แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - asf24a8xcv4

หน้า: [1]
1

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่เป็น สรรพคุณของใบบัวบกที่เข้าใจแล้วต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้ยิ่งกว่าเดิม
          มั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากก็คงเคยได้ยินกันมานักต่อนักว่าเวลาช้ำในให้กินน้ำใบบัวบก เพราะว่าจะช่วยทำให้หายจากอาการบอบช้ำในเร็วขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ประยุกต์ใช้กันตั้งแต่โบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์ฯลฯ ช่วยบำรุงรักษาสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้แต่ช่วยบำรุงความสวยงาม ต้องการรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชื้อเชิญให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าอย่างนั้นทดลองไปดูที่เราจับมานำเสนอในวันนี้กันดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า ทราบแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่นอน

  • ไขปัญหาเส้นโลหิตขอด


          เมื่อหลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดเลือดดำมีการฉีกจนขาดรวมทั้งทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่รอบๆขา เป็นสาเหตุที่นำไปสู่อาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นเลือดขอดนั่นเอง โดยมีการเล่าเรียนพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมแล้วก็กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดียิ่งขึ้น โดยในการค้นคว้านั้นได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะอาการของเส้นเลือดขอด แล้วก็เมื่อกินใบบัวบกเข้าไปแล้วก็พบว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่กินยาหลอก รวมทั้งเมื่อกระทำการอัลตราซาวด์ก็พบว่าคนที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดเลือดดำน้อยลงค่ะ

  • สมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางชนิด


          หนึ่งในสารสำคัญที่ส่งผลให้ใบบัวบกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารสามเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการศึกษาเล่าเรียนกับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ นั่นก็เป็นเพราะสารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะปฏิบัติภารกิจสำหรับการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับบาดแผล แล้วก็ช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังรอบๆรอยแผลมากเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บาดแผลเบาๆหายในระยะเวลาที่ลดน้อยลง อีกทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยปกป้องการเกิดรอยแผลได้อีกด้วย วิธีการใช้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เนื่องจากในขณะนี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แค่เพียงเลือกให้เหมาะสมกับชนิดรอยแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนภายในร่างกายแม้สูงมากจนเกินความจำเป็นอาจจะทำให้ร่างกายกำเนิดอาการไข้ ตัวร้อน อยากดื่มน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ดังนั้นการรับประทานใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ ทั้งยังช่วยขับพิษร้อนออกจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน และก็ความชุ่มชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากความร้อนและก็ความชุ่มชื้น อาทิ โรคตับเหลือง นิ่วในทางเดินเยี่ยว หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการกินใบบัวบก เพราะใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชื้นภายในร่างกายและขับความร้อนออกมาได้ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะว่าถ้าหากรับประทานมากมายๆอาจทำให้ร่างกายเย็นกระทั่งเหลือเกินรวมทั้งเป็นโทษได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • ลดความกระวายกระวน ช่วยทำให้จิตใจสงบ


          สารสามเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากการที่จะช่วยสำหรับในการรักษาแผลและรักษาโรคผิวหนังบางประเภทได้และยังมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดความกระวายกระวนและก็ช่วยกระตุ้นกลไกหลักการทำงานของสมอง โดยมีการเล่าเรียนหนึ่งพบว่าคนที่รับประทานใบบัวบกมีแนวโน้มที่จะสะดุ้งกับเสียงรบกวนน้อยกว่าผู้ที่กินยาหลอก แต่ก็ต้องใช้ในปริมาณที่สูงมากมาย ก็เลยยังไม่มีการยืนยันแจ่มกระจ่างว่าควรที่จะใช้จำนวนใดจึงจะสำเร็จและไม่ส่งผลข้างๆต่อร่างกายตามมาค่ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เพราะเหตุว่าใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับในการลดการอักเสบต่างๆภายในร่างกาย จึงสามารถใช้บรรเทาลักษณะของผู้เจ็บป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการเล่าเรียนกับเพศหญิง 13 มีลักษณะของโรคหนังแข็งพบว่า การกางใบบัวบกสามารถลดลักษณะของการปวดตามข้อ รวมทั้งลดการเกิดหนังแข็ง และทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แม้กระนั้นดังนี้ก็จำเป็นต้องอยู่ในจำนวนที่แพทย์ควบคุมแค่นั้น

  • ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ


          ผู้ใดที่ชอบนอนไม่หลับเสมอๆลองหาใบบัวบกมารับประทานก็ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าใบบัวบกไม่เพียงแต่ช่วยลดความกระวนกระวายใจแค่นั้น แต่ก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบรวมทั้งผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานบ่อยๆก่อนนอน ก็จะสามารถช่วยให้การนอนหลับดียิ่งขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลย
สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • ลดความดันเลือด


        กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ลู่ทาง ได้ออกมาเสนอแนะว่าใบบัวบกเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันเลือดได้ เพราะเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดเลือดดำรวมทั้งเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาวะความตึงเครียดอันเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดความดันโลหิตสูง ทั้งนี้กรรมวิธีการกินก็ง่ายดายมาก เพียงแต่นำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วเอามาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักนิดหน่อย หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำได้ค่ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดรอบๆดังที่กล่าวถึงแล้วปฏิบัติงานไม่ปกตินำมาซึ่งอาการคั่งของเลือด การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณบาดแผลได้ แล้วก็ยังลดอาการอักเสบที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกจำพวกที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยคุ้มครองสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง แล้วก็ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยของสมอง เพิ่มหลักการทำงานของสมองแล้วก็ความจำ แถมยังสามารถลดภาวะไม่มีชีวิตชีวา และสามารถช่วยยับยั้งอาการโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดโรค


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งจำพวกที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินฉี่ แล้วก็อาการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดโรคอะไรก็แล้วแต่ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ดังนี้ก็จำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่สมควร แล้วก็ภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญนะ

  • ทุเลาอาการเหน็ดเหนื่อย


          เว้นแต่รักษาลักษณะของการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียได้ แล้วก็หากรับประทานในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายแล้วก็ดับกระหายได้เป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนวัย


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความสวยสดงดงามที่อยู่ใกล้ตัวมากๆที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจากใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและก็อิลาสตินในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ นอกเหนือจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะถ้าหากคุณจะได้เห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกยอดเยี่ยมในส่วนประกอบของเครื่องทำให้หมดจดผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบกใหม่ๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังต่อไปนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
วิธีการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างชำระล้าง แล้วค่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • นำมาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • เอามาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำทุกวี่ทุกวันก่อนนอนจะช่วยให้บริเวณใบหน้ามองอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          ผู้หญิงที่ทุกข์ใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยของคุณผู้หญิงอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงกินใบบัวบกบ่อยๆก็สามารถที่จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดำเนินงานเจริญขึ้น และลดการอักเสบอันมีต้นเหตุที่เกิดจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมรวมทั้งหนังศีรษะ


          ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็อาจค้นหาทุกวิธีการเพื่อบำรุงให้เส้นผมรวมทั้งหนังหัวแข็งแรงเพื่อจะได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณโดดเด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมหล่นส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากรากผมที่อ่อนแอและการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดรอบๆหนังหัว รวมทั้งยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรง ปกป้องผมตกทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงและดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอะไร
          ได้เห็นคุณประโยชน์ดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบนี้ ใครที่ยังส่ายหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะทดลองหันกลับมามองเสียใหม่ ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลิ่นฉุนไปเสียหน่อย แต่ว่าผลดีที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย หากไม่ลองเสียดายแย่เลยนะ http://www.disthai.com/

2

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังสงครามอยู่หรอ เปล่าขอรับ บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แต่หมายคือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนไหนที่แหน่งใด แต่ว่าเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในตอนนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่ต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเสมือนทุกๆวันนี้เนื่องจากว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชประจำถิ่นอยู่ดี  คนในเขตแดนก็นำบุกมาประกอบอาหาร เหมือนเผือก ราวกับมันทั่วไปพอเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก รวมทั้งอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงไม่ช้าเกินความจำเป็นที่จะนำทุกคนมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นภูตผีปิศาจ  น่าขนลุกนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามท้องถิ่น  :  บุกระอุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ชายเขา และก็ครั้งคราวก็พบตามพื้นที่ ปลูกข้าว ดังเช่นว่าที่ปทุมธานี และนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แม้กระนั้นจะเจริญวัยก้าวหน้าให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
ลักษณะของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก ชี้ให้เห็นส่วนประกอบคือใบบุก และก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราว 25 ซม. (บางพันธ์อาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่นานัปการมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆพิจารณาง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง ชนิดจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม โดยเหตุนี้รูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างสังกัดจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี แล้วก็รูป ทรงแตกต่างกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่ว่าบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงกับหัวบุกนะ ) หลังจากดอก สืบพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง เพียงพออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกจำนวนมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นเม็ดข้างในแตกต่างกัน พบว่าโดยมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาทำกับข้าว
เป็นพืชอาหารพื้นบ้านซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค อย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนดอย มักนำมา ปิ้งกิน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นอาหารว่าง
*บุกมีหลายประเภทหลายประเภท อาจขมรวมทั้งเป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจจะทำให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจำต้องต้มซะก่อน ไม่เช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
ตอนนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดัดแปลงจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนไหนกันเคยไปกินเนื้อย่างคงจะเคยพบบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆแต่ก่อน คือ เจเล่ ผสมผงบุก ถ้าเกิดจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) รวมทั้ง (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายสลายตัวได้ยาก ซึมซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี คนที่อยากลดน้ำหนักนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ได้แก่ วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะกินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความเหนี่ยว ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูโคลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส เพราะฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลเจริญมาก ปัจจุบันจึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน แล้วก็สำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับผมคือผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันนะครับ มีประโยชน์ขนาดนี้ ปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นนะครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

