แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Prichas

หน้า: [1] 2
1

เราให้บริการให้คำปรึกษา แนะนำ, ออกแบบงาน ฟรี!
รับเหมาถมที่ ถมดิน, ถมลูกรัง, ถมทราย, ถมบดอัดแน่น
- ถมเพื่อสร้างบ้าน, สร้างอาคารพาณิชย์
- ถมเพื่อสร้างโรงงาน, สร้างโกดังเก็บสินค้า
- ถมเพื่อสร้างลานจอดรถ, โชว์รูมรถ
- ถมเพื่อทำถนน, ทางเข้าหมู่บ้าน
รับเหมางานบดอัด
- ทำถนน, ทำลานจอดรถ, ลานอเนกประสงค์, พื้นตลาดนัด
- ทำลานฯ ทำถนน ด้วย หินคลุก, ลูกรัง, เศษวัสดุ
รับเหมางานรื้อถอน
- รื้อถอนโครงสร้างอาคาร บ้าน ที่พักอาศัย
- รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง, โรงงาน, ทุบตึก
- รื้อถอนภายในอาคาร, ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า
- เคลียร์พื้นที่รกร้าง
เราคือผู้รับเหมาตัวจริงในงานดินทุกชนิด พร้อมดำเนินงาน ปฏิบัติการ
พื้นที่ทุกขนาด ตั้งแต่ 20 ตารางวา - จนถึง 100 ไร่
ให้คำปรึกษา ออกแบบงานถมที่ งานถมดิน งานจัดสวน งานรื้อถอน
และ ประเมินราคา ฟรี!
บริการคุณภาพมาตรฐานโดยทีมงานมืออาชีพ งานเสร็จตามเวลา ราคาเป็นกันเอง
ไม่ทิ้งงาน
ติดต่อ : 080-022-3804 เกียรติศักดิ์ mail : mmee.2000@hotmail.com

2
WIRTUAL แอปฯ ใหม่สัญชาติไทย แค่คุณออกกำลังกายก็ได้คริปโท
 
ใหม่แกะกล่อง! เปิดตัวแอปพลิเคชัน WIRTUAL แพลตฟอร์มสัญชาติไทย ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Exercise to Earn ที่ให้คนได้ Sweat Mining เปลี่ยนหยาดเหงื่อจากการวิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้น และการออกกำลังกาย ให้เป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีส่งตรงสู่ Wallet ของคุณบน WIRTUAL พร้อมยกระดับความสนุกด้วย ชาเลนจ์รูปแบบต่างๆ ให้การออกกำลังกายท้าทายไปอีกขั้น และยังมีฟีเจอร์ Avatar แต่งตัวตัวละครด้วยไอเทมสุดพิเศษในแบบของคุณ แถมเตรียมเปิดให้ Swap เหรียญได้บน PancakeSwap ง่าย ๆ มาร่วมออกกำลังกายได้คริปโทฯ ไปกับ WIRTUAL ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้แล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

แอปพลิเคชัน WIRTUAL เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่จะมาอัปเกรดการออกกำลังกาย เกิดเป็นไลฟ์สไตล์แห่งโลกยุคใหม่ ให้เพลิดเพลินและท้าทายยิ่งกว่าเดิม ทั้งการวิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้น และการ Workout รูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย โดยครั้งนี้ WIRTUAL เชื่อมโลกการออกกำลังกายให้เข้ากับคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยคอนเซ็ปต์ "Exercise to Earn" เปลี่ยนหยาดเหงื่อของคุณให้เป็นเหรียญคริปโทฯ อย่าง WIRTUAL Coins ส่งตรงเข้า Wallet ของคุณในวันถัดไป นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อื่นอีกมากมายให้ได้ลองเล่นกัน

เชื่อมต่ออุปกรณ์ Smart Watch ติดตามและส่งผลการออกกำลังกาย พร้อมรับ WIRTUAL Coins ในวันถัดไป

ออกกำลังกายและรับเหรียญคริปโทฯ ผ่านการใช้งานด้วย Smart Watch ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Strava, Garmin Connect หรือ Fitbit และจะต้องสามารถวัดระยะทาง ระยะเวลา อัตราการเต้นของหัวใจ และ GPS ได้

ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองด้วยฟีเจอร์ Challenge ดันบาร์ใหม่ให้ท้าทายกว่าเก่า

ยกระดับความท้าทายให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อ ด้วยฟีเจอร์ Challenge กับกีฬา ได้แก่ การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นและออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกลางแจ้งหรือภายในร่มแบบเดิม ๆ ให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น

แต่งกายตัวละคร Avatar ด้วยไอเทมสุดชิค พร้อมอัปเลเวลในการขุดเหรียญด้วยสินค้า NFTs

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของแอปพลิเคชัน WIRTUAL ให้การใช้งานมีสีสันมากขึ้น คือ ตัวละคร Avatar ที่ให้คุณได้ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ เพิ่มเอกลักษณ์แบบไม่มีใครเหมือน ทั้งสีผิว ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า และยังมีไอเทม NFTs ที่นอกจากจะทำให้ตัวละครโดดเด่นแล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการขุดเหรียญเพิ่มมากขึ้นไปอีก แถมสินค้า NFTs บนแอปพลิเคชัน WIRTUAL ยังสามารถนำไปวางขายบน Marketplace ได้อีกด้วย

ขุดเหรียญไปช้อปสินค้าต่อบนฟีเจอร์ Shop

เหงื่อที่เสียไปจะไม่เสียเปล่าเพราะฟีเจอร์ Shop รวมสินค้าจากพาร์ทเนอร์มากมายให้ผู้ใช้งานได้นำ WIRTUAL Coins จากการออกกำลังกายรูปแบบต่าง ๆ นำมาซื้อสินค้าหรือเป็นส่วนลดต่อได้ อาทิ Under Armour Thailand, NBA Sportsmanagement เป็นต้น

เริ่มได้ฟรี ไม่เสียเงิน !

คุณสามารถเล่น WIRTUAL ได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว เพียงเข้าร่วมชาเลนจ์ฟรีที่จะเปิดตัวในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ก็สามารถ Sweat Mining เปลี่ยนเหงื่อจากการออกกำลังกายให้กลายเป็นคริปโทฯ

WIRTUAL Coins เปิดตัวบน PancakeSwap

นอกจากการนำ WIRTUAL Coins ไปใช้งานบนแอปพลิเคชันเพื่อซื้อสินค้าจากพาร์ทเนอร์และไอเทม Avatar แล้ว ยังสามารถนำไปเทรดบนกระดานเทรดหรือ Decentralized Exchaneg (DEX) อย่าง PancakeSwap ได้อีกด้วย โดยเหรียญจะลิสต์ในวันที่ 18 มีนาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ WIRTUAL ยังเปิดให้การออกกำลังกายแบบในร่ม (Indoor) ที่ไม่ว่าจะออกผ่านลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องเดินวงรี หรือจักรยานออกกำลังกาย ก็สามารถส่งเข้ามาได้ พร้อมร่วมเปิดประสบการณ์ Sweat Mining ออกกำลังกายได้ คริปโทฯ ครบจบในที่เดียวกับแอปพลิเคชัน WIRTUAL ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป


เกี่ยวกับ WIRTUAL          

แอปพลิเคชัน WIRTUAL เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมการออกกำลังกายเข้ากับโลกของคริปโทเคอร์เรนซี หรือ Exercise to Earn Platform ที่จะทำให้การออกกำลังกายประจำวันของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ WIRTUAL จะพาผู้ใช้ทุกท่านเปิดประสบการณ์ใหม่ไปกับการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมที่ไม่เพียงสะสม WIRTUAL Coins ไปพร้อม ๆ กับการวิ่งเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการออกกำลังกายรูปแบบอื่น ๆ อย่างการเดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นและออกกำลังกาย

แอปพลิเคชัน WIRTUAL ได้รับการพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของอีกหลาย ๆ โปรเจกต์จากบริษัท WJames Ventures ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ Venture Builder ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2562

 

