ผู้เขียน หัวข้อ: สุขด้วยดนตรี  (อ่าน 887 ครั้ง)

Saiswatka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2238
    • ดูรายละเอียด
สุขด้วยดนตรี
« เมื่อ: ธันวาคม 28, 2017, 08:01:58 am »
ร่างกายราวกับรถยนต์ สมองเป็นพวงดอกไม้ จิตใจเป็นผู้ขับ ที่สั่งสมอง-ร่างกาย "ศาสตร์บำบัด ทำในสิ่งที่ยาทำไม่ได้"
          ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดบรรยายเรื่อง ดนตรีบำบัดรักษา โดย นางงามมือ ฉัตรแก้ว ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพ เมื่อปี 2541 ได้ไปเรียนเพิ่มเกี่ยวกับดนตรีบำบัดรักษา ศิลปะบำบัด สุวคนธบำบัดหรืออโรมาบำบัด แล้วก็นวดบำบัด จากประเทศแคนาดา ปัจจุบันนี้ทำงานที่สโมสรพยาบาล ทำงานเผยแพร่กรรมวิธีการแก้ไขคนป่วยด้วยการบำบัดในลักษณะต่างๆเพื่อใช้เป็นหนทางร่วมกับการดูแลและรักษาหลักทั่วไป เรียนเปียโน
          ดนตรีบำบัดรักษาที่วิทยากรอธิบายในวันนั้น เป็นแถวทางที่บุคลากรในโรงหมอ หรือญาติผู้ป่วยสามารถนำไปปรับใช้กับคนป่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยระยะในที่สุดหรือผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานๆและแม้กระทั้งบุคคลทั่วไปก็สามารถนำแนวทางการใช้ดนตรีบรรเทานี้ไปใช้เพื่อพักผ่อน บรรเทาจากอารมณ์ด้านลบต่างๆไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความเศร้า
          วิทยากรอธิบายว่า การใช้ดนตรีบรรเทา เพื่อเป็นสื่อกระตุ้นพัฒนาการแสดงทางร่างกาย ดังเช่น การเคลื่อนไหว การนอน ความจำ การอยากกินอาหาร ระบบประสาท ความเจ็บปวด แล้วก็มีแบบการใช้มากมาย อย่างใช้การฟังดนตรีหรือบทกวี ใช้การร้องเพลงหรือเขียนเพลงก็ได้ การใช้เครื่องใช้ไม้สอยหรือเครื่องดนตรี การเคลื่อนไหว การระลึกถึงเรื่องในอดีต จินตนาการ เป็นต้น
          "ถ้าหากฟังเพลง บางทีอาจจะเป็นเพลงพวกฮีลลิ่ง คุณราพี มิวสิค เพลงบรรเลงช้าเบาๆให้บรรยากาศแจ่มใส มีเสียงนกร้อง หรือเสียงน้ำไหลก็ได้ หรือเพลงอะไรก็ได้ที่ถูกใจ ส่วนพวกอุปกรณ์เช่น พวก Singing Bowl ที่เป็นเสมือนถ้วยโลหะ เคาะแล้วมีเสียงกังวาน ฟังและได้การสงบและสมาธิก็ได้ หรือถ้าเกิดจะร้องก็เช่นเดียวกัน คนแก่บางคนก็ถูกใจเพลงสุนทราภรณ์ หรือเพลงอะไรก็ได้ บางทีเวลาร้องก็ไม่ต้องเกร็งว่าจำต้องให้ไพเราะ ร้องให้สนุกสนานๆก็ช่วยปลดปล่อยความเครียด ความกลุ้มอกกลุ้มใจจากความเจ็บไข้ได้ป่วยได้" สอนศิลปะ
          การใช้ดนตรีบำบัดจะทำให้คนไข้มีลักษณะอาการดีขึ้นได้หรือไม่ กัลยาณีแขน อธิบายว่า ไม่เฉพาะเรื่องดนตรีบำบัดอย่างเดียว ยังสามารถใช้ศิลป์บำบัดรักษา อโรมาบำบัดรักษา แล้วก็การนวด เพราะเหตุว่าแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน และไม่ได้มองแต่ว่าเฉพาะเรื่องของโรคเท่านั้น จะต้องดูเรื่องทางร่างกาย จิตวิญญาณ ครอบครัว อารมณ์ สังคม ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ถ้าเกิดดูผู้ป่วยด้วยสายตาแบบงั้นจะมีผลให้มองเห็นปัญหาของเขา
