แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - 01adxz45

หน้า: [1]
1

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เราต่างรู้จักกันดีในฐานะของผักพื้นบ้าน นิยมเอามากินกับน้ำพริกหรือเมนูอาหารต่างๆแบบใหม่ๆและก็ยังนิยมเอามาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำใบบัวบกเพื่อดับกระหาย แก้บอบช้ำใน และเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบทวีปเอเชียเรานี้เอง ด้วยคุณค่าที่หลากหลาย ก็เลยทำให้มันเป็นยารักษาโรครวมทั้งตัวช่วยดูแลสุขภาพ ในขณะนี้เริ่มมีการทำวิจัย สกัดสารสำคัญในใบบัวบกประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการรักษาในรูปของยาแคปซูล รวมทั้งบัวบกผงสำหรับชงดื่มอีกด้วย
ลักษณะของใบบัวบก
บัวบก มีชื่อเรียกด้านวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica อยู่ในวงศ์ Umbelliferae ซึ่งเป็นสกุลเดียวกันกับผักชี ส่วนชื่อแคว้นถูกเรียกในชื่อที่นานาประการ ดังเช่น ผักแว่น ผักหนอก แล้วก็กะโต่ ฯลฯ  ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์เป็นพืชล้มลุก มีกอติดอยู่กับพื้นดิน ลำต้นจะเลื้อยแพร่กิ่งไปตามพื้นดินในแนวราบ แก่ยืนยาวได้นานหลายปี การแตกรากรวมทั้งใบจะเกิดขึ้นตามข้อ ลักษณะเป็นใบคนเดียว มีรูปร่างราวกับไต จะออกเป็นกลุ่มตามข้อ ขอบของใบหยัก มีก้านใบยื่นยาวออกมา ดอกเป็นสีม่วงปนแดง ผลแบน ออกเป็นดอกคนเดียวหรือช่อขนาดเล็กประมาณ 3-4 ดอก มีเอกลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของกลิ่น รวมทั้งรสชาติที่ขมคละเคล้าหวาน
คุณประโยช์จากใบบัวบักที่นิยมนำมากิน
เราอาจเคยชินว่าบัวบกเป็นพืชสมุนไพรแก้บอบช้ำในเป็นหลัก แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วสมุนไพรชนิดนี้มีประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาอีกนานัปการ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลรักษาโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน รักษาโรคในกระเพาะ ช่วยบำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความจำ ฯลฯ การรับประทานใบบัวบกแบบสดๆจะทำให้ร่างกายได้สารสำคัญหลายชนิด ที่มักพบคือ "สารไกลโคไซด์" (Glycosides) ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่ผลเข้าไปกีดกั้นการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์และเยื่อต่างๆภายในร่างกาย มีส่วนช่วยรีบการสร้างคอลลาเจนที่ผิว กระดูก และก็เอ็น ทำให้แผลสมานตัวเข้าพบกันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สรรพคุณของใบบัวบก ไม่ว่าจะเป็นการทานเป็นต้นดิบๆหรือเอามาคั้นเป็นน้ำดื่ม ล้วนมีสรรพคุณทางยาที่ไม่ได้ต่างอะไรกัน
เนื่องมาจากมีฤทธิ์เป็นยาเย็น จะช่วยลดการเกิดอาการร้อนใน ช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม ในกลุ่มสตรีที่อยู่ในวัยใกล้หมดรอบเดือน คนที่จำเป็นต้องใช้สมองสำหรับเพื่อการทำงานมากๆใบบัวบกจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความจำก้าวหน้า ช่วยลดความเครียด ลดการอักเสบที่ผิวหนัง อาการฟกช้ำดำเขียวแล้วก็ร่องรอยไม่ดีเหมือนปกติที่เกิดบนผิวหนัง นอกเหนือจากนี้คนที่บริโภคใบบัวบกข้างหลังการผ่าตัด จะช่วยทำให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น รวมทั้งลดการติดเชื้อได้
คุณประโยชน์ของบัวบกกับผลของการวิจัย
งานศึกษาวิจัยได้เอ๋ยถึงบัวบกเอาไว้ว่า เป็นพืชที่มีคุณประโยชน์เด่นในด้านการบำรุงสมองเช่นเดียวกันกับแปะก๊วย ช่วยกระตุ้นสมองสำหรับเพื่อการจดจำสิ่งต่างๆได้ดิบได้ดีขึ้น และก็ช่วยพัฒนาการศึกษาทางสมอง แล้วก็ด้วยลักษณะพิเศษกลุ่มนี้ทำให้มันแปลงเป็นพืชที่ถูกจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกที่มีหน้าที่่ช่วยเพิ่มความจำ
จากการทดลองในลูกหนู พบว่ามีความจำรวมทั้งการเล่าเรียนที่ดีขึ้น ส่วนในคน มีการทดสอบในเด็กพิเศษ ด้วยการกินบัวบกวันละ 500 มก. ติดต่อกัน 3 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่ามีความรู้ความเข้าใจสำหรับการศึกษาที่ดีมากยิ่งกว่า ส่วนในคนชราให้ทดลองรับประทานสารสกัดบัวบก 750 มิลลิกรัม ต่อเนื่องกัน 2 เดือน พบว่า ทั้งยังความจำและการเรียน ทั้งยังช่วยลดอารมณ์ปรวนแปร ทำให้คนวัยชรามีจิตใจเบิกบานเยอะขึ้นด้วย ในรายที่เป็นวัยทำงาน ได้กระทำทดสอบกับหญิงอายุราวๆ 33 ปี รับประทานสารสกัดบัวบก 500 มก. วันละ 2 ครั้ง พบว่าช่วยลดความเครียด ความวิตก รวมทั้งภาวะเศร้าหมองลงได้
เมื่อเจาะลึกลงไปถึงระดับเซลล์ เจอแนวทางการทำงานของสารสกัดบัวบกที่ตรงเข้าออกฤทธิ์กับสมอง ช่วยให้การหายใจระดับเซลล์ข้างในสมองปฏิบัติงานก้าวหน้าขึ้น มีสารต้านอนุมลอิสระ ช่วยสร้างสมดุลสารสื่อประสาท รวมทั้งต่อต้านการเสื่อมสลายของเซลล์สมองได้
การนำใบบัวบกมาใช้บริโภคเพื่อเป็นยา
บัวบกสามารถประยุกต์ใช้เป็นยาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของต้นสด เมล็ด หรือใบ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบประยุกต์ใช้สูงที่สุด การเลือกใบบัวบกที่ดี ควรเลือกใบที่โตเต็มกำลังรวมทั้งสมบูรณ์ ประยุกต์ใช้ตากแห้งป่นเป็นผงบรรจุลงในแคปซูลประมาณ 500 มก. รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย
นำเอาใบบัวบกสด 1 กำมือ มาคั้นให้ได้น้ำ หรือตำให้รอบคอบแล้วผสมกับน้ำ 1 แก้ว คนจะกว่าจะเข้ากันหลังจากนั้นกรองให้เหลือแค่น้ำ ผสมน้ำตาลหรือเกลือก็ได้ตามชอบ ดื่มทีละ 1 แก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 3 มื้อ ราว 5-7 วัน จะช่วยลดอาการร้อนในและแก้บอบช้ำในได้
กรณีที่เป็นคนเจ็บโรคความดันโลหิตสูง ให้สามารถดื่มน้ำใบบัวบกทุกวี่ทุกวัน ต่อเนื่องกันโดยประมาณ 7 วัน จะช่วยลดความดันให้อยู่ในระดับปกติ
เม็ดของบัวบกที่มีรสขมและเย็น นิยมประยุกต์ใช้แก้ไข้ ลดอาการปวดศีรษะ และแก้บิด