3
ปั้มแวคคั่ม หรือ แวคคั่มน้ำ สำหรับโรงงานอุตสากรรม

ปั้มแวคคั่ม แวคคั่มน้ำ หรือ ปั้มน้ำ สำหรับโรงงานอุตสากรรม แวคคั่มปั้มใช้สำหรับเครื่องจักรอุตรสาหกรรมต่างๆ ในราคามาตราฐานและมีคุณภาพ
ยินดีรับคืนสินค้าถ้าไม่ได้คุณภาพ แวคคั่มน้ำ ปั้มแวคคั่ม เป็นเครื่องที่ทำหน้าที่ดึงอากาศออกจากระบบเครื่องทำความเย็นและไล่ความชื้นออกจากระบบ เพื่อให้เครื่องทำความเย็นทำงานได้อย่างดีและมีประสิทธภาพ การที่มีอากาศอยู่ในระบบ มีข้อเสีย หลายประการด้วยกัน เช่น จะทำให้ผลความเย็นของระบบไม่ดีเท่าที่ควร ลดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการอุดตันความชื้น ภายในระบบ (ความชื้นกลายเป็นน้ำแข็งอุดรูเล็กๆ ปิดกั้นการไหลของสารทำความเย็น) และยังทำให้เกิดอันตรายกับชิ้นส่วนต่างๆของระบบอีกด้วย

ติดต่อ : 
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428556-7
Line ID : Lakkana99
E-mail : https://www.cctgroup.co.th 

4
ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศของบล. กรุงไทย ซีมิโก้ที่ 'AA- (tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด (หรือ KTZ) ที่ 'AA- (tha)' และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'F1+ (tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTZ พิจารณาจากความคาดหวังของฟิทช์ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งก็คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB (BBB+/AAA(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) แก่ KTZ เมื่อมีความจำเป็น

อันดับเครดิตของ KTZ ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อยู่ 3 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงสัดส่วนการถือหุ้นของ KTB ใน KTZ ที่ 50% และการที่ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ KTZ มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งส่งผลให้ KTB มีระดับการควบคุมการบริหารงานและการร่วมมือกันที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นลูกของธนาคารรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับจากฟิทช์

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า KTB จะยังคงให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานปรกติ เนื่องจากมีการใช้ชื่อทางการค้าร่วมกันและมีการผสานความร่วมมือกันในการดำเนินงานที่มีมาอย่างต่อเนื่องระหว่าง KTZ และ KTB โดย KTZ เป็นบริษัทภายในกลุ่มเพียงบริษัทเดียวที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และมีการร่วมมือในการดำเนินธุรกิจกับ KTB เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ของธุรกิจหลักทรัพย์ให้กับลูกค้าของธนาคาร นอกจากนี้ธนาคารยังมีการให้การสนับสนุนในด้านการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ในรูปแบบของวงเงินสินเชื่อให้กับ KTZ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTZ มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างเครดิตของผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งก็คือ KTB ดังนั้นการปรับตัวด้อยลงของโครงสร้างเครดิตสกุลเงินภายในประเทศของ KTB ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว สามารถนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตของ KTZ ได้เช่นกัน

ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTZ ถ้าฟิทช์มองว่ามีการลดลงของสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อธนาคารซึ่งจะนำไปสู่การลดลงในโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่บริษัทลูก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ เช่นกรณีที่ KTB มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน KTZ และไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือมีอำนาจในการบริหารงานในบริษัทอีกต่อไป หรือ การปรับลดความร่วมมือในการทำธุรกิจและการเชื่อมโยงในการดำเนินงานระหว่างกัน ซึ่งอาจส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นลูกปรับตัวลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ KTZ ได้ หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่ KTB จะให้การสนับสนุนแก่ KTZ มีการปรับตัวดีขึ้น โดยตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ KTB มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 75% ขึ้นไปควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงของการดำเนินงานและการควบคุมในการบริหารงานที่มากขึ้นจากธนาคารแม่
อันดับเครดิตของ KTB ไม่น่าจะได้รับการเพิ่มอันดับขี้นได้อีก เนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ KTZ มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างเครดิตสกุลเงินในประเทศของ KTB ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารแม่

5
สวัสดีครับเพื่อนๆ ยะเป็นคนหนึ่ง ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ลมพิษเรื้อรัง เป็นผื่นคัน ขึ้นตามบริเวณผิวหนัง ข้อพับ.. ขึ้นมาเองโดยไม่รู้สาเหตุ หลังจากที่ขึ้นมีอาการคัน เป็นมาเป็นปี เวลาที่เป็น ก็กินยาแก้แพ้ แต่อาการ ไม่หายจาก เราไปซะที

จนมาเจออาหารเสริม Balance UCore ตัวนี้ยะกินทุกวัน วันละ 1 เม็ดก่อนนอน กินต่อเนื่อง ทำให้อาการที่เป็นลมพิษ ค่อยๆหายไป จนตอนนี้ไม่เป็นแล้ว ยะกินมา 2 กระปุกแล้ว ใครมีปัญหาแบบนี้ ลอง UCore ช่วยได้จริงๆค่ะ
 

