แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - h5s5s8c54fgjnz

หน้า: [1]
1

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ชื่อสกุล : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อประจำถิ่นอื่น : แก้มหมอ, แก้มแพทย์เล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง)
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงราวๆ 30-100 เซนติเมตร ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง รวมทั้งมีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบลำพัง ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ รวมทั้งมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอก มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบสีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวเท่ากับกลีบรองกลีบดอกไม้ แต่ว่ากลีบล่างแผ่กว้างและก็โค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเม็ดด้านใน 4 เม็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้กลางแจ้ง มีอยู่ทั่วๆไปในป่าชายเลน ดังที่ลุ่มริมน้ำลำคลอง ส่วนมากถูกใจขึ้นในที่น้ำกร่อย บางทีก็พบในน้ำจืดบ้างแบบเดียวกัน
การปลูกและขยายพันธุ์
เติบโตได้ดิบได้ดีในดินดูเหมือนจะทุกจำพวก ความชุ่มชื้นปานกลาง เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ด
ประโยชน์ทางยา
รสและคุณประโยชน์ในตำรายา
อีกทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผื่นผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมและก็แผลอักเสบ แก้ท้องอืด ท้องอืด แพทย์แผนไทยตามชนบทใช้อีกทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษรอยดำก้าวหน้า แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายมิจฉาชีพรมหัวริดสีดวงทวาร ตำใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับเลือดอย่างแรง และก็แก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศอินเดีย ใช้ยอดและใบอ่อนโขลกผสมน้ำน้อยปิดแผลที่ถูกงูกัด ต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมแล้วก็แก้ไอ และก็นำมาต้มเอาน้ำเป็นยารักษาธาตุทุพพลภาพ
ในประเทศสิงคโปร์ ใช้เมล็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเม็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเพิ่มเปลือกอบเชย รวมทั้งน้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เม็ดบดเป็นผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับเลือด รวมทั้งแก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
แนวทางและก็ปริมาณที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้ทั้งยังต้นและใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ เช้าตรู่-เย็น เป็นเวลา 1 สัปดาห์
ข้อควรรู้
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองกึ่งกลางกลีบ มีใบประดับสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เสมอไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวค่อนข้างจะเล็ก มีใบตกแต่งรองรับช่อดอก แต่ว่าตกหลุดไปก่อน
สรรพคุณของเหงือกปลาแพทย์
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากรับประทานติดต่อกัน 1 เดือน จะทำให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูไว / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้จักอ่อนเพลีย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุแตกต่างจากปกติ (ต้น)
ช่วยให้เลือดลมปกติ (ทั้งยังต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมโซเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงรับประทานแต่ละวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอแล้วก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะดีขึ้น (ทั้งต้น)
ช่วยยั้งโรคมะเร็ง ต้านโรคมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมออีกทั้งต้นและก็ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในสัดส่วนที่เท่ากัน เอามาต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว ยามเช้า กลางวัน เย็น อาการจะ (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นเดียวกัน (ราก, เมล็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมออีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นแล้วก็รากนำมาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
หากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างรอบคอบเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและก็ต้นเอามาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติของสตรี ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนรวมทั้งพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, ต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้ทั้งต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนเจ็บเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง หากใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยารับประทานต่อเนื่องกันราวๆ 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ต้นเอามาตำเอาแต่น้ำดื่ม (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดรวมทั้งใบสดล้างสะอาดประมาณ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภททั้งยังข้างในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งสดและแห้งโดยประมาณ 1 กำมือ เอามาบดอย่างระมัดระวัง แล้วเอามาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือแนวทางที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราว 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นอย่างรอบคอบ ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำให้ถี่ถ้วน สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ต้น ถ้านำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับแต่งข้ออักเสบและแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