ข้อพึงระวังสำหรับในการใช้ใบบัวบก
ก่อนรับประทานใบบัวบกเพื่อเป็นยา ต้องตรวจทานสุขภาพเกี่ยวกับร่างกายของตนก่อนว่าฐานรากแล้วมีโรคประจำตัวอะไรที่มีการเสี่ยงหรือเปล่า เพราะว่าสารบางชนิดในใบบัวบก จะเข้าไปทำให้อาการของโรคกำเริบเสิบสานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้
เพราะเหตุว่าบัวบกเป็นยาที่มีฤทธิ์เย็น การกินมากเกินไปจะมีผลให้สะสมในร่างกายกระทั่งรู้สึกหนาวมากขึ้นเรื่อยๆได้
เลี่ยงการกินใบบัวบกต่อเนื่องกันทุกวัน หรือกินทีละมากๆเมื่อรับประทานติดต่อกันโดยประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ก็ควรพักผ่อน 1 อาทิตย์ แล้วค่อยกลับมารับประทานใหม่
สำหรับคนที่กินใบบัวบกใหม่ๆติดต่อกันทุกวี่ทุกวัน ควรกินในสัดส่วนราวๆวันละ 3-6 ใบ ไม่สมควรเกินความจำเป็นกว่านี้
หากร่างกายมีลักษณะเมื่อยล้า มึนหัว ใจสั่น หรือหัวใจเต้นเปลี่ยนไปจากปกติ รู้สึกคันตามผิวหนัง ท้องเสีย ภายหลังจากการกิน ควรหยุดรับประทานทันทีและรีบเข้าพบหมออย่างเร่งด่วน
ในฝูงคนที่ต้องรับประทานยาแก้แพ้ ยานอนหลับ หรือยากันชัก ไม่ควรกินใบบัวบก เพราะจะยิ่งไปเพิ่มฤทธิ์ให้รู้สึกง่วงซึมมากเพิ่มขึ้น
ใบบัวบกคือพืชสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายทั่วไปตามตลาด ราคาแพงถูก แม้กระนั้นจำนวนมากด้วยคุณประโยชน์ทางยา ที่จะเป็นโอกาสสำหรับการรักษาโรคต่างๆรวมทั้งใช้สำหรับบำรุงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ http://www.disthai.com/