          "วิธีการนี้คือการสื่อ ผู้ป่วยจะรับรู้อย่างยิ่ง คือความมุ่งมั่น ความจริงใจของพวกเรา อย่างมีกรณีหนึ่งเป็นเด็กที่เป็นโรคมะเร็ง กรณีนี้ระส่ำระสายในชีวิตมากมาย เพียงพอเจ็บไข้ แล้วหลังจากนั้นก็ทราบว่าตนเองถูกตาย เวลาที่ดูแลเขา พวกเรามิได้เอ่ยถึงเรื่องความตายเลย ไม่ต้องมาบอกว่าความตายจะเกิดขึ้นเมื่อใด จะต้องให้เขาเห็นด้วย ต้องสงบ มิได้ทำอย่างนั้น แต่กระบวนการต่างๆที่ใช้กับเขา มันสื่อถึงความรู้สึกระหว่างเรา คนป่วย และก็ครอบครัวของเขา เขารู้ได้ถึงความตั้งอกตั้งใจ ให้เขาบรรเทา มีความสุข"
          "อย่างที่โรงหมอเลิดสิน ผู้เจ็บป่วยเป็นมะเร็งที่ขา เขาก็พูดว่านวดช่วยไม่ได้หรอก พวกเราก็ว่าช่วยได้ไพเราะมันมีสิ่งที่ยาทำไม่ได้แน่นอนเป็น เรื่องความรู้สึก เรื่องจิตใจ ที่เราสร้างความเชื่อมั่นกับเขาว่า อย่างไรก็ดีก็มีคนพร้อมจะอยู่เคียงคู่เขา เดินไปกับเขา สนใจปัญหาของเขา ว่าเขาปวด พวกเราก็อุตสาหะที่จะช่วย อาจไม่ถึง 100% แต่พวกเราเอามาช่วยสำหรับในการทุเลา สิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างมากมายคือ การที่เขาสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของพวกเรา แล้วที่ตรงนั้นจะเป็นพลังให้เขาในวันหน้า ถึงแม้ว่าเขาต้องตาย ก็สามารถที่จะตายอย่างเงียบๆได้"
          กัลยาแขน อธิบายต่อว่าต่อขาน เช่นเดียวกันกับดนตรีบำบัดรักษา ที่มิได้ฟังแล้วหายป่วย หรือไม่เจ็บอีกต่อไป เนื่องจากว่าการนำดนตรีมาใช้เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึก เป็นสื่อทางภาษา ทางใจวิญญาณ บางเวลาฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้ว่าโศกสลด หรือฮึกเหิม ฟังแล้วมีกำลังใจ ดนตรีสื่อได้ หรือย่างบทสวดมนตร์ทั้งหลายแหล่ก็สามารถสื่อได้ถึงกำลังภายใน หรือความเงียบสงบ อย่างทางประเทศทิเบตหรือเจ้าแม่กวนอิมก็สโมสรกับความเงียบสงบด้านจิตวิญญาณเป็นพลังชีวิต
          "ไม่ใช่ฟังเพลงแล้ว ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่ว่ามันลึกอยู่ข้างใน เรื่องของจิตวิญญาณผู้เสียสละจำต้องสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วพวกเราจะรู้สึก จะเข้าใจกล้าสิ่งต่างๆเหล่านั้น แล้วยิ่งได้เห็นคนป่วยแม้จะเป็นระยะท้ายที่สุด เขาก็มีการเติบโตทางใจวิญญาณ เขาเติบโตได้ เรื่องฮีลลิ่งเกิดได้"
          ยิ่งไปกว่านี้การนำดนตรีบำบัดมาใช้ก็มีหลายมิติ บางรูปแบบก็ประยุกต์ใช้ทำงานโดยตรงกับอวัยวะต่างๆในร่างกาย อย่างเรื่องความจำหรือระบบประสาท เช่น ผู้ที่เป็นความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์  มีการใช้เรื่องของเพลงมาเปิดซ้ำๆกระตุ้นความจำ กระตุ้นระบบประสาท ศิลปะการแสดง
