ผู้เขียน หัวข้อ: โรคของกินเป็นพิษ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 289 ครั้ง)

anonchobpost

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2204
    • ดูรายละเอียด

โรคของกินเป็นพิษ (Food poisoning)

  • โรคอาหารเป็นพิษ คืออะไร โรคอาหารเป็นพิษเป็นคำกว้างๆที่ใช้อธิบายถึงลักษณะการป่วยที่เกิดขึ้นมาจากการรับประทานอาหาร หรือน้ำที่มีการปนเปื้อน ต้นเหตุอาจเกิดขึ้นจากการปนเปื้อนเชื้อโรคสารเคมี หรือโลหะหนัก เป็นต้นว่า ตะกั่ว ฯลฯ   ก่อให้เกิดอาการอ้วก คลื่นไส้ ท้องร่วง เจ็บท้อง ซึ่งอาการจำนวนมากมักไม่รุนแรง แม้กระนั้นถ้าหากกำเนิดอาการร้ายแรงขึ้นอาจจะส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะเสียน้ำรวมทั้งเกลือแร่จนถึงเป็นโทษได้ ของกินเป็นพิษเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงคนสูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเขตร้อน  โรคของกินเป็นพิษ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ว่าพบได้เล็กน้อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว จังหวะการเกิดโรคในเพศหญิงและเพศชายเท่ากัน แต่อาจพบในเด็กได้สูงยิ่งกว่าวัยอื่นๆด้วยเหตุว่าแหล่งอาหารเป็นพิษที่สำคัญ คือ ของกินในสถานศึกษา ดังนี้ในประเทศที่กำลังพัฒนาบางประเทศ มีรายงานเด็กเกิดของกินเป็นพิษได้มากถึงประมาณ 5 ครั้งต่อปีเลยที่เดียว
  • ที่มาของโรคของกินเป็นพิษ โรคอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากทานอาหาร แล้วก็/หรือ กินน้ำ/เครื่องดื่มที่ปนเปื้อน แบคทีเรีย รองลงไปเป็นไวรัส นอกเหนือจากนั้นที่เจอได้บ้าง คือ การแปดเปื้อนปรสิต (Parasite) อาทิเช่น บิดมีตัว(Amoeba) ส่วนการแปดเปื้อนของสารพิษ ที่พบได้บ่อยเป็นจากเห็ดพิษ สารพิษแปดเปื้อนในอาหารทะเล สารหนู รวมทั้งสารโลหะหนัก มีเชื้อโรคหลายชนิดที่สามารถปลดปล่อยพิษ (toxin) ออกมาแปดเปื้อนในของกินต่างๆอาทิเช่น น้ำกิน เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ นม อาหารทะเล รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม เนยแข็ง ข้าว ขนมปัง สลัด ผัก ผลไม้ เป็นต้น  เมื่อมนุษย์เราทานอาหารที่แปดเปื้อนสารพิษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็จะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย  สารพิษหลายแบบทนต่อความร้อน แม้จะประกอบอาหารให้สุกแล้ว สารพิษก็ยังคงอยู่และก่อให้เกิดโรคได้  ระยะฟักตัวสังกัดประเภทของเชื้อโรค บางชนิดมีระยะฟักตัว 1-8 ชั่วโมง บางจำพวก 8-16 ชั่วโมง บางชนิด 8-48 ชั่วโมง  โดยเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคของกินเป็นพิษที่พบบ่อยในของกินหมายถึง
Clostridium botulinum เป็นแบคทีเรีย anaerobic ที่เป็น gram positive ที่เจอได้ในดินแล้วก็น้ำในสิ่งแวดล้อมทั่วๆไป ชนิดที่สามารถก่อโรคในคนแบ่งออกเป็น

  • Proteolytic strain ประกอบด้วย type A ทั้งหมดทั้งปวง และก็นิดหน่อยของ type B และ F แบคทีเรียกลุ่มนี้ย่อยของกินได้ และทำให้ของกินมีลักษณะถูกแปดเปื้อน
  • Non-proteolytic strain ประกอบด้วย type E ทั้งหมดทั้งปวง และก็เล็กน้อยของ type B แล้วก็ F แบคทีเรียกลุ่มนี้ไม่ทำให้อาหารมีลักษณะเปลี่ยน