2

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (สตูล), แก้มแพทย์เล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์หมายถึงชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบบ่อยทางภาคใต้ แล้วก็พันธุ์ที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่มักพบทางภาคกึ่งกลางและภาคทิศตะวันออก รวมทั้งเป็นพรรณไม้ที่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้สำหรับในการรักษาโรคได้หลายประเภท ที่โดดเด่นมากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้แทบทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งการนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นอีกทั้งสดรวมทั้งแห้ง ใบทั้งยังสดและแห้ง ราก เมล็ด รวมทั้งทั้งต้น (ส่วนทั้งยัง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
ลักษณะของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม. ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเม็ดรวมทั้งการใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้ง เติบโตก้าวหน้าในที่ร่มและในที่ที่มีความชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ ตัวอย่างเช่น รอบๆริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งทิศตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ และที่โรงเรียนนายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบของใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 ซม. และยาวราวๆ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีชนิดดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) และก็ประเภทดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะมีผลให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยทราบอ่อนล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง / 9 เดือน หนังเหนียว (ต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุไม่ปกติ (ต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมบางเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงกินทุกวี่วัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบตลอดตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะ (ทั้งยังต้น)ช่วยยั้งโรคมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นและก็ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน เอามาต้มกับน้ำจนถึงเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว เช้าตรู่ ช่วงเวลากลางวัน เย็น อาการจะ (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นเดียวกัน (ราก, เมล็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นแล้วก็รากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างถี่ถ้วนเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและต้นนำมาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้เมนส์มาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เม็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งยังต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าหากใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยารับประทานต่อเนื่องกันราว 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองทุเลาลงอย่างแจ่มแจ้ง (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษากลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำมัวแต่น้ำกิน (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดแล้วก็ใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันต่อเนื่องกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดเอามาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภทอีกทั้งข้างในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นรวมทั้งใบอีกทั้งสดแล้วก็แห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดอย่างรอบคอบ แล้วเอามาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้เกรียมแล้วป่นให้ละเอียด ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำอย่างถี่ถ้วน สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ต้น ถ้าเกิดนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรักษารากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากเหงือกปลาหมอ
ในขณะนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาแพทย์ผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกเหนือจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนสีผม กระทั่งยาสระผมของสุนัข เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บสำนักงานโครงการรักษาพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (ช่ำชอง หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์พืช องค์การส่วนพฤกษศาสตร์, ที่ทำการกองทุนสนับสนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมรักษา), หนังสือการบริหารร่างกายแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจสมบัติพัสถาน) http://www.disthai.com/

