แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - uujuyjk01010205

หน้า: [1] 2
1

มังคุดเป็นไม้ผลเขตร้อน ขายกวาวเครือขาวมีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศfnyukmpอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบปลูกมากในประเทศไทย มาเลfsnytemเซีย เวียดนาม เขมร เมียนมาร์ แล้วก็ ฟิลิปปินส์t,myui ขายกวาวเครือขาวโดยประเทศไทยเป็นป6536ระเทศที่ผลิตมังคุดสูงที่สุดในโลก รองลงมา เป็น ฟิลิปปินส์ แล้วก็มาเลเซีย โดยแหล่งปลูกมังคุดที่io.io.67jtjสำคัญของไทยจะอยู่บริเวณ8;l;8errwhพื้88iนที่ภาคใต้ และก็ภาคทิศตะวันออก ykree678oโดยภาคใต้คิดเป็นพื้นที่ปลูก รวมทั้งไ77665ekju7jkด้ผลผลิตเยอะที่สุด
มังคุด
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ราก และก็ลำต้น
มังคุดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกhjnhลางถึงกับขนาดใหญ่ ลำต้นทรงกลม สูงราวๆ 7-25 เมตร แตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น มีทuyt,it,รง7237832พุ่มแบบกรวยคว่ำหรือแบบพีระมิด เปลือกลำต้นมีสีดำ มีทรงพุ่มแน่นหนา ส่วนรากจะประกอบด้วยรากแก้ว และก็รากกิ้งก้าน จำหน่ายกวาวเครือขาวซึ่งมีระบบระเบียบรากค่อนข้างลึก ราว 70-120 ซม. ดังนั้น มังคุดที่โตเต็มกำลังก็เลยสามารถทนต่อภาวะแห้งก้าวหน้า
ใบy7
ใบเป็นใบเดี่ยวจำหน่ายกวาวเครืjknknอขาว ไม่พลัดใบ ผลิy7,tt8l8ใบดก เขียวตลอดทั้งปี ใบแทงออกตามกิ่งตรงข้ามกัน nkyugvใบมีลักษณะเป็นวงรีหรือรูปไข่ กว้าง 6-12 ซม. ยาว 15-25 เซนติเมตร ใบมีลักษณะออกจะดก เป็นเงา เนื้อใบเหนียวคล้ายหนังสัตว์ ใบมีสีเขียวถึงเขี7utl8965ujhยวอมเหลือง
ใบมียางสีเหลือง
มังคุดส่งผลทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลuil,u8างโดยประมาณ 3.2-tfvft7 เซนติเมตร เปลือกมังคุดดกโดยประมาณ 0.7-1.0 เซนติเมตeh4h5ร6t ผลอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง รวมทั้งกลายเป็นt5j764kสีเขียว เขียวเข้ม เขียวอมม่วง สีม่วง รวมทั้งสีดำเมื่อสุก เปลือกด้านนอกมีลักษณะแข็ง เป็นเงา เปลือกด้านในอ่อน มีสีม่วงแดง ต่อมาเป็นเนื้อผล มีลักษ-ณะเป็นรอน 4-8 รอjk,ilน แต่uk7l,io.ละรอนห่อหุ้มเ6kr58มล็ด 16y7k7lkขายกวาวเครือขาว เม็ด เนื้อผลมีสีขาว อ่อนนุ่มคล้ายวุ้ymyuน tjtjมีเส้น vein สีชมพูติดอยู่ ให้รสหวาน6k785lk75klอมเปรี้ยวบางส่วน ทั้งนี้ ผลสามารถเก็บได้7kl7kl7k ข้างหลังดอกบานแล้ว 11-12 อาทิตย์

Tags : จำหน่ายกวาวเครือขาว,ขายกวาวเครือขาว

2

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

3

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ ฯลฯ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นแรง มีรสขมหวาน
เมื่อกล่าวถึงบัวบก สมุนไพรประเภทนี้ขึ้นมาทีไร คนไม่ใช่น้อยอาจจะนึกไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการบอบช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่อันที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณล้นหลาม เพราะได้รับการกล่าวขวัญเกี่ยวการดูแลรักษาโรคได้หลากหลายประเภท อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องอืด แผลในกระเพาะ มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยทำนุบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความเมื่อยล้าของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ แล้วก็ยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม รวมทั้งกรดอะมิโน ดังเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสครั้งดิน ฯลฯ
ใบบัวบกเหมาะกับขี้ร้อน มีภาวะเข้มแข็ง หรือมีความร้อนชื้น เนื่องจากว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่หรูหราสารออกซาเลตที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุแล้วก็วัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมรวมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแล้วก็อีลาสติน
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยต้านทานการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
ประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก ช่วยทำนุบำรุงแล้วก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการกางใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทและก็สมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำรวมทั้งทำให้มีปฏิภาณไหวพริบมากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยเพิ่มความจำในคนวัยชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด และก็ความรู้ความเข้าใจในการเรียนรู้
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยชะลออาการโรคโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับในการตัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดหัว ปวดศีรษะข้างเดียว
ช่วยแก้อาการเวียนหัวหัว
ช่วยความเครียดลดลง
ช่วยเสริมการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยผ่อนคลายแล้วก็ทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดีเพิ่มขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงโลหิตภายในร่างกาย
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจมีชีวิตชีวา อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้ใบหน้าสดใสเสมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ เอามาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้อยากดื่มน้ำคุณประโยชน์ใบบัวบก
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของมะเร็ง ช่วยต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนป่วยโรคเบาหวานได้ดี
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากสภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกใหม่ๆทั้งยังต้นราวๆ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เพิ่มเติมน้ำตาลน้อยแล้วดื่มกินราว 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะเริ่มต้น ด้วยการใช้บัวบกและก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นเลือด แล้วก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการหมดแรง อ่อนแรง
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เนื่องจากว่าทำให้เลือดเดิน แต่ว่าเลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดแล้วก็ยังส่งผลให้อำมหิตอีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องร่วง
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองและยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดคละเคล้าเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการฉี่ขัดข้อง ด้วยการใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกรอบๆสะดือ เมื่อฉี่ชำนาญก็ดีแล้วค่อยเอาออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเท้าเยี่ยว ปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากจนเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยรีบการสร้างเยื่อ
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วเอามาโปะรอบๆที่ฟกช้ำดำเขียว หรือจะใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 40 กรัม ต้มกับสุราแดงราว 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆดังเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด ฯลฯ
ช่วยระงับการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำไปสู่หนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีแล้วก็ใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดลักษณะของการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกราว 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟเผา
บัวบกมีการเอามาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีสรรพคุณสำหรับการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในชนิดผงใช้โรยแผล รวมทั้งในแบบเป็นเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟลุก น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ รวมทั้งยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดรอยแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และหลังจากนั้นก็ค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบและก็เถาบัวบกใช้กินเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงหนังหัวแล้วก็เส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับฤดูร้อนอย่างใหญ่โต เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวรวมทั้งไม่มีอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการประยุกต์ใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบสำหรับการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นสิ่งของปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกวี่ทุกวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างขาวสวยใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

