างจากโรงงานตามมาตรฐานGMP

6

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในวงศ์หน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพรรากสามสิบ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (นครราชสีมา), ผักชีช้าง (หนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยผัว, สาวร้อยผัว, ศตาวรี ฯลฯ
รูปแบบของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามแปลงมาจากใบเกล็ดบริเวณข้อ) สามารถเลื้อยปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงราว 1.5-4 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น รวมทั้งวาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 2-5 มม. เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวประมาณ 1-4 มิลลิเมตร รอบๆข้อมีกิ่งแตกกิ่งแบบรอบข้อ รวมทั้งกิ่งนี้จะกลายเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างราวๆ 0.5-1 มิลลิเมตร และยาวโดยประมาณ 0.5-2.5 มิลลิเมตร ทำแทนใบ มีเหง้าแล้วก็รากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกระจุกเหมือนกระสวย ลักษณะของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามากมาย มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ในประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบผู้เดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กเหมือนหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก รูปแบบของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างโดยประมาณ 0.5-1 มม. รวมทั้งยาวราว 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาวราว 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ ออกดอกเป็นช่อกระจะ ยาวราว 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบรวมทั้งข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอมยวนใจ มีโดยประมาณ 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวราวๆ 2 มิลลิเมตร มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ รวมทั้งวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราวๆ 0.5-1 มิลลิเมตร รวมทั้งยาวราว 2.5-3.5 มม. กลีบดอกมีลักษณะบางและย่นย่อ โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวราว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมแล้วก็อยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวโดยประมาณ 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะออกดอกในตอนโดยประมาณม.ย.ถึงมิถานายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ รูปแบบของผลเป็นรูปทรงออกจะกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ภายในผลมีเม็ดโดยประมาณ 2-6 เม็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่เปราะ ให้ผลในตอนประมาณเดือนเมษายนถึงก.ค.1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

สรรพคุณของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสฝาดเย็น มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
หนังสือเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กระษัย (ราก)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่ารวมทั้งต้นจันทน์แดง ผสมกับสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดระดับความดันโลหิตรวมทั้งลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นหลักการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
อีกทั้งต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, อีกทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนฝาดเย็น ใช้รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากกินน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสมหะ4 แก้การติดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาช่วยขับลม และก็ช่วยลดกรดในกระเพาะ (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะ โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้อาการท้องร่วง แก้บิด (ราก)
ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ใบ)
ตำรายาสมุนไพรพื้นเมืองของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดค่อย ขับฉี่ ช่วยหล่อลื่นและก็กระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการประจำเดือนแตกต่างจากปกติของสตรี (ราก)
ทั้งยังต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้แท้งลูก (ราก, ทั้งยังต้น)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายแล้วก็หญิง คนทางภาคเหนือบ้านพวกเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงสำหรับผู้ชาย รับประทานแล้วมีชีวิตชีวาราวกับม้า 3 ตัว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนหมอยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นสาเหตุของชื่อ “สาวร้อยผัว” หรือ “สามร้อยผัว” กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ อายุมากแค่ไหนก็ยังดูสาวเสมอ แต่ไม่ใช่รับประทานแล้วจะสามารถมีสามีได้เป็นร้อยคน ในตำราเรียนอายุรเวทจะใช้สมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพรหลักในการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยไขปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเมนส์ผิดปกติ สภาวะหมดประจำเดือน ปวดระดู ตกขาว มีลูกยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงท้อง บำรุงนม คุ้มครองป้องกันการแท้ง อื่นๆอีกมากมาย สำหรับแนวทางการใช้ก็ให้นำรากมาต้มรับประทาน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังคงใช้กระตุ้นน้ำนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้กำเนิดกำลังปกติ แก้ตับและปอดทุพพลภาพ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้อาการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยทุเลาอาการระคาย (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้า ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อรวมทั้งคอ (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับนม ช่วยให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กทารกในท้อง บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดลูกของสตรี (ราก)
ใน “พระหนังสือคุณประโยชน์ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ่ยถึงสรรพคุณของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานเพศผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้จักขุโรค รากสามสิบทั้ง 2 มีคุณยิ่งกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 จำพวก สิ่งแรก คือ ตัวร้อน ไม่อยากกินอาหาร ปวดหัว และอีกอย่างหนึ่ง คือ มีอาการรุนแรงมากกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะอาการคัน ไอ มีเสมหะ รวมทั้งมีเลือดออกทางปากแล้วก็จมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระคู่มือเวชศาสตร์ช่วยเหลือ” ได้เอ๋ยถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อนยาน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆอีกหลายอย่าง โดยกล่าวว่ามีคุณประโยชน์ (ที่ค่อนจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยกันจำเริญชีวิตให้กำเนิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังเดินทางมากแตกต่างกัน รับประทานเข้าไปแล้วหาโทษไม่ได้ ใช้ได้ทั้งยังเด็ก คนชรา คนมีกำลัง คนผอมบาง คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อน ให้ประกอบยานี้กันเหอะ อนึ่ง กินแล้วให้มีขึ้นบุตร ให้อกตอแค่นดวงจันทร์งทั้งยัง 4 มีกำลัง ถึงกระหักดีแล้ว หมอก็เชื่อถือรักษาด้วยยานี้เหอะ (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผอมแห้ง แก้อาการหอบหืด แก้ปิดตะ แล้วก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ร่วมกัน 20 อย่างและรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระหนังสือวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระนาทิภาควิชา” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง และรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีลักษณะอาการเสียดแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้ระอุลุมโรคหายแล แล้วก็ยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง และรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงครรภ์ แก้ไข้ แก้ปวดศีรษะ ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 ชนิด เป็นต้นว่า รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้ง 5 บัวน้ำ 5 โกฐทั้ง 5 จันทน์ 4 แล้วก็เทวดาทาโร (ใช้อย่างละเสมอกัน) นำทั้งปวงมาใส่ไว้ในหม้อเคลือบหรือหม้อดิน เพิ่มน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 ซม. แช่ทิ้งไว้ราว 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มราว 30 นาที น้ำยาเดือดและมีกลิ่นหอมหวนจึงชูลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารยามเช้ารวมทั้งเย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงท้องอย่างดี (ราก)
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสรรพคุณของรากสามสิบตามเว็บต่างๆนอกจากที่กล่าวมา สมุนไพรประเภทนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดทรวงอกและก็บั้นท้าย ช่วยแก้ไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ กำจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างและก็ปรับปรุงความจำรวมทั้งสติปัญญา (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดและก็วิธีใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากประมาณ 90-100 กรัม นำมาต้มกับน้ำวันละครั้งในตอนเช้า
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่พบ อาทิเช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต่อต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้อาการปวด คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นมาจากความดันโลหิตสูง ขับนม มีฤทธิ์ราวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ ยับยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่เจอในรากคือสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่เลียนแบบฮอร์โมนเพศ ก็เลยน่าจะมีหน้าที่สำหรับในการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในตอนวัยหมดระดูของสตรี รวมไปถึงการช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือดรวมทั้งโรคกระดูกพรุน
จากการศึกษาเล่าเรียน
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วงหมายถึงตอนฉับพลันและก็ช่วงยาวต่อเนื่อง โดยการศึกษาในช่วงกระทันหันป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโล ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น ส่วนการศึกษาเล่าเรียนตอนยาวต่อเนื่องวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มไกลวัวเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการขัดขวางการย่อยรวมทั้งการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งน่าจะมีสาระในการใช้ประโยชน์รักษาผู้เจ็บป่วยเบาหวานได้9
จากการทดลองทางสถานพยาบาล คือ การใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการกินผงแห้งของราก พบว่าได้ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการรักษาแผลที่กระเพาะและก็ลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี คริสต์ศักราช1997 ที่ประเทศอินได้ทำทดลองใช้รากสามสิบกับผู้ป่วยความดันเลือดสูงชนิด mild hypertension โดยทดสอบเปรียบเทียบกับยาลดระดับความดัน (Propranolol) ใช้ระยะเวลาทำทดสอบนาน 3 เดือน ผลของการทดลองพบว่า คนเจ็บมีความดันเลือดลดน้อยลง < 90 mm.Hg. รวมทั้งลดไขมันได้ประสิทธิภาพที่ดี