          "ด้วยการเปิดเพลงนี้ทุกรุ่งเช้าตอนตื่นนอน พอใช้ยินเพลงนี้ปุบปับก็จะตื่น เปิดเพลงนี้ครั้งใดก็ตามทานข้าว พอได้ยินเขาก็รู้ว่าต้องทานข้าว เอามาใช้ในการฟื้นฟูระบบประสาท ความทรงจำได้ อย่างโมสาร์ทเอฟเฟ็กซ์ ก็จะใช้คลื่นความถี่ของเสียงดนตรี ก็จะส่งผลต่อคลื่นสมอง เพราะเหตุใดฟังแล้วรู้สึกสงบได้ หรือสวดมนต์ฟังแล้วสงบได้ มันเป็นเรื่องของคลื่นเสียงที่มีผลต่อร่างกายโดยตรง จากคลื่นสมองแล้วมีผลเสียลงมาที่ร่างกายต่อ"
          กัลยามือ อธิบายต่อว่าต่อขาน นอกจากดนตรีจะมีผลต่อร่างกายโดยตรง ยังมีผลต่อจิตใจด้วย โดยมีคำบอกเล่าเปรียบว่าร่างกายเสมือนรถยนต์ สมองราวกับพวงมาลัยรถยนต์ แล้วจิตเสมือนคนที่นั่งข้างหลังพวงดอกไม้ เพื่อจะสั่งสมอง ร่างกายให้ทำอะไรก็ได้ ดังนั้นแนวทางการทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย บางครั้งก็อาจจะด้วยการนั่งสมาธิหรือฟังเพลงที่ทำให้ร่างกายบรรเทาให้คลื่นสมองดาต้าเวฟ คลื่นที่นิ่งสงบ ก็เป็นส่วนช่วยอบรมจิตใจได้ด้วย
          "ถ้าได้ฟังแล้วจิตใจก็มีพลัง เครียดลดลง แจ่มใสขึ้น แล้วก็มีความรู้สึกว่ามีคุณค่า เห็นตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือใช้ในมีความประพฤติปฏิบัติแยกตัว เอาเพลงเข้ามาเป็นสื่อ มีผู้เจ็บป่วยเด็กที่ถูกตัดขาเขาปวดมากมาย ก็จะกรี๊ด ยาเอาไม่อยู่ เด็กก็จะไม่คุยกับคนใดกัน พอเพียงทราบว่าเขาถูกใจดนตรี เราก็เอาเพลงที่เขาถูกใจมาเปิด หาคนบริจาคเครื่องเล่นต่อกับโทรทัศน์ในห้อง เด็กก็มีความสุขขึ้น ถ้าไม่งั้นก็อยู่แม้กระนั้นในห้องสี่เหลี่ยม เขาไม่ทราบจะไประบายตรงไหน ก็ได้แต่ว่ากรี๊ดๆเพลงช่วยดึงความพอใจแล้วก็ตัวตนของเขาออกมา ทำให้รู้สึกดีๆกับตัวเอง และก็ภูมิใจ"
          "ไม่ว่าจะเปิดฟังเองหรือเปิดให้บุคคลอื่นฟัง ไม่ใช่เพลงนั้นเพลงนี้ก็ดีจะบังคับให้ผู้ใดกันแน่ฟัง อย่างบางคนบอกว่า เพลงคลาสสิกดี แม้กระนั้นหากเกลียดชังแล้วจำต้องทนฟัง มันก็ทรมาทรกรรม ถ้าถูกใจแนวพื้นๆสบายๆก็ฟัง อยู่ที่ว่านำไปใช้กับคนใดกัน หรือเพลงที่ทำให้มีความรู้สึกดีได้ อย่างเพลงที่สื่อความหมายมีความหลัง อย่างบางคนเป็นนาวิกโยธิน เขากระหยิ่มใจในความเป็นนาวิกโยธิน ก็เปิดเพลงวอลล์ราชกองทัพเรือ รำลึกถึงความสบายกับอาชีพที่เขาพึงใจ ให้เขาได้เล่า ได้ย้อนรำลึก เขาก็จะยินดี ความรู้สึกท้อใจหดหู่ก็จะทุเลาลง ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตน่าภูมิใจ" วิทยากร เล่าทิ้งท้าย

เครดิต : http://www.mephoomschool.com/

Tags : เรียนเปียโน,สอนศิลปะ,ศิลปะการแสดง

 

Sitemap 1 2 3