วิธีทำน้ำบัวบก
แนวทางการทำน้ำบัวบกแนวทางการทำน้ำบัวบก ควรที่จะทำการเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้ทั้งยังรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนเอามาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้จับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรใช้น้ำที่สะอาด และห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
ข้างหลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจำต้องคั้นใหม่ๆจากใบใหม่ๆและไม่ควรที่จะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรจะแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะมีผลให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมยกตัวอย่างเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาบางส่วน / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนกระทั่งสะอาดแล้วหั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ตรอกแล้วผสมลงไปในไข่ คนจนเข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนจนถึงไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาลักษณะของการปวดหัว และก็เวียนหัวศีรษะ
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้สำหรับในการทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นตระเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วหลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว เอามาทอดให้พอเหลืองกรอบแล้วชูลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เอามาจิ้มรับประทานกับน้ำจิ้มไก่ตามที่ใจต้องการได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างละเอียด โดยตัดก้านรวมทั้งใบออกมาจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบเอามาเรียงทับกันแล้วหั่นตามทางขวางรวมทั้งกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งรวมทั้งผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้เข้ากับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนกระทั่งขึ้นฟู ประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งสิ้น) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนประกอบทั้งสิ้น
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมให้เข้ากันอีกรอบ
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนความร้อน ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ใช้เวลาอบราวๆ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิโดยประมาณ 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
วิธีการทำน้ำมันบัวบก
จัดแจงส่วนประกอบดังนี้ บัวบก 4 โล / น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มเติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วค่อยนำไปปั่นกระทั่งละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองเอาแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันที่ทำจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆประมาณ 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยกระทั่งเหลือแค่น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว โดยให้สังเกตลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย นับได้ว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
การใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้นำมาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้ราวๆ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมยาสระผมตามปกติ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
น้ำมันบัวบก คุณประโยชน์ช่วยทำนุบำรุงหนังศีรษะและก็เส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
การตักเตือนและข้อเสนอ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรจะพินิจพิเคราะห์รากฐานของร่างกาย อย่ามองแต่ว่าสรรพคุณเพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีสภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว อาการท้องอืดเป็นประจำ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเกินไป จะมีผลให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

4

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณ ว่านสามสิบ ตำรายาพื้นบ้าน ใช้ ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำ แก้แท้งลูก และก็โรคคอพอก ราก มีรสขื่นเย็น รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในกระหายน้ำ แก้ปวดเมื่อย ครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยบำรุงรักษาเด็กในท้อง บำรุงตับ ปอด บำรุงกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า รวมทั้งต้นจันทน์แดงผสมเหล้าโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้ตกเลือด และก็โรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก รวมทั้ง กระชับความเกี่ยวพันให้ชีวิตครอบครัว คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดรอบเดือน ระดูมาเปลี่ยนไปจากปกติ ลดสภาวะมีบุตรยาก เสริมฮอร์โมนผู้หญิง กระชับช่องคลอด ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
ตระกูล : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยสามี รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (นครราชสีมา) สามร้อยราก (กาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินออกเป็นกระจุกเหมือนกระสวยออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบเดี่ยว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 ซม. แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 ซม. ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมหวน มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวราว 2 มิลลิเมตร กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกบางรวมทั้งร่น เกสรเพศผู้ เชื่อมและอยู่ตรงกันข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวราวๆ 1 มม. อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ค่อนข้างกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 มม. ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด มีดอกตอนเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยสามีหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสหวานเย็น ที่แฝงไปด้วยคุณประโยชน์ขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี และยังเสริมความสามารถทางเพศให้แก่ผู้ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมยวนใจเหมือนผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก และนำส่วนของรากที่มีลักษณะเหมือนกระชาย แต่มีขนาดใหญ่แล้วก็ยาวกว่าทั้งยังมีกลิ่นหอมหวน มาใช้ดองยาสมุนไพร บำรุงกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานกันว่า สาวร้อยสามี ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุเท่าไร อยู่ในวัยมีระดูหรือหมดรอบเดือนก็ตาม ถ้าได้ทานหัวพืชจำพวกนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ แล้วก็ยังช่วยเพิ่มขนาดของทรวงอก ด้วยวิธีการนำรากสดมาต้มรับประทานหรือจะนำรากไปตากแห้ง แล้วเอามาบดเป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินก็ได้ด้วยเหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ช่วยให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง
ในอินเดียก็เรียกสมุนไพรประเภทนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางแบบเรียนบอกว่าหมายถึง สตรีที่มีร้อยสามี “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกเอ่ยถึงในคู่มือ พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วยซ้ำ จึงคงจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว แล้วก็ในประเทศอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นขนมเช่นเดียวกับเมืองไทย
ในตำราเรียนอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในหญิง สำหรับเพื่อการทำให้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยจัดการกับปัญหาอื่นๆของสตรียกตัวอย่างเช่น สภาวะระดูผิดปกติ ปวดประจำเดือน ภาวการณ์มีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม สภาวะหมดปะจำเดือน(menopause) และใช้บำรุงน้ำนมบำรุงท้อง คุ้มครองปกป้องการแท้ง (habitual abortion) และอาการที่ไม่พึงปรารถนาอื่นๆของเพศหญิง
สมุนไพรจำพวกนี้จะโดดเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในประเทศอินเดียยังคงใช้สำหรับการเพิ่มพลังทางเพศให้กับเพศชายอีกด้วย ซึ่งก็คงจะคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย รวมทั้งยังใช้เพื่อคุณประโยชน์ทางยาอื่นๆอีกมาก อย่างเช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้มากที่สุดในอินเดีย ตอนนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากประเทศอินเดียไปจัดจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วๆไปไม่ต้องมีใบสั่งหมอ

สรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง
แก้ปวดเมนส์
แก้ระดูมาแตกต่างจากปกติ
แก้อาการตกขาว
ขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยดับกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับ
จัดการกับปัญหาการมีบุตรยาก คุ้มครองป้องกันการแท้งบุตร
บำรุงนม
ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับเยี่ยว
ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดทรวงอก และก็สะโพก
กระชับรูปร่าง
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด และก็บำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความแก่
ใช้รักษาโรคตับ ปอดทุพพลภาพ
ชูกำลัง แก้กระษัย
ข้อควรพิจารณาในการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์ราวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเหตุนั้นก็เลยห้ามนำมาใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง เช่น คนป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การศึกษาเล่าเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้น[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url] แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงรุนแรง รวมทั้งตอนยาวสม่ำเสมอ
โดยการศึกษาเล่าเรียนในระยะรุนแรงป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน แล้วก็หนูแรทที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แล้วก็ ประเภทที่ 2 พบว่าไม่เป็นผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30  แล้วก็การเล่าเรียนช่วงยาวสม่ำเสมอโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในตอนที่หนูโรคเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เสมอกัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน รวมทั้งเพิ่มกลัยวัวเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม จากการศึกษาในคราวนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการสรุปยและก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต แล้วก็การเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบน่าจะมีสาระสำหรับเพื่อการเอามารักษาคนไข้โรคเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

