ร้านแหวนเพชร นั้นจัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเพราะราคาของมันไม่ใช้เรื่องเล่นๆ ที่จะมานั่งซื้อกันได้บ่อยๆ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อเราจึงต้องคิดให้ดี ทั้งในด้านของการหาร้านเพชรที่ไว้ใจได้ ไหนจะเรื่องของความสวยงาม เนื่องจากได้มีโอกาสได้เข้าร้านเพชรชั้นนำของไทยร้านหนึ่ง ซึ่งได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับ
ร้านแหวนเพชร ทั้งการตรวจสอบ วิธีการเลือกซื้อ และการดูคุณภาพแหวน เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เอาไปใช้ประโยชน์กัน ซึ่งก็จัดว่าเป็นทริก เทคนิคง่ายๆ เพื่อให้ได้ร้านแหวนเพชรในห้างอีกด้วย

คำถามยอดฮิตคือเทรนด์ของร้านแหวนเพชร คนทั่วไปส่วนมากตอนนี้อยากได้สไตล์เรียบง่าย (ร้านแหวนเพชร Minimalist Style) ซึ่งเรียบง่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องไปลองสวมร้านแหวนเพชรจริง ถึงจะตอบได้ว่าชอบแบบไหน เพราะนิ้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อีกทั้งความชอบของแต่ละคนก็ต่างกันด้วย และทุกคนจะมีรายละเอียดที่ต่างมุมมอง เช่น อยากได้เพชรอยู่ต่ำกว่านี้นิดหน่อย แบนกว่านี้ ลึกกว่านี้ สลักชื่อ บางร้านก็สามารถทำได้ สามารถปรับ
ร้านแหวนเพชรเฉพาะบุคคลได้ หรือสำหรับลูกค้าที่มีแบบร้านแหวนเพชรมาแล้ว บางร้านก็สามารถทำร้านแหวนเพชรตามแบบได้เช่นกัน
"
ทริกง่าย ๆ สำหรับการเลือก
ร้านแหวนเพชร 1. ร้านแหวนเพชรราคาประมาณ 30,000 บาท เป็นร้านแหวนเพชรที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ซึ่งจะได้เพชรขนาดประมาณ 0.18-0.20 กะรัต หรือ 50,000 บาท ที่จะได้เพชรขนาด 0.30-0.40 กะรัต เป็นช่วงร้านแหวนเพชรนิยมสูงสุด 2. ร้านแหวนเพชรผู้ชายไม่ควรเลือกเพชรที่กะรัตเยอะเกินไป เพราะการที่เลือกเพชรกะรัตเยอะ จำเป็นต้องทำร้านแหวนเพชรให้หนาขึ้นเพื่อใส่เพชร และแหวนที่หนาทำให้การขยับนิ้วทำได้ไม่สะดวก 3. แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากได้ร้านแหวนเพชรที่เพชรเม็ดใหญ่ โดยเฉพาะผู้หญิง แต่ถ้าเงินไม่ถึงให้เลือกร้านแหวนเพชรแบบที่มีเพชรเม็ดเล็กล้อมรอบ จะทำให้เพชรเม็ดกลางดูใหญ่ขึ้นได้ 4. ตัวแหวนที่ทำมาจากเงิน, ทองคำขาว, White Gold จะทำให้เพชรดูมีสีขาวมากขึ้น ดีกว่าการทำตัวเรือนแหวนเพชรด้วยทองที่มีสีเหลือง เพราะจะทำให้เพชรดูเหลือง 5. เลือกร้านที่มีบริการหลังการขายที่ดี เช่น ล้างแหวนฟรี, ปรับไซส์แหวนฟรี, ซ่อมฟรี เนื่องจากแหวนเพชรจะต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต เราต้องดูแลรักษาอย่างมาก 6. ร้านแหวนเพชรควรขัดและล้างอย่างมากปีละ 1 ครั้งเท่านั้น เพราะการขัดล้าง มีโอกาสทำให้ตัวเรือนของแหวนบางลง 7. จำนวนของหนามเตย (ก้านที่ยึดเพชรกับแหวน) ไม่มีผลกับความแข็งแรงในการยึดเพชรกับแหวน เพราะว่าถ้าหนามเตยน้อย จะมีก้านใหญ่ 8. เพชรมีราคากลางเหมือนทอง ซึ่งตีราคามาจาก 4 C's ดังนั้นควรเช็คราคากลางก่อน 9. เลือก
ร้านแหวนเพชรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่เช่นนั้นแล้ว เวลาใช้ชีวิตจริงคุณอาจจะต้องถอดมันเก็บไว้เฉยๆ หรืออาจจะต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่มอีกวง
" "
เลือกเพชร (ตัวเม็ดเพชร) การเลือกเพชรมีขั้นตอนที่ยุ่งยากนิดหน่อย แต่จำเป็นอย่างมากที่ต้องเรียนรู้ เพื่อไม่ให้ถูกหลอก โดยขั้นตอนในการเลือกเพชรมีอยู่ 4 ขั้นตอนดังนี้ 1. Carat กะรัต คือหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชร พูดง่าย ๆ คือความใหญ่ของขนาดเพชร ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่ก็จะยิ่งมีราคาสูง 2. Cut การเจียระไน แบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก ๆ คือ • รูปทรงของเพชร มีหลายรูปแบบมาก แต่รูปทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุด หรือทรงคลาสสิค คือ เพชรทรงกลมเนื่องจากเมื่อเจียระไนออกมาแล้วจะสวยและวิบวับที่สุด และที่สำคัญเพชรทรงกลมจะมีสิ่งที่เรามองได้จากกล้องที่เรียกว่า Hearts and Arrows ที่ครบและสมมาตร เรียกได้ว่าเป็นเพชรที่สมบูรณ์แบบที่สุด • สัดส่วนของเพชร หลังจากที่ได้รูปทรงของเพชรมาแล้ว เราจะมาดูเรื่องของสัดส่วนในการเจียระไน เพราะเจียระไนมีทั้ง ตื้นไป, ลึกไป, พอดี, หน้ากว้าง, หน้าแคบ ฯลฯ ซึ่งการเจียระไนนี้เป็นส่วนสำคัญในลักษณะการสะท้อนของแสง ที่เราเห็นเพชรระยิบระยับเพราะจุดนี้เอง ตรงนี้คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ดูไม่เป็นก็ไม่แปลก แต่เราสามารถดูได้ง่าย ๆ จากใบเซอร์ GIA 3. Color เลือกสีของเพชร หรือที่เรียกว่าน้ำเพชร ซึ่งจะมีระดับตั้งแต่ D คือน้ำ 100 ซึ่งเป็นเพชรที่ไร้สี (ราคาสูง) และไล่ระดับไปเรื่อย ๆ ตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ E น้ำ 99, F น้ำ 98, G น้ำ 97, H น้ำ 96 ไล่จนถึง Z ซึ่งจะสีออกเหลือง 4. Clarity เลือกความสะอาด คือตำหนิของเพชรที่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติ ภายในไม่สามารถลบออกได้ เพชรที่ไม่มีตำหนิจึงมีราคาสูงกว่า โดยมีการไล่ระดับความสะอาดของเพชรดังนี้ IF, VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1, SI2, I1, I2, I3 (เพชร IF จะมีราคาสูงกว่า I3 ในกะรัตที่เท่ากัน)
"
ขอบคุณบทความร้านแหวนเพชรจาก
https://anantajewelry.com/about-ananta/