  • K. Mitra รวมทั้งภาควิชา (ค.ศ.1996) ที่ประเทศอินเดียได้กระทำทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับตัวทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลของการทดลองพบว่า สารสกัดดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/


    Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

7


ราชพฤกษ์

คูน คุณประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย พม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตเจริญในที่โล่งแจ้ง รวมทั้งมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปเด่นชัด กระทั่งมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" แล้วก็มีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะเป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม และก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมหลักๆในไทยและฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มไม้สวยเต็มต้น เทียบเป็นเครื่องหมายแห่งพุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และแข็งแรง


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆได้แก่ ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์ หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และก็กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย ศรีลังกา รวมทั้งเมียนมาร์ รวมทั้งคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลและรักษา
           แสง : อยากแดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และเติบโตเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตเจริญในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมหมายถึงการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน ด้วยเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกออก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าเกิดปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นไม้มงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถถ่ายเทน้ำก้าวหน้า ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นเงา วัวนมน เนื้อใบเกลี้ยงแล้วก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ และมองเห็นเส้นกลีบเด่นชัด ฝักอ่อนมีสีเขียวและจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และก็ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกันเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก รวมทั้งข้างในช่องเหล่านี้จะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์รวมทั้งคุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ และก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มรับประทานแก้เส้นพิการ และโรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) แล้วก็โรคกระเพาะอาหาร และแผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับการฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักแถวๆหัว รวมถึงช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นหน้าอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่เป็นผลข้างๆอะไรก็แล้วแต่ให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ตานขโมย ปรับปรุงแก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง และก็ถ่ายเสมะและแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนถึงระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีมีครรภ์ ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน รวมทั้งขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสฝาดเมา
เมล็ด – ทำให้อ้วก ให้รสฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และก็น้ำตาล รับประทานเพื่อเกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย และระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและก็ครึ่งเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้ง และก็ปลูกได้ง่ายทั้งในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนซุยคละเคล้าทราย หรือดินร่วนซุยเหนียว และยังทนต่อสภาพอากาศแล้งและดินเค็มได้ดิบได้ดี แต่หากอากาศหนาวจัดอาจจะส่งผลให้ติดเชื้อโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

8

กระเทียม
สรรพคุณกระเทียม
ปรับความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับคนไข้โรคเบาหวาน
บำรุงเลือด ป้องกันอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ปกป้องโรคหัวใจ
ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินการก้าวหน้าขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
คุ้มครองป้องกันไข้หวัด ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และก็ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ผลดีดีๆที่พวกเราอยากให้ท่านทานทุกๆวัน
วิธีทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิสินในกระเทียมที่เป็นประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายของพวกเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จำเป็นต้องหั่น สับ ตี หรือบดกระเทียมก่อนเอามาทำกับข้าว 5-10 นาที ขึ้นรถอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ฉะนั้นจะทานสด หรือจะประกอบอาหารในน้ำมันก็ช่างเถิด
จำนวนกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราว4 กรัมต่อวัน แต่ไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน เพราะเหตุว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดรอยแผล
วิธีเลือกซื้อกระเทียมมาทำกับข้าว
ควรที่จะทำการเลือกกระเทียมที่หัวแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น รวมทั้งถ้าหากอยากได้รสของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้คนทำอาหารพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แม้กระนั้นระวังนิดหน่อย หากทานกระเทียมมากมายๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด อาจมีลักษณะของการเจ็บคอภายหลัง และอย่าลืมระแวดระวังกลิ่นปากกันด้วยจ้ะ ประเดี๋ยวจะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกจำพวกรับประทานหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆหุ้มห่ออยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งกึ่งกลาง ข้างนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนรวมทั้งใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นและหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของเมืองไทย แต่ว่านิยมนำมาปลูกกันมากทางภาคเหนือและก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเหตุว่ามีสภาพดินและสภาวะอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเติบโตก้าวหน้า สำเร็จผลิตสูงรวมทั้งมีรสชาติที่ดีกว่า

ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 ซม. มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบเกิดจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบโดดเดี่ยว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบแล้วก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นแล้วก็เชื่อมติดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่าแล้วก็ก้านช่อดอกก่อให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวแล้วก็สีจะเบาๆจางลงจวบจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่ห่อหุ้มหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) ประกอบด้วยตะเกียงรูปไข่เล็กๆมากมายอยู่ปนเปกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบเสริมแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มช่อดอกตอนที่ยังตูมอยู่ แม้กระนั้นเมื่อช่อดอกบานใบประดับประดาจะเปิดอ้าออกแล้วก็ห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านโดด เรียบ ทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกบริบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราวๆ 4 มิลลิเมตร สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูรวมทั้งก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างจะกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและก็ภาคเหนือ แม้กระนั้นกระเทียมที่มีชื่อว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นฉุน เช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศ
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
การเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักพิจารที่กล้วยๆเป็น เลือกกระเทียมที่หัวแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าจำต้องปรุงอาหารที่อยากกลิ่นแรงๆจำเป็นต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความคิดเห็นว่ากระเทียมมีสาระรวมทั้งคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นฉุน แม้กระนั้นก้ไม่ยากเกินไปที่จะกินครับ ด้วยเหตุนี้อย่าลืมเพิ่สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับการกินกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
ผู้ที่กำลังมีท้องหรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการมีครรภ์ค่อนข้างปลอดภัยถ้าหากรับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าอาจไม่ปลอดภัยถ้ารับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในจำนวนที่เหมาะสมแล้วก็ในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะส่งผลให้มีการเคืองที่เดินของกินได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจจะทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เพราะเหตุว่าอาจจะทำให้เลือดออกมากแล้วก็มีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และคนที่มีสภาวะเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติไม่ควรกินกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค อย่างเช่น ไอโซไนอะซิด เพราะกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและส่งผลต่อสมรรถนะแนวทางการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านครับผม สรรพคุณและก็คุณประโยชน์ซึ่งมาจากกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

9

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาปรุงอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว รวมทั้งช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในนานัปการเมนู โดยเฉพาะอาหารประเภทต้มยำ และแกงต่างๆรวมทั้งการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ เป็นต้น
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกสกุลเดียวกันกับหญ้า แก่มากกว่า 1 ปี ขึ้นกับสิ่งแวดล้อม มีบ้านเกิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้นว่า พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
วงศ์ : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อแคว้น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– ติดอยู่หอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (แล้วก็ใบ)ส่วนของลำต้นที่พวกเราเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มครึ้ม ผิวเรียบ รวมทั้งมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนน้อย แล้วก็ค่อยๆเรียวเล็กลงเปลี่ยนเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นข้อแข็ง ส่วนนี้สูงราว 20-30 เซนติเมตร ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และก็ชนิด และก็เป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับเตรียมอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) และใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบโดดเดี่ยว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ รวมทั้งมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แต่ว่าคม กึ่งกลางใบมีเส้นกึ่งกลางใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบแน่ชัด ใบกว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 60-80 เซนติเมตร
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก จึงไม่ค่อยพบเจอ ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบประดับรองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
ประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศเตรียมอาหารสำหรับกำจัดกลิ่นคาว ช่วยทำให้ของกินมีกลิ่นหอมยวนใจ และแก้ไขรสให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง และยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำสบู่ ยาสระผม
    – ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแต่งตัว
    – ใช้ทานวด แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อคุ้มครองป้องกัน และไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของสารคุ้มครอง และกำจัดแมลง
    ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 2.6 มก.
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
  • ไนอาสิน 2.2 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
  • ขี้เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น แล้วก็ใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายอย่าง เป็นต้นว่า
– ซิทราล (Citral) พบได้มากที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซสิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลินาลูล (Linalool)
– เจอรานิออล (Geraniol)
– ค้างริโอฟิวลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนที่นาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– ซิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
รวบรวมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), กมลวรรณ ตระการชัยสกุล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

สรรพคุณตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยทุเลา และก็รักษาลักษณะของการมีไข้หวัด
– แ้ก้ไอ และก็ช่วยขับเสลด
– ทุเลาลักษณะของโรคหืดหอบ
– รักษาอาการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน เลือดสูง
– ลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
– แก้เมนส์มาไม่ปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาแก้ไขปวดท้อง และท้องร่วง
– ช่วยขับฉี่
– บรรเทาอาการไอ แล้วก็ขับเสมหะ

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับในการถ่าย
– ทุเลาอาการท้องร่วง
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ และลดการตำหนิดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการไม่มีชีวิตชีวา
– ต้านอนุมูลอิสระ
รวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), ใจชนชั้น ตระการชัยวงศ์ (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของลำไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อาทิเช่น Cineole รวมทั้ง Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียปัจจัยลักษณะของอาการท้องร่วง


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องร่วงหมายถึงE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ ได้แก่ Citral, Citronellol, Geraneol แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ เป็นต้นว่า Borneol, Fenchone รวมทั้ง Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor รวมทั้ง Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
ปริมาณน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล และก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับทำให้พบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