5

สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/u][/url][/b]
สมุนไพร รากสามสิบแคปซูล รากสามสิบ แบบล้วน  คุณประโยชน์และคุณประโยชน์ ข้อกำหนด ผลข้างเคียงจากรากสามสิบ สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องกระชับช่องคลอด
อยู่อย่างไรให้ชีวิต Sex  กระชับช่องคลอด เพิ่มน้ำหล่อลื่น ทำให้กระชับ (รีแพร์) แบบผู้หญิง ทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง มีความชุ่มชื้น รวมทั้ง เป็นสุขทางเพศ รักษาภาวการณ์ประจำเดือนไม่ดีเหมือนปรกติ ปวดประจำเดือน มีลูกยาก ตกขาว ไม่มีอารมณ์ทางเพศ  กามตายด้าน บำรุงนม บำรุงครรภ์ คุ้มครองปกป้องแท้ง มีราคาส่ง รวมทั้ง ราคาไม่แพง ยี่ห้อ รีวิวมากมาย กว่า 8 ปี
สมุนไพรย้ำ กระชับ ช่องคลอด ตกขาว ระดู อารมณ์เพศปรวนแปร ไร้สมรรถภาพทางเพศเพศหญิง รากสามสิบ ราชินีสมุนไพรชีวิตการครองเรือน  ดูแลปัญหาระบบภายในช่องคลอดไม่กระชับและก็มีปัญหาชีวิตของการการมีคู่ครองบนเตียงมีกลิ่นเหม็นอับ ไม่พึ่งปรารถนาตกขาวมดลูกต่ำ สตรีวัยทอง ดูแลปัญหารอบเดือนมาแตกต่างจากปกติ
สมุนไพร รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด
ปัญหาลับๆอาทิเช่น ช่องคลอดหย่อนยานไม่กระชับ ปวดท้องเวลามีรอบเดือน รอบเดือนไม่ตามเวลา คือปัญหาต่างๆที่ก่อกวนจิตใจของผู้หญิงกว่า 98% รวมทั้ง หน้าอกเล็กแบบ หย่อน หน้าท้องป่อง หรือปัญหากลุ่มนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการขาดสมดุลในฮอร์โมน ชี้แนะ กวาวเครือขาว และ รากสามสิบ ซื้อ กวาวเครือขาว รวมทั้ง รากสามสิบ
รากสามสิบ กระชับช่องคลอด
คุณประโยชน์ ประโยชน์ และ ข้อบังคับ ผลกระทบ
สมุนไพรไทย รากสามสิบแบบแคปซูล กระชับสำหรับสตรี  ไม่ว่าจะเป็นอย่างยิ่งเสือโคร่ง โด่งไม่รู้จักล้ม สาวน้อยตกเตียง จนมาถึงรากสามสิบหรือต้นสาวร้อยผัวนี้แหละ ต่างคนต่างมึนงง ว่ามันคืออะไร สรรพคุณ ทำให้กลับมาเป็น ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี สาว(female rejuvention) กระชับช่องคลอด รักษาภาวะระดูมาไม่ปกติ ปวดระดู ภาวการณ์มีบุตรยาก ตกขาว อารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม  ภาวะหมดเมนส์ บำรุงนม บำรุงท้อง ปกป้องการแท้ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดในเพศชายได้ด้วยนะครับ  นอกนั้นยังมีการประยุกต์ใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้โรคกระเพาะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ได้เช่นกัน เป็นสมุนไพรที่มีการออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน 
ต้น รากสามสิบ แคปซูล แพทย์ยาในสมัยเก่าจะเรียกกันว่า"สาวร้อยผัว" ส่วนมากใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ทำให้มีแรง ชุ่มชื่น ไม่แก่ เสมือนๆสาวสองพันปี
ในแบบเรียนอายุรเวทใช้สมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในสตรี สำหรับเพื่อการทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) ยิ่งไปกว่านี้ ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของเพศหญิง อาทิเช่น ภาวะประจำเดือนผิดปกติ ปวดเมนส์ ภาวการณ์มีบุตรยาก ตกขาว สภาวะหมดอารมณ์ทางเพศ ภาวะหมดประจำเดือน (menopause) บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ คุ้มครองการแท้ง (habitual abortion)

สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ กระชับด้านในสตรี ชุดกระชับแบบสาวน้อย
" รากสามสิบ " เป็นสมุนไพรที่มีการทำการค้นคว้ากันเยอะพอควร ในด้านการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยในห้องทดลองเจอฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเป็นต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เชื้อรา คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด ปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารยับยั้งพิษต่อตับ
ในตำราอายุรเวทใช้ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรหลักสำหรับ บำรุงในเพศหญิง  ในการ ทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาว นอกเหนือจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของเพศหญิงดังเช่นว่า ภาวการณ์เมนส์แตกต่างจากปกติ ปวดรอบเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม ภาวะหมดรอบเดือน สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด อาการตกขาว ปเขียน.เพิ่มอารมณ์เพศ
#รากสามสิบ นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากสำหรับผู้หญิงช่วยสำหรับเพื่อการสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิงจาก #รากสามสิบแคปซูล
เป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติหลัก ในทางเภสัชมีการแนะนำว่าพืชที่ให้ เอสโตรเจน เกิดผลดีกว่าการใช้ตัวยาปรับสมดุลฮอร์โมน เนื่องด้วยไม่เป็นผลใกล้กันในทางลบ "ราชินีที่สมุนไพร"
เหตุผลที่ ผู้หญิงนิยมใช้ รากสามสิบ ง่ายๆเป็น ทานแล้วได้ผล
1 ช่วยกระชับช่องคลอด  ทำให้แฟนไม่เบื่อ แทบไม่รู้เรื่องเลยว่าพวกเราเคยมาก่อนรึเปล่า  ราวกับเป็นครั้งแรกของเรา
2 ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดสะอาด ไม่กังวลเรื่อง เหม็นอับ อีกต่อไป
3 เป็นสมุนไพรธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ไม่ตกค้าง ไม่ทำให้เกิดผลเสียในระยะยาว
4 ราคาไม่แพง ด้วยเหตุว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ในประเทศไทย ความคิดไทยๆไม่เสียค่านำเข้าอะไรก็แล้วแต่
 ขนาดกิน
4 ขวด เริ่มกระชับ สุขสบาย
6 กระชับแบบสาวน้อย เป็นสุขแน่ๆ
12 ผลลัพธ์นาน แล้วก็ เห็นผลเกือบถาวร (รายบุคคล)
รากสามสิบ แคปซูล
ชุดนี้แถม ผสม ฮี่ยุ่มหรือต้นหญ้ารีแพร์ 1 ต่อ 1 กับ รากสามสิบ
รากสามสิบ "  เป็น สมุนไพรที่คนประเทศไทยรวมทั้งคนเอเชียใช้กันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว  คนจำนวนมากรู้จักในชื่อ เรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค ชื่อในภาคกึ่งกลางหรือคนทั่วไปเรียกชื่อว่า "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก"นั่นเอง แพทย์ยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าสาวร้อยสามีเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ก็เลยให้ชื่อว่า "สาวร้อยสามี" ชื่อนี้คือไม่ว่า สาวใดจะอายุเยอะแค่ไหนก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(ไม่ได้หมายถึงสาวใจแตก)  ความหมายคล้ายๆสาวสองพันปีที่ยังสาวเสมอนั่นเอง แล้วก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่าในอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตวารี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางแบบเรียนพูดว่าซึ่งก็คือผู้หญิงที่มีร้อยสามี "Satavari" http://www.disthai.com/

6

ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อประจำถิ่นอื่น : ราชพฤกษ์ (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color] (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ชนิดนี้ตำราหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแค่ระดับชนิดย่อย คือ Cassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่เมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ปุ่มป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ ซม. ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่และก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยเปลี่ยนเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตรราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มม.กลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มม. โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มิลลิเมตร  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ หมดจด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งรูปแบนเกือบจะกลม สีน้ำตาลเป็นมัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงราวๆ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราว 4-12 คู่
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อแขวนระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกข้างบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ แล้วก็มีเปลือกแข็ง ด้านในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องแล้วก็มีเมล็ดห้องละ 1 เมล็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนแล้วก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับรวมทั้งปลูกข้างถนนเพื่อความงาม
การปลูกรวมทั้งเพาะพันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากแล้วก็เจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ว่าจะชอบดินร่วนปนทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเม็ดรวมทั้งตอนกิ่ง

