แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - uoid01s5x8c7

หน้า: [1]
1

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นแรง มีรสขมหวาน
เมื่อกล่าวถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจนึกไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการบอบช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แม้กระนั้นจริงๆแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณมาก เนื่องจากได้รับการกล่าวขานเกี่ยวการดูแลรักษาโรคได้หลายชนิด อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องอืด แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงรักษาสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนเพลียของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายอย่าง เช่น บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ตรีเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ และก็ยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และก็กรดอะมิโน ยกตัวอย่างเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสทีดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนชื้น เพราะว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบกคุณประโยช์จากใบบัวบก
ประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่ว่าหรูหราสารออกซาเลตที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในจำนวนต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและก็วัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมและก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและก็อีลาสติน
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยทำนุบำรุงและก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา ด้วยเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการกางใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยทำนุบำรุงประสาทแล้วก็สมองราวกับใบแปะก๊วย
ช่วยให้ความจำดียิ่งขึ้นและทำให้มีปฏิภาณความเฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในคนวัยชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด และก็ความสามารถสำหรับการเรียนรู้
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลอลักษณะของโรคโรคสมองเสื่อมในคนชรา สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับในการตกลงใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว ปวดหัวด้านเดียว
ช่วยแก้อาการเวียนหัวศีรษะ
ช่วยระงับความเครียด
ช่วยเสริมรูปแบบการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยบรรเทาและก็ทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆก้าวหน้าเพิ่มขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงเลือดภายในร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้เค้าหน้าผ่องใสราวกับเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาลักษณะของการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดโดยประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินเสมอๆ
ช่วยแก้กระหายน้ำสรรพคุณใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนเจ็บเบาหวานเจริญ
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนเปียกชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วเอามาดื่ม หรือจะใช้บัวบกใหม่ๆต้นประมาณ 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะเริ่มต้น ด้วยการใช้บัวบกและเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นโลหิต และก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะเหตุว่าทำให้เลือดเดิน แต่ว่าเลือดจะไม่ออกจากเส้นโลหิตและก็ยังเป็นเหตุให้เหี้ยมโหดอีกด้วย
ช่วยแก้อาการบอบช้ำใน เจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเสีย
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองแล้วก็ยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการเยี่ยวติดขัด ด้วยการกางใบบัวบกราวๆ 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อชิ้งฉ่องคล่องก็ดีแล้วค่อยคัดออก
ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินฉี่ ปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วฟุตบาทฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกมาจากเยี่ยว
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากจนเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของเชื้อไวรัสตับอักเสบ
แก้ลักษณะของการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดราว 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการผลิตเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะรอบๆที่บวมช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงราว 250 cc. ราวๆ 1 ชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม
ใช้บัวบกตำเอามาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆอย่างเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด ฯลฯ
ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้อย่างดีเยี่ยมและก็ใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการเอามาผลิตเป็นแคปซูลวางขาย มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
เดี๋ยวนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในชนิดผงใช้โรยแผล และในแบบเป็นเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟลุก น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยปกป้องการเกิดแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบรวมทั้งเถาบัวบกใช้กินเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมหัว มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงหนังศีรษะและก็เส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับฤดูร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัน
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณลักษณะช่วยลดการระคายเคืองผิวและก็ไม่เป็นอันตรายต่อสภาพร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการประยุกต์ใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบสำหรับเพื่อการผลิตเครื่องแต่งตัว
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นสิ่งของปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาวันแล้ววันเล่าก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