3

ทับทิม
มารู้จัก “ทับทิม” ผลไม้เพื่อสุขภาพ
นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพอเมริกา
ในสมัยที่ผู้ใดก็ห่วงสุขภาพ รักการบริหารร่างกาย หมั่นกินผัก ผลไม้ต่างๆเมื่อกล่าวถึง “ทับทิม” หลายคนอาจเคยชินกันดีกับผลไม้ที่มีกลิ่นหอมหวน รสอร่อยเชื้อเชิญติดใจ ทับทิมนั้นมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียและเปอร์เซีย โดยในบันทึกโบราณทางด้านการแพทย์บอกว่า ทับทิมถูกใช้เป็นยารักษาโรครวมทั้งใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายมานานนับพันๆปี
ปัจจุบันทับทิมจัดเป็นผลไม้ในกลุ่ม ซุปเปอร์ฟรุ๊ต ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน ธาตุสารพฤกษเคมีและสารแอนติออกซิแดนท์ซึ่งมีจำนวนสูงเลิศในทับทิมโดยสูงเป็น 3 เท่าของอาหารอื่นที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง ทั้งยังมีใยอาหารสูงมาก ยิ่งกว่านั้นยังมีวิตามินซีสูง มีวิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิค) วิตามินเอ วิตามินอี ส่วนแร่ที่มีมากเป็น แคลเซียม โพแตสเซียม และธาตุเหล็ก
จากการศึกษาพบว่าทับทิมมีสารที่มีฤทธิ์สำหรับการต้านทานขบวนการออกซิเดชันที่เกี่ยวกับการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระในทับทิมสูงขึ้นมากยิ่งกว่า ไวน์และใบชาเขียวถึง 3 เท่า รวมทั้งยังมีปริมาณสารโพลีฟีนอลในทับทิมสูงขึ้นมากยิ่งกว่าน้ำผลไม้อื่นๆดังเช่นว่า ส้ม องุ่น แคนเบอร์ปรี่ ลูกแพร แอปเปิ้ล อีกด้วย
ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกลุ่มสารโพลีฟีนอล ที่สำคัญเป็น สารพูนิค้างลาจิน พูนิติดอยู่ลิน แล้วก็กรดกัลลาจิก ทั้งปวงนี้อาจมีผลต่อการปกป้องคุ้มครองอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายที่จะมีผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรังต่างๆการค้นคว้าพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมอาจช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง ทับทิมยังมีสารอโรมาเทสอินฮิบิเตอร์ธรรมชาติ ซึ่งช่วยยั้งการสร้างฮอร์โมนเอสโทรเจนที่บางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม นอกนั้นสารอาหารแล้วก็สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมสกัดยังมีคุณประโยชน์ต่อผิวพรรณ อาจต้านการเกิดริ้วรอย ช่วยทำให้มีผิวพรรณอ่อนกว่าวัยแล้วก็มีร่างกายแข็งแรง นอกเหนือจากนั้นทับทิมยังจัดเป็นผลไม้ที่มีพลังงานต่ำ ก็เลยอาจให้คุณประโยชน์ต่อการลดพลังงานสำหรับการควบคุมน้ำหนัก โดยการรับประทานทับทิมแทนอาหารหวาน
ด้วยสารสำคัญต่างๆในทับทิม นักวิจัยจึงพึงพอใจทำการค้นคว้าถึงผลดีต่อร่างกาย โดยมีรายงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า สารสกัดจากทับทิมช่วยชะลอการเจริญของเซลล์ของโรคมะเร็ง รวมทั้งสามารถฆ่าเซลล์ของมะเร็งในห้องแลปได้ นอกนั้นยังมีการวิจัยชี้ว่า น้ำทับทิมสกัดยังสามารถช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเทอรอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอคอยลไม่ดี ทำให้เส้นโลหิตแดงแข็งตัน แล้วก็ยังช่วยลดความดันเลือด ส่งผลสำหรับเพื่อการช่วยคุ้มครองป้องกันโรคหัวใจ โรคเส้นโลหิตสมองตีบรวมทั้งหัวใจวาย