Tags : สมุนไพรตะไคร้

10

เห็ดหลินจือ
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่ทรงคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของเรามีจุดเริ่มต้นขึ้นจากความต้องการหาสมุนไพรคุณภาพสูงจากในหลายประเทศ จนกระทั่งพวกเราพบแล้วก็มีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน รวมทั้งได้ นำเข้าสปอร์เห็ดหลินจือประสิทธิภาพสูงหลังจากนั้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่เราเป็นผู้ก่อกำเนิด และเป็นผู้นำในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงคุณภาพสูง คุณภาพเป็นหัวใจสำคุณของเรา สปอร์เห็ดหลินจือของพวกเรา จะถูกคัดสรรอย่างยอดเยี่ยมก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่เรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยวิธีประณีตบรรจง ทำให้จับตัวได้ดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากกว่า
พวกเราตั้งใจรวมทั้งพิจารณาประสิทธิภาพในทุกแนวทางการผลิตอย่างใกล้ชิด และด้วยขั้นตอนการผลิตที่ดูแลอย่างยอดเยี่ยม ทำให้พวกเราได้รับการยืนยันมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่พวกเราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจประสิทธิภาพจากห้องแล็ปในโรงพยาบาล
เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านผู้ที่กำลังหาสินค้าเห็ดหลินจือมากิน
งานศึกษาค้นคว้าวิจัยรับรองว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งกว่าการทานดอก เหตุเพราะสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่าแล้วก็สปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกหุ้มจะต้านโรคมะเร็ง และก็เสริมภูมิต้านทานได้ดีมากว่า เทียบกับแบบไม่ได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดมิได้ที่สุดเป็น.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยปลอดภัยใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากว่า 100 สายพันธุ์แต่ว่าสายพันธุ์ที่มีสรรพคุณทางยาเยี่ยมที่สุดคือเห็ดหลินจือแดง เพราะสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กรุ๊ป Polysaccharide อยู่เป็นอย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในตลาดแบบต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งในต้นแบบดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกเยอะแยะ
ด้วยเหตุดังกล่าวการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี ต้อง......
มองตั้งแต่แนวทางการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่สมควรหรือปล่าว เนื่องจากการควบคุมอณหภูเขาไม่ ความชุ่มชื้น สารอาหาร และก็ขั้นตอนการแปลรูปล้วนส่งผลต่อจำนวนสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องมาจากเห็ดหลินจือจะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ ฉะนั้นตัวบรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดิบได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีแก่มีผิวแวววาว มีลักษณะคล้ายไม้ รวมทั้งมีรสขม มีประวัตศาสตร์ยาวนานในการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนรวมทั้งประเทศญี่ปุ่น เนื่องมาจากมั่นใจว่าสารประกอบข้างในเหลืดหลินจือมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจเป็นผลดีต่อสุขภาพมากไม่น้อยเลยทีเดียว จำพวกเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและก็ธาตุบางจำพวก เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ดูแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ตะกายอยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และก็สารอนุพันธ์อื่นๆโดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)ด้วยเหตุดังกล่าว มีบางบุคคลหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาประกอบอาหารรวมทั้งดัดแปลงเพื่อการบริโภคอย่างมากมาย นักวิทยาศาสตร์ก็เลยสนใจและนำเห็ดหลินจือมาทดสอบหาประสิทธิผลทางการรักษารวมทั้งการบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดจำพวกนี้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ใช่หรือไม่

เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเป็นไปได้ใช่หรือ?
มีการค้นคว้าทดลองมากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณประโยชน์ที่บางทีอาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ว่าในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อยืนยันด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่แจ้งชัดถึงคุณลักษณะและคุณประโยชน์ที่อาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือแม้กระนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือเครื่องพิสูจน์ด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่แจ่มแจ้งถึงคุณสมบัติแล้วก็ประสิทธิผลด้านใดๆดังนั้น ผู้บริโภคควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลของเห็ดหลินจือ ปริมาณแล้วก็ขั้นตอนการบริโภคที่เหมาะสม รวมถึงความจำกัดต่างๆและปัจจัยทางสุขภาพของตนเองให้ดีก่อนจะมีการบริโภค
แบบอย่างงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อร่างกาย
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานค้นคว้าหนึ่งได้ทดลองหาประสิทธิผลรวมทั้งความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในผู้ป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปริมาณ 32 ราย  ผลคือ เห็ดหลินจืออาจมีคุณประโยชน์ในด้านการห้ามลักษณะของการปวด ไม่เป็นอันตรายต่อการรับประทานเข้าสู่ร่างกายและไม่มีผลใกล้กัน อย่างไรก็แล้วแต่ กลับไม่ปรากฏผลที่มีนัยสำคัญสำหรับการต่อต้านปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลการปรับระบบภูมิต้านทานแต่อย่างใด
เพิ่มความสามารถร่างกาย
มีการทดสอบที่ทดลองคุณภาพของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถยนต์ภาพของร่างกาย โดยได้ ทดสอบในคนไข้โรคปวดกล้ามเนื้อไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)เพศหญิงปริมาณ 64 ราย ตลอดเวลาการทดลอง 6 อาทิตย์ คนป่วยบริโภคเห็ดหลินจือจำนวน 6 กรัม/วัน แล้วต่อจากนั้นก็เลยทดลองความสามารถร่างกายของผู้ป่วย ผลการทดสอบและวางแผนการรักษาคนไข้โรคนี้ถัดไป แต่ว่ายังคงขาดหลักฐานส่งเสริมที่แจ่มกระจ่าง ควรต้องมีการทำการค้นคว้าในด้าน เพื่อหาหลักฐานแล้วก็สิ่งพิสูจน์ที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือถัดไป
ต้านการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน รวมทั้งป้องกันการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดสอบหาคุณภาพของสารสามเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)และก็โพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ในเห็ดหลินจือในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และก็การปกป้องการทำลายเซลล์ตับในกรุ๊ปผู้ทดลองที่มีสุขภาพแข็งแรง 42 คน ผลครั้งแสดงถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ แล้วก็ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
อย่างไรก็ดี เห็ดหลินจืออาจช่วยต้านปริกิรริยาขบวนการออกซิเดชันได้ แม้กระนั้นการทดสอบดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเพียงแค่การศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยขนาดเล็ก ควรศึกษาเรียนรู้ถัดไปเพื่อหาหลักฐานและข้อพสจน์ที่เด่นชัดที่ชัดแจ้งถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