6
ทัวร์หลวงพระบางวันที่ 1: หนองคาย-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง
07.00 น. เจ้าหน้าที่ แอลทูบีทราเวล ให้การต้อนรับ คณะที่สนามบินอุดรธานี หรือ หนองคาย 
08.00 น. เดินทางไปสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว เพื่อรอทำเอกสารผ่านแดนข้ามไปประเทศลาว
09.00 น. จากนั้นนำท่านเข้าสู่ สปป.ลาว(วันนี้เดินทางไปหลวงพระบางเลย ) จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองวังเวียงสายน้ำซองไหลผ่านใสบริสุทธิ์ระหว่างทางชมวิถิชีวิตของชาวลาวและวิวธรรมชาติสองข้างทางอันสวยสดงดงาม(กุ้ย หลินเมืองลาว)วังเวียงเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยสดงดงามอากาศเย็นสบาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวของลาวตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองล้อมรอบด้วยเทือกเขาหินปูสูงใหญ่ตระการตา มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง วังเวียงได้ ฉายาว่า "กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว"
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 1)
13.00 น. จาก นั้นมุ่งหน้าเดินทางสู่ หลวงพระบาง ตามระหว่างทางเราแวะถ่ายรูปที่บ้านผาตั้งถ่ายรูปคู่กับผาตั้งและวิวแม่น้ำซอง อันงดงาม ตลอดสองข้างทางท่านจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของทิวเขาไรน่าแบบขั้นบันได ละหมู่บ้านชนพื้นเมืองต่างๆของลาว เช่น ลาวสูง ลาวเทิงลาวม้ง 
ไทลื้อ ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่สองข้างทางชมความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่เต็มไปด้วยไม้ป่านานาพันธ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติเส้นทางสายนี้จัดเป็นเส้นทางลัดเลาะภูเขาที่สวยที่สุด แห่งหนึ่งของเอเซียอาคเนย์ก็ว่าได้
19.00 น. รับประทานอาหารเย็น(มื้อที่ 2)  เช็คอินเข้าที่พักหลวงพระบาง  จากนั้นนำท่านพาเดินเที่ยวตลาดมืดหลวงพระบาง ชมสินค้าผ้าทอกระเป๋าทำมือ มากมาย
 วันที่ 2: ตักบาตรข้าวเหนียว-พระธาตุพูสี-พระราชวัง-ถ้ำติ่ง-น้ำตกตาดกวางสี
05.30 น. เชิญ ท่านร่วม ทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบางในทุกเช้า พระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ จะออกบิณฑบาต เป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจ และสื่อถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบาง จากนั้นนำท่านเดินชมตลาดเช้าของชาวหลวงพระบางซึ่งเป็นตลาดสด ท่านสามารถเลือกซื้ออาหารพื้นเมือง และของป่า ซึ่งเป็นแบบฉบับของชาวลาว
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 3)
08.00 น. นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวงพระบาง สร้างในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและลาว เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จนพระองค์สวรรคต ก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พศ.2518 ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ นำท่านชมหอพระบางเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรเป็นศิลปะขอมสมัยบายน น้ำหนัก 54 กิโลกรัม เป็นทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์
09.00 น. จาก นั้นนำท่านชม วัดเชียงทอง วัดที่ตั้งอยู่ริมผั่งเม่น้ำโขงสร้างในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ช่วงประมาณ ปี พศ 2102 – 2103 ซึ่งวัดเชียงทองได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์ และเข้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้าย ชมพระอุโบสถ ที่มีศิลปะแบบล้านช้าง หลังศรแอ่นโค้งต่ำ ซ้อนกันอยู่สามชั้น มีช่อฟ้าที่อยู่ตรงกลางของหลังคารวมกัน 17 ช่อ ถ้าเป็นคนสามัญสร้างจะมี 1-7 ช่อเท่านั้น ชมพระพุทธรูปป่างห้ามสมุทรในอูปมูง ด้านข้างพระอุโบสถ ชมวิหารพระม่านที่ประดิษฐานพระม่าน ผนังสีชมพู ภาพประดับกระจกสีเล่าถึงวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง ชมโรงราชรถ
ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ ภายในบรรจุพระพุทธรูปแกะสลักไม้จำนวนมากที่เก็บมาจากวัดร้างต่างๆ
10.00 น. นำ ท่านชม วัดวิชุนราช สร้างในสมั่ยพระเจ้าวิชุนราช (พศ 2046 ) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวทัวร์หลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง
10.30 น. เดินทางไปยังหมู่บ้านซ่างไห เพื่อลงเรือเดินทางชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง รับประทานอาหารกลางวันประเภทปลาน้ำโขงที่หมู่บ้านปากอู
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 4 ) ถ้ำติ่งซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำล่างและถ้ำบน ถ้ำติ่งลุ่ม หรือ ถ้ำล่างสูง 60 เมตรจากพื้นน้ำ มีลักษณะเป็นโพรงน้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวนนับ 2,500 องค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ถ้ำติ่งบน จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น ปากถ้ำไม่ลึกมากมีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำแต่ไม่มากเท่าถ้ำล่างสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาเป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามา และจึงทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา ทัวร์หลวงพระบาง
15.00 น. พา คณะไปชม น้ำตกตาดกวางสี ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กม.ผ่านหมู่บ้านชนบทริมสองข้างทาง ชมความงดงามของน้ำตก ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงราว70-80เมตร ถือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง โดยมีสายน้ำที่ลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนลงสู่แอ่งน้ำที่สดใส มีทางเดินลัดเลาะขึ้นไปสู่ชั้นบนเพื่อชมความงามอีกมุมหนึ่งของน้ำตก อิสระให้ท่านดื่มด่ำกับธรรมชาติ เล่นน้ำ บันทึกภาพอันประทับใจ
17.00 น. นำ ท่านขึ้นสู่ เขาพูสี ขึ้นบันได 328 ขั้น เชิญนมัสการธาตุพูสี เจดีย์ธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ตลอดทางขึ้นท่านจะได้รับกลิ่นหอมจากดอกจำปาลาว ดอกไม้ประจำชาติลาว เมื่อท่านถึงยอดให้ท่านนมัสการองค์พระธาตุ ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท เมื่อปี พ.ศ.2337 พระธาตุเป็นรูปทรงดอกบัว อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร ชมพระอาทิตย์ยามอัสดง วิวทิวทัศน์รอบเมืองหลวงพระบางยามเย็น
18.00 น. รับประทาน อาหารเย็น (มื้อที่ 5) ที่ร้านอาหาร
19.00 น. เช็คอินเข้าที่พักพักผ่อนอย่างสบาย จากนั้นนำท่านพาเดินเที่ยวตลาดมืดหลวงพระบาง 
 วันที่ 3: หลวงพระบาง-พูคูน-วังเวียง-ถ้ำจัง
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 6 )
08.00 น. เดินทางออกจากหลวงพระบางแวะเข้าห้องน้ำถ่ายรูปวิว(จุดนี้จะสูงที่สุดในเส้นทางนี้) ระหว่าง ชมวิวเทือกเขา และ ธรรามชาติ ที่สวยงามของเมืองลาว
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)
15.00 น. เดินทางถึง “กุ้ยหลินเมืองลาว”  พาคณะชมถ้ำจัง ถ้ำที่สวยที่สุดของวังเวียงภายในเป็นโถงใหญ่ มีไฟประดับ ภายในบริเวณถ้ำจะสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นฉ่ำ หินงอกหินย้อยอันงดงาม
18.00 น. รับประทานอาหารเย็น(มื้อที่ 8 ) และเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัยหรือท่านใดต้องการเดินเที่ยวเล่นในตัวเมืองวังเวียงยามค่ำคืน ทางทีมงานมีบริการรถรับส่งให้ท่าน
 วันที่ 4: วังเวียง-พระธาตุหลวง-ประตูชัย-หนองคาย
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 9 ) 
08.00 น.จากนั้นออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ กำแพงนครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 150 กม.
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 10 ) ณ ภัตตาคาร ด้วยเมนูอาหารหลากหลาย
13.00 น. นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว (Hor Phra Kaew Museum) ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตก่อนที่จะถูก อันเชิญมาไว้ที่กรุงธนฯโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ร. 1) เมื่อปี ค.ศ. 1778 นำท่านเข้าชม นมัสการ พระธาตุหลวงหรือพระเจดีย์โลกจุฬามณี เป็น ปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างใน สมัยเดียวกันกับการสร้างเมืองเวียงจันทน์ โดยพระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ และ พระอรหันต์ 5  องค์บรรจุพระบรม สารีริกธาตุ ส่วนหัวเหน่าของพระพุทธเจ้าไว้ในองค์พระธาตุ เดิมเป็น พระธาตุองค์เล็ก ๆ ต่อมาในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้นำ พาประชาชน  สร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้จนถึงปัจจุบันนี้ สวยงามและ ยิ่งใหญ่ ที่สุดในประเทศลาว
14.00 น. อนุสาวรีย์ประตูชัย (Victory Monument) Victory Monument) สถาปัตยกรรม ผสมผสานลาว ล้านช้าง กับฝรั่งเศส ตั้งตระหง่านสูงเด่นอยู่ ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อรำลึกถึงวีรชนของชาติ ที่ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองมา  ทุกยุค ทุกสมัย ชั้นบนสุดท่าน สามารถชมทิวทัศน์ของเวียงจันทน์ได้รอบทิศทาง 
15.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำคณะมาที่ด่านชายแดนลาว-ไทย ให้ท่านแวะช๊อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี ที่ Duty free ของลาว ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทำเอสการข้ามแดน ที่ด่านลาวเลือกซื้อสินค้านานาชาติมียี่ห้อ ราคาถูก ต่างๆ มากมาย อาทิ เหล้า ไวน์ บุหรี่ และเครื่องสำอาง 
16.30 น. เดินทางกลับเมืองไทยด้วยความประทับใจ และส่งท่านตามที่นัดหมาย

7
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์รับตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งแต่คาดกรอบจำกัดรอผลประชุมเฟด
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตอบรับตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแรงเกือบ 600 จุด เนื่องจากคลายความกังวลภาวะเงินเฟ้อหลังราคาน้ำมันร่วงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นบ้านเราวันนี้น่าจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี รวมถึงต้องจับตามุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย

ให้แนวรับไว้ที่ 1,637 และ 1,640 จุด แนวต้าน 1,650 และ 1,660 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (15 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,544.34 จุด เพิ่มขึ้น 599.10 จุด หรือ +1.82%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,262.45 จุด เพิ่มขึ้น 89.34 จุด หรือ +2.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,948.62 จุด เพิ่มขึ้น 367.40 จุด หรือ +2.92%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 25,574.90 จุด เพิ่มขึ้น 228.42 จุด หรือ +0.9%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,956.02 จุด บวก 540.94 จุด หรือ +2.94% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,107.67 จุด เพิ่มขึ้น 43.71 จุด หรือ +1.43%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มี.ค.) ที่ระดับ 1,644.36 จุด ลดลง 15.79 จุด, -0.95%
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,087.66 ลบ ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(15 มี.ค.) ลดลง 6.57 ดอลลาร์ หรือ 6.4% ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มี.ค.) อยู่ที่ 7.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.52 จับตาผลประชุมเฟดคืนนี้ คาดกรอบ 33.45-33.60
ถกทีมเศรษฐกิจเครียด 2 ชั่วโมงห่วง "วิกฤติเงินเฟ้อ" กระทบค่าครองชีพประชาชน สั่งทุกหน่วยงาน หามาตรการรับมือด่วน "สุพัฒนพงษ์-อาคม" เร่งทำแผนอุ้มประชาชน ครม.เคาะร่างแผนรับรองวิกฤติน้ำมัน ขยายเพดานกู้ของ กองทุนน้ำมัน หลังติดลบเกือบ 3 หมื่นล้าน หวังอุ้มดีเซลนานที่สุด เปิดช่องลดภาษีสรรพสามิตดีเซล "เกษตร-พาณิชย์" เร่งหา แนวทางแก้ปุ๋ยแพง
เอกชนจับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนราคาเหล็กพุ่ง ชี้หากยังยืดเยื้ออาจกระทบอุตสาหกรรมเหล็กยาวถึงไตรมาสที่ 3 ลุ้นไทยใช้เหล็กปีนี้โตทะลุ 5%
ค่ายรถจัดทัพอีวีเซ็นเอ็มโอยูสรรพสามิตเข้าโครงการแพ็กเกจอีวี รับส่วนลด 1.5 แสนบาท พร้อมสิทธิประโยชน์ภาษี ก่อนเริ่มมอเตอร์โชว์ 23 มีนาคมนี้ "เอ็มจี-เกรทวอลล์" มาแน่ จับตาแบรนด์จีนน้องใหม่พาเหรดเข้าตลาดไทย ซุ่มเจรจา "บริษัทร่วมทุน ปตท.-ฟ็อกซ์คอนน์" จ้างผลิต โดดเข้าเงื่อนไขสรรพสามิต ยักษ์ญี่ปุ่น "โตโยต้า" เตรียมเขย่าวงการส่งรถกระบะอีวีชิมลาง ค่ายรถบ่นอุบ ถูกเรียกแบงก์การันตีก้อนโต สรรพสามิตยันวางเงินตามระดับความเสี่ยงพร้อมแจงไม่ให้สิทธิรถ "ไมเนอร์เชนจ์" หวั่นเงินอุดหนุนรัฐไม่ถึงผู้บริโภค 100%
ค่ายประกันรื้อโครงสร้างธุรกิจ แห่ตั้ง "โฮลดิ้งคอมปะนี" ปลดล็อกขีดจำกัด "กรุงเทพประกันภัย" ประกาศเดินหน้าศึกษาโครงสร้างใหม่คาดอีก 6 เดือนได้ข้อสรุป ขณะที่ "ไทยวิวัฒน์ฯ" ชงผู้ถือหุ้น 28 เม.ย.นี้ ลุยเทนเดอร์แลกหุ้น ฟาก "นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย" ชี้ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการลงทุน-เพิ่มความคล่องตัว-ขยายการร่วมทุน แตกไลน์ธุรกิจสร้างกำไรเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้

BGRIM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36.00 บาท แนวโน้มกำไรดีขึ้น รับ 2 ข่าวดี 1) ราคาก๊าซโลกเริ่มลง 2) ได้สัญญาสัญญาระยะยาว-ปี 69 นำเข้า LNG ราคาดี ช่วยลดต้นทุนผลิต 5-10% ทยอย COD โรงไฟฟ้าใหม่ 5 โครงการ 700 MW ช่วง 2H22 และจะได้สัญญาซื้อขายไฟใหม่ (PPA) อีกราว 1000 MW ระหว่างปีติดตามการ M&A โดย KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 2.6 พัน ลบ. และ 3.27 พัน ลบ. +15%YoY, 25%YoY ตามลำดับ
MAJOR (กสิกรไทย) "ซื้อ" เป้าหมาย 23.89 เข้าถือหุ้น 5% ของ WORK ด้วยราคา 523 ลบ. และ PER ปี 2565 ที่ 22.75 เท่า ซึ่งค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศของ WORK (BEC และ ONEE) การคำนวณที่อิงตาม PER ของเราสะท้อน upside ต่อราคาเป้าหมายที่ 0.5% จากการลงทุนใน WORK และ 4% ใน TKN

8
โบรกฯ มองบวก PTTEP เข้าเป็นผู้ดำเนินการหลักแหล่งยาดานาคาดหนุนผลงาน-ราคาหุ้น

โบรกฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อกรณีที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งเปลี่ยนแปลงผู้ดำเนินการในโครงการยาดานา จาก TotalEnergies เป็น บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PTTEPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม PTTEP และเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการ โดยมีผลวันที่ 20 ก.ค.65

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นโครงการยาดานา หลัง TotalEnergies ถอนตัว ซึ่งโครงสร้างผู้ถือหุ้นโครงการยาดานาใหม่ ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ร่วมทุนโครงการแล้ว จะเป็นดังนี้ Unocal Myanmar Offshore Company Limited (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Chevron) ถือ 41.10% (เดิม 28.26%), PTTEPI (บริษัทย่อยของ PTTEP) ถือหุ้น 37.08% (เดิม 25.5%) และเป็นผู้ดำเนินการ และ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) ถือ 21.81% (เดิม 15%) ทั้งนี้มีผลตั้งแต่ 20 ก.ค.65 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ มองว่า PTTEP จะมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้น โดยโครงการยาดานามีปริมาณขายเฉลี่ย 770 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งก๊าซเข้าไทยราว 11% ของความต้องการใช้ก๊าซในไทย และส่งเข้าเมียนมา 50% ของความต้องการใช้ก๊าซของเมียนมา ด้านเงินลงทุน ทาง PTTEP มีความพร้อมอยู่แล้ว ประกอบดับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปีนี้แข็งแกร่งจากราคาขายน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น

เชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ PTTEP จังหวะอ่อนตัว ให้ราคาพื้นฐานที่ 194 บาท โดยฝ่ายวิจัยฯ DBS ประเมิน ESP ปีนี้เติบโตกว่า 90% ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปี 65 ต่ำเพียง 8 เท่า และ P/BV 1.2 เท่า คาด DY ประมาณ 3%

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน มอง slightly positive ต่อการเข้าเป็นผู้ดำเนินการแหล่งยาดานาของ PTTEP เพราะไม่มีภาระเงินลงทุนในการได้สัดส่วนเงินลงทุนของ Total, มีโอกาสที่การดำเนินการผลิตจะต่อเนื่อง เพราะใช้บุคลากรเดิมจาก Total และบริษัทมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ดำเนินโครงการอยู่แล้ว เช่น แหล่งซอติก้าในเมียนมา

ขณะที่ CAPEX และ OPEX ที่ต้องใช้เพิ่มรวมราว 8-9 ล้านเหรียญฯ/ปี คิดเป็นราว 0.16-0.18% ของแผนลงทุน 5 ปี (65-69) ของ PTTEP ไม่ได้เป็นภาระอย่างมีนัยสำคัญ และมี upside ต่อกำไรปกติปี 65-66 ราว 1% และ 2% ตามลำดับ และเป็น upside ต่อปี 65 ราว 1.2 บาท/หุ้น หรือราว 0.8%

ทั้งนี้ แม้บริษัทจะได้สัดส่วนเงินลงทุนในโครงการยาดานาเพิ่ม แต่จะไม่มีการบันทึกสินทรัพย์เพิ่มเข้ามา

คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTEP ที่ 143.00 บาท/หุ้น (อยู่ระหว่างปรับประมาณการขึ้น Tentative TP22F = 163.50) เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรปกติปี 65-66 ของ PTTEP สะท้อนราคาพลังงานที่สูงกว่าคาด จาก supply ที่ตึงตัวมากกว่าคาด เพราะผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน เรามองราคาซื้อขายปัจจุบันของ PTTEP ยังไม่ได้สะท้อนกำไรที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดในปีนี้ ตามอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น เพราะราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และส่งให้ราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นตามด้วย (ราคาก๊าซฯปรับตามน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน) ระยะยาวคาดธุรกิจเติบโตต่อเนื่องจากมีแหล่งใหม่ทยอยเปิดดำเนินการในปี 66-69 (สัมปทานใหม่บงกชหนุนเต็มปี, แหล่งเอราวัณเร่งตัว, แหล่งใหม่ในเวียดนาม/โมซัมบิก) และ ยังมี upside จากแหล่ง Lang Lebah ที่ยังไม่รวมในประมาณการ เบื้องต้นคาดปริมาณผลิตราว 1,000-1,200 MMSFCD/ 170-200 KBOED คาดทราบความชัดเจน FID (Final Investment Decision) ในปี 66

บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อประเด็นดังกล่าว โดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจาก 25.5% เป็น 37% ไม่ต้องใส่เงินเพิ่ม และจะช่วยให้เพิ่มรายได้ต่อ PTTEP ราว +1% จาก 3% เป็น 4% ในขณะที่ CAPEX เพิ่มขึ้น 1 ล้านเหรียญฯ/ปี และ OPEX เพิ่มขึ้นราว 8 ล้านเหรียญฯ/ปี ตั้งแต่ปีหน้า PTTEP มั่นใจว่าการผลิตก๊าซจากโครงการนี้ยังคงดำเนินได้ปกติเพราะแหล่งนี้มีความสำคัญมากต่อทั้งไทยและเมียนมา

ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อ PTTEP ต่อเนื่องตามราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ปรับขึ้นและปริมาณการขายจะเติบโตโดดเด่นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบผันผวนสูงตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ด้วยราคาเป้าหมาย 162 บาท/หุ้น ซึ่งอิงราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ในระยะยาว

บล.ทรีนีตี้ กล่าวในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากประเด็นดังกล่าว โดยปริมาณที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นนั้นอยู่ราว 4 kboed หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากกำลังการผลิตของ PTTEP ในปัจจุบัน และคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 400 ล้านบาทต่อปี และมีกระแสเงินสดที่จะได้รับเพิ่มขึ้น 1.4 พันล้าบาทต่อปี ในขณะที่มี OPEX และ CAPEX เพิ่มขึ้นราว 270 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5-2.0 บาทต่อหุ้น

ปรับประมาณการกำไร PTTEP ปี 65-66 ขึ้นเป็น 6.6 และ 5.7 หมื่นล้านบาทตามลำดับ จากสมมติฐานราคาน้ำมันเป็น 90 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 85 เหรียญฯ/บาร์เรล (เดิม 75 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล) ด้วยแนวโน้มสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงกว่าที่คาดไว้ และปรับสมมติฐานปริมาณขายเพิ่มขึ้นอีก 4,000 บาร์เรล/วัน จากสัดส่วนที่ได้เพิ่มจากโครงการยาดานา

ทั้งนี้ ปรับคำแนะนำเป็น Trading Buy และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 152 บาท จากสมมติฐานราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside จากราคาเป้าหมายเราเพียง 3% จึงแนะนำเพียง Trading Buy ตามราคาน้ำมัน โดยปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมัน

9
รับจ้างโพสต์ขายบ้าน รับลงโพสต์ขายบ้าน รับจ้างลงโพสต์อสังหา   ราคาถูกสุด 15 บาท/ วัน ดีและถูกสุด ติดgoogleหน้าแรกได้จริง ทีเดียวที่กล้ารับรองผล
รับจ้างลงโพสต์อสังหา รับลงโพสต์ขายบ้าน   โพสต์ขายอสังหา โพสขายบ้าน รับรองผล ติดgoogle หน้าแรกใน7วัน ถูกสุด 15 บาท/วัน  รับโพสต์ขายอสังหา รับโฆษณาอสังหา ขายบ้าน รับโพสขายบ้านมือสอง บ้านใหม่ รับโพสต์อสังหา รับลงขายบ้าน เว็บอสังหา รับรองผลงาน โดยทีมงานเขียนโฆษณาอสังหามืออาชีพ รับจ้างลงโพสต์อสังหา ถูกที่สุด รับจ้างโพสขายบ้าน ขายได้จริง โพสต์ขายอสังหา ไม่มีค่านายหน้า โพสขายบ้าน เริ่มต้น ถูกสุด 15 บาท ต่อ วัน ติดgoogleหน้าแรกได้จริง
  • รับจ้างลงโพสต์อสังหา โพสขายบ้าน โพสต์ขายอสังหา แตกต่าง คุ้มราคา
  • 1.SalePage มาตรฐาน ระดับโลก ท่านจะได้ หน้าหลักของเว็บไซต์ เป็น Salepage มาตรฐาน สวยงาม ข้อมุลครบถ้วน ถูกหลัก SEO ติด googleได้ง่าย สร้างความน่าเชื่อถือ ให้การซื้อขาย สามารถนำไปแชร์ต่อได้
  • 2.แตกต่าง สร้างสรรค์ โพสต์รับรองคุณภาพ ไม่ใช่แค่การโพสต์ด้วยมือ แต่ คือการโพสต์ด้วยบทความคุุณภาพ ไม่ซ้ำใคร ด้วย Salepage หลักมาตรฐาน การเขียนคำโฆษณาแบบ SEO มืออาชีพ ดึงดูดความสนใจเน้นเฉพาะทรัพย์สินแต่ละรายการ ให้น่าสนใจสำหรับ ผู้ซื้อ ผู้ขาย ใช้คำ การตลาด

โพสต์ขายบ้านที่สร้างความแตกต่าง
[/list]
รับลงโพสต์ขายบ้าน  โพสขายบ้าน คุณภาพ รับรองผลงาน
  • 3. โพสขายบ้าน เจ้าเดียวในเมืองไทย รับรองผลงาน ติดgoogleหน้าแรกเร็วที่สุดใน7วัน เจ้าเดียวที่กล้ารับรองผล ได้เร็วขนาดนี้ ด้วยเทคพิเศษ ไม่ต้องรอนาน ให้Goolge มา index ตามระบบธรรมดา ซึ่งอาจใช้เวลานับเดือน หรือ หลายเดือน สร้างโอกาสในการขายให้เร็วยิ่งขึ้น ที่สำคัญ คือเป็นคำสำคัญ ในการซื้อขาย มีคนใช้มาก ระดับ หลักหมื่น,แสน หรือ ล้าน รายการค้นหา(เว็บเพจ)
  • 4.ได้โพสต์คุณภาพในเว็บอสังหาที่คัดแล้ว และ ติดgoogleได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่โพสต์ เว็บอสังหาธรรมดา ไม่ได้แค่เห็นในเว็บไซต์เหล่านั้น เท่านั้น แตยังเห็นได้ทั่วโลกจาก เว็บ Search ของGoogle อีก
  •  
https://kaaiduan.com/โพสต์อสังหา/รับจ้างโพสต์อสังหา/

10


ด้วยความที่ปัจจุบันมีทั้งเรื่องฝุ่น PM 2.5 รวมถึงโรคระบาดโควิด - 19 ทำให้ใครต่อใครต้องเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต จะไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งพาหน้ากากอนามัยเสมอ กระนั้นหากลองพิจารณาให้ดีก็จะพบกับนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นอย่าง หน้ากากฟอกอากาศ แต่นั่นก็กลายเป็นความสนใจของคนจำนวนมากว่าแท้จริงจะช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ? มาศึกษารายละเอียดกันได้เลย

ฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 มีการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเราอย่างไร
ก่อนที่จะไปพูดถึงรายละเอียดของการป้องกันฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 ของหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศ ก็ขออธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเรา โดยที่ถ้าเป็นฝุ่น PM 2.5 ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกิดปัญหาการหายใจได้ด้วยการหายใจเข้าไป ซึ่งฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก ๆ หน้ากากผ้าคือป้องกันไม่ได้แน่นอน หรือถ้าเป็นหน้ากากทางการแพทย์ก็ป้องกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ส่วนเชื้อโควิด - 19 เรามีจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ามาจากการอยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อในระยะประชิด การสัมผัสบนพื้นผิว แล้วมาแตะหน้า ปาก จมูก ก่อนจะแพร่เข้าสู่ร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว รวมถึงการที่ออกมาจากพฤติกรรมไอ จาม ตะโกน พูดคุย หรือร้องเพลง