วิธีทำน้ำบัวบก
วิธีทำน้ำบัวบกแนวทางการทำน้ำบัวบก ควรจะเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้อีกทั้งรากนำมาล้างน้ำชำระล้าง
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนเอามาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำลำดับที่สองเพื่อจับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำที่สะอาด และก็ห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองมิได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจะต้องคั้นใหม่ๆจากใบใหม่ๆและไม่ควรที่จะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรจะแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมหากทำจากน้ำสุกใบเตย จะทำให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่ต้องจัดแจงเป็นต้นว่า บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาเล็กน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนถึงสะอาดแล้วหั่นตรอกเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน
เอามาทอดในไฟอ่อนจนถึงไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาอาการปวดศีรษะ และเวียนหัวศีรษะ
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดแจงวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบ / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้สำหรับทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย รวมทั้งเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นเตรียมไว้ เอามาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักต่อจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้พอเพียงเหลืองกรอบแล้วชูลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เป็นอันเสร็จ เอามาจิ้มกินกับน้ำปรุงรสไก่ได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างถี่ถ้วน โดยตัดก้านแล้วก็ใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบเอามาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามขวางและกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งและก็ผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู โดยประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้เข้ากัน
ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ครั้งละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้กับส่วนผสมทั้งหมดทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันอีกที
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่อยากได้
ใช้เวลาอบราวๆ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราว 250 องศา หรือดูว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
แนวทางการทำน้ำมันบัวบก
เตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ บัวบก 4 โล / น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มเติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วก็ค่อยนำไปปั่นจนถึงละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆประมาณ 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยๆจนเหลือแต่น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว โดยให้สังเกตลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบทราย ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
การใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้นำมาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมยาสระผมตามเดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย
น้ำมันบัวบก คุณประโยชน์ช่วยบำรุงหนังศีรษะรวมทั้งเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ แก้ไขปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
การตักเตือนและคำเสนอแนะ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรใคร่ครวญรากฐานของร่างกาย อย่าดูแต่สรรพคุณเพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะกับมีภาวการณ์เย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องอืดเสมอๆ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเหลือเกิน จะก่อให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

2

เหงือกปลาหมอ
ถิ่นเกิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยพวกเราเนื่องจากมีประวัติในการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งแล้วก็มักจะพบได้บ่อยในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญเติบโตก้าวหน้าในที่ร่มรวมทั้งมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เหมือนกัน เหงือกปลาหมอ พบอยู่ 2 พันธุ์ คือ ประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl มักพบในภาคกึ่งกลางแล้วก็ภาคทิศตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นประเภทไม่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบของใบแล้วก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อเรือใบแข็งและเหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 เซนติเมตร และยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับพันธุ์ของต้นเหงือกปลาหมอคือ ดอกมีทั้งจำพวกดอกสีม่วง หรือสีฟ้า แล้วก็จำพวกดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบเป็นท่อปลายบานโต ยาวราว 2-4 เซนติเมตร รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และก็เกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ข้างในฝักมีเมล็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่ว่าเมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นอีกทั้งยากินและก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดน้อยลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนเจ็บโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาและวิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี เป็น
แนวทางต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ยามเช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำเป็นต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นทีละ 3-4 ขัน แม้กระนั้นถ้าเกิดมีเหงือกปลาหมอไม่น้อยเลยทีเดียว บางครั้งก็อาจจะต้มยาเพื่อแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
ขั้นตอนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมออีกทั้ง 5 หนตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งก็อาจจะรับประทานทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร ยามเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยจนกว่าจะหาย แต่ถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็จะต้องรับประทานตลอดกาล

วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผุยผงละเอียดเสมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มก. คนแก่รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนรับประทานอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณมาก ยกตัวอย่างเช่น
-ราก มีสรรพคุณสำหรับในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลายแบบ โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการซูบซีด หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาต่างกันออกไปอีก
-ทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งสิ้น ผลกินเป็นยาขับโลหิตประจำเดือน นอกนั้น ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาทั้งตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะ
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบซีดเหลืองทั้งตัว กินวันแล้ววันเล่า
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือนิดนึง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยชูลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนตลอดตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url]" ทั้งยัง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา รุ่งเช้า ช่วงกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย รวมทั้งต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่ทราบอ่อนล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นตำราเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรลบหลู่ดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