เชื้อนี้เติบโตได้ดีในสภาพการณ์ห้อมล้อมที่มีออกสิเจนน้อย ก็เลยพบบ่อยในของกินบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท โดยยิ่งไปกว่านั้นสินค้าใส่กระป๋องที่ผ่านแนวทางการผลิตผิดความถูกอนามัย อาทิเช่น หน่อไม้ปีบ หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง และก็ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ดัดแปลง สารพิษที่สร้างมาจากเชื้อจำพวกนี้กระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ตามัวมัว เห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วก็บางโอกาสร้ายแรงจนถึงบางทีอาจเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและก็เสียชีวิตได้
Vibrio parahaemolyticus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ถูกใจเกลือเข้มข้นสูงสำหรับการเติบโต (halophilic vibrio) มีแอนติเจนโอ ("O" antigen) แตกต่าง 12 จำพวก และก็มีแอนติเจนเค ("K" antigen) ที่ตรวจได้แล้วเวลานี้มี 60 จำพวก มักพบในอาหารทะเลที่ดิบหรือปรุงไม่สุกเพียงพอ
Bacillus cereus เป็นเชื้อที่ไม่ได้อยากออกสิเจน สร้างสปอร์ได้ มีสารพิษ 2 ประเภทเป็น จำพวกที่ทนต่อความร้อนได้ ทำให้มีการเกิดคลื่นไส้ แล้วก็จำพวกที่ทนความร้อนมิได้ทำให้มีการเกิดอาการ อุจจาระหล่นโดยมากพบเกี่ยวพันอาหาร (ดังเช่น ข้าวผัดในร้านค้าแบบบริการตัวเอง) ผักแล้วก็อาหารและพื้นที่รักษาไม่ถูกจะต้อง ณ.อุณหภูมิปกติภายหลังจากปรุงแล้ว
S.aureus หลายประเภทที่สร้างพิษ (enterotoxin) ซึ่งคงทนถาวรต่ออุณหภูมิที่จุดเดือด เชื้อชอบแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในอาหารรวมทั้งสร้าง toxin ขึ้น ของกินที่มี enterotoxin โดยมากเป็นอาหารที่ปรุงและสัมผัสกับมือของผู้ทำกับข้าว และไม่ได้กระทำอุ่นอาหารด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนที่จะกินอาหาร หรือแช่ตู้เย็น เป็นต้นว่า ขนมจีน ขนมเอ แคลร์ เนื้อ เมื่อของกินเหล่านี้ถูกทิ้งในอุณหภูมิปกติหลายชั่วโมงต่อเนื่องกันก่อนนำไปบริโภค ทำให้เชื้อสามารถแบ่งตัวและก็สร้างพิษที่คงทนต่อความร้อนออกมา
ซาลโมเนลลา (Salmonella) มักพบในเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ นม และก็ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม นำไปสู่อาการท้องร่วง ถ่ายมีมูก อาเจียน อ้วก มีไข้ ด้านใน 4-7 วัน
เอสเชอริเชีย วัวไล (Escherichia coli) หรือเรียกสั้นๆว่า อีโคไล (E. coli) อี.โคไลเป็นแบคทีเรียรูปแท่งย้อมติดสีกรัมลบ มันมีพิษส่งผลให้เกิดอาการท้องเดิน  อี.โคไลมีสารพิษ 2 ประเภท เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่และถูกทำลายให้หมดไปด้วยการทำให้อาหารสุก แม้กระนั้นอีกที่มันผลิตออกมาพร้อมๆกันนั้น มีโมเลกุลที่เล็กกว่า รวมทั้งเป็นสารทนไฟที่ไม่สามารถที่จะทำลายได้ด้วยความร้อน พิษทั้งสองชนิดส่งผลทำให้ท้องร่วงเช่นเดียวกัน ดังนั้นแม้ของกินปนเปื้อนพิษนี้แล้วไม่ว่าจะมีผลให้สุกก่อนหรือไม่ ก็จะไม่มีทางทำลายสารพิษของมันให้หมดไปได้ มีทางเดียวที่จะป้องกันได้ก็คือทิ้งอาหารนั้นไปเสีย
ชิเกลล่า (Shigella) พบการปนเปื้อนทั้งในสินค้าอาหารสดและก็น้ำที่ไม่สะอาด รวมไปถึงอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง เพราะเหตุว่าเชื้อประเภทนี้สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งได้ ส่งผลให้เกิดอาการอ้วก คลื่นไส้ ปวดมวนท้อง คราวหลังการรับประทานอาหารภายใน 7 วัน
ไวรัสก่อโรคผ่านทางเดินอาหาร (Enteric Viruses) ประกอบด้วยไวรัสหลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น ไวรัสโนโร (Norovirus) ที่มักจะแปดเปื้อนทั้งยังในสินค้าอาหารสด สัตว์น้ำชนิดมีเปลือก รวมทั้งน้ำที่ไม่สะอาด แสดงอาการข้างใน 1-2 วัน หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A) ที่สามารถติดต่อด้วยการได้รับเชื้อจากอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง ข้างใน 2-3 อาทิตย์

