แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - xdfmcx85df54

หน้า: [1]
1

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาบ้องคำ (จังหวัดลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาบ้องทอง (ภาคกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) ฯลฯ
ลักษณะของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตการกระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. และก็ยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากหมายถึงปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียเกลี้ยงไม่มีขน ออกดอกในช่วงโดยประมาณตุลาคมถึงม.ค. (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาปล้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลสำเร็จแห้งและก็แตกได้ (แต่ผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเมล็ดโดยประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ชนิดเป็นเสลดพังพอนตัวผู้ และก็เสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงหลายๆหนังสือเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาข้อทองคำ” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และก็ตำราเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและก็เปลือกต้น)
ทั้งต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างรอบคอบ ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยโดยประมาณ 30 นาที อาการไข้และก็อาการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดราว 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 10-15 ใบ ตำให้รอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาผิดปกติ (ทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (ทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบเป็นไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำเพียงพอแฉะ ใช้พอกราวๆ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการ (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 5 ใบ นำมาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกตำราบอกว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยด้วยเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นมาจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบโดยประมาณ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบเอามาตำผสมกับเกลือแล้วก็เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าตรู่แล้วก็เย็น (ใบ)
ต้นรวมทั้งใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวราวๆ 1 อาทิตย์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำเล็กน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดโดยประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินความจำเป็น) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกวิธีให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโล เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ความจุน้อยลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับตำราเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับเหล้า แล้วประยุกต์ใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า แล้วก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกฝน เหือด ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกรวมทั้งผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้อีกทั้งรับประทานรวมทั้งชโลมทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปเล็กน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม เคล็ดปวดเมื่อย บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเนื่องจากเย็นชื้น (ต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยล้าบั้นท้าย (ราก)
ขนาดและก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลข้างนอก
ข้อควรพิจารณาพญายอ
: แม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะเหตุว่าจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล รวมทั้งอาจจะเป็นผลให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ได้แก่ 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และก็สารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียจำนวนร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม มีคุณภาพต้านทานการอักเสบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 และก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และจากรายงานการดูแลและรักษาคนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความแตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบรวมทั้งยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน แล้วก็หายสนิทภายใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกแตกต่างกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่ส่งผลให้เกิดการอักเสบและก็เคือง ตอนที่ acyclovir จะทำให้แสบ ยิ่งกว่านั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสลดพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่นำไปสู่เริมและก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้ป่วยที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายข้างใน 7-10 วัน จะมีเป็นจำนวนมากกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับความเจ็บปวดจะลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลกระทบอะไรก็แล้วแต่9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษเล็กน้อย แม้กระนั้นจะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเป็นพิษอะไรก็ตาม
จากการศึกษาพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มก.ต่อกก. ให้หนูแรททุกวี่วัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในระหว่างที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่ว่าอ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเสลดพังพอน (พญายอ)