ด้วยคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากทับทิมที่มีต่อสุขภาพแล้วก็มาจากธรรมชาติ ทำให้ทับทิมได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งโลก ปัจจุบันนี้มีการนำทับทิมมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์น้ำทับทิมสกัดแบบพร้อมดื่ม เพื่อความสบายสำหรับผู้ซื้อหวานใจและก็ห่วงใยในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย
งานค้นคว้าของ Sharma, Mc Clees and Afaq ปัจจุบันในปี 2017 ระบุว่า สารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ ยั้งการเกิดเซลล์กลายพันธุ์ที่ก่อเกิดเซลล์ของโรคมะเร็ง
ด้วยคุณประโยชน์จำนวนมากดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้ทับทิมได้รับการขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต” (Super fruit) ยอดนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เนื่องมาจากมีวิตามินและแร่
ความเชื่อถือและตำนาน
ชาวภาษากรีกโบราณมั่นใจว่า ต้นทับทิมมีต้นเหตุจากโลหิตของไดโอนีซุส (Di-onysus) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทวยเทพเทวดาทั้งปวงแล้วก็เทวีนาน่า(Nana) ซึ่งเป็นพรหมจารีย์ ท้องขึ้นโดยการสอดใส่ผลทับทิม และก็ให้กำเนิดเทวดาแอตติส (Attis) ขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยกย่องเทวดาแอตว่ากล่าวสจึงไม่กินผลทับทิม ชาวยิวในสมัยพระผู้เป็นเจ้าโซโลมอนก็นับว่า ทับทิมคือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏอยู่บนยอดเสาของวิหารกษัตริย์โซโลมอน แขกฮินดู ในประเทศอินเดียเชื่อว่า พระพิฆเนศวรทรงโปรดทับทิม ผู้ที่เคารพนับถือพระพิฆเนศวรจึงนิยมนำผลทับทิมไปมอบ นอกเหนือจากนี้ ยังคงใช้ดอกทับทิมบวงสรวงบูชาดวงตะวัน พระนารายณ์ รวมทั้งเทวีพระลักษมี อีกด้วย
คนจีนจัดว่า ต้นทับทิมเป็นพืชที่มีความมงคล (โดยเฉพาะทับทิมชนิดดอกสีขาว) และจัดว่าทับทิมเป็นเครื่องหมายที่ความอุดมสมบูรณ์ ความมีลูกหลานมากมาย (เหตุเพราะผลทับทิมมีเม็ดมาก) จึงนิยมได้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน (เพื่อมีลูกหลานมากมายๆ) ในพิธีสมรสนิยมปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว แล้วก็ปักยอดทับทิมไว้ที่สิ่งของเซ่นสังเวยเจ้า คนจีนยังมั่นใจว่า ใบหรือกิ่งทับทิมมีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจได้ จึงนิยมปลูกทับทิมไว้ภายในรอบๆบ้าน รวมทั้งใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้า ล้างมือ หลังกลับจากงานฌาปนกิจศพ (เพื่อไม่ให้ซาตานติดตามมา)
ในประเทศญี่ปุ่นคงจะรับความเลื่อมใสเกี่ยวกับทับทิมไปจากจีน กลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าแม่ที่รอคุ้มครองปกป้องรักษาเด็กๆให้ปลอดภัย รวมทั้งมั่นใจว่าเมื่อเด็กๆได้กินผลทับทิมแล้วจะไม่มีอันตรายแล้วยังปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งมวล คนประเทศไทยก็คงจะได้รับถ่ายทอดความเชื่อถือเกี่ยวกับทับทิมมาจากคนจีนบ้าง ดังปรากฏว่า มีศาลเจ้าหลายที่ในประเทศไทย ชื่อเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งคงเป็นเจ้าแม่ที่มีเกิดจากประเทศจีนแล้วกลายเป็นชื่อไทยทีหลัง