  • ลักษณะของโรคของกินเป็นพิษ อาหารเป็นพิษจากเชื้อโรคต่างๆจะมีลักษณะอาการคล้ายๆกันเป็นปวดท้องในลักษณะปวดบิดเป็นช่วงๆอาเจียน (ซึ่งมักมีเศษอาหารที่เป็นสาเหตุออกมาด้วย) รวมทั้งถ่ายเป็นน้ำบ่อย บางรายอาจมีไข้และอ่อนเพลียร่วมด้วย โดยธรรมดา 80 – 90 % ของโรคของกินเป็นพิษชอบไม่ร้ายแรง อาการต่างๆมักจะหายได้เองข้างใน ๒๔-๔๘ ชั่วโมง บางจำพวกอาจนานถึงอาทิตย์ ในรายที่เป็นร้ายแรง บางทีอาจอาเจียนรวมทั้งท้องเดินรุนแรง จนร่างกายขาดน้ำและก็เกลือแร่อย่างหนักได้  บางทีอาจพบว่า คนที่กินอาหารด้วยกันกับคนเจ็บ (อย่างเช่น งานฉลอง คนในบ้านที่กินอาหารชุดเดียวกัน) ก็มีลักษณะอาการลักษณะเดียวกันกับผู้ป่วยในเวลาไล่เลี่ยกัน

ซึ่งเมื่อเชื้อโรค หรือ พิษเข้าสู่ร่างกาย จะก่ออาการ เร็ว หรือ ช้า  ขึ้นกับชนิด และก็จำนวนของเชื้อ หรือ ของสารพิษ ซึ่งเจอกำเนิดอาการได้ตั้งแต่ 2-6 ชั่วโมงข้างหลังรับประทานอาหาร/กินน้ำ ไปจนกระทั่งเป็นวัน หรือ สัปดาห์ หรือ เป็นเดือน (ได้แก่ ในเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ) แต่โดยปกติ พบได้บ่อยเกิดอาการข้างใน 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3วัน  อาการโดยธรรมดาที่พบได้ทั่วไป จากโรคอาหารเป็นพิษ ดังเช่น ท้องเดิน อาจเป็นน้ำ มูก หรือ มูกเลือด ปวดท้อง อาจมาก หรือ น้อย ขึ้นกับความรุนแรงของโรค มักเป็นการปวดบิด เพราะเหตุว่าการบีบตัวของลำไส้ อ้วก คลื่นไส้ ในบางรายอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้  เป็นไข้สูง อาจหนาวสั่น แต่ว่าบางโอกาสเป็นไข้ต่ำได้  ปวดหัว เมื่อยร่างกาย บางทีอาจปวดข้อ สังกัดชนิดของเชื้อหรือ สารพิษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว  อาจมีผื่นขึ้นตามเนื้อตัว  อาจมีกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรง ดังที่กล่าวมาแล้วแล้วเหมือนกัน  มีอาการของการสูญเสียน้ำภายในร่างกาย  อาทิเช่น อ่อนแรง  เหน็ดเหนื่อยง่าย  ปากแห้ง ตาโบ๋  เยี่ยวบ่อยครั้ง

  • ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคของกินเป็นพิษ
  • มีพฤติกรรมการรักษาสุขอนามัยไม่ถูกจำเป็นต้อง ดังเช่นว่า ก่อนอาหารให้ล้างมือให้สะอาด
  • การบริโภคของกินที่ไม่ถูกความถูกอนามัย ได้แก่ บริโภคของกินสุกๆดิบๆบริโภคอาหารที่ไม่มีการปกปิดจากแมลงต่างๆให้มิดชิดการรับประทานอาหารที่ค้างคืนและไม่มีการอุ่นโดยผ่านความร้อนที่สมควร
  • การจัดเก็บและเตรียมอาหารเพื่อปรุงไม่สะอาด ดังเช่นว่าการเก็บเนื้อสัตว์และก็ผักเอาไว้ภายในที่เดียวกันโดยไม่แยกเก็บ ล้างทำความสะอาดผักไม่สะอาดทำให้มีสารเคมีหรือยากำจัดศัตรูพืชคงเหลือที่ผัก
  • การเก็บรักษาของกินที่บูดเสียง่ายไม่ดีพอ อาทิเช่น อาหารประเภทแกงกะทิ อาหารทะเล  อาหารสด  ควรเก็บรักษาไว้ในตู้แช่เย็นที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม มีความเย็นทั่วถึงฯลฯ
  • การเลือดซื้ออาหารกระป๋องที่มิได้มาตรฐาน ดังเช่น อาหารกระป๋องที่มีรอยบุบ รอยบุ๋ม  อาหารกระป๋องที่มีคราบสนิมรอบๆฝาเปิดหรือขอบกระป๋อง เป็นต้น
  • ขั้นตอนการรักษาโรคอาหารเป็นพิษ แพทย์จะวิเคราะห์จากอาการแสดงของคนเจ็บเป็นหลัก เช่น ลักษณะของการปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน อาจมีเรื่องราวว่าผู้ที่ทานอาหารร่วมกันบางคนหรือคนจำนวนไม่น้อย (อย่างเช่น งานกินเลี้ยง คนภายในบ้าน) มีลักษณะอาการท้องร่วงในเวลาไล่เลี่ยกัน  ในรายที่มีลักษณะอาการรุนแรง มีไข้สูง หรือสงสัยว่ามีเหตุมาจากปัจจัยอื่น หมอบางทีอาจกระทำตรวจพิเศษเสริมเติมยกตัวอย่างเช่น  การวิเคราะห์เลือด ใช้ในเรื่องที่ผู้ป่วยมีลักษณะอาการร้ายแรงมากยิ่งกว่าอาการอาเจียนรวมทั้งท้องเดิน หรือมีสภาวะการขาดน้ำและก็เกลือแร่ เพื่อตรวจหาปริมาณเกลือแร่ (หรืออิเล็กโทรไลต์) ในเลือดและหลักการทำงานของไต หรือในกรณีมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบ อาจมีการตรวจการทำงานของตับเพิ่ม  การตรวจอุจจาระเพื่อค้นหาประเภทของเชื้อโรคด้วยการส่องกล้องกล้องจุลทรรศน์เมื่อคนไข้มีการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร ยกตัวอย่างเช่น แบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือเชื้อปรสิตที่ก่อให้เกิดอาการถ่ายเป็นเลือด


ดังนี้การตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาต้นเหตุของอาหารเป็นพิษยังทำได้ด้วยวิธีการตรวจจำนวนแอนติบอดีในเลือด (Immunological tests) หรือวิธีอื่นๆได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและก็ดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อปฏิบัติการรักษาอย่างถูกต้องในขั้นตอนต่อไป   
กรรมวิธีรักษาโรคของกินเป็นพิษ ที่สำคัญที่สุดเป็นรักษาประคับ ประคองตามอาการ ตัวอย่างเช่น คุ้มครองสภาวะขาดน้ำแล้วก็ขาดสมดุลของเกลือแร่ซึ่งการดูแลรักษาโดยให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดเมื่อท้องเดินมาก ยาพารา ยาที่ช่วยบรรเทาอาการอ้วก คลื่นไส้ และยาลดไข้ นอกจากหมายถึงการดูแลและรักษาตามปัจจัย ยกตัวอย่างเช่นพินิจพิเคราะห์ให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ให้ยาต้านทานสารพิษหากเป็นชนิดมียาต้านทาน แต่ว่าคนป่วยส่วนใหญ่มักมีลักษณะอาการที่ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการดูแลตนเองที่บ้าน สิ่งจำเป็นที่สุด คือ ต้องมานะอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรจะกินน้ำเปล่ามากๆหรือจิบน้ำเป็นประจำเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากอาการท้องเดินแล้วก็อ้วกมากจนเกินไป