3

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล), แก้มแพทย์เล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์เป็นประเภทที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบบ่อยทางภาคใต้ รวมทั้งพันธุ์ที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่มักพบทางภาคกึ่งกลางแล้วก็ภาคตะวันออก และเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาแพทย์ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งก็อาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้สำหรับการรักษาโรคได้หลากหลายประเภท ที่เด่นมากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้แทบทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย แล้วก็การนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นทั้งสดรวมทั้งแห้ง ใบทั้งสดและก็แห้ง ราก เมล็ด และทั้งยังต้น (ส่วนทั้งยัง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เมล็ด)
รูปแบบของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม. แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้ง เจริญเติบโตเจริญในที่ร่มและก็ในที่ที่มีความชุ่มชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ ตัวอย่างเช่น รอบๆริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ แล้วก็ที่สถานที่เรียนนายเรือ ฯลฯ
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งและเหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 เซนติเมตร แล้วก็ยาวราว 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีอีกทั้งประเภทดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) รวมทั้งจำพวกดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน บริเวณกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และก็เกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราว 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เมล็ด
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะก่อให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้อ่อนล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุไม่ปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมเป็นปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมแห้งแรงน้อยเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงกินวันแล้ววันเล่า (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นๆจนถึงหมด อาการก็จะดีขึ้น (อีกทั้งต้น)ช่วยยับยั้งมะเร็ง ต้านทานโรคมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นรวมทั้งอาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ในสัดส่วนที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำกระทั่งเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว ยามเช้า กลางวัน เย็น อาการจะ (ต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้อาการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นและรากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างถี่ถ้วนเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบและก็ต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ระดูมาไม่ปกติของสตรี ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าใช้ต้นมาต้มอาบและก็ทำเป็นยากินต่อเนื่องกันประมาณ 3 เดือนจะช่วยให้อาการของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคเรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ต้นนำมาตำเอาแต่น้ำดื่ม (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและก็ใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดทั้งภายในภายนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งยังสดแล้วก็แห้งราว 1 กำมือ เอามาบดอย่างถี่ถ้วน แล้วนำมาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือแนวทางที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะกินอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้เกรียมแล้วป่นให้ละเอียด ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างถี่ถ้วน สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ต้น)
ต้น ถ้าประยุกต์ใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาหมดทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับแต่งข้ออักเสบรวมทั้งแก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ในปัจจุบันสมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในรูปแบบของยาเม็ด
นอกเหนือจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนสีผม กระทั่งแชมพูของสุนัข เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
: เว็บไซต์ที่ทำการโครงการสงวนพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (ชำนาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ องค์การส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, ที่ทำการกองทุนช่วยเหลือการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุยงวดี จอมคุ้มครอง), หนังสือการบริหารร่างกายแกว่งไกวแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