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ คุณประโยชน์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนอยากมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ คุณประโยชน์เด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งคนไม่ใช่น้อยบางทีอาจเคยเห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วรู้ไหมขาว่า ประโยช์จากรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้ไม่ได้มีดีแค่ช่วยคนต้องการมีลูกเพียงแค่นั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบตามที่เป็นจริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากๆยกตัวอย่างเช่น สาวร้อยสามี จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้ารวมทั้งรากใต้ดินเหมือนรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมสดชื่น ฯลฯที่ส่งผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน และก็มีเมล็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
คุณประโยชน์รากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเปรียบเทียบให้เป็นพลังแห่งการปฏิสังขรณ์ความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณและหมอสมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งก็นับเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดชื่อสาวร้อยสามี ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนโบราณมักจะนำรากมาต้มรับประทานหรือปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยบำรุงรักษาสตรีให้ไมว่าจะอายุเยอะแค่ไหนก็มีลูกได้ง่าย
          นอกนั้นสมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยสรรพคุณมาเยอะแยะ โดยพบว่า รากสามสิบมีคุณประโยชน์ทางเภสัชวิทยาตามนี้ติดตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
          - คลายกล้ามมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยับยั้งโรคเบาหวาน
          - ปราบเซลล์มะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิต้านทาน
รากสามสิบ
          - ต้านทานสภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันโลหิตสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนผู้หญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง
          - ขับนม
          - ช่วยทำให้การตกไข่สมบูรณ์
          - ช่วยทำนุบำรุงกำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำกามน้ำอสุจิ
          - ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะ
          - ยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับฉี่
          - ขับเสลด
          - บำรุงเด็กในครรภ์
          - แก้แท้งลูก
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท ชูกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          รวมทั้งด้วยสรรพคุณของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจังหวัดพะเยาจีงได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการคุ้มครองการสลายเนื้อกระดูกและอวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ เนื่องจากเล็งเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งมักจะกำเนิดกับผู้หญิงมากยิ่งกว่าเพศชายนั้น มีต้นเหตุหลักจากการต่ำลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนตอนหลังหมดเมนส์ โดยเห็นผลการทดลองมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบหลังจากถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากลุ่มหนูถูกตัดรังไข่แต่ว่าไม่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          ยิ่งกว่านั้นสารสกัดรากสามสิบยังไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเยื่อบุโพรงมดลูก ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีคุณภาพสำหรับในการปกป้องการสลายของเนื้อกระดูกในหนูทดลองได้ โดยไม่มีผลเสียใดๆต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ทว่ายังคงจะต้องทดสอบเพิ่มอีกเพื่อศึกษาว่า สารสกัดรากสามสิบจะมีผลต่ออะไรก็แล้วแต่กับอวัยวะอื่นหรือไม่
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          ต้นรากสามสิบจะยังมีให้มองเห็นอยู่ในประเทศไทย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มรับประทานให้อ่อนเพลีย เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อเยอะมาก แต่ว่าดังนี้ควรตรวจสอบให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมีเครื่องหมายการค้าแล้วก็ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาไหม
          แต่ว่าถ้าคนไหนสามารถหาต้นรากสามสิบสดๆได้ จะเอามาต้มยากินเองเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยค่ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรเริ่มแรก)
     ส่วนประกอบ