“หน้ากากฟอกอากาศ” ช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ?
ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเครื่องฟอกอากาศพกพา หรือหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศใด ๆ ก็ตาม จะมีระบบแผ่นกรอง อย่าง HEPA ที่เป็นส่วนใหญ่จะผลิตมาจากใยสังเคราะห์ ที่ช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้บนเส้นใยด้วย เพื่อให้สามารถดักจับอนุภาคได้ดี มีความสามารถในการตรวจจับเชื้อไวรัสมากแม้จะมีขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม ซึ่งพร้อมช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิด - 19 ได้ เพราะว่าขนาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น จะมีขนาดเล็ก 0.06 - 0.14 ไมครอน หรือแม้แต่ไวรัสที่เล็กที่สุดก็มีขนาด 0.02 ไมครอนแต่ก็ยังสามารถป้องกันไว้ได้ ยกตัวอย่าง หน้ากาก LG ที่ก็มีระบบกรอง HEPA ที่พร้อมช่วยป้องกันได้ดี

กระนั้นก็ตาม แม้จะบอกว่าหน้ากากฟอกอากาศสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ก็ตาม แต่เราก็ควรต้องป้องกันตัวเอง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ นอกจากหน้ากากที่ต้องสวมใส่กันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะพกเจล / สเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ด้วย หลังจากจับ หรือสัมผัสไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามจะต้องล้างมือทันที ทั้งนี้ ไม่ควรอยู่ในพื้นที่แออัด คนเยอะ ควรอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 - 2 เมตร แล้วถ้าใครกลับมาจากนอกบ้านก็ต้องรีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และคนในบ้าน

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0203

11
ซีพีเปิดเวทีปฐมนิเทศติวเข้มเอสเอ็มอี เตรียมความพร้อมก่อนดีเดย์เจรจาธุรกิจ 17-18 มี.ค.นี้ ตอบโจทย์แพลตฟอร์มแห่งโอกาส ด้านเอสเอ็มอีขานรับหวังช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

เมื่อ 15 มี.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพี ประกอบ ด้วยบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศและเตรียมความพร้อมเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส "SME Online Business Matching ครั้งที่ 1/2565" ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีคุณสมบัติผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 110 ราย ทั้งนี้โดยมีนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนเครือฯเป็นประธานในการปฐมนิเทศและเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และมีผู้บริหารจาก 3 ธุรกิจค้าปลีกร่วมพบปะกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับเครือซีพีผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ก่อนที่จะเปิดเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคมที่จะถึงนี้

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำนวนมาก เครือเจริญโภคภัณฑ์โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือฯ จึงมีนโยบาย "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" เพื่อให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ในการช่วยฟื้นฟูประเทศไทย ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพัฒนาศักยภาพ พร้อมเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลตลาดให้เอสเอ็มอี พัฒนาช่องทางขาย รวมไปถึงการสนับสนุนสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และมีการให้องค์ความรู้เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด รวมถึงเครือซีพีพร้อมที่จะนำพาสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยไปสู่ตลาดอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อสร้างระบบนิเวศให้กับกลุ่มผู้ประกอบการได้มีโอกาสในการแข่งขันบนเวทีโลก

ในการนี้ นายกมล พงษ์ประยูร ที่ปรึกษา บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เวทีจับคู่ธุรกิจ "SME Online Business Matching" เป็นหนึ่งในกิจกรรมนำร่องแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะได้เจรจาธุรกิจกับธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพีพร้อมกันในคราวเดียวถึง 3 ราย ได้แก่ แม็คโคร , โลตัส และ 7 อีเลฟเว่น โดยสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกสามารถจำหน่ายได้ทั้งช่องทาง Online และ On Shelf รวมถึงส่งออกไปต่างประเทศ

ด้าน นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของแม็คโครมีแนวทางการทำงานสนับสนุนเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยร่วมกันแบบ "คู่ค้าพันธมิตร" เพื่อเติบโตไปด้วยกัน ฉะนั้นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทางธุรกิจ ทางแม็คโครพร้อมสนับสนุนเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การให้โอกาสในการเข้าถึงช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างยอดขายและทำกำไรให้ผู้ประกอบการมากขึ้น รวมไปถึงการจัดเตรียมทีมงานเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ และหากผู้ประกอบการที่มีความพร้อมจะขยายสินค้าเพื่อส่งออกทางแม็คโครพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในตลาดโลก

ขณะเดียวกัน นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและกฎหมาย บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) กล่าวว่า โลตัสมีความมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการที่มีความพร้อมทางโลตัสจะมีทีมงานช่วยผลักดันและพัฒนาสินค้าเพื่อวางจำหน่ายในสาขากว่า 2,322 แห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงการสนับสนุนช่องทางออนไลน์เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการในระดับเริ่มต้นทางโลตัส เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เปิดบูธจำหน่ายสินค้า ทดลองตลาด สร้างการรับรู้ และขยายฐานลูกค้าผ่านพื้นที่ศูนย์การค้าของโลตัสทั่วประเทศ นอกจากนี้ทางโลตัสพร้อมสนับสนุนทีมงานให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าและ มาตรฐานการผลิตอีกด้วย

ในการปฐมนิเทศครั้งนี้ถือเป็นการติวเข้มแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เข้าใจถึงขั้นตอนและวิธีการเจรจาจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ รวมถึงรายละเอียดที่สำคัญต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมในการเจรจาจับคู่ธุรกิจที่จะมีขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 17-18 มีนาคมนี้ โดยมีบริษัท ซีพี ออริจิน จำกัด เป็นผู้สร้างแพลตฟอร์มในการพัฒนาเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ให้ข้อแนะนำในการที่จะนำพาเอสเอ็มอีเข้ามาร่วมเป็นธุรกิจกับเครือซีพี ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะสนับสนุนองค์ความรู้ การจัดหาวัตถุดิบที่ดี ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการให้คำแนะนำในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นตำราสำคัญที่จะทำให้เอสเอ็มอีประสบความสำเร็จ พร้อมนำพาเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดทั้งในไทยและต่างประเทศ

หนึ่งในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าจะเข้าร่วมการเจรจาจับคู่ธุรกิจในโครงการนี้ คือ นายไพศาล กิตติฤดีกุล จาก บริษัท ไทยโคโค่ฟาร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ขอบคุณทางเครือซีพีที่สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสด้วยการจัดเวทีการเจรจาธุรกิจออนไลน์ครั้งนี้ขึ้นมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ประกอบการไทยที่ได้มีโอกาสในการนำเสนอสินค้ากับ 3 กลุ่มธุรกิจค้าปลีกใหญ่ทั้ง เซเว่น อีเลฟเว่น แม็คโคร และโลตัสในครั้งเดียว ซึ่งเวทีนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้รับองค์ความรู้นำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าให้มาตรฐาน รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้เครือซีพียังให้การสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความพร้อมขยายตลาดไปต่างประเทศอีกด้วย นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของผู้ประกอบการที่จะเพิ่มยอดขายและมีโอกาสได้ฟื้นธุรกิจที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างมากให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

อีกหนึ่งเสียงจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ นางสาวอมรรัตน์ อมรพิมล เจ้าของผลิตภัณฑ์ AVA Mineral Water Purifying OverNight Mask มาสก์สูตรน้ำแร่บริสุทธิ์ กล่าวว่า การที่เครือซีพีได้สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เป็นช่องทางที่เป็นประโยชน์อย่างมากให้กับผู้ประกอบการไทย เพราะมีโอกาสไม่ง่ายนักที่จะได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับเครือข่ายค้าปลีกค้าส่งพร้อม ๆ กัน โดยมองว่าการได้เข้าร่วมเวทีครั้งนี้จะสามารถนำองค์ความรู้ รวมทั้งคำแนะนำในการทำการตลาดในแต่ละแพลตฟอร์มไปพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานทางการผลิตที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

12
ลาซาด้าส่งฟีเจอร์ LazLOOK นำ น้องกะทิ Ai Influencer มาช่วยโปรโมทสินค้าสายแฟ สุดล้ำ! เป็น E-Commerce สายแฟเจ้าแรก