4

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอะ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในตระกูลขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายในหลายๆด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของเรา ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยมากมายอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงนั้น พวกเราสามารถนำมาใช้ได้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งหมด
คุณประโยช์จากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเยี่ยม
มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการคุ้มครอง ต้านทานการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยเหตุนี้ควรจะรับประทานขิงพร้อมกันไปกับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆนำมาตีให้แหลกราว 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดน้ำหนัก ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงเสมอๆ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ต้นตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำ
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาอาการโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่หลังคลอดบุตร ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของคุณแม่ (ผล)
ช่วยทำให้นอนได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้โดยประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหน่อย
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนป่วยที่มีลักษณะอาการเมายาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำ (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยไขปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนกระทั่งอุ่น แล้วนำมาตำให้แหลก เอามาพอกบริเวณที่มีผมร่วง วันละ 2 ครั้งจนอาการ หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วหัวโดยประมาณ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมหล่นได้เหมือนกัน แถมยังช่วยให้ผมสวย แข็งแรง มีความอ่อนนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยทำนุบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และใช้แก้อาการตามัว (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาทุบอย่างละเอียดคั่วกับน้ำสารส้มจนกระทั่งไหม้เกรียม แล้วบดจนเป็นผุยผง ต่อจากนั้นนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสมหะ เสลดขาวเหลวปริมาณมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาสภาวะน้ำลายมากมาย อ้วกเป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและก็เกลือบางส่วน นำมาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันและคุ้มครองปกป้องการเกิดฟันผุ
ช่วยดับกลิ่นรักแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทารักแร้เสมอๆ จะสามารถที่จะช่วยในการจัดการกับรอยคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราวๆ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายแดง นำมาตำจนเข้ากัน แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ เอามาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการอ้วกคลื่นไส้จากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานบ่อยจนถึงเกินความจำเป็น)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีเพียงพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในตอนก่อนหลังรอบเดือน ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำบ่อยๆ
ช่วยย่อยอาหารได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการขับถ่าย แล้วก็ช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ทำงานได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาเยี่ยวรดที่นอนในผู้ป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาลักษณะของการปวดข้อตามร่างกายด้วยการกินขิงสดเป็นประจำ
มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นขุย ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาถูบริเวณดังที่กล่าวมาข้างต้นวันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมรอบๆข้างหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาผิวนอกจนเป็นถ่าน รอปาดถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆเอามาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยคุ้มครองปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนถึงเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรือของกินช็อกประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อคุ้มครองป้องกันการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการทำอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี แล้วก็สามารถช่วยกำจัดกลิ่นคาวของอาหารก้าวหน้าอีกด้วย
ในด้านความงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ตูด หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความตะปุ่มตะป่ำของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นเอามาแปรรูปได้หลายชนิด อาทิเช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

กระบวนการทำน้ำขิง
วิธีการทำน้ำขิงวิธีการทำน้ำขิงขั้นตอนแรกให้จัดแจงส่วนประกอบดังต่อไปนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด นำมาทุบให้แตก แล้วนำมาใส่เอาไว้ข้างในหม้อต้ม เพิ่มน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนกระทั่งน้ำเดือดแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยค่อยไฟลง เคี่ยวโดยประมาณ 20 นาทีจนกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มน้ำตาลทรายแดงลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความอยากได้) แล้วคนจะกว่าจะเข้ากัน
เป็นระเบียบเรียบร้อยและสามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นกัน แม้กระนั้นควรเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้จำนวนที่เข้มข้นจนกระทั่งเหลือเกิน ด้วยเหตุว่าจะเป็นโทษต่อสุขภาพได้ เพราะจะไปยับยั้งการบีบตัวของไส้ จนกระทั่งทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ดังนั้นควรคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเกิดความเคยชินก่อน
เราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการประกอบอาหารแล้วก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งจริงๆแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดโรคต่างๆได้สารพัดสารพัน ถือว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้เลยทีเดียว แต่ว่าดังนี้พวกเราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวในการบรรเทาโรค ควรจะทำอย่างอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของพวกเราร่วมด้วยจะได้ผลดีนักแล
เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน แล้วก็ยังมีใยอาหารมากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่เพราะขิงมีรสเผ็ด มีคุณลักษณะอุ่น ก็เลยไม่เหมาะสมกับคนที่มีความร้อนในร่างกายอยู่แล้ว เป็นต้นว่าคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกช่วงกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าธรรมดา แต่ว่าถ้าจะรับประทานควรรอบคอบเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]