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กก.
  • น้ำ 10 ลิตร


     กระบวนการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกรวมทั้งดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกรอบ
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • ต้มราว 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส และสามารถเพิ่มน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโล
  • น้ำตาล 1.5 กก.
  • น้ำ 5 ลิตร
    วิธีทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกแล้วก็ดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกรอบ
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เพิ่มเติมน้ำตาล ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวจนถึงน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • เคี่ยวต่อกระทั่งเป็นสีเหลืองทอง
รากสามสิบ
ข้อควรคำนึงสำหรับในการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องด้วยสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ฉะนั้นจึงจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อผู้หญิงที่มีการเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว ดังเช่นว่า คนที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรขอความเห็นหมอก่อนที่จะยอดเยี่ยมนะคะ       
          มองเห็นสรรพคุณรากสามสิบกันไปแล้วหลายๆคนเริ่มสนใจอยากหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แต่ก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรจะวิเคราะห์ที่มาที่ไปและยี่ห้อ แล้วก็การรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือด้วย http://www.disthai.com/

3

เหงือกปลาหมอ
ถิ่นกำเนิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยเราเพราะว่ามีประวัติในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและก็ชอบพบได้บ่อยในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญเติบโตก้าวหน้าในที่ร่มรวมทั้งมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นเดียวกัน เหงือกปลาหมอ พบอยู่ 2 ชนิดหมายถึงประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้มากในภาคกึ่งกลางรวมทั้งภาคตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาหมอยังเป็นประเภทไม่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบผู้เดียว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบรวมทั้งปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อใบแข็งรวมทั้งเหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 เซนติเมตร และก็ยาวราว 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับชนิดของต้นเหงือกปลาหมอเป็น ดอกมีอีกทั้งชนิดดอกสีม่วง หรือสีฟ้า รวมทั้งจำพวกดอกสีขาว แต่ลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบเป็นท่อปลายบานโต ยาวราวๆ 2-4 ซม. รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราว 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเม็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยพูดว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นยากินแล้วก็ต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนเจ็บโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและวิธีการใช้ยาก็มีหลายแนวทาง คือ
วิธีต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แม้กระนั้นหากมีเหงือกปลาหมอไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
แนวทางการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอ 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร ยามเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยจวบจนกระทั่งจะหาย แต่ถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันบกพร่องก็จำเป็นต้องกินตลอดกาล

ขั้นตอนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการบินร่อนเป็นผงละเอียดราวกับแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มก. คนแก่กินทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และใช้ขับเสลด
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลายชนิด โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการผอมเกร็ง หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างกันออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-อีกทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มรับประทานแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งปวง ผลกินเป็นยาขับเลือดเมนส์ นอกจาก หากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะ
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ไม่สบายจับสั่น
- ทั้งยังต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมโซเหลืองตลอดตัว รับประทานทุกๆวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือหน่อยเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยชูลง กลั้นใจกินขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ปริมาณเสมอกัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำจนถึงเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา รุ่งเช้า ช่วงกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวี่วัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ประเภท หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้อิดโรย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งสิ้นที่บอกเป็นตำราเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