คุณประโยชน์ทางยา
รสและคุณประโยชน์ในตำรายา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคโรคกุฏฐัง แก้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้มาลาเรียและก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้จับสั่นและก็เป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และก็ช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเอียน ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก ถูหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อแล้วก็ขัดข้อ
เปลือกฝัก รสฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง และทำให้อ้วก
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งผอง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากโรคเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ วิธีรวมทั้งปริมาณที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักราว 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือตอนเวลาเช้าก่อนที่จะกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ และสตรีตั้งท้องก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดแล้วก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

7

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ สรรพคุณ
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันมานาน เนื่องจากว่าในอาหารไทยหลายแบบมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเลิศในเครื่องปรุงด้วยเสมอ เป็นต้นว่า ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติและก็คุณประโยชน์ให้กับอาหาร ส่งกลิ่นหอมเชิญชวนรับประทาน จนถึงแปลงเป็นสิ่งที่จะจำเป็นเลยในอาหารเหล่านี้ นอกเหนือจากนี้ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเยอะแยะ อีกทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์หญ้า มีหลายประเภท เว้นแต่นำไปเตรียมอาหารแล้วและทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางประเภทยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย จึงจัดเป็นผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน หลายบ้านจึงนิยมนำมาปลูกเอาไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อใดก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่ซ่อนคุณค่าไว้เยอะมาก เพราะเป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค มีวิตามินและแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส รวมทั้งโฟเลต ประสิทธิภาพคับแก้วขนาดนี้ผู้ที่รังเกียจตะไคร้ทดลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาถูกใจตะไคร้ให้มากขึ้น จะได้ประโยชน์มากมายแน่ๆ
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้จริงหรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับในการปกป้องแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถคุ้มครองป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง และยุงหงุดหงิดกัดได้ ยิ่งกว่านั้นยังฤทธิ์สำหรับในการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
นอกจากยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยป้องกันแมลงประเภทอื่น เป็นต้นว่า ถ้าหากผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะมีผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนแล้วก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วฝักยาว ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าตัวเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง สะอาด ตามข้อมักมีไขปกคุลม เหง้า มีข้อและปล้องสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวผสมม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมหวนเฉพาะ
คุณประโยชน์
– อีกทั้งต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับปัสสาวะ และก็แก้อหิวาตกโรค นอกเหนือจากนี้ยังใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แล้วก็ขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับปรุง ปวดท้อง ท้องร่วง
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคทางเท้าฉี่ นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งเรือง ยิ่งกว่านั้นยังใช้ดับกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา แล้วก็มีกลิ่นไล่หมาแล้วก็แมว
ตำราเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคฟุตบาทฉี่ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดความดันโลหิต เหง้า แก้ไม่อยากกินอาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กษัย ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้เยี่ยวทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับประจำเดือน ขับระดูขาว ใช้ข้างนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน รูปแบบของใบกว้าง 5-20 มม. ยาวราว 50-100 ซม. แผ่นใบแคบ ยาว และก็นิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเนียน แล้วก็มีกลิ่นหอมสดชื่นเอียน ก้านใบเป็นกาบซ้อนกันแน่นสีเขียวคละเคล้าม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นฉุนกระทั่งรับประทานเป็นอาหารมิได้ อีกทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม

สรรพคุณ
– ทั้งยังต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตระดู มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งท้อง ด้วยเหตุว่าแม้ทานเข้าไป อาจจะก่อให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุม ชำระล้างลำไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ ใจไม่ดี ฟุ้งซ่าน
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมเปลี่ยนไปจากปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง และก็ใช้รักษาโรคเห็บสุนัข
ตำรายาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนมีครรภ์ห้ามรับประทาน นอกเหนือจากนี้ยังใช้ขับเมนส์ ขับฉี่ ขับตกขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นรวมทั้งปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อ้วก แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมไม่ปกติ
เหง้า ใบ รวมทั้งกาบ นำมากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม อาทิเช่น สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง อีกทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว สดชื่น ทำให้ขมีขมัน ผ่อนคลายความเครียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้าม
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดข้อ ช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อควรระวัง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงท้องเนื่องจากอาจก่อให้แท้งได้

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

8

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรทับทิม

9

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่เหรอ ไม่ครับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงข้าศึกบุก แต่หมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนใดที่ไหน แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตฮิตในปัจจุบันอย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำเป็นต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นคือ หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเหมือนขณะนี้เพราะเหตุว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชประจำถิ่นอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำครัว ราวกับเผือก เสมือนมันทั่วไปเพียงพอเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นภูตผีปิศาจ  น่าสยดสยองนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามท้องถิ่น  :  บุกระอุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วๆไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา และบางทีก็เจอตามพื้นที่ ทำไร่ทำนา เช่นที่ปทุมธานี และก็นนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกประเภท แต่จะเจริญวัยก้าวหน้าให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บอกให้เห็นส่วนประกอบคือใบบุก รวมทั้งหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราวๆ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะราวกับใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางทีบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมากมาย  แต่ที่เด่นๆพิจารณาง่ายว่าเป็บุกคือ จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง ชนิดจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนเสมือนหงายร่ม โดยเหตุนี้ลักษณะของใบบุก มีหลายรูปแบบขึ้นกับประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าโค แต่ละประเภทมีขนาด สี และรูป ทรงไม่เหมือนกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเสมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่ว่าบุกสามารถมีดอกได้ในช่วง เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็ไม่เหมือนกัน
 ผลบุก (อย่างงเต็กกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก สืบพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกโดยมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่เมล็ดข้างในไม่เหมือนกัน พบว่าโดยมากมีเม็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางจำพวกก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเตรียมอาหาร
เป็นพืชของกินท้องถิ่นซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค เป็นต้นว่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการทำของหวานที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งกินกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะคนดอย มักนำมา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจึงนำไปทำเป็นอาหารหวาน
*บุกมีหลายประเภทหลายชนิด บางทีอาจขมและก็เป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจทำให้คัน ก่อนนำมาทำกับข้าวจำเป็นต้องต้มซะก่อน ไม่เช่นนั้นกินเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
ตอนนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดกันแน่เคยไปกินเนื้อย่างอาจจะเคยเจอบ้าง นอกเหนือจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆสมัยเก่าเป็นเจเล่ ผสมผงบุก ถ้าเกิดจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยครับผม)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-กลูโคส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ดูดซึมได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่อยากได้ลดความอ้วนนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก อาทิเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากว่ารับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แม้กระนั้นไม่ทำให้อ้วน
นอกเหนือจากนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส ฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดีมาก ปัจจุบันนี้ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับคนเจ็บเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับเป็นผลดีจากบุก ลองหามาทานกันนะครับ มีสาระขนาดนี้ สมัยปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุรไพรบุก

10

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่พวกเราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับบุกจำพวกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ต่างประเภทกัน ซึ่งมีคุณสมบัติรวมทั้งคุณประโยชน์ทางยาที่ใกล้เคียงกัน และก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), แพทย์ยื่อ (จีนกลาง) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่แก่หลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นประมาณ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นรวมทั้งกิ่งก้านมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปะปนอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราว 15-20 เซนติเมตร
ใบบุก
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกคนเดียว รูปแบบของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวโดยประมาณ 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกแล้วก็ผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในสกุลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (สกลนคร), กระบุก (จังหวัดบุรีรัมย์), บุกคางคก บุกคุงคก (ชลบุรี), หัวบุก (ปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกึ่งกลาง), บุก (ทั่วไป), กระแท่ง บุกคอย หัววุ้น (ไทย), บุกอีคอยกเขา ฯลฯ
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกกะแท่งหรือเท้าคุณยายม่อมหัว แก่ได้นานนับเป็นเวลาหลายปี มีความสูงของต้นราวๆ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอ้วนแล้วก็อวบน้ำไม่มีแก่น ผิวขรุขระ ลำต้นกลมและมีลายเขียวๆแดงๆลักษณะคล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นแพร่พันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้จำพวกนี้จะเติบโตในฤดูฝน และจะเหี่ยวเฉาไปในช่วงต้นหน้าหนาว ในประเทศไทยพบมากขึ้นเองตามป่าราบริมหาดแล้วก็ที่อำเภอศรีราชา ส่วนในเมืองนอกบุกคางคกนั้นเป็นพืชประจำถิ่นในเอเซียอาคเนย์ พบได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก คือส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะออกจะกลมแล้วก็มีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 เซนติเมตรขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดและก็เป็นเมือกลื่น มียาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวสด ถ้าสัมผัสเข้าจะมีผลให้กำเนิดอาการคันได้ ก่อนเอามาปรุงเป็นของกินนั้นก็เลยจะต้องทำให้เป็นมูกโดยการต้มในน้ำเดือดซะก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนกระทั่ง 35 โล
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบผู้เดียว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแผ่ออกเหมือนกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบใบจะเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำและยาวได้โดยประมาณ 150-180 เซนติเมตร
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก ออกดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินรอบๆของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงแกมสีน้ำตาล (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบประดับเป็นรูปห่อช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นและก็บานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศภรรยาอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นเหมือนซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางเรือนจำ
ผลบุกคางคก ผลเป็นผลสด เนื้อนุ่ม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรียาว ปริมาณยาวราวๆ 1.2 ซม. ผลมีหลายชิ้นชิดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนกระทั่งสีแดง ข้างในผลมีเมล็ดราว 1-3 เม็ด โดยมีสันขั้วเมล็ดของแม้กระนั้นเมล็ดแยกออกมาจากกัน เมล็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
คุณประโยชน์ของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด (หัว)
ใช้เป็นของกินสำหรับคนเจ็บเบาหวานแล้วก็คนเจ็บโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำดื่ม โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เอามาชงกับน้ำดื่มก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสมหะ ละลายเสมหะ ช่วยกระจัดกระจายเสมหะที่ตันรอบๆหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน แล้วก็เลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้เมนส์ไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับรอบเดือนของสตรี (ราก)
หัวนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่รอยแผล กัดฝ้าและก็กัดหนองได้ดิบได้ดี (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลบอกว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาพาราบวม แก้ฟกช้ำ (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ยิ่งกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มสมรรถนะทางเพศ โดยคุณนิล ปักษา (บ้านหนองพลวง ต.โคกกลาง อ.ลำปลายกนก จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์) แนะนำให้ทดลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พาดปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเม็ดเอามาปิ้งไฟให้หอมก่อน แล้วก็ใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำเพียงพอท่วมเมล็ดบุก ต้มจนเม็ดบุกร่วงลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดและก็ให้เพิ่มน้ำตาลพอประมาณลงไปต้มให้พอหวาน จากนั้นทดลองชิมมอง ถ้ายังมีลักษณะคันคออยู่ก็ให้เติมน้ำตาลเพิ่มและก็หลังจากนั้นจึงค่อยลองใหม่ ถ้าหากไม่มีอาการคันคอก็แสลงว่าใช้ได้ และก็ให้นำสมุนไพรโด่ไม่เคยรู้ล้มใส่เข้าไปด้วยราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปล่อยให้เย็นรวมทั้งเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก ราว 30 นาที จะปวดปัสสาวะโดยธรรมชาติ ภายหลังอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ในทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วนำมาชงกับน้ำดื่ม ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำดื่มก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม (เข้าใจว่าคือส่วนของหัว) นำมาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง ก็เลยสามารถเอามากินได้ หากเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือเอามาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะมากๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบถ้าเกิดปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะทำให้ลิ้นพองและคันปากได้8ก่อนนำมารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
ขั้นตอนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับการปรุงอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6หากอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เนื่องด้วยวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) ก็เลยไม่สมควรบริโภควุ้นบกวันหลังการกิน แต่ว่าให้กินก่อนที่จะกินอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตมาจากวุ้น เช่น วุ้นก้อนและก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังรับประทานอาหารได้ เพราะวุ้นดังที่กล่าวผ่านมาแล้วได้ผ่านกระบวนการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพราะเหตุว่าไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและก็แร่ หรือสารอาหารใดๆก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกายเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง (ดังเช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และก็วิตามินเค) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (ดังเช่นว่า วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะเป็นผลให้มีลักษณะท้องเสียหรือท้องขึ้น มีลักษณะอาการหิวน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการเหน็ดเหนื่อยเพราะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่เจอ ตัวอย่างเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี รวมทั้งยังเจอสารที่เป็นพิษเป็นConiine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกเจอสาร Uniine รวมทั้งวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 และก็หัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ปริมาณร้อยละ 5-6 และมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญเป็นกลูโคแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีกลูโคส แมนโนส และก็ฟรุคโตส สารกลูโคแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องด้วยมีความเหนียว ช่วยยั้งการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมากมายก็ยิ่งมีผลการดูดซึมเดกซ์โทรส โดยเหตุนั้น กลูโคแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum จึงสามารถลดน้ำตาลได้ดีมากว่า ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานและก็สำหรับคนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) จะมีจำนวนแตกต่างออกไปตามชนิดของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนราวๆ 90% และสิ่งเจือปนอื่นๆยกตัวอย่างเช่น alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, และก็สารพิษอื่น โมเลกุลของกลูวัวแมนแนนนั้นหลักๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองชนิด คือ เดกซ์โทรส 2 ส่วน และแมนโนส 3 ส่วน โดยประมาณ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลประเภทลำดับที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลจำพวกแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งไม่เหมือนกับแป้งที่พบในพืชทั่วไป จึงไม่ถูกย่อยโดยกรดและก็น้ำย่อยในกระเพาะ เพื่อน้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 นอกเหนือจากกลูโคแมนแนนจะพบได้ในบุกแล้ว ยังพบได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูโคแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำและก็ขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ของจำนวนเดิม เมื่อพวกเรารับประทานกลูโคแมนแนนก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครั้งละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะอาหารของพวกเรา แล้วมีการขยายตัวจนทำให้พวกเรารู้สึกอิ่มของกินได้เร็วแล้วก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรารับประทานได้ลดน้อยลงกว่าปกติด้วย ทั้งยังกลูวัวแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมากมาย กลูโคแมนแนนจึงช่วยสำหรับเพื่อการควบคุมน้ำหนักและเป็นอาหารของคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานครั้งละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโล ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูต่ำลงคิดเป็น 44% และ Triglyceride ลดน้อยลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ดูดซึมน้ำในกระเพาะและไส้ได้ดีมาก และยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในไส้ให้เยอะขึ้น ทำให้มีการขับของที่คั่งค้างในไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีลักษณะบวมที่ขากินทีละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโล พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูต่ำลง6
คุณประโยช์จากบุกคนประเทศไทยเรานิ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรบุก

11

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 สรรพคุณดีๆของ’’คุณประโยชน์สำหรับในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ
2.ขิงมีสรรพคุณช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการหน้ามืด หน้ามืด อาเจียน เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน แล้วก็เป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นปัจจัยที่ทำให้ขิงช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยบำรุงรักษาหัวใจ เหมาะสมกับคนเจ็บโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคผื่นคัน แก้แพ้เกสรดอกไม้ และอาหารทะเลได้
9.คุณประโยชน์ซึ่งมาจากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน เอามาอม กลัวปากบ่อยๆ แล้วลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน เอามาอม กลั้วปากบ่อยๆ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้กินน้ำขิงเสมอๆ แล้วลองสังเกตว่าอาการปวดจะค่อยๆลดน้อยลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทลักษณะโรคประสาท การดื่มน้ำขิงจะช่วยลดความขุ่นมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของน้ำนมมารดาให้ดียิ่งขึ้น ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับหญิงให้นมลูกเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพยาเสพติด
18.คุณประโยชน์ของขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการค้นคว้าพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง และก็ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มบ่อยๆ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนหลับสบาย จึงเหมาะสมเป็นอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ โดยช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเหลวดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว ป้องกันโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยทำให้ปรับสมดุลภายในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะเหตุว่าอาหารได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การดัดแปลงทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนร้ายแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะอาหารแล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้รอบคอบกับน้ำ 300 มล. นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในคนป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเพราะว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดีขึ้น มากท้องผูก หรืออึสีดำ (มีความหมายว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการอาหาร (พบว่าผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นจำนวนมากกลายเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำต้องรักษาสม่ำเสมอ หรือควบคุมสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยจึงจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองปกป้องรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่พักผ่อนในคนป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาลูกน้องนพงไพรฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกเคล้าจนเข้ากันฟอกในแอ่งสะดือ ใช้ผ้ากอซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือค่อยๆกินหมดภายในครึ่งชั่วโมง การทดสอบในผู้เจ็บป่วย 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกันของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับการขับพยาธิจำนวนร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเจ็บป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น เช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว เป็นไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาล หรืออาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยยิ่งไปกว่านั้นไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากยิ่งกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียพลังหยางแล้วก็เลือด มีน้ำภายในร่างกายหลงเหลืออยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมอีกทั้งเลือดหยางช่วยให้การสรุปยดูดซึมของกิน มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำก้าวหน้าขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติเร็วขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับในการทานขิง
-อาจทำให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับการท้องได้
มีบางการเรียนรู้พบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับในการตั้งครรภ์ รวมทั้งการแท้ง แม้กระนั้นสำหรับเพื่อการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการกินขิงจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้นคุณควรไปขอความเห็นแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับเพื่อการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-กระตุ้นให้เกิดแผลร้อนในข้างในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าเกิดหารกินเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุข้างในโพรงปากเกิดการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่ควรรับประทานขุงมากจนกระทั่งเกินความจำเป็น
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนรู้หนึ่งในหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณสำหรับในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกการตักเตือนเตือนให้งดการรับประทานขิงตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดด้วยเหตุว่าจะทำให้กำเนิดการเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้นหากว่าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก เลียงการกินขิง
เมื่อรู้แบบงี้แล้ว หวังหลายท่านที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆก็น่าจะต้องระมัดระวังตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เพราะบางโอกาสถ้าเกิดราใช้ ขิงสำหรับในการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการเกิดขึ้นอีกได้ เพราะฉะนั้นน่าจะรับประทานขิงอย่างละเอียด แต่ว่าถ้าเกิดยังคลุมเคลือล่ะก็ ควรจะขอคำแนะนำจากหมอก่อนเสมอ

12

น้ำมันเหลือง
น้ำมันเหลือง ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะข้างล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. วงศ์ Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กรุ๊ปที่ 2 บัญชียาพัฒนาจากสมุนไพร กรุ๊ปยารักษาอาการทางกล้ามแล้วก็กระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก อาทิเช่น ตำรับยาครีมไพล ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w) แล้วก็ ยาน้ำมันไพล สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ข้อบ่งใช้ของทั้งคู่ตำรับคือ ทุเลาอาการบวม ฟกช้ำดำเขียว เคล็ดยอก
น้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดแล้วก็การกลั่นต่างกันอย่างไร? น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ บางครั้งก็อาจจะได้จากผู้กระทำลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) วิธีการกลั่นแบบนี้เป็นวิธีที่ชาวยุโรปเริ่มแรกนิยมใช้กัน แม้กระนั้นมีข้อเสียตรงที่ไพลที่นำมากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจจะทำให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากผู้กระทำลั่นโดยใช้การผ่านของละอองน้ำเข้าสู่ภาชนะที่มีไพลใส่อยู่ (steam distillation) ละอองน้ำจะพาเอาน้ำมันเหลือง หอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น วิธีแบบนี้มีจุดเด่นกว่าคือ ไพลจะถูกความร้อนไม่มากมาย น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป นั่นเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากอีกทั้ง 2 วิธี จะมีสารประกอบทางเคมีที่ไม่เหมือนกันบ้าง โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่นจะมีสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ดังเช่น สารกลุ่ม monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนปริมาณ 10 ตัว) และก็สารกรุ๊ป sesquiterpenes (สารที่มีคาร์บอนปริมาณ 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นประกอบด้วย สารกลุ่ม monoterpenes อย่างเช่น sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4
ส่วนน้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นวิธีของชาวไทยโบราณที่ใช้ตระเตรียมน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันเช็ดนวด แก้ปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลของเมืองได้มีการจัดแจงเป็นเภสัชตำรับของโรงพยาบาล และก็เป็นเยี่ยมตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้จัดเตรียมได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชจำพวกอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันประเภทอิ่มตัว) ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเหลือง หรือน้ำมันปาล์ม ไม่สมควรใช้น้ำมันพืชชนิดไม่อิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัว) อย่างเช่น น้ำมันงา น้ำมันที่สกัดจากมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากรำข้าวน้ำมันเหลือง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าน้ำมันจำพวกไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้ภาระคู่ในโมเลกุลมีการแตก แล้วก็รวมตัวเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น กระตุ้นให้เกิดความหนืด นอกจากนี้จะก่อให้กำเนิดควันได้ง่าย รวมทั้งน้ำมันเหม็นหืน น้ำมันพืชที่ใช้สำหรับทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ด้วยเหตุนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีสารประกอบที่มีขั้วน้อยและโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่มีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลเว้นเสียแต่มีน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกรุ๊ป arylbutanoids, curcuminoids, และก็ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าสารในน้ำมันหอมเหลือง และก็เป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปกล้วยๆเป็น น้ำมันไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีสารโมเลกุลเล็กรวมทั้งระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยและก็สารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย
น้ำมันเหลือง หอมระเหยแล้วก็สารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกรุ๊ป arylbutanoids, curcuminoids, แล้วก็ cyclohexene derivatives) เป็นกลุ่มสารที่ส่งผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบและก็แก้ปวดในสัตว์ทดลอง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาน้ำมันเหลือง ทางสถานพยาบาลพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบแล้วก็การปวดของข้อเท้าแพลงในผู้ป่วยนักกีฬาที่เจ็บข้อเท้าแพลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมที่ได้รับยา หลอก13 และพบว่าครีมไพจีซาลได้ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเพื่อการรักษาอาการปวดปวดเมื่อยข้างหลัง ไหล่ ก้านคอ เอว เข่า14 แต่ว่าตำรับยาน้ำมันเหลืองที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการเรียนรู้ทางสถานพยาบาลมาก่อน ซึ่งในช่วงเวลานี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาโครงการ “การพัฒนาประสิทธิภาพผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลพวงจากการเปิดเสรีทางการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นแผนการที่ได้รับทุนเกื้อหนุนจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังเรียนทางสถานพยาบาลในผู้ป่วยข้อหัวเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเอาอย่างแนวทางการสกัดแบบความคิด ซึ่งเป็นการสกัดสารหลายๆชนิด ไม่เพียงแต่[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url] หอมระเหยเท่านั้น รวมทั้งคือการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า

