เรียนรู้-ตั้งรับ-ต่อสู้เมื่อทุนจีนหวัง
กินรวบ ผูกขาด ท่องเที่ยวไทย
ยังคงเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องกับปัญหาง “ตลาดท่องเที่ยวจีน” ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องดีในภาคท่องเที่ยว
แต่ในความเป็นจริงธุรกิจท่องเที่ยวไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เนื่องจาก “กลุ่มทุนในจีน”
มีความพยายามที่จะขยายธุรกิจด้วยการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ
ทั้งธุรกิจโรงแรม คอนโดมิเนียม สถานบันเทิง ร้านอาหาร
ร้านจำหน่ายของที่ระลึก การแสดงโชว์
หรือแม้แต่ศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจรที่จัดไว้รองรับรองตลาดท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ระดับกลางลงไปถึงล่าง
โดยหวังจะกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย
ไม่ว่าจะเป็น “เชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรี”
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมากลุ่มทุนจีนเหล่านี้ยังอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายด้วยการยืมมือคนไทยบางคนมาเป็น
“นอมินี”
ในธุรกิจหลายอย่างเพื่อกอบโกยรายได้กลับไปประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ
โดยที่ไม่สนใจถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นว่า จะเกิดอะไรบ้าง
เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว “พรชัย จิตนวเสถียร”
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า
ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มทุนจากจีนเข้ามาเช่าอาคารหอพัก อพาร์ตเมนต์ในระยะยาว
เพื่อปรับเป็นห้องพักรายวัน เพื่อรองรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากจีน
ซึ่งธุรกิจประเภทนี้จะไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
เงินที่ใช้จ่ายก็จะเป็นเงินหยวน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่กรุ๊ปทัวร์
การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นจุดเริ่มต้นของทัวร์ “ศูนย์เหรียญ”
ที่จะไม่นำลูกทัวร์ไปพักตามโรงแรมที่มีชื่อเสียง
หรือโรงแรมที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน
ส่วนการดำเนินการกับกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มนี้ก็ทำได้ค่อนข้างยาก
เนื่องจากไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน
“สำหรับการเข้ามาเช่าอาคารระยะยาว เพื่อปรับเป็นห้องพักรายวัน เท่าที่ได้รับเบาะแสจากสมาชิกในสมาคมมีจำนวน 12
แห่ง และจากการตรวจสอบพบว่ามี 3
แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เข้าข่ายกระทำความผิดไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร และธุรกรรมการเงิน
หากพบว่ากระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที”
เช่นเดียวกันในมุมมองของ “วรพงษ์ หมู่ชาวใต้” กรรมการฝ่ายการตลาด
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พื้นที่ 1 (ภาคเหนือตอนบน) เห็นว่า
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในพื้นที่
โดยขอให้ทางบริษัทจัดทัวร์ชม “อสังหาริมทรัพย์” ประเภทคอนโดมิเนียม
เพื่อหวังซื้อไว้เป็นที่พักอาศัย
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในเชียงใหม่เพิ่มขึ้น
กลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมเริ่มเห็นช่องทางในการทำกำไรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ก่อนจะปล่อยให้เช่าห้องเป็นรายวัน
หลังจากนั้นจึงเริ่มขยับขยายหาเช่าอาคารในระยะยาว
เพื่อปรับปรุงให้เป็นที่พักรายวัน โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
นอกจากจะเข้าไปลงทุนในอาคารที่พักแล้ว
ทุนจีนยังเริ่มขยายธุรกิจเข้าไปยังกลุ่มร้านอาหาร, ร้านนวด,
ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงบริษัททัวร์รายย่อย โดยให้ผู้ประกอบการคนไทยเป็น
“นอมินี” ดำเนินการให้ทั้งหมด
ซึ่งทางภาครัฐต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องนี้
เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้ทุนเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่
สอดคล้องกับความเห็นของ “ชวลิต ฉ่อนเจริญ”
ประธานชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก คือการเข้ามาของนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาเช่าหอพัก
หรืออพาร์ตเมนต์ในระยะยาว
เพื่อทำเป็นที่พักรายวันให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน
ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ดังนั้น
จึงขอให้ภาครัฐจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ส่วนธุรกิจร้านอาหารเชื่อว่า
นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ต่างต้องการสัมผัสกับรสชาติอาหารในพื้นที่
ดังนั้นหากทุนจีนจะเข้ามาทำร้านอาหารในพื้นที่ก็คงไม่กระทบต่อภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารไทยอย่างแน่นอน
ขณะที่ “กฤษฎา ตันสกุล” นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า
ตลอดปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้กลุ่มทุนจีนเห็นช่องทางและโอกาสในการที่จะเข้ามาลงทุน
ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงมีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายๆ โครงการ
ซึ่งการเข้ามาของนักลงทุนจีนมีหลากหลายประเภทธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร
การจัดแสดงโชว์ โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบเกือบครบวงจร
ดังนั้น หากจะไปห้ามนักลงทุนต่างชาติเข้ามาคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ
การกำหนดมาตรฐานให้ถูกต้องทั้งรูปแบบการให้บริการ คุณภาพบริการ
และต้องไม่ผูกขาด
วันนี้ท่องเที่ยวของภูเก็ตไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้น
แต่ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่หลากหลาย
ฉะนั้นในภาวะที่เกิดการแข่งขันช่วงชิงเรื่องการตลาดค่อนข้างสูง
เราจึงต้องกลับมาดูตัวเองให้มากขึ้น
โดยเฉพาะการพัฒนาตัวเองให้พร้อมที่จะแข่งขันเช่นกัน
"ผมอยู่ในธุรกิจโรงแรมมา 20 ปี เจอปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน โดยในช่วงแรกๆ
ทำตลาดเยอรมัน ถัดมาเป็นสแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย
ซึ่งเป็นปัญหาไม่ต่างกับที่เกิดขึ้นกับตลาดจีนในปัจจุบัน เป็นเหมือนวัฏจักร
เมื่อตลาดใดเข้ามามากก็จะมีปัญหาตามมา จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก”
กลับมาที่ปัญหาการเข้ามาของทุนจีนที่สร้างผลกระทบต่อท้องถิ่นนั้น
เรื่องนี้ "สมหวัง สวัสดีมงคล" สมาชิกสภาเทศบาลตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง
จ.ชลบุรี ในฐานะเลขานุการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านชากแง้ว
หมู่ 10 ต.ห้วยใหญ่ มองว่า พื้นที่
ต.ห้วยใหญ่มีสถานประกอบการที่เจ้าของเป็นคนจีน หรืออาจมีคนไทยบางคนเป็น
“นอมินี” โดยสถานประกอบการเหล่านี้จะรับนักท่องเที่ยวจีนโดยตรง
ซึ่งภายในร้านจะจำหน่ายอาหาร สินค้าของที่ระลึก
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นจากประชาชนในท้องถิ่นแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาทางชุมชนยังเคยขอความอนุเคราะห์ให้นำกรุ๊ปทัวร์จีนมาท่องเที่ยวชมสินค้า
และกินอาหารในชุมชนบ้าง เพื่อจะได้กระจายรายได้สู่คนท้องถิ่น
แต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
“เขาบอกว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาจากประเทศจีนแล้ว
ถ้าจะเปลี่ยนโปรแกรมท่องเที่ยวก็ต้องเปลี่ยนมาจากประเทศจีน สรุปง่ายๆ
คือคนท้องถิ่นได้รับผลกระทบในด้านลบอย่างมาก
เพราะคนในชุมชนแทบจะไม่มีรายได้จากสถานประกอบการเหล่านี้เลย
ตรงกันข้ามยังสร้างภาระในเรื่องขยะมูลฝอย สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
ถนนหนทางพังเสียหายจากรถทัวร์ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่วันละเป็นร้อยๆ คัน
แม้ว่าสถานประกอบการคนจีนเหล่านั้นจะเสียภาษีให้แก่ท้องถิ่น
แต่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง ซึ่งหากปล่อยไว้ต่อไปอาจเป็นปัญหาใหญ่ในชุมชน
จึงอยากจะฝากรัฐบาลให้เข้ามาควบคุม แก้ไขปัญหา และต้องตอบแทนชุมชน
ดูแลชุมชนบ้าง เช่น ช่วยวัด ช่วยโรงเรียน
ช่วยการศึกษาให้แก่บุตรหลานคนในท้องถิ่นบ้าง ไม่ใช่เอาทัวร์จีนมาทำ
แต่พวกเขาทิ้งขยะ ทิ้งภาระให้ชุมชน และจากไป”
ขณะที่ “ประยุทธ บุญชู” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ เล่าว่า
สถานประกอบการท่องเที่ยวของทุนจีนหวังกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
โดยที่ผ่านมีกลุ่มทุนจีนเข้ามาเปิดบริการในพื้นที่นานกว่า 6 ปี
แต่ชาวบ้านไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะนักท่องเที่ยวจีนจะใช้บริการภายในสถานประกอบการของทุนจีนทั้งหมด
นอกจากนี้ทราบมาว่าจะมีการสร้างสถานประกอบการแห่งใหม่
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยมีทั้งที่พัก โรงแรม สปา ร้านอาหาร
การแสดงโชว์ และกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ ครบวงจรบนเนื้อที่กว่า 20 ไร่
คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2560 ซึ่งนักลงทุนชาวจีนอ้างว่า
หากเปิดกิจการแห่งใหม่จะให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกต่างๆ
แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลาที่สร้างเสร็จแล้ว
ชาวบ้านยังจะมีส่วนร่วมอย่างที่เคยบอกเอาไว้อยู่หรือไม่