2

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เติบโตในแถบอินเดีย แอฟริกา แล้วก็เอเซียอาคเนย์ ใบและก็ลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของอินเดียและก็จีนมาอย่างยาวนาน ใช้รักษาหลายโรค ได้แก่ โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน รวมทั้งยังนำมาทำอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่หลากหลายประเภท เช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) เอเชียติโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียติเตียนก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และก็กรดมาดีติดอยู่สสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีคุณประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง อย่างเช่น บรรเทาอาการอักเสบ ถ้าใช้กินอาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับความดันโลหิตในหลอดโลหิตดำ รวมทั้งนำมาใช้รักษาโรคหรืออาการที่มีต้นเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ การตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเดินเยี่ยว โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด เป็นต้น ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีความคิดว่าแม้ใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสมานบาดแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่มีเหตุที่เกิดจากการท้อง แต่เครื่องพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยมีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองความเชื่อ สรรพคุณ รวมทั้งความปลอดภัยของใบบัวบกในการรักษาโรคกลุ่มนี้
การรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจสำเร็จ
เส้นเลือดขอด มีการเรียนชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงแล้วก็สร้างสมดุลในการเจริญเติบโตของเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยและก็เส้นเลือดขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงแก้ไขการไหลเวียนของเลือด นอกจากนั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวเนื่อง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนป่วยที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก และก็อาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้สารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยบรรเทาอาการคนเจ็บเส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แต่จากงานศึกษาเรียนรู้กล่าวว่าข้อสรุปข้างต้นจำเป็นต้องตีความด้วยความระแวดระวังด้วยเหตุว่าข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย และก็ยังจำเป็นต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องแน่ใจแล้วก็มีคุณภาพมากพอสำหรับเพื่อการประเมินประสิทธิภาพการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แม้กระนั้นยังมีหลักฐานสนับสนุนไม่พอ
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกบางทีอาจช่วยสำหรับเพื่อการลดปริมาณไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่ออกอาการกลุ่มหนึ่งกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกตรงเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกลุ่มไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครอีกทั้ง 2 กรุ๊ปไม่ได้แตกต่างกัน แม้กระนั้นในกลุ่มที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดต่ำลง จำนวนไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมถึงรูปแบบของพลัคความดกรวมทั้งความยาวก็น้อยลงด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งยังยังไม่พบอาการที่ไม่ปรารถนา สามารถทนต่ออาการข้างเคียงได้ รวมทั้งมีการบันทึกผลการตรวจเลือดบ่อยๆ เนื่องจากว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็งยังน้อยเกินไป ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองปกป้องลิ่มเลือด การกินใบบัวบกบางทีอาจช่วยคุ้มครองการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเกิดขึ้นจากการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาเสนอแนะว่าใบบัวบกอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในคนที่โดยสารเครื่องบินติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการเล่าเรียนชิ้นนี้จะหมายคือการลดการสั่งสมของลิ่มเลือด เนื่องจากหลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องลิ่มเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยควรต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในผู้ป่วยเบาหวาน การค้นคว้าวิจัยหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยปริมาณ 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารไตรเทอร์พีนอยด์เป็นหัวใจหลัก ขนาด 60 มก. 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก พบว่าสารสามเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดฝอยของคนไข้เบาหวาน แม้กระนั้นหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป จึงจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
แผลเบาหวาน มีการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและก็ผลข้างเคียงของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลโรคเบาหวาน โดยแบ่งคนเจ็บเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกลุ่มหนึ่งกินสารทวีปเอเชียตำหนิวัวไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม แล้วก็อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลหลังมื้อของกินวันละ 3 ครั้ง รวมทั้งมีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของคนเจ็บที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีมากกว่าและไม่เจอผลกระทบ หรือเรียกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลข้างเคียง แม้กระนั้นเนื่องด้วยหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลเบาหวานยังไม่พอ จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาต่อไป
แผลเป็น สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ดังเช่นว่า ทวีปเอเชียตำหนิโคไซด์ กรดเอเชียติก มาเดแคสโซไซด์ และก็กรดมาดีค้างสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายแล้วก็อาจมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมทั้งแผลเป็นแบบนูน ซึ่งจากงานค้นคว้าชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 สัปดาห์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลได้ รวมถึงแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่เนื่องด้วยหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังไม่เพียงพอ จึงจึงควรศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการตั้งท้อง ได้มีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยเสนอแนะให้ผู้ที่กำลังตั้งท้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน เป็นประจำทุกวี่ทุกวันในตอน 6 เดือนท้ายที่สุดก่อนการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกนั้น ยังมีการทดลองโดยให้หญิงตั้งครรภ์จำนวน 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะทำให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก แต่เหตุเพราะหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงควรต้องศึกษาต่อไป
ลดความไม่ค่อยสบายใจ การดูแลและรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการเหงาหงอยแล้วก็ความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทดลองชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของใบบัวบกในการลดความรู้สึกกังวล โดยสุ่มให้อาสาสมัครกินใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านทานความกังวลใจ ช่วยลดความตึงเครียด แต่ยังคงจะต้องศึกษาเพิ่มเติมถัดไปถึงสมรรถนะของใบบัวบกสำหรับในการรักษาโรควิตกกังวล
โรคแล้วก็อาการอื่นๆดังเช่นว่า หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การต่อว่าดเชื้อทางเท้าปัสสาวะ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นจะต้องศึกษาวิจัยหาสมรรถนะรวมทั้งความปลอดภัยสำหรับในการรักษาถัดไป

ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ว่าการรับประทานใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก คนที่กำลังมีท้อง หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก ด้วยเหตุว่ายังไม่มีหลักฐานทางด้านการแพทย์เพียงพอที่จะช่วยเหลือถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งต่อเด็ก แม่ หรือลูกในท้อง
การกินใบบัวบกอาจเป็นสาเหตุให้กำเนิดความเสื่อมโทรมต่อตับ ฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรรับประทานใบบัวบก ด้วยเหตุว่าอาจจะส่งผลให้อาการต่างๆห่วยลงได้ รวมทั้งไม่สมควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่ส่งผลต่อตับในกรุ๊ปเหล่านี้ ดังเช่นว่า พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีปีน ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตตำหนิน ฯลฯ
การกินใบบัวบกในปริมาณมากอาจจะทำให้รู้สึกง่วงได้มากกว่าปกติ หรือแม้รับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยาหนักใจลดลง อาทิเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล แล้วก็โซลพิเดม
ควรจะหยุดกินใบบัวบกอย่างน้อย 2 อาทิตย์สำหรับคนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด เพราะเหตุว่าบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้ในการผ่าตัดและก็อาจจะทำให้รู้สึกอยากนอนได้มากขึ้น
ควรขอคำแนะนำหมอก่อนกินใบบัวบก หากอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมจำพวกอื่นๆอยู่เป็นประจำ เพราะอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ปรารถนาถ้าหากกินใบบัวบกในระหว่างการรักษาของคนป่วยโรคกังวล คนเจ็บโรคเบาหวาน ผู้ที่หรูหราคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนป่วยอัลไซเมอร์ รวมถึงผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยาไม่ค่อยสบายใจน้อยลง และก็คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจทำให้กดประสาทมากเพิ่มขึ้น http://www.disthai.com/

3

สมุนไพรรากสามสิบ
สมุนไพร รากสามสิบแคปซูล รากสามสิบ แบบล้วน  คุณประโยชน์และก็คุณประโยชน์ ข้อที่ไม่อนุญาต ผลข้างเคียงจากรากสามสิบ สำหรับเพศหญิงที่มีปัญหาเรื่องกระชับช่องคลอด
อยู่เช่นไรให้ชีวิต Sex  กระชับช่องคลอด เพิ่มน้ำหล่อลื่น ทำให้กระชับ (รีแพร์) แบบสาวๆ ทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง มีความชุ่มชื้น รวมทั้ง สุขสบายทางเพศ รักษาสภาวะระดูผิดปรกติ ปวดรอบเดือน มีบุตรยาก ตกขาว ไม่มีอารมณ์ทางเพศ  กามตายด้าน บำรุงน้ำนม บำรุงท้อง ปกป้องแท้ง มีราคาส่ง และก็ ราคาถูก ยี่ห้อ รีวิวมากมาย กว่า 8 ปี
สมุนไพรเน้น กระชับ ช่องคลอด ตกขาว ประจำเดือน อารมณ์เพศแปรปรวน ไร้สมรรถภาพทางเพศหญิง รากสามสิบ ราชินีสมุนไพรชีวิตครอบครัว  ดูแลปัญหาระบบข้างในช่องคลอดไม่กระชับและมีปัญหาชีวิตการครองเรือนบนเตียงมีเหม็นอับ ไม่พึ่งปรารถนาตกขาวมดลูกต่ำ สตรีวัยทอง ดูแลปัญหาระดูมาไม่ดีเหมือนปกติ
สมุนไพร รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด
ปัญหาลับๆดังเช่น ช่องคลอดหย่อนยานไม่กระชับ ปวดท้องเวลามีระดู ประจำเดือนไม่ตามเวลา เป็นปัญหาต่างๆที่รบกวนจิตใจของผู้หญิงกว่า 98% รวมทั้ง หน้าอกเล็กแบบ หย่อน ท้องป่อง หรือปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการขาดสมดุลในฮอร์โมน แนะนำ กวาวเครือขาว แล้วก็ รากสามสิบ ซื้อ กวาวเครือขาว รวมทั้ง รากสามสิบ
รากสามสิบ กระชับช่องคลอด
คุณประโยชน์ คุณประโยชน์ และก็ ข้อบังคับ ผลข้างเคียง
สมุนไพรไทย รากสามสิบแบบแคปซูล กระชับสำหรับสตรี  ไม่ว่าจะเป็นกำลังเสือโคร่ง โด่งไม่รู้จักล้ม สาวน้อยตกเตียง จนถึงมาถึงรากสามสิบหรือต้นสาวร้อยสามีนี้แหละ ต่างคนต่างมึนงง ว่ามันเป็นอย่างไร คุณประโยชน์ ทำให้กลับมาเป็น ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี สาว(female rejuvention) กระชับช่องคลอด รักษาสภาวะรอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ ปวดรอบเดือน ภาวการณ์มีบุตรยาก ตกขาว อารมณ์ทางเพศถดถอย  ภาวการณ์หมดประจำเดือน บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ปกป้องการแท้ง นอกจากนั้นยังคงใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดในผู้ชายได้ด้วยขอรับ  ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการนำมาใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้โรคกระเพาะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ได้เช่นกัน เป็นสมุนไพรที่มีการออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน 
ต้น รากสามสิบ แคปซูล แพทย์ยาในอดีตสมัยจะเรียกกันว่า"สาวร้อยผัว" ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ทำให้มีแรง คล่องแคล่ว ไม่แก่ ราวกับๆสาวสองพันปี
ในตำราอายุรเวทใช้สมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในหญิง สำหรับเพื่อการทำให้สตรีกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) นอกเหนือจากนั้น ยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของสตรี ดังเช่น ภาวการณ์เมนส์ไม่ดีเหมือนปกติ ปวดรอบเดือน สภาวะมีลูกยาก ตกขาว สภาวะไม่มีอารมณ์ทางเพศ ภาวการณ์หมดประจำเดือน (menopause) บำรุงนม บำรุงท้อง ป้องกันการแท้ง (habitual abortion)

สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ กระชับด้านในสตรี ชุดกระชับแบบสาวรุ่น
" รากสามสิบ " เป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยกันเยอะพอควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองเจอฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านทานเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อรา คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งโรคเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง กระตุ้นภูมิต้านทาน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันเลือดสูง ขับน้ำนม ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะยั้งพิษต่อตับ
ในตำราอายุรเวทใช้ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรหลักสำหรับ บำรุงในสตรี  สำหรับการ ทำให้หญิงกลับมาเป็นสาว นอกเหนือจากนั้นยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของเพศหญิงได้แก่ ภาวการณ์รอบเดือนไม่ดีเหมือนปกติ ปวดรอบเดือน สภาวะมีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม สภาวะหมดเมนส์ สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด อาการตกขาว ปจด.เพิ่มอารมณ์เพศ
#รากสามสิบ นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากสำหรับหญิงช่วยสำหรับการสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิงจาก #รากสามสิบแคปซูล
เป็นสมุนไพรที่มีคุณลักษณะหลัก ในทางเภสัชมีการเสนอแนะว่าพืชที่ให้ เอสโตรเจน ส่งผลดีกว่าการใช้ตัวยาปรับสมดุลฮอร์โมน เพราะเหตุว่าไม่เป็นผลใกล้กันในทางลบ "ราชินีแห่งสมุนไพร"
เหตุผลที่ ผู้หญิงนิยมใช้ รากสามสิบ กล้วยๆคือ ทานแล้วได้ผล
1 ช่วยกระชับช่องคลอด  ทำให้แฟนไม่เบื่อ แทบจะไม่เคยรู้เลยว่าเราเคยมาก่อนรึไม่  ราวกับเป็นครั้งแรกของพวกเรา
2 ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดสะอาด ไม่กังวลเรื่อง เหม็นอับ อีกต่อไป
3 เป็นสมุนไพรที่มาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ไม่ตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว
4 ราคาถูก เพราะเหตุว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ในประเทศไทย ภูมิปัญญาไทยๆไม่เสียค่านำเข้าใดๆก็ตาม
 ขนาดรับประทาน
4 ขวด เริ่มกระชับ สุขสบาย
6 กระชับแบบสาวน้อย มีความสุขแน่นอน
12 ผลสรุปนาน และก็ ได้ผลเกือบจะถาวร (รายบุคคล)
รากสามสิบ แคปซูล
ชุดนี้แถม ผสม ฮี่ยุ่มหรือต้นหญ้ารีแพร์ 1 ต่อ 1 กับ รากสามสิบ
รากสามสิบ "  เป็น สมุนไพรที่คนประเทศไทยแล้วก็คนเอเชียใช้กันมานานแล้ว  คนส่วนมากรู้จักในชื่อ เรียกต่างๆนาๆในแต่ละภาค ชื่อในภาคกลางหรือคนทั่วๆไปเรียกชื่อว่า "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก"นั่นเอง แพทย์ยาโบราณส่วนมากจะทราบดีว่าสาวร้อยสามีเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงให้ชื่อว่า "สาวร้อยสามี" ชื่อนี้หมายความว่าไม่ว่า สาวใดจะอายุมากแค่ไหนก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(มิได้หมายถึงสาวใจแตก)  ความหมายคล้ายสาวสองพันปีที่ยังสาวเสมอนั่นเอง และก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่าในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตวารี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางแบบเรียนพูดว่าหมายถึงสตรีที่มีร้อยผัว "Satavari" http://www.disthai.com/

