แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - frrrrr52552

หน้า: [1]
1

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในตระกูลหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นไม้ล้มลุกตระกูลหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 ชนิด ดังเช่น ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาปลูกทั่วไปในบ้านเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ศรีลังกา และก็ไทย
ตะไคร้ เป็นทั้งยารักษาโรครวมทั้งยังมีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพร่างกายอีกด้วย อาทิเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก อื่นๆอีกมากมาย
สรรพคุณของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญก้าวหน้า (ต้นตะไคร้)
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการเบื่อข้าว (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้รวมทั้งทุเลาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถทุเลาอาการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้อ้วกแม้เอาไปใช้ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นรวมทั้งแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคอาการหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณหน้าอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องร่วง (ราก)
ช่วยแก้และทุเลาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยของกิน
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับในการขับปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการเยี่ยวพิการและก็รักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาต์
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้โรคหนองใน แม้นำไปผสมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ

คุณประโยชน์ของตะไคร้
นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงแล้วก็รักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงกระดูกแล้วก็ฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยสำหรับในการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
สามารถนำมาใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยในการนอนหลับ
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักประเภทอื่นๆจะช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงได้อย่างดีเยี่ยม
ประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบของสารหยุดกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยขจัดกลิ่นคาวหรือเหม็นกลิ่นคาวของปลาได้อย่างดีเยี่ยม
กลิ่นหอมหวนของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นส่วนประกอบของสินค้าพวกยากันยุงชนิดต่างๆเป็นต้นว่า ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายแบบ ตัวอย่างเช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม เอามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ
มักนิยมประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการทำอาหารหลายชนิด เช่น ต้มยำ แล้วก็อาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ
แนวทางทําน้ําตะไคร้หอม
คุณประโยชน์ตะไคร้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำเปล่า 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นท่อน ทุบให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จนตราบเท่าน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำจนถึงเป็นสีเขียว
รอคอยสักครู่แล้วชูลง จากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้วกระบวนการทำน้ำตะไคร้
แนวทางทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นอย่างแรกให้ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาตีให้แหลกพอควร แล้วใช้ใบเตยผูกตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้แล้วก็ใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักราวๆ 5 นาที เป็นอันเสร็จสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้รวมทั้งใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเติมน้ำต้มใหม่ได้ 2-3 รอบ แต่ว่ารสบางทีอาจจืดจางลงไปบ้าง เอามาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา แถมช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนรู้ของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาสิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มก. และ ขี้เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งหมดทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโล รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษเฉียบพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ แล้วก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

2

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’ผลดีในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยกล้ามเนื้อ
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียภายในร่างกาย ช่วยขับเสมหะ ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด คลื่นไส้ เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นต้นเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับผู้เจ็บป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคผื่นคัน แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.คุณประโยช์จากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลัวปากเสมอๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้กินน้ำขิงบ่อยๆ แล้วทดลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะค่อยๆต่ำลง
15.ขิงบรรเทาโรคประสาทอาการโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมคุณแม่ให้ดีขึ้น ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับหญิงให้นมบุตรอย่างดีเยี่ยม
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความอยากเสพสารเสพติด
18.คุณประโยช์จากขิงช่วยต้านโรคมะเร็ง จากการวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์ของมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง รวมทั้ง ความดันต่อ ควรฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มบ่อยๆ จะช่วยควบคุมความดันให้ปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนสบาย ก็เลยเหมาะเป็นของกินสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ โดยช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเหลวดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ ปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เนื่องมาจากขิงมีฤทธิ์ร้อน ก็เลยช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเนื่องจากว่าอาหารได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การดัดแปลงทางสถานพยาบาล
1.บรรรเทาอาการเจียนร้ายแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะอาหารแล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างถี่ถ้วนกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา เป็นเวลา 2 วัน ในคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร แล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเนื่องจากว่าลดลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดียิ่งขึ้น มากมายท้องผูก หรืออึสีดำ (มีความหมายว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการอาหาร (พบว่าคนป่วยเหล่านั้นจำนวนมากกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำต้องรักษาต่อเนื่อง หรือควบคุมสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายขาดได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดพอเหมาะพอควรปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่นอนในผู้ป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาสมุนนพงไพรฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกให้เข้ากันฟอกในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือเบาๆกินหมดข้างในครึ่งชั่วโมง การทดสอบในผู้ป่วย 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับพยาธิจำนวนร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเจ็บป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น เป็นต้นว่า โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยเฉพาะไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียทั้งยังพลังหยางแล้วก็เลือด มีน้ำในร่างกายตกค้างอยู่มากการกินไก่ผัดขิงจะเสริมอีกทั้งเลือดหยางช่วยทำให้การย่อยซับของกิน มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาได้ดิบได้ดีขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวการณ์ปกติเร็วขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับการทานขิง
-อาจก่อให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับการมีครรภ์ได้
มีบางการเรียนรู้พบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับในการมีท้อง และก็การแท้ง แต่สำหรับเพื่อการท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการกินขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย โดยเหตุนี้คุณควรจะไปปรึกษาหมอก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-นำมาซึ่งแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหารรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในโพรงปากมีการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่สมควรกินขุงมากจนเกินไป
-ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเล่าเรียนหนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถานที่บันสุขภาพของออสเลียได้ออกการตักเตือนเตือนให้งดเว้นการรับประทานขิงเวลาที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะจะก่อให้เกิดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าเกิดคุณมีอากเลือดออกเลือดออกไม่ปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก เลียงการรับประทานขิง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว หวังคนไม่ใช่น้อยที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาลักษณะของโรคต่างๆก็คงจะต้องระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากบางคราวถ้าหากราใช้ ขิงสำหรับการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการไม่ดีขึ้นได้ ฉะนั้นน่าจะรับประทานขิงให้รอบคอบ แต่ว่าถ้ายังไม่มั่นใจล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]