Tags : น้ำมันเหลือง

13

น้ำมันเหลือง
ส่วนผสมของสินค้า "น้ำมันเหลืองสมุนไพรประกอบด้วย

  • ไพลแก่ อายุขั้นต่ำ 1 ปี 200 กรัม
  • น้ำมันงา 50 กรัม
  • เมนทอลเกล็ด 100 กรัม
  • การบูร 100 กรัม
  • พิมเสน 25 กรัม
  • น้ำมันเหลืองหอมระเหยเลือกกลิ่นที่อยาก 10 ซีซี

    วิธีการทำผลิตภัณฑ์

  • นำไพลล้างให้สะอาด วางให้แห้ง แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ
  • นำน้ำมันงาใส่กระทะใช้ไฟอ่อนๆใส่ไพลลงไปทอดให้เหลืองแล้วชูลง
  • กรอกกากของไพลออกให้เหลือแค่น้ำมันงา
  • นำเมนทอล การบูรรวมทั้งพิมเสน ผสมคนจะกว่าจะละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ละลายจนถึงเป็นน้ำใส
  • เติมน้ำมันจากไพลที่ได้ในข้อ 3 น้ำหนัก 25 กรัม และเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตามชอบ อย่างเช่นน้ำมันสะระแหน่ น้ำมันขิง อื่นๆอีกมากมาย น้ำหนัก 10 ซีซี คนให้กลมกลืน ใส่ใส่ภาชนะที่อยาก พร้อมใช้
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ "น้ำมันเหลืองสมุนไพร

  • ใช้ดม ใช้ทาแล้วก็นวด บรรเทาอาการต่างๆ
สรรพคุณของผลิตภัณฑ์ "น้ำมันเหลืองสมุนไพร ตำรับชาววัง"


บรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด

  • แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง
  • แก้กลยุทธ์ปวดเมื่อย บวมช้ำ
  • ทาถอดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
  • ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
  • ทาแผลมีดบาด ไฟใหม้ เลือดจะหยุดในทันทีและแผลจะหายไวขึ้น
  • ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน แผลพุพอง เป็นหนอง
  • ทาแล้วช่วยทำให้จิตใจสงบ ช่วยผ่อนคลายเครียด
  • ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น
  • ทาเช็ดนวดอุ้งเท้า ไล่เลือดลม
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงเป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อช่วยเหลือสุขภาพและก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมดทั้งปวง. น้ำมันนวดถูกออกแบบมาเพื่อให้มือเลื่อนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด รวมทั้งในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้รู้สึกดีและผ่อนคลายมากที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านต่อไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมันและก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดมีชีวิตชีวา.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเป็นจำนวนมากน้ำหอมแล้วก็สีที่ไม่เหมือนกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบรรเทา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถพบได้ในตลาดน้ำมันนวดเพื่อให้คุณสามารถเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับความอยากแล้วก็ความมุ่งหมายของคุณ.
สัมผัสของผู้คนสามารถมีการรักษาและพลังความมีชีวิตชีวาสำหรับผิวและก็นวดน้ำมันออกจากผิวนุ่มรวมทั้งเรียบ. เว้นแต่ความรู้สึกสบาย thei พวกเขาถ่ายทอด, น้ำมันนวดยิ่งกว่านั้นยังมีทางที่น่าแปลกที่ช่วยบำรุงรักษาผิวของคุณและก็กำจัดจุดแห้งบนผิวของคุณ. อย่างไรก็ตาม, หลังการนวด, จะชี้แนะให้ใช้เวลาอาบน้ำที่บรรเทาเพื่อล้างน้ำมันออกมาจากร่างกายของคุณ. น้ำ จะยังช่วยผิวรูขุมขนจะเปิดก็เลยเกื้อหนุนการดูดซึมของน้ำมันนวดไปสู่ผิวของคุณ. ลองดูกันผลดีต่อสุขภาพที่สำคัญของการนวดน้ำมันผ่อนคลาย.
ลดการ ความเครียด
น้ำมันเหลือง เป็นแนวทางที่วิเศษมาก ลดความเคร่งเครียด รวมทั้งความเคร่งเครียดที่มีการสะสมในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่เหมื่อยล้า.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยทำให้คุณผ่อนคลายและกำจัดความคิดแง่ลบที่สะกิดความเครียด.
สุภาพ, สัมผัสการดูแลการแสดงในงานนวด, ช่วยให้คุณ รักษา รวมทั้งคืนจิตวิญญาณและก็ความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของเลือดดียิ่งขึ้น
หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของน้ำมันเหลืองนวด ซึ่งมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดรวมทั้งในขณะเดียวกันจะช่วยลดระดับความดันเลือดซึ่งเป็น น.
ต้นสายปลายเหตุ ajor สำหรับผู้ที่ประสบเจอกับปัญหาที่เกี่ยวโยงกับ ความดันเลือดสูง.
นวดน้ำมันที่ดีที่สุดของคุณบรรเทาร่างกายและก็ส่งเสริมการนอนหลับที่ดียิ่งกว่าสำหรับวัน.
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเจ็บปวดรวดร้าวสาหัสจากความผิดปกติของการนอนต่างๆได้มองเห็นการแก้ไขในนิสัยการนอนของพวกเขาหลังการดูแลรักษาด้วยการนวดบรรเทา. น้ำมันเหลืองนวดกระตุ้นจิตใจและก็จิตวิญญาณ การบำบัด, ด้วยเหตุนั้นคนไม่ใช่น้อยมีประสบการณ์การนอนลึกและพักเยอะขึ้นเรื่อยๆ.
1.การนวดน้ำมันเหลืองจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ให้ดำเนินการเจริญเพิ่มมากขึ้น ลดอาการเคร่งเคลียดให้พวกเราผ่อนคลายจากการความเมื่อยล้ารวมทั้งความอ่อนล้าสะสม
2.การนวดน้ำมันเหลือง จะเข้าช่วยการกระตุ้นรูปแบบการทำงานของโลหิต ให้ดำเนินงานได้ดิบได้ดีมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและก็สามารถหล่อเลี้ยงออกซิเจนและก็สารอาหารต่างๆไปทั่วร่างกายอย่างครบถ้วน ปกป้องโรคต่างๆและก็ลดความดันเลือดก้าวหน้าด้วย
3.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ด้วยการเข้าไปปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆภายในร่างกายให้ปฏิบัติงานเจริญแล้วก็มีคุณภาพเยอะขึ้น
4.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ด้วยเข้าไปกำจัดสารพิษ อีกทั้งในร่างกายรวมทั้งสภาพผิว ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกมาส่งให้ผิวของคุณเรียบเนียนเปียกชื้น มองผ่องใสรวมทั้งชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ
5.ช่วยในเรื่องการนอนหลับให้ดีมากยิ่งกว่าเดิม บรรเทาสมองรวมทั้งร่างกายต่างๆส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับสนิทได้ดีกว่ากว่า ลดอาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้นการนวดน้ำมันยังมีสาระอีกหลายชนิดต่อสภาพร่างกาย ซึ่งถือได้ว่าหนทางแก่แฟนสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ลดลักษณะของการปวดหัวไมเกรน
     สำหรับเคยทรมานจากลักษณะของการปวดหัวไมเกรนอยู่หลายครั้ง หมอก็ได้ชี้แนะให้ทดลองไปนวดบำบัดสุขภาพดูบ้าง ด้วยเหตุว่าจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า ผู้ที่มีลักษณะปวดหัวไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวติดต่อกัน 2-3 อาทิตย์ จะสามารถบรรเทาอาการข้างเคียงของโรคไมเกรน และนอนได้อย่างสนิทขึ้นด้วยค่ะ
น้ำมันเหลือง อาการปวดหลัง เป็นอาการที่ทุกคนจำต้องเคยเผชิญ ซึ่งเพียงพอปวดหลังขึ้นมาทีไรพวกเราก็ต้องการจะเอนหลังพักผ่อน หรือไม่ก็ไปนวดผ่อนคลายอาการปวดปวดเมื่อย แม้ว่าจริงแล้วลักษณะของการปวดหลังบางทีอาจจะมิได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากอาการปวดปวดเมื่อยกล้ามเพียงเท่านั้น แต่ว่ายังอาจเกิดขึ้นจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆได้อีกเยอะแยะ ดังเช่นว่าที่พวกเราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ต้นเหตุของลักษณะของการปวดหลังทางด้านขวา ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรและก็อันตรายหรือเปล่า เพื่อจะได้รู้ทันลักษณะการเจ็บเจ็บป่วยของร่างกาย