11

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่พวกเราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชวงศ์เดียวกันกับบุกจำพวกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แม้กระนั้นต่างจำพวกกัน ซึ่งมีคุณสมบัติและสรรพคุณทางยาที่ใกล้เคียงกัน และสามารถประยุกต์ใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในสกุลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), หมอยื่อ (จีนแมนดาริน) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่แก่หลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปออกจะกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปนเปอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราว 15-20 ซม.
ใบบุก
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกผู้เดียว รูปแบบของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวประมาณ 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกแล้วก็ผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในสกุลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (สกลนคร), กระบุก (บุรีรัมย์), บุกคางคก บุกปะทุงคก (ชลบุรี), หัวบุก (ปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกลาง), บุก (ทั่วไป), กระแท่ง บุกรอ หัววุ้น (ไทย), บุกอีรอกเขา เป็นต้น
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกชนิดกะแท่งหรือเท้ายายม่อมหัว มีอายุได้นานหลายปี มีความสูงของต้นประมาณ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอวบอ้วนรวมทั้งอวบน้ำไม่มีแก่น ผิวตะปุ่มตะป่ำ ลำต้นกลมรวมทั้งมีลายเขียวๆแดงๆลักษณะที่คล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นแพร่พันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้จำพวกนี้จะงอกงามในฤดูฝน และจะเหี่ยวเฉาไปในตอนต้นหน้าหนาว ในประเทศไทยพบได้บ่อยขึ้นเองตามป่าราบชายทะเลและที่อำเภอศรีราชา ส่วนในต่างประเทศบุกคางคกนั้นเป็นพืชประจำถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนถึงอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก เป็นส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะค่อนข้างกลมแล้วก็มีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวขรุขระ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 ซม.ขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดรวมทั้งเป็นมูกลื่น มียาง โดยเฉพาะหัวสด หากสัมผัสเข้าจะก่อให้เกิดอาการคันได้ ก่อนเอามาปรุงเป็นอาหารนั้นจึงจะต้องทำให้เป็นมูกโดยการต้มในน้ำเดือดซะก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนถึง 35 โล
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแบออกคล้ายกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกลางใบ ส่วนขอบใบจักเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำรวมทั้งยาวได้ประมาณ 150-180 ซม.
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก ออกดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินรอบๆของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงปนสีน้ำตาล (ขึ้นกับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบแต่งแต้มเป็นรูปห่อช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นและก็บานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศภรรยาอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นเหมือนซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางเรือนจำ
ผลบุกคางคก ผลได้ผลสด เนื้อนุ่ม ลักษณะของผลเป็นทรงรียาว ขนาดยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร ผลมีเยอะๆชิดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนกระทั่งสีแดง ข้างในผลมีเมล็ดโดยประมาณ 1-3 เมล็ด โดยมีสันขั้วเม็ดของแต่เมล็ดแยกออกจากกัน เมล็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
คุณประโยชน์ของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต (หัว)
ใช้เป็นของกินสำหรับผู้เจ็บป่วยเบาหวานและก็คนไข้โรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำดื่ม โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เอามาชงกับน้ำก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสมหะ ละลายเสลด ช่วยกระจัดกระจายเสมหะที่อุดตันรอบๆหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน แล้วก็เลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้เมนส์ไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ราก)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่บาดแผล กัดฝ้าและก็กัดหนองเจริญ (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลระบุว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาแก้ปวดบวม แก้ฟกช้ำดำเขียว (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณยิ่งกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยคุณนิล สกุณา (บ้านหนองพลวง ต.โคกกึ่งกลาง อ.ลำปลายมาศ จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์) แนะนำให้ทดลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พิงปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเมล็ดเอามาย่างไฟให้หอมก่อน แล้วใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำพอท่วมเมล็ดบุก ต้มจนถึงเม็ดบุกร่วงลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดและจากนั้นก็ให้เพิ่มเติมน้ำตาลทรายแดงพอสมควรลงไปต้มให้เพียงพอหวาน จากนั้นทดลองชิมดู ถ้าหากยังมีลักษณะอาการคันคออยู่ก็ให้เพิ่มน้ำตาลเพิ่มแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยชิมใหม่ ถ้าเกิดไม่มีอาการคันคอก็เป็นพิษว่าใช้ได้ และก็ให้นำสมุนไพรโด่ไม่เคยรู้ล้มใส่เข้าไปด้วยประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปล่อยให้เย็นและก็เก็บไว้ภายในตู้เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก โดยประมาณ 30 นาที จะปวดปัสสาวะโดยธรรมชาติ ภายหลังจากอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ในทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วนำมาชงกับน้ำ ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำดื่มก่อนรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม (เข้าใจว่าเป็นส่วนของหัว) เอามาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง ก็เลยสามารถนำมารับประทานได้ ถ้าหากเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือเอามาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ชำระล้างบริเวณที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนมาก ที่กระตุ้นให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก็ก้านใบถ้าปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองและคันปากได้8ก่อนเอามากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
กระบวนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำเพียงพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นหนแรก แล้วก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังกล่าวในการปรุงอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6ถ้าหากอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เพราะว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) ก็เลยไม่สมควรบริโภควุ้นบกวันหลังการรับประทาน แต่ให้กินก่อนกินอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่สร้างขึ้นมาจากวุ้น ตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนแล้วก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังอาหารได้ เนื่องจากว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้ผ่านวิธีรวมทั้งได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณประโยชน์ทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องด้วยไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและก็ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเลยกลูวัวแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันน้อยลง (ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี แล้วก็วิตามินเค) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่จะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (ตัวอย่างเช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจจะทำให้มีลักษณะท้องเดินหรือท้องเฟ้อ มีลักษณะอาการอยากกินน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการอ่อนแรงเพราะเหตุว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่เจอ ดังเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี และยังพบสารที่เป็นพิษเป็นConiine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกเจอสาร Uniine และวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 และหัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ร้อยละ 5-6 รวมทั้งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงจำนวนร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญหมายถึงกลูโคแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีกลูโคส แมนโนส และฟรุคโตส สารกลูโคแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องมาจากมีความเหนียว ช่วยยั้งการดูดซึมของเดกซ์โทรสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมากมายก็ยิ่งมีผลการดูดซึมกลูโคส ฉะนั้น กลูวัวแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum จึงสามารถลดน้ำตาลได้ดีกว่า ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนป่วยเบาหวานและก็สำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) จะมีปริมาณต่างกันออกไปตามจำพวกของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนประมาณ 90% และก็สิ่งเจือปนอื่นๆดังเช่นว่า alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, และก็พิษอื่น โมเลกุลของกลูโคแมนแนนนั้นสำคัญๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองชนิด คือ เดกซ์โทรส 2 ส่วน และแมนโนส 3 ส่วน โดยประมาณ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลชนิดลำดับที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลชนิดแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งไม่เหมือนกับแป้งที่พบในพืชทั่วๆไป ก็เลยผิดย่อยโดยกรดรวมทั้งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เพื่อให้น้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 นอกจากกลูโคแมนแนนจะพบได้ในบุกแล้ว ยังเจอได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูวัวแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำและขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ของปริมาณเดิม เมื่อพวกเรารับประทานกลูโคแมนแนนก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครั้งละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะอาหารของพวกเรา แล้วเกิดการขยายตัวกระทั่งทำให้เรารู้สึกอิ่มของกินได้เร็วแล้วก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้พวกเรารับประทานได้น้อยลงกว่าปกติด้วย ทั้งกลูโคแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมาก กลูโคแมนแนนจึงช่วยในการควบคุมน้ำหนักและก็เป็นอาหารของผู้ที่อยากลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่กินทีละ 15 กรัม ต่อ 1 โล ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูต่ำลงคิดเป็น 44% แล้วก็ Triglyceride ลดลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ดูดซึมน้ำในกระเพาะแล้วก็ไส้ได้ดิบได้ดีมาก และยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในไส้ให้เยอะขึ้น ทำให้มีการขับของที่คั่งค้างในไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีลักษณะบวมที่ขารับประทานครั้งละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูน้อยลง6
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากบุกคนประเทศไทยเรานิ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบุก

12

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ภายนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาปรุงอาหารเพราะเหตุว่าส่งกลิ่นหอม นอกนั้น ขิงยังคงใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ และเครื่องแต่งตัวทั้งหลายแหล่เช่นเดียวกัน ด้านคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างช้านาน เช่น โรคเกี่ยวกับระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหารอย่างท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อาเจียน ไม่อยากอาหาร
คุณลักษณะของขิงมั่นใจว่าประกอบด้วยสารที่อาจช่วยลดอาการอาเจียนแล้วก็ลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าส่วนมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและไส้ และก็สารนี้อาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการคลื่นไส้ด้วย แม้กระนั้นข้อสมมติฐานดังที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่ชัดแจ้งนัก รวมทั้งคุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งคุณประโยช์จากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น ขณะนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลแจกแจงไว้ดังต่อไปนี้
การดูแลรักษาที่อาจเห็นผล
อาการอ้วกคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง คุณประโยชน์บรรเทาอาการอาเจียนอ้วกของขิงบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่เห็นแก่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเรียนรู้ผู้เจ็บป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งกินขิง 500 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต้านทานรีโทรเชื้อไวรัส เป็นเวลาทั้งผอง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนที่เกิดขึ้นมาจากการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องได้
อาการอาเจียนอ้วกหลังจากการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยทุเลาอาการอาเจียนรวมทั้งอาเจียนจากการผ่าตัดได้อย่างเดียวกัน โดยการเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งทดลองแบ่งคนป่วยปริมาณ 122 ผู้ที่รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม รวมทั้งอีกกรุ๊ปได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่แบ่งให้ 2 ครั้งที่แล้วผ่าตัด ซึ่งคำตอบพบว่าคนไข้ในกลุ่มหลังมีลักษณะอาการอาเจียนอ้วกน้อยครั้งและก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยการค้นคว้านี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้คุณภาพสูงสุดเมื่อรับประทานเป็นประจำและสม่ำเสมอโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนั้น การทดลองทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของคนป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการอาเจียนในคนเจ็บประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งสิ้น แต่ว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการอาเจียนอ้วกร่วมกับยาลดคลื่นไส้อาเจียนนั้นอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก และการใช้ขิงกับคนเจ็บที่เสี่ยงต่อการอ้วกอาเจียนน้อยอยู่และบางทีอาจไม่ได้ผลเช่นกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ดังเช่น คลื่นไส้ อ้วก หรือเวียนศีรษะ ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ครรภ์ต่ำกว่า 20 สัปดาห์ จำนวน 120 คน ซึ่งพบเจออาการแพ้ท้องทุกวี่ทุกวันนานขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่กระปรี้กระเปร่าขึ้นแม้จะเปลี่ยนแปลงการทานอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังกินสารสกัดจากขิง 125 มก. ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน คำตอบได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ในฐานะการดูแลและรักษาลู่ทางต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกการค้นคว้าก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้บางทีอาจเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือได้ผลดีไม่เทียบเท่าการใช้ยาแก้อ้วกคลื่นไส้ นอกเหนือจากนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดและเจอผลลัพธ์ที่ไม่บ่อยนัก โดยมีบางการทดสอบที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจมิได้มีส่วนช่วยสำหรับการลดอาการแพ้ท้องเหมือนกัน
อาการวิงเวียนหัว อาการที่เกิดขึ้นกับการคลื่นไส้นี้บางทีอาจทุเลาให้ได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีลักษณะบ้านหมุน และตากระตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิกินผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการหน้ามืดศีรษะได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก แม้กระนั้นมิได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีสรรพคุณลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงชนิดหนึ่ง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อหัวเข่าหลังจากการรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการค้นคว้าที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับการช่วยลดลักษณะของการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บหลังเดิน แล้วก็อาการข้อติด
ยิ่งไปกว่านี้ มีการศึกษาเทียบประสิทธิภาพระหว่างขิงและยาแก้ปวด โดยให้คนไข้โรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกแล้วก็ข้อหัวเข่ากินสารสกัดขิง 500 มิลลิกรัมทุกเมื่อเชื่อวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลทุเลาลักษณะของการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และก็ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงแล้วก็ส้มบางทีอาจช่วยทุเลาอาการปวดรวมทั้งเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดประจำเดือน เว้นเสียแต่อาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การศึกษาเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยทุเลาอาการปวดประจำเดือน อาทิเช่น การทดสอบในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีระดูต่อเนื่องไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีเมนส์ รวมทั้งสิ้นเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของลักษณะของการปวดเมนส์ได้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้านการเล่าเรียนเปรียบเทียบประสิทธิภาพของขิงแล้วก็ยาลดอาการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มกินแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีรอบเดือน ผลลัพธ์ปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานวิจัยแรกหมายถึงขิงมีคุณภาพบรรเทาความรุนแรงของลักษณะของการปวดประจำเดือนไม่ต่างอะไรกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่อาจไม่ได้ผล
อาการเมารถและก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ่ยถึงกันมากมาย ทว่าแม้ขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการวิงเวียนได้ แม้กระนั้นสำหรับในการหน้ามืดคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาเรียนรู้วิจัยส่วนมากบอกว่าขิงอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง เช่น การแบ่งกรุ๊ปให้นักเรียนนายเรือ 80 ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง กินเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอาเจียนและหน้ามืดน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับน้อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการปกป้องอาการเมารถหรือรูปแบบการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการเจาะจงความสามารถ
อาการอ้วกอ้วกจากการทำเคมีบำบัดรักษา อีกหนึ่งสรรพคุณคือลดอาการอ้วกและก็คลื่นไส้ ซึ่งมีการเรียนทางวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในผู้ป่วยที่รับเคมีบรรเทานั้นยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงผลดีข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยกินแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า หรูหราความรุนแรงของอาการอ้วกที่เกิดขึ้นภายหลังการรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แต่ว่าเห็นผลได้ชัดในกรุ๊ปที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเท่านั้น ส่วนกรุ๊ปที่กินแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า แปลว่าการกินขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการอ้วกอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ มีหลักฐานที่โต้วาทีข้อเกื้อหนุนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นการค้นคว้าที่เผยว่าการรับประทานขิงไม่ได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ทั้งนี้ ผลการค้นคว้าที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีมูลเหตุมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดสอบนั้นแตกต่างกัน รวมทั้งขณะที่เริ่มรักษาด้วยการใช้ ขิงจะนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วเห็นผลหรือไม่คงควรมีการยืนยันเพิ่มเติมต่อไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เจ็บป่วยเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการค้นคว้าที่ไม่แน่นอน งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 แล้วก็อาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยอื่นๆที่ชี้แนะว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาวิจัยบอกว่าขิงมีผลกับอินซูลิน แต่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือช่วงเวลาที่คนป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดสอบนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
ของกินไม่ย่อย มีการวิจัยเรียนความสามารถของขิงในคนเจ็บที่มีลักษณะของกินไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมภายหลังการเลิกอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะมีการย่อยอาหารแล้วก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย ทว่าการรับประทานขิงนั้นไม่เป็นผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมการทดลองนี้มีปริมาณน้อย ทำให้ไม่อาจกำหนดได้อย่างแจ่มแจ้งว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่ๆเพียงใด
อาการเมาค้าง เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีงานศึกษาเรียนรู้เมื่อนานมาแล้วที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน และน้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในวันหลัง รวมถึงอาการอ้วก คลื่นไส้และท้องเสีย อย่างไรก็แล้วแต่ การเล่าเรียนดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังถือว่ากำกวมอยู่มากมายและไม่อาจรับรองได้ว่ามีสาเหตุจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดลองโดยให้คนไข้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงรับประทานแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 กรัม ผลบอกว่าเมื่อเทียบกับผู้เจ็บป่วยกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้เจ็บป่วยภาวการณ์นี้ได้ไหมคงจะต้องรอคอยการเรียนในอนาคตที่กระจ่างกันต่อไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อหลังบริหารร่างกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดลักษณะการเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วยหรือไม่นั้นยังคงไม่ชัดแจ้งและก็เป็นที่โต้เถียงกันอยู่เช่นเดียวกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 124 ชั่วโมง พบว่าขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมากมาย
ทว่าอีกการค้นคว้าหนึ่งกลับพบคำตอบตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามแบบเดียวกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 1 วันรวมทั้ง 48 ชั่วโมงภายหลังการออกกำลังกาย พบว่าไม่ได้ทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายลดลง แต่ว่าผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยพบว่าการรับประทานขิงบางทีอาจช่วยให้อาการเจ็บกล้ามค่อยๆดีขึ้นในวันแล้ววันเล่า ถึงแม้อาจมองไม่เห็นผลได้โดยทันที
อาการปวดหัวไมเกรน มีการเรียนรู้กับผู้ป่วย 100 คน ที่เคยมีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนฉับพลันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