4

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำกับข้าวสำหรับขจัดกลิ่นคาว และช่วยเพิ่มรสชาตของอาหาร ในนานัปการรายการอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่เป็นอาหารต้มยำ และก็แกงต่างๆรวมถึงการนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นต้นว่า น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกสกุลเดียวกันกับหญ้า แก่มากยิ่งกว่า 1 ปี ขึ้นกับสภาพแวดล้อม มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
ตระกูล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อแคว้น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– คาหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (แล้วก็ใบ)ส่วนของลำต้นที่เราแลเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหนา ผิวเรียบ แล้วก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนนิดหน่อย แล้วก็ค่อยๆเรียวเล็กลงเปลี่ยนเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นบ้องแข็ง ส่วนนี้สูงราวๆ 20-30 เซนติเมตร ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วก็ชนิด และก็เป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับเตรียมอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) และใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบโดดเดี่ยว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ แล้วก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แม้กระนั้นคม กลางใบมีเส้นกึ่งกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา มองเห็นต่างกับแผ่นใบกระจ่าง ใบกว้างโดยประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก จึงไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะมีดอกเป็นช่อกระจาย มีก้านช่อดอกยาว แล้วก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบประดับประดารองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น และใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว ช่วยให้ของกินมีกลิ่นหอมสดชื่น และปรับปรุงรสให้น่ากินมากเพิ่มขึ้น
– ใช้เป็นส่วนผสมของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง และยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม
    – ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง
    – ใช้ทานวด แก้เมื่อย
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อปกป้อง และก็ไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนผสมของสารคุ้มครอง รวมทั้งกำจัดแมลง
    คุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 2.6 มก.
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มก.
  • ไนอาสิน 2.2 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 1 มก.
  • เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่พบ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายชนิด ดังเช่น
– ซิทราล (Citral) พบได้มากที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซสิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลินาลูล (Linalool)
– พบรานิออล (Geraniol)
– คาริโอฟิวลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะสิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนท้องนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
เก็บจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), ใจวรรณะ น่าอัศจรรย์ชัยตระกูล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยบรรเทา และก็รักษาลักษณะของการมีไข้หวัด
– แ้ก้ไอ แล้วก็ช่วยขับเสมหะ
– ทุเลาอาการของโรคโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยในการขับลม
– แก้อหิวาต์
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดความดัน โลหิตสูง
– ลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้รอบเดือนมาไม่ปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาปรับปรุงแก้ไขปวดท้อง แล้วก็ท้องเดิน
– ช่วยขับฉี่
– บรรเทาอาการไอ และขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับในการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องเดิน
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ และลดการติดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการไม่มีชีวิตชีวา
– ต้านอนุมูลอิสระ
เก็บรวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), กมลวรรณ ตระการชัยสกุล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ดังเช่น Cineole แล้วก็ Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุอาการของอาการท้องเสีย


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องร่วงหมายถึงE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ อย่างเช่น Citral, Citronellol, Geraneol และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อย่างเช่น Borneol, Fenchone แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor รวมทั้ง Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งผอง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโลกรัม และก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับทำให้พบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

Tags : สมุนไพรตะไคร้

หน้า: [1]