  • การติดต่อของโรคของกินเป็นพิษ โรคอาหารเป็นพิษ เป็นโรคที่มีการรับเชื่อมาจากการทานอาหารที่มีการแปดเปื้อนของเชื้อโรคหรือ สารเคมี หรือโลหะหนัก ซึ่งอาจจะมีเชื้อไวรัสบางประเภทเท่านั้น ที่สามารถเป็นสาเหตุของการติดต่อของโรคอาหารเป็นพิษได้ อาทิเช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ A (Hepatitis A)  ซึ่งสามารถติดต่อด้วยการได้รับเชื้อจากอาหารสดที่มีการสัมผัสโดยตรงกับบุคคลที่มีเชื้อ ซึ่งมีระยะฟักตัว ราว 2 – 3 สัปดาห์ แล้วอาการของโรคจะปรากฏขึ้น
  • การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษในคนแก่และเด็กโต
  • หากปวดท้องร้ายแรง ถ่ายท้องร้ายแรง (อุจจาระเป็นน้ำครั้งละมากมายๆ) อาเจียนรุนแรง (จนถึงดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่หรือน้ำข้าวต้มมิได้) เมื่อลุกขึ้นยืนนั่งมีอาการหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้ง หรือมีภาวการณ์ขาดน้ำร้ายแรง (ปากแห้ง คอแห้ง ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย ชีพจรเต้นเร็ว) จำต้องไปพบหมออย่างเร็วที่สุด
  • ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ บางทีอาจใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ ประเภทสำเร็จรูปที่มีขายในตลาด หรือบางทีอาจผสมเองโดยใช้น้ำสุก 1 ขวดกลมใหญ่ (750 มิลลิลิตร) ใส่น้ำตาล 30 มิลลิลิตร (พอๆกับช้อนยาเด็ก 6 ช้อน หรือช้อนกินข้าวชนิดสั้น 3 ช้อน) และก็เกลือป่น 2.5 มิลลิลิตร (เท่ากับช้อนยาครึ่งช้อน หรือช้อนยาวที่ใช้คู่กับซ่อมครึ่งช้อน)บากบั่นดื่มบ่อยๆครั้งละ 1 ใน 3 หรือครึ่งแก้ว (อย่าดื่มมากจนถึงคลื่นไส้) ให้ได้มากพอกับที่ถ่ายออกไป โดยสังเกตฉี่ให้ออกมากและก็ใส
  • ถ้าเกิดเป็นไข้ ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล
  • ให้ทานอาหารอ่อน อาทิเช่น ข้าวต้ม โจ๊ก งดเว้นอาหารรสเผ็ดรวมทั้งย่อยยาก งดเว้นผักรวมทั้งผลไม้ กระทั่งอาการจะหายก็ดี
  • ห้ามกินยาเพื่อให้หยุดอุจจาระ เพราะว่าอาการท้องร่วงจะช่วยขับเชื้อหรือสารพิษออกมาจากร่างกาย


ในขณะปวดท้อง หรือ คลื่นไส้คลื่นไส้ ไม่สมควรทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำเพราะว่าอาการจะรุนแรงขึ้น   กินน้ำสะอาดให้ได้วันละมากมายๆขั้นต่ำ 8-10 แก้ว เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้ จำกัดน้ำดื่ม  พักให้มากมายๆรักษาสุขลักษณะพื้นฐาน เพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ไปเชื้อสู่ผู้อื่น ที่สำคัญเป็นการล้างมือให้สะอาดเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างหลังการขับ ถ่าย แล้วก็ก่อนอาหาร