3

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

4

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลยังไงต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง และโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการค้นคว้ารับรองคุณประโยชน์ได้ในบทความนี้จ้ะ
บทความเหล่านี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาเรียนรู้รับรองจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนฝูงได้พิเคราะห์ด้วยตัวเองว่ารักษาโรคได้ดิบได้ดีแค่ไหนและก็น่าเชื่อถือเท่าใด หากสหายๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาเรียนรู้วิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าไหร่ไหมเข้าใจ บทความในเว็บแห่งนี้ผู้เขียนได้คัดเลือกรวมทั้งรวบรวมจากหลายที่และเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนๆชอบเนื้อหานี้ก็จะเป็นกำลังดวงใจให้ผู้เขียนได้บทความดีๆให้สหายอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนฝูงๆจำเป็นต้องชอบ
ระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีปะปน เซลล์ของโรคมะเร็ง แล้วก็สิ่งปลอมปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพเรานั้นเอง โดยเหตุนั้นถ้าเกิดเพื่อนพ้องๆมีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่เจ็บไข้ง่าย หรือถ้าเจ็บไข้ก็จะฟื้นเร็ว แต่ว่าถ้าเกิดระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะป่วยหลายครั้งและก็เป็นหนักกว่าคนที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวที่ตรงนี้แล้วเพื่อนฝูงๆคงจะมองเห็นความสำคัญของการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกันแล้ว
คนจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมาเป็นเวลานานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ว่าในสมัยนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุใดทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนแล้วก็แข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ปัจจุบันนี้เราสมารถยนต์พิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกรุ๊ป Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเราได้จริง สารกรุ๊ปดังที่กล่าวถึงแล้วสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin และ Immuoglodulin ซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ระบบภูมคุ้มครองดีและแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต่อต้านวรัส เซลล์ของโรคมะเร็ง และก็จำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดิบได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยทำให้ผู้ที่ถูกผลกระทบที่โดนยาต่อต้านโรคมะเร็งบางตัวและก็กระบวนการทำคีโมกดภูมิต้านทานให้มีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดียิ่งขึ้นอีก แล้วก็เห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กลุ่มดังกล่าวข้างต้นคือกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
A
นักค้นคว้าได้ศึกษาและทำการค้นพบสารหลายอย่างในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดหมายถึงGanoderic Acid และก็ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 จำพวกที่ได้กล่าวผ่านไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้แล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีสารกลุ่ม Nucleotide ที่สามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นโลหิต รวมทั้งช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับผู้ที่เป็นโรคไขมันเส้นโลหิตสูง 70 ราย รวมทั้งกระทำเก็บผลของการทดลองภายหลังผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอลของคนรับการทดลองลดลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลที่เกิดจากการวิจัยจากทั่วโลก รวมทั้งยังพบว่าเห็ดหลินจือ นอกจากช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นโลหิตแล้ว ยังมีผลให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงอาจพูดได้ว่า สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ทางคุณลักษณะและก็ประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแต่การทดสอบในคนป่วยบางกรุ๊ปเพียงแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรจะทำงานทดลองถัดไป เพื่อให้ได้สำเร็จลัพ์ที่แจ่มกระจ่าง และก็มีประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยมะเร็งได้ในอนาคต

สภาวะต่อมลูกหมากโต และก็การเจ็บป่วยในระบบฟุตบาทเยี่ยว
มีแนวทางการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในผู้เจ็บป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการเยี่ยวขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลที่ได้คือ ผู้เจ็บป่วยต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับในการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของคนป่วยจากการตอบคำถาม แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
โดยเหตุนี้ การทดสอบดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่ชัดแจ้งเพียงพอ จำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่แจ่มแจ้งสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยว
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนไข้โรคเบาหวานจำพวก 2 ร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะช่วยเหลือผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาค้นคว้าวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนเจ็บบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
โดยเหตุนี้จำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงความสามารถของเห็ดหลินจือในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อปกป้องและการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจถัดไป รวมถึงให้ได้เรื่องกระจ่างแจ้งชัดดเจนในด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมากขึ้น อันเป็นผลดีต่อขั้นตอนการรักษาคุ้มครองปกป้องโรคเส้นโลหิตหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวข้องถัดไปในอนาคต