4

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอะ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกายในหลายๆด้าน เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีความจำเป็นเป็นอย่างมากต่อร่างกายของเรา อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยเยอะๆอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ซึ่งมาจากขิงนั้น พวกเราสามารถนำมาใช้ได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น รวมทั้งผลก็ได้ทั้งหมด
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอดเยี่ยม
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเยอะๆ ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับการป้องกัน ต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง โดยเหตุนั้นควรกินขิงพร้อมกันไปกับการรักษามะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แล้วก็ช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นใหม่ๆเอามาทุบให้แหลกประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงเป็นประจำ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมากิน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำ
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยทุเลาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นมัว (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาข้างหลังคลอดลูก ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดราว 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้รับประทานเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงน้ำนมของคุณแม่ (ผล)
ช่วยให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวๆครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหนึ่ง
ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนป่วยที่มีลักษณะอาการเมายาสลบหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใช้ขิงสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำ (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยขจัดปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก เอามาพอกบริเวณที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งกระทั่งอาการ หรืออีกแนวทางก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะราวๆ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้แบบเดียวกัน แถมยังช่วยให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และก็ใช้แก้อาการตาพร่า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาเฉอะแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้งผาก เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีให้รอบคอบคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งไหม้เกรียม แล้วบดกระทั่งเป็นผุยผง แล้วหลังจากนั้นนำมาพอกรอบๆฟันที่ปวดแก้เสลด เสมหะขาวเหลวปริมาณมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวการณ์น้ำลายมาก คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นแล้วก็เกลือน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันแล้วก็คุ้มครองการเกิดฟันผุ
ช่วยดับกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาตีให้แหลก แล้วนำมาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้บ่อยๆ จะสามารถช่วยจัดการกับรอยคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย คนจนเข้ากันแล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายแดง นำมาตำกระทั่งเหมาะ แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอาเจียน (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดโดยประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ นำมาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดการคลื่นไส้คลื่นไส้จากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงมีท้องไม่ควรกินหลายครั้งจนกระทั่งเกินความจำเป็น)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลำไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาทุบพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ราวๆ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้ออาหาร
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในช่วงก่อนหรือหลังระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วราว 30 กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเสมอๆ
ช่วยสำหรับในการย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับเพื่อการถ่าย และก็ช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่นอนในผู้ป่วยที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดเป็นประจำ
มีฤทธิ์ช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ปัญหาหนังที่มือลอกเป็นเกล็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำมาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาถูรอบๆดังกล่าววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาผิวนอกจนถึงเป็นถ่าน คอยเฉือนถ่านที่เปลือกนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆเอามาวางทับรอบๆที่ถูกกัดจะช่วยบรรเทาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยป้องกันการแพ้อาหารทะเลจนถึงเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรืออาหารช็อกประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อป้องกันการอักเสบแล้วก็การเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการทำอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสของกินได้เป็นอย่างดี แล้วก็สามารถช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารเจริญอีกด้วย
ในด้านความสวยนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดรอบๆต้นขา ตูด หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์จากขิงนั้นเอามาดัดแปลงได้หลายแบบ อย่างเช่น บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

แนวทางการทำน้ำขิง
วิธีทำน้ำขิงวิธีทำน้ำขิงลำดับแรกให้เตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ ขิงแก่ 1 โล / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาทุบให้แตก แล้วเอามาใส่ในหม้อต้ม เพิ่มน้ำสะอาดลงไป เอาขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนน้ำเดือดแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยค่อยไฟลง ต้มโดยประมาณ 20 นาทีจนกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วยกลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความปรารถนา) แล้วคนจนเข้ากัน
เป็นระเบียบเรียบร้อยและก็สามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าควรจะเพิ่มเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินความจำเป็น เนื่องจากมีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่สมควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นกระทั่งเกินความจำเป็น เพราะว่าจะมีอันตรายต่อสภาพร่างกายได้ เพราะเหตุว่าจะไปยับยั้งการบีบตัวของไส้ จนทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ดังนั้นควรคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
พวกเรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับในการทำอาหารและก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการเยียวยารักษาโรคต่างๆได้สารพัน ถือว่าเป็นตัวช่วยสำหรับในการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แต่ดังนี้เราก็ไม่สมควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับการรักษาโรค ควรทำอย่างอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของพวกเราร่วมด้วยจะได้ผลดีนักแล
เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และก็ยังมีใยอาหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แม้กระนั้นเพราะขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น ก็เลยไม่เหมาะกับคนที่มีความร้อนในร่างกายอยู่แล้ว เป็นต้นว่าผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกค่ำคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าธรรมดา แม้กระนั้นหากจะรับประทานควรรอบคอบเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