  • ควรรีบไปหาหมอ ถ้าหากมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้                อาเจียนมากมาย ถ่ายท้องมาก กินไม่ได้ หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่มิได้ หรือได้น้อย กระทั่งมีภาวการณ์ขาดน้ำออกจะร้ายแรง                มีลักษณะถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือดตามมา             มีลักษณะหนังตาตก ชารอบปาก แขนขาอ่อนกำลัง หรือหายใจไม่สะดวก          อาการไม่ดีขึ้นกว่าเดิมข้างใน ๔๘ ชั่วโมง   มีลักษณะอาการเรื้อรัง หรือน้ำหนักลดฮวบฮาบ                สงสัยเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากพิษ อาทิเช่น สารเคมี พืชพิษ สัตว์พิษ        สงสัยมีสาเหตุมาจากอหิวาต์ อย่างเช่น สัมผัสคนที่เป็นอหิวาตกโรค หรืออยู่ในถิ่นที่เริ่มจะมีการระบาดของโรคนี้ ในเด็กเล็ก (อายุน้อยกว่า ๕ ขวบ)
  • ถ้าหากดื่มนมแม่อยู่ ให้ดื่มนมแม่ถัดไป (ถ้าดื่มนมผสมอยู่ ให้ชงเจือจางเท่าตัวและก็ดื่มถัดไป) และดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือเสริมเติม เมื่อมีลักษณะอาการดีขึ้น ให้รับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย (ดังเช่นว่า ข่าวต้ม) ไม่ต้องให้ยาที่ใช้แก้ท้องเดินประเภทใดทั้งหมด
  • ถ้าถ่ายท้องร้ายแรง คลื่นไส้ร้ายแรง ดื่มนมหรือน้ำมิได้ ซึม เร่าร้อนใจ ตาโบ๋ กระหม่อมยุบมาก (ในเด็กเล็ก) หายใจหอบแรง หรืออาการไม่ดีขึ้นใน ๒๔ ชั่วโมง จำต้องไปหาแพทย์อย่างเร็ว
  • การป้องกันตัวเองจากโรคอาการเป็นพิษ มาตรการป้องกัน การป้องกันรวมทั้งควบคุมโรคของกินเป็นพิษทุกต้นสายปลายเหตุมีมาตรการป้องกันโดยใช้กฎหลัก 10 ประการสำหรับการเตรียมอาหารที่ปลอดภัย ดังต่อไปนี้
  • เลือกอาหารที่ผ่านการเตรียมอย่างดีเยี่ยม
  • ประกอบอาหารที่สุก
  • ควรทานอาหารที่สุกใหม่ๆ
  • ระมัดระวังอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่าให้มีการแปดเปื้อน
  • อาหารที่ค้างมื้อจะต้องทำให้สุกใหม่ก่อนกิน
  • แยกของกินดิบแล้วก็อาหารสุก ให้ระมัดระวังการแปดเปื้อน
  • ล้างมือก่อนจับต้องอาหารไปสู่ปาก
  • ให้พิถีพิถันเรื่องความสะอาดของห้องครัว
  • เก็บอาหารให้ปลอดภัยจากแมลง หนู หรือสัตว์อื่นๆ
  • ใช้น้ำที่สะอาด
  • ไม่รับประทานสุกๆดิบๆระวังการกินเห็ดต่างๆโดยเฉพาะชนิดที่ไม่เคยรู้ ระแวดระวังการกินอาหารทะเลเสมอ ระวังความสะอาดของน้ำแข็ง
  • เมื่อกินอาหารนอกบ้าน เลือกร้านที่สะอาด เชื่อใจได้
  • เนื้อสัตว์ ปลาสด ในตู้แช่เย็น จะต้องเก็บแยกจากของกินอื่นๆทุกชนิด แล้วก็จะต้องอยู่ในภาชนะปิดมิดชิด เพราะเหตุว่าเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ จะอยู่ในอาหารสดเหล่านี้
  • ไม่ละลายอาหารสดแช่แข็งด้วยการตั้งทิ้งไว้ หรือ แช่น้ำ เนื่องจากว่าเป็นการเพิ่มปริมาณเชื้อโรคจากอุณหภูมิที่สมควรต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ควรละลายด้วยไมโครเวฟ
  • รักษาความสะอาดของผักสด อาทิเช่น ถั่วงอก สลัด แล้วก็อาหารสำเร็จรูปต่างๆ
  • การถนอมอาหารอย่างแม่นยำ ทำให้ของกินเป็นกรดที่มี pH < 4.5 หรือให้ความร้อนสูงรวมทั้งนานเพียงพอเพื่อทำลาย toxin และก็การแช่แข็งเพื่อถนอมอาหารเป็นเวลานาน