13

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกายในหลายๆด้าน เนื่องจากว่าอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็ธาตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถาพทางร่างกายของพวกเรา เป็นต้นว่า วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต รวมทั้งเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยช์จากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับในการป้องกัน ต้านทานการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเติบโตของเซลล์ของมะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้สำหรับในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเหตุนั้นควรจะรับประทานขิงควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งจะเป็นผลดี
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นใหม่ๆเอามาทุบให้แหลกประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะแล้วก็ไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ต้นตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นมัว (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาหลังคลอดบุตร ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดราวๆ 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้รับประทานเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงน้ำนมของมารดา (ผล)
ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การกินขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือเล็กน้อย
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนป่วยที่มีลักษณะเมายาสลบหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำกิน (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยแก้ปัญหาผมตก หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก เอามาพอกรอบๆที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการ หรืออีกแนวทางก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วหัวราวๆ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้แบบเดียวกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา รวมทั้งใช้แก้อาการตาฝ้า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาเฉอะแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอเปื่อยยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีให้ถี่ถ้วนคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งไหม้เกรียม แล้วบดกระทั่งเป็นผุยผง จากนั้นนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสมหะ เสลดขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวการณ์น้ำลายมากมาย คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นรวมทั้งเกลือเล็กน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันและก็ปกป้องการเกิดฟันผุ
ช่วยกำจัดกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เสมอๆ จะสามารถที่จะช่วยในการกำจัดกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย คนจนเข้ากันแล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราวๆ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง นำมาตำจนเหมาะ แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ เอามาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการคลื่นไส้คลื่นไส้จากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่สมควรรับประทานบ่อยครั้งจนเหลือเกิน)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาทุบพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งไว้ราวๆ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในช่วงหลังหรือก่อนระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำกินเป็นประจำ
ช่วยในการย่อยของกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับการขับถ่าย แล้วก็ช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาปัสสาวะรดที่พักผ่อนในผู้ป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดเป็นประจำ
มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นสะเก็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดบริเวณดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมรอบๆหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว นำมาเผาเปลือกนอกจนถึงเป็นถ่าน คอยเฉือนถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลหากถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยบรรเทาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนถึงเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรืออาหารช็อกคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อป้องกันการอักเสบและการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการทำอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้อย่างดีเยี่ยม และก็สามารถช่วยขจัดกลิ่นคาวของของกินได้ดีอีกด้วย
ในด้านความงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดรอบๆต้นขา ก้น หรือบริเวณที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นเอามาดัดแปลงได้หลายประเภท ตัวอย่างเช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว เป็นต้น