5


ราชพฤกษ์

คูน คุณประโยชน์และสรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญในที่โล่ง แล้วก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปกระจ่าง จนกว่ามีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องจากว่า ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" และก็มีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยฯลฯไม้พื้นบ้านที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับจารีตหลักๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ได้แก่ ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มไม้สวยเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน แล้วก็ทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรพวกยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆตัวอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, คูน หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ รวมทั้งกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของทวีปเอเชียใต้ไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย ศรีลังกา และเมียนมาร์ แล้วก็คูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลและรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และเติบโตเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจำต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกออก รวมทั้งสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าเกิดปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติขั้น เกียรติ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ด้วยเหตุว่าเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดกึ่งกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถระบายน้ำก้าวหน้า ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นมัน โคนมน เนื้อใบหมดจดแล้วก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรูปทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ รวมทั้งมองเห็นเส้นกลีบเด่นชัด ฝักอ่อนมีสีเขียวและจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด รวมทั้งในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก รวมทั้งภายในช่องเหล่านี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ผลดีและก็สรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ รวมทั้งช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นทุพพลภาพ แล้วก็โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) รวมถึงโรคกระเพาะอาหาร และก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยในการฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักแถวๆหัว แล้วก็ช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยหน้าอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีท้อง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย แก้ไขไข้จับสั่น แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง รวมถึงถ่ายเสมะและแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีตั้งท้อง ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเหม็นเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อ้วก และก็ขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสฝาดเมา
เมล็ด – ทำให้อ้วก ให้รสเฝื่อนเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเสีย ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล กินเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย และระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและครึ่งเขตร้อน สามารถเจริญวัยก้าวหน้าใน และปลูกได้ง่ายในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยคละเคล้าทราย หรือดินร่วนเหนียว รวมถึงยังทนต่อลักษณะอากาศแห้งและดินเค็มได้ดิบได้ดี แม้กระนั้นแม้อากาศหนาวจัดอาจส่งผลให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

6

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในตระกูลหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกเชื้อสายหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมเอามาเตรียมอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 ชนิด ดังเช่นว่า ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค แล้วก็ตะไคร้หางราชสีห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมปลูกทั่วๆไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา รวมทั้งไทย
ตะไคร้ เป็นอีกทั้งยารักษาโรคแล้วก็ยังมีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีสาระต่อร่างกายอีกด้วย อาทิเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก อื่นๆอีกมากมาย
คุณประโยชน์ของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งโรจน์ (ต้นตะไคร้)
มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับเพื่อการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการไม่อยากกินอาหาร (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้และก็บรรเทาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาลักษณะของการมีไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถทุเลาลักษณะของการปวดได้
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้ถ้าหากเอาไปใช้ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณทรวงอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องเสีย (ราก)
ช่วยแก้และบรรเทาอาการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืด (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยของกิน
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับการขับปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการเยี่ยวทุพพลภาพและรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาโรคเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้โรคหนองใน แม้นำไปผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ

ประโยช์จากตะไคร้
นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้หิวได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยสำหรับการบำรุงและรักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงกระดูกรวมทั้งฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงสมองรวมทั้งเพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับการนอน
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักประเภทอื่นๆจะช่วยป้องกันแมลงได้อย่างดีเยี่ยม
ประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบของสารยับยั้งกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยกำจัดกลิ่นคาวหรือเหม็นคาวของปลาได้อย่างดีเยี่ยม
กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงรวมทั้งกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี
เป็นส่วนประกอบของสินค้าประเภทยากันยุงชนิดต่างๆได้แก่ ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง อาทิเช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม เอามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ
มักนิยมนำมาใช้สำหรับในการทำกับข้าวหลายประเภท ดังเช่นว่า ต้มยำ รวมทั้งของกินไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ
แนวทางทําน้ําตะไคร้หอม
สรรพคุณตะไคร้จัดแจงวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำ 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นท่อน ตีให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จวบจนกระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาผสมกับน้ำจนกระทั่งเป็นสีเขียว
รอสักครู่แล้วยกลง หลังจากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้ววิธีการทำน้ำตะไคร้
แนวทางทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นสิ่งแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาตีให้แหลกพอสมควร แล้วใช้ใบเตยผูกตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้และก็ใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักราว 5 นาที เท่านี้ก็เรียบร้อยสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้และใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเพิ่มน้ำสุกใหม่ได้ 2-3 รอบ แต่รสบางทีอาจจืดชืดลงไปบ้าง นำมาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความสดชื่น แถมช่วยทำนุบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม แล้วก็ เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของปริมาณหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษกะทันหันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