  • หากของกินมีลักษณะแตกต่างจากปกติดังเช่น กระป๋องโป่ง หรือเสียหาย หรือมีรสแตกต่างจากปกติ อาจมี fermentation เป็นความมีโอกาสเสี่ยงต่อการนำโรค
  • บริโภคอาหารบรรจุกระป๋องที่ผ่านความร้อนพอเพียงที่จะทำลาย toxin ทุกคราว
  • สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/ทุเลาอาการโรคของกินเป็นพิษ
ขิง  ในขิงนั้นจะมีประโยชน์สำคัญที่ออกฤทธิ์ ชื่อ “Gingerol” (จิงเจอรอล) มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องอืด สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในคุณแม่ที่ให้นมบุตรเจริญรวมทั้งไม่มีอันตรายกว่ายาขับลมอื่นๆอีก    นอกจากนี้ในกรณีที่ท้องเสีย การกินน้ำขิงจะช่วยให้การอักเสบที่เกิดขึ้นจากพิษของเชื้อโรคน้อยลง และก็ยังช่วยขับเชื้อโรคอีกด้วย แต่แต่ หากว่าอาการท้องเดินมีความร้ายแรงก็ควรรีบไปพบแพทย์
กระชาย  สรรพคุณ  เหง้าใต้ดิน – มีรสเผ็ดร้อนขม แก้ปวดท้อง  เหง้ารวมทั้งราก – แก้บิดมูกเลือด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ
มังคุด  คุณประโยชน์  รักษาโรคท้องร่วงเรื้อรัง แล้วก็โรคไส้  ยาแก้ท้องเสีย ท้องร่วงยาแก้บิด (ปวดเบ่งรวมทั้งมีมูก และอาจมีเลือดด้วย) เป็นยาคุมกำเนิดธาตุ  ยาแก้อาการท้องเสีย ท้องเสีย  ใช้เปลือกผลมังคุดตากแห้งต้มกับน้ำปูนใส หรือฝนกับน้ำกิน ใช้เปลือกต้มน้ำให้เด็กกินทีละ 1-2 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง  ยาแก้บิด (ปวดเบ่งรวมทั้งมีมูกและอาจมีเลือดด้วย)
ใช้เปลือกผลแห้งโดยประมาณ ½ ผล (4 กรัม) ปิ้งไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสราวครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผุยผง ละลายน้ำสุก กินทุก 2 ชั่วโมง
เอกสารอ้างอิง

  • นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.อาหารเป็นพิษ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่ 390.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.ตุลาคม.2554
  • สุวรรณา เทพสุนทร.ความรู้เรื่องโรคอาหารเป็นพิษ.กลุ่มระบาดวิทยาโรคติดต่อ.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข
  • อาหารเป็นพิษ,อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์.Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
  • Goldfrank LR, Flomenbaum NE, Weisman RS. Botulism. In: Goldfrank LR, Flomenbaum NE, Lewin NA, et al (eds). Goldfrank’s Toxicologic Emergencies. 5th ed. Connecticut: Appleton&Lasge, 1994:937-948.
  • พญ.สลิล ธีระศิริ.อาหารเป็นพิษ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่85.คอลัมน์กลไกการเกิดโรค.พฤษภาคม.2529
  • Lond BM. Food-borne illness. Lancet 1990;336:982-6. http://www.disthai.com/
  • Critchley ER, Michel JD. Human botulism. Br J Hosp Med 1990;93:290-2.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.อาหารเป็นพิษ (Food poisoning).หาหมอ.
  • นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.อาหารเป็นพิษ(Food poisoning).หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.หน้า490-492


 

Sitemap 1 2 3