วิธีการทำน้ำขิง
แนวทางการทำน้ำขิงวิธีทำน้ำขิงขั้นตอนแรกให้จัดแจงส่วนประกอบดังต่อไปนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาล 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาตีให้แตก แล้วนำมาใส่ด้านในหม้อต้ม เพิ่มเติมน้ำที่สะอาดลงไป เอาขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนถึงน้ำเดือดและหลังจากนั้นก็ค่อยเบาไฟลง เคี่ยวประมาณ 20 นาทีจนกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนกระทั่งหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลทรายแดงลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความอยากได้) แล้วคนให้เข้ากัน
เป็นระเบียบและสามารถนำมากินได้ โดยเอามาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นกัน แต่ว่าควรเพิ่มเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่สมควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นจนถึงเกินความจำเป็น เพราะจะมีอันตรายต่อสถาพทางร่างกายได้ เพราะจะไปหยุดการบีบตัวของไส้ จนทำให้ไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรจะคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
พวกเราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับการเตรียมอาหารและก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดโรคต่างๆได้สารพัน ถือว่าเป็นตัวช่วยสำหรับการรักษาโรคได้เลยทีเดียว แม้กระนั้นทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับในการรักษาโรค ควรทำอย่างอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของพวกเราร่วมด้วยจะได้ประสิทธิภาพที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะเหตุว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน รวมทั้งยังมีใยอาหารเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ว่าเนื่องด้วยขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะสมกับคนที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว ดังเช่นว่าผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกเวลากลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากยิ่งกว่าปกติ แม้กระนั้นถ้าจะกินควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

14

น้ำมันเหลือง
น้ำมันเหลือง ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. สกุล Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กลุ่มที่ 2 บัญชียาพัฒนาจากสมุนไพร กรุ๊ปยารักษาอาการทางกล้ามแล้วก็กระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก อาทิเช่น ตำรับยาครีมไพล ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w) แล้วก็ ยาน้ำมันไพล สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ข้อบ่งใช้ของทั้งสองตำรับคือ ทุเลาอาการบวม ฟกช้ำดำเขียว เคล็ดลับยอก
น้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดรวมทั้งผู้กระทำลั่นแตกต่างเช่นไร? น้ำมันไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ บางครั้งอาจจะได้จากผู้กระทำลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ละอองน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) กระบวนการกลั่นอย่างนี้เป็นแนวทางที่คนยุโรปดั้งเดิมนิยมใช้กัน แต่มีข้อเสียตรงที่ไพลที่นำมากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจจะทำให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากการกลั่นโดยใช้การผ่านของละอองน้ำเข้าสู่ภาชนะที่มีไพลใส่อยู่ (steam distillation) ละอองน้ำจะพาเอาน้ำมันเหลือง หอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น แนวทางนี้มีข้อดีกว่าเป็น ไพลจะถูกความร้อนไม่มาก น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป นั่นคือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จาก 2 แนวทาง จะมีสารประกอบทางเคมีที่แตกต่างบ้าง โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่นจะมีสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ดังเช่น สารกรุ๊ป monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนปริมาณ 10 ตัว) รวมทั้งสารกรุ๊ป sesquiterpenes (สารที่มีคาร์บอนปริมาณ 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากการกลั่นมี สารกลุ่ม monoterpenes ยกตัวอย่างเช่น sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4
ส่วนน้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นแนวทางของคนไทยโบราณที่ใช้จัดแจงน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันถูนวด แก้ปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลของเมืองได้มีการตระเตรียมเป็นเภสัชตำรับของโรงหมอ แล้วก็เป็นหนึ่งตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้จัดแจงได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชประเภทอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว น้ำมันเหลือง หรือน้ำมันปาล์ม ไม่ควรใช้น้ำมันพืชประเภทไม่อิ่มตัว (มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว) ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันงา น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าวน้ำมันเหลือง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าน้ำมันประเภทไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้พันธะคู่ในโมเลกุลเกิดการแตก แล้วก็รวมตัวเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น ทำให้มีการเกิดความหนืด ยิ่งกว่านั้นจะก่อให้กำเนิดควันได้ง่าย และน้ำมันเหม็นหืน น้ำมันพืชที่ใช้ในการทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งนับว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีในการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ดังนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีสารประกอบที่มีขั้วน้อยและโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่ว่ามีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลนอกจากมีน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และก็ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าสารในน้ำมันหอมเหลือง และก็เป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปกล้วยๆคือ น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารโมเลกุลเล็กรวมทั้งระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะมีน้ำมันหอมระเหยรวมทั้งสารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย
น้ำมันเหลือง หอมระเหยรวมทั้งสารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกรุ๊ป arylbutanoids, curcuminoids, แล้วก็ cyclohexene derivatives) เป็นกลุ่มสารที่มีผลการค้นคว้าพบว่า มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบและก็แก้ปวดในสัตว์ทดลอง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกเหนือจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาน้ำมันเหลือง ทางคลินิกพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและการปวดของข้อเท้าแพลงในคนไข้นักกีฬาที่เจ็บข้อเท้าพลิกมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมที่ได้รับยา หลอก13 และก็พบว่าครีมไพจีซาลได้ผลดีสำหรับเพื่อการรักษาลักษณะของการปวดปวดเมื่อยข้างหลัง ไหล่ ต้นคอ เอว หัวเข่า14 แต่ตำรับยาน้ำมันเหลืองที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการศึกษาทางสถานพยาบาลมาก่อน ซึ่งเดี๋ยวนี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาแผนการ “การพัฒนาสมรรถนะผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางด้านการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นแผนการที่ได้รับทุนเกื้อหนุนจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกในผู้เจ็บป่วยข้อหัวเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเลียนแบบวิธีการสกัดแบบภูมิปัญญา ซึ่งเป็นการสกัดสารหลายๆประเภท ไม่เพียงแค่น้ำมันเหลือง หอมระเหยแค่นั้น และเป็นการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า

หน้า: [1]