ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและคุณประโยชน์ที่น่าสนใจแล้วก็ต้องลองหามาทานซักครั้ง  (อ่าน 278 ครั้ง)

ManUThai2017

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2183
    • ดูรายละเอียด
นมผึ้ง ได้ผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวบางส่วน เป็นอาหารหลักของผึ้งราชินีแล้วก็ตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับการเจริญเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงและก็เครื่องสำอาง
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักประมาณ 60-70% และก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆดังเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งกรดอะมิโน ยิ่งกว่านั้น ยังเจอสารอื่นในนมผึ้ง ตัวอย่างเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำหรับในการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอสิติเตียนลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความเข้าใจสึกและกลไกการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ดังเช่นว่า เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ แล้วก็สภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งต่างกันออกไป หลายๆคนเชื่อว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน เป็นต้น อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าแม้นำนมผึ้งทาที่หนังหัวอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างกลุ่มนี้จะเป็นจริงหรือเปล่า และก็มีหลักฐานทางการแพทย์มาดน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองคุณประโยชน์ ประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยในการรักษาโรคกลุ่มนี้
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
บรรเทาอาการวัยทอง อาการวัยทองคือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่กับผู้หญิงกลางคน นำมาซึ่งอาการหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ ฯลฯ อาการดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แม้กระนั้นสารหล่อลื่นส่วนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงแค่ชั่วครั้งคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณลักษณะต้านจุลชีวิน (Antimicrobial Activity) แล้วก็มีคุณลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการศึกษาโดยให้หญิงวัยทองที่สมรสแล้วอายุ 50-65 ปี จำนวน 90 คน กรุ๊ปหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กรุ๊ปหนึ่งใช้ฮอร์โมนตอบแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมยี่ห้อหนึ่ง รวมทั้งอีกกรุ๊ปใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีคุณภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนประเภทครีมรวมทั้งสารหล่อลื่น ซึ่งจากผลของการทดลองอาจพูดได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและก็ทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวเนื่องกับช่องคลอดของหญิงวัยทอง และก็ทางผู้วิจัยยังได้ระบุอีกว่าถ้าหากเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีก็อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากเพิ่มขึ้นได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) แล้วก็สารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้ที่ให้สตรีวัยทองสุขภาพแข็งแรงจำนวน 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มก. ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้กำเนิดโรคเส้นเลือดแล้วก็หัวใจ รวมถึงระดับไขมันในเลือดอีกทั้งก่อนแล้วก็หลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (LDL) ลดลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดลง 3.09% และระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (HDL) มากขึ้น 7.7% จากผลของการทดลองอาจจะกล่าวว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดและบางทีอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับสภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกการเรียนรู้หนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงชนิดไม่รุนแรงปริมาณ 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือนก็บอกให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่น้อยลงเช่นเดียวกัน ทั้งยังยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) และก็ลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแล้วก็หัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีเมนส์ อาการก่อนมีรอบเดือนมักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของสตรี ครั้งคราวการดูแลและรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยทุเลาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตหมอปริมาณ 110 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีระดู แล้วก็กินสม่ำเสมอกระทั่งหมดรอบเดือนในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีประจำเดือนน้อยลง จากผลการทดลองอาจจะกล่าวว่าการกินนมผึ้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือน อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีรอบเดือนได้
รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลโรคเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบมากในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี จำนวนมากจะพบแผลโรคเบาหวานที่บริเวณเท้า โดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้าและก็ปลายฝ่าเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านทานเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ก็เลยคาดว่าบางครั้งก็อาจจะช่วยรักษาแผลโรคเบาหวานได้ จากการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งให้คนไข้ที่มีแผลเบาหวานที่ได้รับการรักษาหลักตามเดิม ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลและก็ปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลชนิดปลอดเชื้อเป็นเวลา 3 เดือนหรือจวบจนกระทั่งแผลจะหาย และก็มีการวัดผลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันก็เลยทำให้แผลหายดี รวมทั้งค่าถัวเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง รวมทั้งความลึกของแผลน้อยลงวันละ 0.35 มิลลิเมตร 0.28 มม. รวมทั้ง 0.11 มิลลิเมตรเป็นลำดับ จากผลการศึกษาอาจพูดได้ว่านมผึ้งอาจมีความสามารถเป็นหนทางหนึ่งสำหรับการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการดูแลรักษาหลัก อย่างไรก็แล้วแต่ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดลองเพียงแต่ 8 คนซึ่งบางทีอาจจะเล็กเกินไปที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แม้กระนั้นการศึกษาชิ้นหนึ่งได้บอกให้เห็นผลของนมผึ้งที่ต่างกันออกไป โดยให้ผู้ที่มีแผลเบาหวานทายาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลเป็นเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายอย่างเดียวกัน แต่ยังไม่อาจจะสรุปได้ว่านมผึ้งมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก
เนื่องมาจากการเล่าเรียนทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นบ่งบอกถึงผลของนมผึ้งที่ตรงข้ามกัน จึงบางทีอาจยังไม่สามารถที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลเบาหวานได้อย่างชัดเจน ก็เลยจำต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมอีก
ทุเลาอาการอ่อนกำลังจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนแรงที่เกิดขึ้นจากโรคมะเร็งมีต้นเหตุจากการดูแลและรักษาทั้งการฉายรังสีหรือแนวทางการทำเคมีบรรเทา มักมีผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย และคุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วย ซึ่งการรับประทานยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายบางทีอาจช่วยทุเลาอาการลงได้ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม เป็นต้นว่า นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการเช่นเดียวกัน ก็เลยสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ปริมาณ 52 คน พบว่ากลุ่มที่กินน้ำผึ้งดัดแปลงรวมทั้งนมผึ้งขนาด 5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากโรคมะเร็งดียิ่งขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แม้กระนั้นยังจำเป็นที่จะต้องเรียนเพิ่มเติมอีกถึงบทบาทที่แท้จริงของนมผึ้งสำหรับในการทุเลาอาการอ่อนแรงจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนไข้มีลักษณะอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ เป็นต้น ซึ่งจากการเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่ป่วยละอองฟาง ปริมาณ 80 คน กรุ๊ปหนึ่งรักษาโดยใช้การกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมผึ้งและก็อีกกลุ่มกินยาหลอกตรงเวลา 3-6 เดือน และจนกว่าจะจบฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่า 2 กรุ๊ปยังคงเจอลักษณะของไข้ละอองฟาง แล้วก็มีระดับความรุนแรงของอาการที่ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไรนัก จากผลวิจัยอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งอาจไม่มีสมรรถนะต่อการดูแลและรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดีขึ้นได้ จึงยังจึงควรเล่าเรียนเพิ่มเกี่ยวกับคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาไข้ละอองฟางที่ชัดเจนเพิ่มขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานนมผึ้ง
การกินนมผึ้งค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายถ้าเกิดกินในปริมาณที่สมควร แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างๆได้ เช่น เลือดออกในลำไส้ ปวดท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น บางรายถ้าหากมีลักษณะอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจจะทำให้มีอาการหอบหืด คอบวม หรือถึงกับตาย ทั้งยังการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างปลอดภัย แต่ว่าไม่ควรทาบริเวณหนังศีรษะเพราะว่าอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอักเสบ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : นมผึ้งสรรพคุณ

Tags : royal jelly,นมผึ้งสรรพคุณ

 

Sitemap 1 2 3