5

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ภายนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเอามาทำอาหารเนื่องจากว่าส่งกลิ่นหอม นอกเหนือจากนั้น ขิงยังคงใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ และก็เครื่องสำอางทั้งหลายแหล่ด้วยเหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างยาวนาน ดังเช่น โรคเกี่ยวกับระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารอย่างท้องร่วง มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่าประกอบด้วยสารที่อาจช่วยลดอาการอ้วกและก็ลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารและไส้ และสารนี้อาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการคลื่นไส้ด้วย แม้กระนั้นการสันนิษฐานดังที่กล่าวถึงมาแล้วยังคลุมเครือนัก และก็คุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิงต่อสุขภาพที่พวกเราเชื่อกันนั้น ตอนนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังนี้
การดูแลและรักษาที่อาจเห็นผล
อาการอ้วกคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต้านทานเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ คุณประโยชน์บรรเทาอาการอ้วกคลื่นไส้ของขิงบางทีอาจมีประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่เห็นแก่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาผู้เจ็บป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในช่วง 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่องอย่างยาต้านรีโทรไวรัส เป็นเวลาทั้งสิ้น 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อ้วกที่เกิดขึ้นมาจากการดูแลและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องได้
อาการอ้วกอ้วกหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยทุเลาอาการอาเจียนและอ้วกจากการผ่าตัดได้อย่างเดียวกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกอ้วกที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานค้นคว้าหนึ่งทดลองแบ่งผู้เจ็บป่วยปริมาณ 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม รวมทั้งอีกกรุ๊ปได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแม้กระนั้นแบ่งให้ 2 ครั้งกระโน้นผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์พบว่าผู้ป่วยในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอ้วกอ้วกน้อยครั้งและก็มีความร้ายแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้สมรรถนะสูงสุดเมื่อรับประทานเป็นประจำรวมทั้งสม่ำเสมอโดยแบ่งปริมาณการใช้
นอกนั้น การทดลองทาน้ำมันขิงรอบๆข้อมือของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการอาเจียนในผู้เจ็บป่วยราว 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งผอง แต่การใช้ขิงช่วยลดอาการอ้วกคลื่นไส้ร่วมกับยาลดอ้วกอาเจียนนั้นอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการใช้ขิงกับคนเจ็บที่มีความเสี่ยงต่อการอาเจียนคลื่นไส้น้อยอยู่และบางทีอาจไม่เป็นผลเช่นเดียวกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ ผลการค้นคว้าชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ครรภ์ต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกๆวันนานขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่กระปรี้กระเปร่าขึ้นแม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงการกินอาหารแล้วหลังจากนั้นก็ตาม ภายหลังรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ในฐานะการรักษาช่องทางต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความร้ายแรงของอาการอาเจียนคลื่นไส้ในหญิงตั้งท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ อย่างไรก็ดีการใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือได้ผลดีไม่เทียบเท่าการใช้ยาแก้คลื่นไส้คลื่นไส้ นอกเหนือจากนั้น การเรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีความจำกัดและพบผลที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดสอบที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจไม่ได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องด้วยเหมือนกัน
อาการวิงเวียนศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการอ้วกนี้บางทีอาจทุเลาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ทดลองด้วยการให้ผู้ที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และก็ตากระตุๆกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการเวียนหัวศีรษะได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นไม่ได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนรู้บางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีสรรพคุณลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนไข้รับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อเข่าภายหลังจากการดูแลรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการค้นคว้าวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์ในการช่วยลดลักษณะของการเจ็บขณะยืน ลักษณะการเจ็บหลังเดิน และอาการข้อติด
ยิ่งไปกว่านี้ มีการเล่าเรียนเทียบสมรรถนะระหว่างขิงและก็ยาแก้ปวด โดยให้ผู้เจ็บป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกและก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มิลลิกรัมแต่ละวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลทุเลาอาการปวดได้เสมอกันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง และก็ยังมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่แนะนำว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและก็ส้มอาจช่วยทุเลาอาการปวดรวมทั้งอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีอาการเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดประจำเดือน นอกเหนือจากอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยทุเลาลักษณะของการปวดเมนส์ อย่างเช่น การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้กินผงเหง้าขิงครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในตอน 2 วันก่อนเริ่มมีเมนส์ตลอดไปจนถึง 3 วันแรกของการมีเมนส์ รวมยอดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของลักษณะของการปวดเมนส์ได้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้านการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบคุณภาพของขิงรวมทั้งยาลดลักษณะของการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในปริมาณ 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีประจำเดือน ผลสรุปปรากฏไปในทำนองเดียวกันกับงานศึกษาค้นคว้าวิจัยแรก คือ ขิงมีคุณภาพทุเลาความร้ายแรงของลักษณะของการปวดระดูไม่ต่างอะไรกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่อาจไม่ได้เรื่อง