4

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า แก้มหมอ (จังหวัดสตูล), แก้มแพทย์เล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน เป็นต้น
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์เป็นชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบมากทางภาคใต้ แล้วก็ชนิดที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่มักพบทางภาคกลางและก็ภาคตะวันออก แล้วก็เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาแพทย์ สมุนไพรใกล้ตัวหรืออาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้สำหรับในการรักษาโรคได้หลายชนิด ที่โดดเด่นมากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกจำพวก แก้น้ำเหลืองเสีย แล้วก็การนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นทั้งสดรวมทั้งแห้ง ใบสดและก็แห้ง ราก เมล็ด รวมทั้งต้น (ส่วน 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เม็ด)
ลักษณะของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงราว 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 ซม. แพร่พันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดรวมทั้งการใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้ง เจริญเติบโตเจริญในที่ร่มรวมทั้งในที่ที่มีความชื้นสูง ชอบขึ้นตามชายน้ำหรือรอบๆริมฝั่งลำคลองรอบๆปากแม่น้ำ อาทิเช่น บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งทิศตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ และก็ที่สถานที่เรียนนายเรือ ฯลฯ
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบของใบแล้วก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างราว 4-7 เซนติเมตร แล้วก็ยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีจำพวกดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) รวมทั้งประเภทดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน บริเวณกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าแม้รับประทานต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะก่อให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ชนิด หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่ทราบอ่อนแรง / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุผิดปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (อีกทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมโซเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงกินทุกวี่วัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอและเปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะ (ต้น)ช่วยยั้งโรคมะเร็ง ต้านทานโรคมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นและก็ข้าวเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำจนถึงเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว ยามเช้า กลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (อีกทั้งต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้และทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นแล้วก็รากเอามาต้มอาบแก้อาการ (ต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างละเอียดเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้รอบเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนรวมทั้งพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เม็ด, ผล, ทั้งยังต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (อีกทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนเจ็บโรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง แม้ใช้ต้นมาต้มอาบรวมทั้งทำเป็นยากินต่อเนื่องกันราวๆ 3 เดือนจะช่วยให้ลักษณะของแผลพุพองทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประดง รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ต้นนำมาตำเอาแต่น้ำกิน (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราว 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดเอามาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภทภายในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบสดรวมทั้งแห้งราวๆ 1 กำมือ เอามาบดอย่างระมัดระวัง แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนกินอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้ถี่ถ้วน ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำอย่างละเอียด สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ต้น ถ้าหากประยุกต์ใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรักษารากผมได้ (ใบ)
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากเหงือกปลาหมอ
ในตอนนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาแพทย์ผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้เพื่อการอบตัวหรืออบด้วยละอองน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนสีผม จนกว่าแชมพูของสุนัข เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บสำนักงานแผนการอนุรักษ์กรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (ชำนิชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ องค์การส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (อาจารย์ยุยงวดี จอมคุ้มครอง), หนังสือการบริหารร่างกายแกว่งไกวแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์สิน) http://www.disthai.com/

5

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ สรรพคุณ
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักแล้วก็รู้จักดีกันมานาน เนื่องจากในอาหารไทยหลากหลายประเภทมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเลิศในเครื่องปรุงด้วยเสมอ เช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติรวมทั้งคุณค่าให้กับของกิน ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญรับประทาน จนแปลงเป็นสิ่งที่จะจำเป็นมากเลยในของกินกลุ่มนี้ นอกเหนือจากนี้ยังมีกลิ่นหอมหวนเฉพาะบุคคลจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกเอาไปใช้เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพมากมาย ทั้งยังน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในสกุลหญ้า มีหลายประเภท นอกจากนำไปเข้าครัวแล้วแล้วก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางประเภทยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย ก็เลยจัดเป็นผักสวนครัวที่อยู่คู่กับชาวไทยมานาน หลายบ้านจึงนิยมปลูกเอาไว้ในบ้าน จะใช้เมื่อใดก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่ซ่อนคุณประโยชน์ไว้เยอะมาก เพราะเหตุว่าเป็นอีกทั้งของกินและยารักษาโรค มีวิตามินแล้วก็แร่ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และโฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้ผู้ที่รังเกียจตะไคร้ลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาชอบตะไคร้ให้มากเพิ่มขึ้น จะได้ประโยชน์จำนวนมากแน่ๆ
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้จริงหรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการคุ้มครองแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถปกป้องยุงลาย ยุงก้นปล่อง และยุงอารมณ์เสียกัดได้ ยิ่งไปกว่านี้ยังฤทธิ์สำหรับเพื่อการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
นอกจากยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองป้องกันแมลงจำพวกอื่น เป็นต้นว่า ถ้าผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนแล้วก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วฝักยาว ส่วนยาสระผมที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นทรงกระบอก แข็ง เกลี้ยง ตามปล้องมักมีไขปกระอุลม เหง้า มีข้อและก็ข้อสั้นมากมาย กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวผสมม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมเฉพาะ
คุณประโยชน์
– ทั้งยังต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับเยี่ยว รวมทั้งแก้อหิวาต์ นอกจากนี้ยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ ตัวอย่างเช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และก็ขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันเลือดสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับแต่ง ปวดท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคทางเดินเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งเรือง นอกจากนี้ยังคงใช้ขจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา รวมทั้งมีกลิ่นไล่สุนัขและแมว
แบบเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเท้าเยี่ยว แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันโลหิต เหง้า แก้เบื่ออาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้เยี่ยวพิการ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับเมนส์ ขับตกขาว ใช้ข้างนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มม. ยาวราว 50-100 ซม. แผ่นใบแคบ ยาว แล้วก็นิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเนียน และก็มีกลิ่นหอมหวนเหม็นเบื่อ ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวปนม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นแรงกระทั่งรับประทานเป็นของกินไม่ได้ ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม

คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับเลือดรอบเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีมีครรภ์ เนื่องจากถ้าทานเข้าไป อาจส่งผลให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุม ชำระล้างไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ ใจไม่ดี เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมเปลี่ยนไปจากปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาคุ้มครองป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง รวมทั้งใช้รักษาโรคตัวเห็บหมา
ตำราเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนมีครรภ์ห้ามกิน นอกเหนือจากนี้ยังใช้ขับประจำเดือน ขับฉี่ ขับตกขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและก็ปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้คลื่นไส้ แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
เหง้า ใบ แล้วก็กาบ เอามากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ดังเช่นว่า สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว เบิกบานใจ ทำให้แคล่วคล่องว่องไว ระงับความเครียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับในการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดข้อ ช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อควรคำนึง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงมีท้องเนื่องจากว่าอาจส่งผลให้แท้งได้

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

6

ทับทิม
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสดสูงที่สุดแล้วก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่างเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวย ทั้งยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งสารพฤกษเคมีหลายแบบที่มีสาระต่อสภาพทางร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าบางทีอาจมีประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันโรคหรือบรรเทาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจและก็เส้นโลหิต คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากและโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานศึกษาวิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในต้นแบบแตกต่างกันกับการดูแลและรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะระบุคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้กระจ่างแจ้ง ซึ่งแบบอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ดังเช่นว่า สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านทานอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ก็เลยอาจช่วยลดความเสี่ยงสำหรับการกำเนิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดเอ็งลลิค 610 มก.) รวมทั้งวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วต่ำลง จึงคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปและก็ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ลดลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น ก็เลยชี้ให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรจะมีการเรียนรู้เสริมเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมแล้วก็การรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกประเภทที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากว่าการดูแลและรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีคุณภาพพอเพียงในการทุเลาอาการจากโรคมากมายซักเท่าไหร่และก็ลดการเสี่ยงด้านของสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดสอบทางสถานพยาบาลกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลและรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกระบวนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เล่าเรียนความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบเจลสำหรับในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดน้อยลงมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงโพรงปาก ตัวอย่างเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันรวมทั้งบรรเทาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดคราบจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพในการลดคราบจุลชีวันตามผิวฟัน แล้วก็อาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) และยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีคุณภาพไม่มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงเพียงพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดจังหวะสำหรับการเกิดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ข้างในช่องปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การเรียนรู้อีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวัน ซึ่งสำหรับการทดสอบได้เก็บรอยเปื้อนจุลอินทรีย์จากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน ข้างหลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกลุ่ม เช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% และก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียง 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับการใช้กำจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะเหตุว่าระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบออกจะสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บเบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งมีสภาวะไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารข้างใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าผู้เจ็บป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้ป่วยโรคเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกมิได้ชัดเจน เนื่องด้วยอาหารจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้ด้วยเหมือนกัน และกรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นที่จะต้องขยายผลการเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มอีก นอกนั้น การรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรมีการควบคุมของกินแล้วก็การออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากยิ่งขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารโพลีฟีนอลที่มักพบในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องแลปบอกว่าสารพวกนี้มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการโรคปอดอุดกันเรื้อรังรวมทั้งบางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ก็เลยมีการเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกต่อเนื่องกันทุกวี่ทุกวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลในเลือดแล้วก็เยี่ยวของคนป่วย ทั้งยังยังไม่เจอความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กรุ๊ป ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร จึงควรทำความเข้าใจวิธีการดูดซับสารอาหารที่ไม่เหมือนกันก่อนที่จะอ้างถึงผลดีด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการกิน เพราะสารอาหารที่พบในของกินที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งหมด
โรครวมทั้งอาการอื่นๆเป็นต้นว่า โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังจะต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยเสริมเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะรวมทั้งความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลข้างเคียงจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การกินรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายในการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้น้อยในบางราย อย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นจะต้องขอความเห็นแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะทำให้ความดันโลหิตลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนเจ็บที่มีสภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนป่วยที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ เนื่องด้วยทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมพร้อมกันกับยาบางประเภทอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ยกตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวพันกับลักษณะการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน คนที่กินยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะมีการกินเพื่อให้มีความปลอดภัย

หน้า: [1]