Tags : น้ำมันเหลือง

14

น้ำมันเหลือง เป็นยังไง ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพเลิศ ทำจากพืชสมุนไพรประเภทต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
คุณประโยชน์ของการนวดน้ำมัน
[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url] นวดจริงซึ่งก็คือการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อเกื้อหนุนสุขภาพและก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมด. น้ำมันนวดถูกวางแบบมาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด แล้วก็ในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้ผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านต่อไปเพื่อหาข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับประโยชน์ของการนวดน้ำมันรวมทั้งบรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดสดชื่น.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากจำนวนมากน้ำหอมรวมทั้งสีที่แตกต่างกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบรรเทา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถเจอได้ในตลาดน้ำมันเหลืองเพื่อคุณสามารถเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสิ่งที่ต้องการรวมทั้งความมุ่งหมายของคุณ.
สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีมากมายก่ายกองทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง
แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมภายในท้อง
ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดอุ้งเท้า ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดเข่า ปวดขา บวมช้ำ ปวดกล้าม ดมกลิ่นแก้อาเจียน เวียนหัว โรคหอบหืด และก็ไซนัส
- บรรเทาอาการตาลายหัว หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
- แก้เคล็ดขัดยอก ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- บรรเทาอาการคัดจมูก เนื่องจากหวัด
3.น้ำมันเหลือง ของ ช้อนทองมงคล มีสเตอรอยด์ไหม ?
น้ำมันเหลืองของช้อนทองมงคล ไม่มีสเตอรอยด์ ไม่มีสารเคมี ทำจากสมุนไพรไทย 100% จึงสามารถใช้ทาได้ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้โดยจะนวดไหมนวดก็ได้ ใช้แล้วไม่เกิดการสะสม ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เลยชอบพอ พอได้หาย รวมทั้งบอกต่อๆกัน

  • ใช้ยังไง ในแต่ละลักษณะของการปวด ?


พวกเราเสนอแนะกล้วยๆเพียงแค่ 2 ขั้นตอนหมายถึง"กด" + "ทา" โดยจะนวดหรือไม่นวดก็ได้ ทาบริเวณที่มีลักษณะอาการ
ปัจจุบันน้ำมันเหลืองเป็นที่ชื่นชอบใช้อย่างมากมายมาก เพราะคุณประโยชน์ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่อยากใช้สินค้าที่ทำมาจากธรรมชาติจริงๆเพราะนอกจากจะรู้สึกปลอดภัยแล้ว ใช้นานหรือบ่อยครั้งแค่ไหนก็ไม่เกิดการสะสม
ผู้ใดกันแน่ที่ถูกใจใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด เพราะว่าวันนี้เรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วไปนั้นมีการทำกันกลายสูตรมากมาย สุดแท้แต่ว่าคนไหนชอบสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งหมดมักใช้แก้ปวด แก้วิงเวียน แก้ตะคริว รักษาอาการหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้ท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรวิธีการทำกันเลย
สิ่งของ เครื่องมือ
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่นว่า ขวดใส่กาแฟ ขวดแก้ว
ขั้นตอนการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรทีละตัวทอดต่อให้หมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบทั้งยัง 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่ระบุ คือ (เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งปวงละลายเป็นของเหลว (ถ้าไม่ใช่ไม้คนบางทีอาจใช้กรรมวิธีเขย่าขวดให้ส่วนประกอบละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
น้ำมันเหลืองผลการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนก้าวหน้าขึ้น บรรเทาอาการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคาะห์ของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เปิดเผยว่า ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ไป จะทรมาทรกรรมจากลักษณะการเจ็บปวดน้อยลง อาเจียนน้อยครั้ง ไหมอ้วกเลย รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น ความดันดีมากกว่าเดิม และเครียดจากลักษณะของการป่วยลดน้อยลง หลังจากได้รับการบำบัดด้วยวิธีการนวด
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองขึ้นกับการใช้แรงงาน รวมทั้งสรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละชนิด โดยส่วนใหญ่น้ำมันรากฐานที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด เช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากถั่วเหลือง รวมทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสถาพทางร่างกาย ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มกระชุ่มกระชวย
โดยดังนี้น้ำมันแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ และคุณประโยชน์ที่นานับประการ ขึ้นกับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้

Tags : น้ำมันเหลือง

15

น้ำมันเหลือง
พวกเราเสนอแนะง่ายเพียง 2 ขั้นตอนหมายถึง"กด" + "ทา" โดยจะนวดไหมนวดก็ได้ ทาบริเวณที่มีลักษณะอาการ
เดี๋ยวนี้น้ำมันเหลืองเป็นที่ชื่นชอบใช้อย่างล้นหลามมาก เพราะว่าน้ำมันเหลืองคุณค่าไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ ลูกค้าโดยมากอยากใช้สินค้าที่ทำมาจากธรรมชาติจริงๆเพราะว่านอกเหนือจากจะรู้สึกไม่เป็นอันตรายแล้ว ใช้นานหรือบ่อยมากแค่ไหนก็ไม่มีการสะสม
คนไหนกันที่ถูกอกถูกใจใช้ น้ำมันเหลือง บ่อยๆห้ามพลาด เพราะว่าวันนี้เรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วๆไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมากไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วแต่ว่าใครกันแน่ถูกใจสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งนั้นมักใช้แก้ปวด แก้เวียนหัว แก้ตะคิว รักษาโรคหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้ท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
ข้าวของ วัสดุอุปกรณ์
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร อาทิเช่น ขวดใส่กาแฟ ขวดแก้ว
ขั้นตอนการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปจนกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรตัวทอดแม้กระทั่งหมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบ 3 จำพวก ในอัตราส่วนที่ระบุ คือ (เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนประกอบทั้งมวลละลายเป็นของเหลว (ถ้าไม่ใช่ไม้คนอาจใช้กรรมวิธีเขย่าขวดให้ส่วนประกอบละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
น้ำมันเหลือง ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตันเปิดเผยว่า คนป่วยโรคมะเร็งระยะขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนเจริญขึ้น ดีขึ้นลักษณะการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับน้ำมันเหลืองผลของการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ จะทรมาทรกรรมจากลักษณะการเจ็บปวดลดลง อ้วกน้อยครั้ง หรือเปล่าคลื่นไส้เลย รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ความดันดีกว่าเดิม และเครียดจากอาการป่วยลดน้อยลง ภายหลังจากได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
การเลือกน้ำมันเหลือง
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นกับการใช้งาน แล้วก็คุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละพวก โดยส่วนใหญ่น้ำมันพื้นฐานที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด อาทิเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง นอกเหนือจากนั้นน้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ควรต้องต่อสภาพร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่น
โดยดังนี้น้ำมันเหลืองแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะ และก็คุณค่าที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้

หน้า: [1] 2