หลังจากที่ LazLOOK เปิดตัวด้วยเหล่ากองทัพ KOL มากมายไม่ว่าจะบน YouTube, IG, TikTok และ Facebook ครั้งนี้ LazLOOK สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการอีคอมเมิร์ซ จับมือกับ 'กะทิ' Virtual Influencer สัญชาติไทยที่กำลังเป็นกระแส มาร่วมโปรโมท 'LazLOOK' ด้วยคาแรคเตอร์ของกะทิที่เป็นไอคอนนำเทรนด์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุคแฟชั่นที่กำลังมาแรง เรียกได้ว่าตรงกับความเป็น LazLOOK ที่ลาซาด้าตั้งใจสื่อสารได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบัน การจับจ่ายสินค้าของคนรุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสและมักเกิดเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงประเภทสินค้ายอดฮิตอย่างสินค้าแฟชั่น โดยเห็นได้จากสถิติยอดขายสินค้าแฟชั่นในลาซาด้ามีการเติบโตขึ้นเกือบ 170% ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เราพัฒนา 'LazLOOK' ให้เป็นจุดหมายของสินค้าแฟชั่นที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การแต่งตัว โดยลาซาด้ายึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Consumer-Centric) และพัฒนาอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายอย่าง Gen Z ด้วยความเชื่อที่ว่าแฟชั่นสามารถช่วยเติมเต็มได้ทุกโมเมนต์ มั่นใจว่า LazLOOK สามารถตอบโจทย์นักช้อปให้ได้สินค้าแฟชั่นโดนใจ ที่มาพร้อมราคาดี คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วยส่วนลดท็อปปิ้ง อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่มการมองเห็น และนำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์และผู้ขายบนแพลตฟอร์มลาซาด้าได้อย่างยั่งยืน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ลาซาด้า กล่าวรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเลย! https://s.lazada. co.th/s.T8jUX

13
PLANET วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารศูนย์ปฏิบัติการดิจิทัล ในอีอีซี

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างอาคารศูนย์ปฏิบัติการดิจิทัล Digital Monitoring and Operation Center (DMOC) ในพื้นที่โครงการ EEC SILICON TECH PARK โดยมีนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานสภา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ศ.ดร. สยาม เจริญเสียง ผู้อำนวยการสถาบัน FIBO ดร. ธัชพล กาญจนกูล ดร. เพ็ชร ชินบุตร รองเลขาธิการ EEC นายณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Silicon Tech Park นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศบาลตำบลบ้านฉาง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และประชาชนชาวจังหวัดระยองร่วมประกอบพิธีเมื่อเร็วๆนี้

Havaianas เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ 15 มี.ค.นี้ "Sakura Special Collection Blooming with Sakura"
 
Havaianas แบรนด์รองเท้าแตะสุดฮิต เตรียมออกสินค้า Special Collection ตอบโจทย์คลายความคิดถึงบรรยากาศเทศกาลซากุระของประเทศญี่ปุ่น ด้วยรองเท้าแตะคอลเลกชันพิเศษ "Sakura Special Collection Blooming with Sakura" หรือ Havaianas Sakura ที่ผสมผสานด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวดีไซน์โดดเด่นผสานเข้ากับลวดลายของดอกซากุระที่เข้ากันได้อย่างลงตัว โดย "Havaianas Sakura" มีวางจำหน่าย 2 รุ่น 2 สไตล์ ทั้งรุ่น Luna Sakura ราคา 1,290 บาท และรุ่น Slim Sakura ราคา 990 บาท เอาใจทั้งคนที่ชอบใส่รองเท้ารัดส้น และ รองเท้าแตะธรรมดา แต่ใส่แล้วไม่ธรรมดา สร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่น สวมใส่สบาย ทุกที่ ทุกวัน ที่เป็นตัวคุณ สำหรับคอลเลคชั่น Havaianas Sakura พร้อมเปิดจำหน่ายในวันที่ 15 มี.ค. 2565 นี้ ณ ร้าน Havaianas และช้อปออนไลน์ผ่านทาง Lazada Shopee และ havaianas.co.th ติดตามคอลเลคชั่นใหม่ๆ

14
NT ผนึก SF ร่วมสร้างประวัติศาสตร์คอนเสิร์ตขึ้นจอโรงภาพยนตร์ ถ่ายทอด Live Viewing Concert BTS ใน 75 ประเทศกวาดรายได้ทั่วโลกสูงสุด

NT จับมือ SF จัดเต็มระบบสื่อสัญญาณถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต "PERMISSION TO DANCE ON STAGE - SEOUL: LIVE VIEWING" ร่วมสร้างสถิติใหม่การฉายคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดกว่า 32.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายสมยศ ธนพิรุณธร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวถึงการเข้าร่วมถ่ายทอดสดการแสดงคอนเสิร์ต "PERMISSION TO DANCE ON STAGE - SEOUL: LIVE VIEWING" ของวง BTS ให้กับบริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาว่า NT ประสบความสำเร็จในการออกแบบและบูรณาการระบบเครือข่ายและบริการที่มีอยู่ให้สามารถรองรับการถ่ายทอดสดการแสดงคอนเสิร์ตไปยังโรงภาพยนตร์เอส เอฟทั่วประเทศพร้อมกันได้อย่างราบรื่น

"การถ่ายทอดสดครั้งนี้ NT ทำการรับสัญญาณการถ่ายทอดสดระบบ Live Streaming จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีแม่ข่ายสัญญาณที่ประเทศอังกฤษ มายังศูนย์โทรคมนาคมนนทบุรีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีการรับประกันคุณภาพบริการตลอดเส้นทางการเชื่อมต่อ โดยเตรียมระบบสำรองรับสัญญาณผ่านโครงข่ายดาวเทียมพร้อมกันอีกด้วย จากนั้นก็ทำการกระจายสัญญาณโดยใช้เครือข่ายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงไปยังสาขาของโรงภาพยนตร์เอส เอฟ ทั้ง 20 สาขา 51 โรงภาพยนตร์พร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นการบูรณาการบริการของ NT ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นบริการสื่อสารดาวเทียม บริการอินเทอร์เน็ต และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เพื่อใช้ในการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ซึ่งมีความท้าทายอย่างมากเพราะเป็นการรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียทั้งภาพและเสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ไม่ต้องมีการ Download ข้อมูลทั้งหมดจนครบ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นการ Live โดย NT เชื่อมั่นในความพร้อมของระบบสื่อสัญญาณ ทีมงานที่มีศักยภาพ และเครือข่ายการให้บริการที่เชื่อมโยงประเทศไทยกับทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงความพร้อมในด้านสถานที่ และการบริหารจัดการของ เอส เอฟ ทำให้การถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นไปยังราบรื่น แฟน ๆ หรือ ARMY ของวง BTS จึงได้ชมคอนเสิร์ตกันอย่างเต็มอิ่มทั้งภาพและเสียงพร้อมกับผู้ชมทั่วโลก"

นายสมยศกล่าวด้วยว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นยังเป็นการพิสูจน์ว่าระบบโครงข่ายโทรคมนาคมและดิจิทัลของไทยมีประสิทธิภาพและมีศักยภาพทัดเทียมระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตดิจิทัลให้กับคนไทย และเป็นสิ่งที่พิสูจน์อีกครั้งได้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีโทรคมนาคมและดิจิทัลเข้ามามีส่วนในชีวิตทุก ๆ มิติ ใช่เพียงแค่การติดต่อสื่อสารเหมือนในอดีต

"ผมเชื่อว่าทุก ๆ คนที่ได้ดูการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตที่ผ่านมา จะมีความสุขและได้รับความบันเทิงจากเทคโนโลยีของเรา นอกจากนี้ NT เรายังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันเพื่อรองรับรูปแบบการให้บริการกับธุรกิจ ต่าง ๆ ที่ต้องมีการปรับตัวจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ตามแท็กไลน์ของ NT ที่ว่า 'Next, through Technology' ซึ่ง NT มี

ภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับการสื่อสารและดิจิทัลให้กับประเทศในทุก ๆ ด้าน โดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมกับ เอส เอฟ ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ด้านความบันเทิงมาอย่างต่อเนื่อง"

ด้านนายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการถ่ายทอดคอนเสิร์ต "PERMISSION TO DANCE ON STAGE - SEOUL: LIVE VIEWING ทั้ง 20 สาขา 51 โรงภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์พร้อมกันทั่วประเทศ และยังเป็นการถ่ายทอดพร้อมกับ 75 ประเทศทั่วโลก รวม 3,711 โรงภาพยนตร์ นับเป็นสร้างสถิติใหม่ของการฉายคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดกว่า 32.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