7

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เล่าเรียนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวถึงมาแล้วมีส่วนสำหรับในการยัยยั้งแนวทางการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาเรียนรู้วิจัยล้นหลามถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจมีผลต่อการต้านการอักเสบในคนป่วยโรคมะเร็งปอดบางราย แต่ว่ายังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบทางด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่สนับสนุนให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการรักษามะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเทียบจากการรวบงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บสนองตอบต่อการรักษาด้วยเคมีบรรเทาหรือรังสีบรรเทาได้ดีขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อตรวจสอบและลองใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในในการทำให้มะเร็งลดขนาดลงอย่างใด
นอกเหนือจากนั้น จาการทบทวนงานศึกษาเรียนรู้พบว่ามีงานศึกษาเรียนรู้วิจัย 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสโมสรต่อการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น และในเวลาเดียวกัน ก็มีผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้และก็นอนไม่หลับด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่ใช้พิสูจน์ทางคุณลักษณะแล้วก็ประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดลองในคนเจ็บบางกลุ่มแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรจะดำเนินการทดสอบถัดไปเพื่อให้ได้เห็นผลลัพ์ที่แจ่มแจ้งรวมทั้งมีคุณประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวะต่อมลูกหมากโต แล้วก็การเจ็บป่วยในระบบทางเท้าเยี่ยว
มีกรรมวิธีทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการปัสสาวะขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลสรุปที่ได้เป็น คนป่วยต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลในการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของคนไข้จากการตอบคำถาม แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ด้วยเหตุนั้น การทดลองดังกล่าวข้างต้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งพอเพียง จะต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่กระจ่างสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพใดๆก็ตามที่เกี่ยวพัน
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยเบาหวานประเภท 2 ร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะส่งเสริมผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับในการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือสิ่งเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนไข้บางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันและก็การดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจต่อไป และให้ได้การเด่นชัดชัดดเจนในด้านดังกล่าวข้างต้นเยอะขึ้น อันเป็นผลดีต่อขั้นตอนการรักษาป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจรวมทั้งอาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องต่อไปในอนาคต
ปริมาณที่สมควรสำหรับเพื่อการบริโรคเห็ดหลินจืออปิ้งแจ่มชัด เนื่องประสิทธิผลและก็ผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้บริโภค ควรศึกษาเรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ แล้วก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโรค เนื่องจากว่าถึงแม้เห็ดหลินจือในแต่ละแบบอย่างจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีแล้วก็ส่วนประต่างบางทีอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน

โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันยกตัวอย่างเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1 มล./วัน
ความปลอดภัยสำหรับการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้ว่าจะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นคนซื้อก็ควรศึกษาเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโภค โดยเฉพาะ ควรรอบคอบในด้านปริมาณรวมทั้งต้นแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะเหตุว่าบางทีอาจเป็นผลใกล้กันต่อสุขภาพได้ในภายหลัง
โดยสิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการบริโภคเห็ดหลินจือดังเช่นว่า
ลูกค้าทั่วๆไป.......
-ควรจะบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนที่พอดิบพอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะส่งผลให้มีอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อกำเนิดผลกระทบได้ ดังเช่นว่า ปากแห้ง คอแห้งผาก คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ป่วนปั่น ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มเหล้าองุ่นเห็ดหลินจืออาจนำมาซึ่งผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์แพร่พันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะทำให้กำเนิดอาการแพ้
คนที่ต้องระวังในการบริโภคเป็นพิษ
ผู้ที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก แม้ยังไม่มีการรับรองผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรุ๊ปลูกค้านี้แม้กระนั้นผู้ที่มีท้องและผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรจะหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของตัวเองและก็ลูกน้อย
คนที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก อาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้เจ็บป่วยบางรายที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้น เพื่อลดการเสี่ยง คนเจ็บควรจะหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันเลือดต่ำลง โดยเหตุนั้น ผู้เจ็บป่วยภาวะความดันเลือดต่ำควรต้องเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะเกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ โดยเหตุนี้ผู้ป่วยภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์มีเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางราย โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนที่มีภาวะเลือกออกไม่ดีเหมือนปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

หน้า: [1]