อาการเมารถรวมทั้งเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการกล่าวถึงกันมากมาย แต่ทว่าแม้ขิงบางครั้งอาจจะช่วยลดอาการเวียนหัวได้ แต่ในการตาลายคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยส่วนใหญ่ระบุว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง เป็นต้นว่า การแบ่งกรุ๊ปให้นักเรียนนายเรือ 80 ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง กินเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอาเจียนแล้วก็วิงเวียนลดน้อยลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับนิดหน่อยเท่านั้น หรือในอีกงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยในการป้องกันอาการเมารถหรือหลักการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวโยงกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดความสามารถ
อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการทำเคมีบำบัด อีกหนึ่งคุณประโยชน์คือลดอาการคลื่นไส้แล้วก็อ้วก ซึ่งมีการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนป่วยที่รับเคมีบรรเทานั้นยังเป็นที่คัดค้านกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การศึกษาหนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยกินแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดนานตลอดตรงเวลา 6 วัน พบว่า หรูหราความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นภายหลังการดูแลรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินแคปซูลขิง แต่ได้ผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับสำเร็จน้อยกว่า แสดงว่าการกินขิงในจำนวนมากจึงอาจมิได้ทำให้อาการอ้วกดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
แต่ มีหลักฐานที่ถกเถียงข้อส่งเสริมดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ทั้งนี้ ผลการศึกษาเรียนรู้ที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นสายปลายเหตุมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นต่างกัน รวมทั้งขณะที่เริ่มรักษาด้วย ขิงจะนำมาใช้ผลดีด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือไม่คงจะควรจะมีการพิสูจน์เพิ่มเติมอีกถัดไป
โรคเบาหวาน คุณลักษณะของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนป่วยเบาหวานในปัจจุบันยังมีผลการศึกษาเรียนรู้ที่ไม่แน่นอน งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และก็สารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนไข้โรคเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมทั้งอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางประเภทจากเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีการค้นคว้าวิจัยอื่นๆที่เสนอแนะว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยกล่าวว่าขิงมีผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือช่วงเวลาที่คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดสอบนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการวิจัยศึกษาสมรรถนะของขิงในคนเจ็บที่มีอาการอาหารไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมภายหลังการอดของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยอาหารแล้วก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การรับประทานขิงนั้นไม่เป็นผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในลำไส้ อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมการทดลองนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจกำหนดได้อย่างเห็นได้ชัดว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่นอนแค่ไหน
อาการแฮงค์ เช้าใจกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับคุณประโยชน์ข้อนี้มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกด้านในของส้มเขียวหวาน แล้วก็น้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการเมาค้างในภายหลัง รวมทั้งอาการอาเจียน อ้วกแล้วก็ท้องเดิน อย่างไรก็ตาม การเรียนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นยังจัดว่ากำกวมอยู่มากและไม่อาจรับรองได้ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงรับประทานแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 กรัม ผลลัพธ์ระบุว่าเมื่อเทียบกับคนเจ็บกรุ๊ปที่กินยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะได้ผลดีกระทั่งสามารถประยุกต์ใช้รักษาคนไข้ภาวการณ์นี้ได้ไหมอาจจะต้องคอยการศึกษาในอนาคตที่แจ่มแจ้งกันถัดไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดรวมทั้งลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วยหรือเปล่านั้นยังคงไม่กระจ่างและเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างสม่ำเสมอนาน 124 ชั่วโมง พบว่าขิงสดรวมทั้งขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนกระทั่งระดับมาก
แต่ว่าอีกงานวิจัยหนึ่งกลับเจอผลลัพธ์ตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามเนื้อเหมือนกัน รับประทานขิง 2 กรัมในตอน 24 ชั่วโมงและก็ 48 ชั่วโมงภายหลังการออกกำลังกาย พบว่าไม่ได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายน้อยลง แม้กระนั้นผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยพบว่าการรับประทานขิงอาจช่วยทำให้ลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อเบาๆดีขึ้นในทุกๆวัน บางทีอาจไม่เห็นผลตอบแทนโดยทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการเรียนกับผู้เจ็บป่วย 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]