"PERMISSION TO DANCE ON STAGE - SEOUL: LIVE VIEWING จัดขึ้นที่กรุงโซล ในวันที่ 12 มีนาคม 2565 พร้อมกับการยิงสัญญาณสดแบบสตรีมมิ่งไปยังโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตที่มีความยาวกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับประเทศไทยได้เป็น 1 ใน 8 ประเทศของเอเชีย โดยโรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เป็นโรงภาพยนตร์เครือเดียวในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดครั้งนี้ แบบ Exclusive ถือเป็นความร่วมมือทำงานในระดับโลกที่ทางค่ายและเจ้าของลิขสิทธิ์ได้กำหนดมาตรฐานในการทำงานให้เหมือนกันทั่วโลก ตั้งแต่เทคโนโลยีภายในโรงภาพยนตร์ ระบบการกระจายสัญญาณ วันเวลาที่จำหน่ายบัตร ไปจนถึงข้อกำหนดในการรับชม ดังนั้น นอกจากการประสานงานกับเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างใกล้ชิดแล้ว เราได้ลงทุนเพื่อยกระดับเทคโนโลยีการฉายไปกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากต้องใช้เทคนิค อุปกรณ์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจำนวนมาก เพื่อให้การถ่ายทอดสัญญาณผ่านเครื่องฉายของโรงภาพยนตร์เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เราทราบดีว่ามี ARMY ในประเทศไทยจำนวนมากที่รอชมการแสดงครั้งนี้พร้อมกับแฟน ๆ ทั่วโลก เราจึงได้พยายามอย่างเต็มที่ในการก้าวข้ามข้อจำกัด เพื่อให้มีการกระจายสาขาที่ฉายให้ได้มากที่สุด และรองรับผู้ชมได้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ซึ่ง เอส เอฟ มีจำนวนสาขาที่ฉายมากที่สุดใน South East Asia อีกด้วย"

นายสุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "การถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับเอส เอฟ เนื่องจากเราเปิดขายบัตรรอบแรกกว่า 5,000 ที่นั่ง ก็มีผู้ซื้อผ่านช่องทางแอปพลิเคชันของเอส เอฟ จนเต็มทุกที่นั่งภายใน 15 นาที ถือเป็นปรากฏการณ์และเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียจนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งจากความต้องการของแฟน ๆ เราจึงได้เปิดขายบัตรรอบ 2 โดยเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์และสาขา อีกกว่า 10,000 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 15,000 ที่นั่ง ซึ่งทุกที่นั่งก็เต็มหมดภายใน 1 ชั่วโมงเช่นกัน ทั้งนี้ หลังการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตจบ ผมได้พูดคุยกับ ARMY หลายคน พบว่าทุกคนประทับใจกับการชมถ่ายทอดสดในโรงภาพยนตร์ครั้งนี้มาก โดยเฉพาะคุณภาพของภาพ เสียง และสัญญาณการถ่ายทอด ที่ทำให้รู้สึกเหมือนดูคอนเสิร์ตจริง ๆ ได้ชื่นชมศิลปินอย่างใกล้ชิด ได้สัมผัสบรรยากาศคอนเสิร์ตที่ห่างหายไปนาน และที่สำคัญคือการได้อยู่ท่ามกลาง ARMY ด้วยกัน ซึ่งเป็นการเติมเต็มความฝัน ประสบการณ์ และความสุข ที่ไม่ค่อยได้สัมผัสนับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 พวกเราจึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขให้กับผู้ชมในครั้งนี้"

ทั้งนี้ ในการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต PERMISSION TO DANCE ON STAGE - SEOUL: LIVE VIEWING ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งการทำความสะอาดโรงภาพยนตร์ การอบฆ่าเชื้อ การดูแลเครื่องปรับอากาศ การเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่ง รวมถึงกำหนดให้ผู้ชมทุกคนได้แสดงผลตรวจ ATK ก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ เพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นการดูแลลูกค้าที่มาใช้บริการ

15


บทความนี้มีเหตุผลดี ๆ ที่พร้อมช่วยให้คนที่ต้องการแอร์สักเครื่องแล้วกำลังลังเลเรื่องการเลือกใช้แอร์พกพาให้เชื่อมั่นพร้อมตัดสินใจได้ทันที เหตุเพราะความเย็นจะช่วยสร้างความสดชื่นในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย ยิ่งในช่วงหน้าร้อนของบ้านเราที่เอาเรื่องแบบนี้ รับรองว่าคุณ ๆจะไม่ต้องหงุดหงิดกับเรื่องรอบตัวอีกต่อไป ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลยดีกว่า
4 เหตุผลที่บอกว่าท่านควรเลือกใช้แอร์พกพาช่วยดับความร้อน
1. มีหลายรุ่นให้เลือก
เหตุผลแรกเลยก็คือเรื่องของจำนวนรุ่น หรือยี่ห้อที่จะเลือกใช้ ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามีให้เลือกน้อย เนื่องด้วยแอร์ประเภทนี้มีรุ่นชนิดจัดเต็ม ๆ ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ ผ่านการตรวจสอบด้านการใช้งานมาแล้ว อาทิ
- TCL TAC-12CPA/KV 12,000 บีทียู ที่มีมอเตอร์พัดลมคู่ ทำงานเงียบ มีโหมดทำความเย็นทั้งแบบ Fan, Dry หรือ Sleep ตามความเหมาะสม
- MIDEA MPPFA-09CRN1 9,000 บีทียู มีไออนประจุลบ กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสในอากาศ ความเย็นทั่วถึงติดตามได้ทุกที่ พร้อมดักจับฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก
-ASTINA AS122APB 12,000 บีทียู มีกำลังไฟ 1060 วัตต์ ปรับบานสวิงได้ ขึ้น – ลงอัตโนมัติ

2. สามารถย้ายได้ตามต้องการ
ประเด็นต่อมาที่ควรเลือกใช้แอร์เคลื่อนที่ จริง ๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเคลื่อนที่ ดังนั้น จุดดีจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการ วันนี้อยากลมเย็น ๆ หน้าทีวี ก็เคลื่อนย้ายมา อีกวันอยากลมเย็น ๆ ที่โต๊ะกินข้าว ก็ย้ายตามสะดวก ซึ่งปกติแล้วจะมีล้อติดตั้งให้ด้วยช่วยให้เลื่อนได้สะดวกสบาย

3. มีความเย็นให้ไม่ต่างจากแอร์บ้าน
เรื่องความเย็นเป็นอีกเหตุผลที่ตอบโจทย์ เนื่องด้วยแอร์ประเภทนี้ก็มีความเย็นให้เลือกได้ ซึ่งขนาดบีทียูนั้นจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้งานของห้องด้วย ห้องเล็กก็ควรใช้น้อย ห้องใหญ่ก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลใจ เนื่องจากมีให้เลือกสูงสุด 18,000 บีทียูเลยเชียว (หรือบางรุ่นก็อาจมากกว่านี้)

4. ราคาถูกกว่าแอร์บ้าน
สุดท้ายแอร์เคลื่อนที่ราคาถูกมากกว่าแอร์บ้าน จะอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งช่วยให้เข้าถึงกับทุกกลุ่มคนที่อยากดับร้อนแต่ก็มีงบประมาณไม่มากพอที่จะซื้อแอร์บ้าน แถมแอร์บ้านก็ต้องมีการจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยติดตั้ง ส่วนแอร์ชนิดนี้แค่ซื้อมาวางไว้ในบ้าน เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้เลยทันที

และทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเหตุผลที่ควรเลือกแอร์ประเภทพกพาใช้งาน ใครที่ลังเลก็คงจะตัดสินใจได้แล้ว อย่าลืมพิจารณา BTU เครื่องก่อนตัดสินใจด้วย ขนาดเครื่องเล็ก ใหญ่ วางแล้วเกะกะไหม ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย มี มอก. ตรวจสอบได้

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0104

หน้า: [1] 2